ตอนที่ 249 พักผ่อนพอหรือยัง?

บทที่ 249 พักผ่อนพอหรือยัง?

ในตอนนี้เอง ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวกำลังนอนหลับอยู่ที่บ้าน

ดังนั้นจึงเหลือแค่ครอบครัวของพวกเขาเท่านั้นที่อยู่ที่นี่

หลินชิงเหอไม่มีพลังพอที่จะจัดสรรงานการอะไรทั้งนั้น เธอจึงปล่อยให้ลูกชายเป็นคนดูแล หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องพร้อมโจวชิงไป๋ ตอนนี้เตียงเตาในห้องกำลังเผาไหม้ได้ที่จนรู้สึกอุ่นสบาย หลินชิงเหอถอดชุดเทอะทะของเธอออกก่อนก้าวขึ้นเตียงแล้วเอนตัวลงนอน

โจวชิงไป๋เริ่มนวดตัวให้เธอ หลินชิงเหอส่งเสียงครางอย่างสบายตัวพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ฉันไม่ได้กลับมาเสียเปล่าจริง ๆ ค่ะ อย่างน้อยก็มีคุณที่ใส่ใจฉัน”

โจวชิงไป๋หัวเราะในลำคอเบา ๆ และเอ่ยตอบ “คุณอาบน้ำสักหน่อยแล้วเข้านอนเร็ว ๆ เถอะ”

“ค่ะ” หลินชิงเหอเหนื่อยมากจริง ๆ ต่อให้เธอซื้อตั๋วรถไฟตู้นอนที่นอนสบายแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถผ่านช่วงเวลาของการนั่งรถที่ยาวนานเหล่านั้นไปได้อย่างสบายตามที่คาดหวัง

เจ้ารองต้มน้ำให้แม่ตนอาบด้วยความรวดเร็ว

ที่บ้านมีถังน้ำใบใหญ่อยู่สองใบ ใบหนึ่งของโจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอ และอีกใบหนึ่งเป็นของเด็ก ๆ ทุกคน ซึ่งถังแต่ละใบไม่เคยถูกใช้สลับกันเลย

หลินชิงเหอลงอาบน้ำอย่างสบายใจโดยไม่ลังเล​ แถมโจวชิงไป๋ยังอาสาขัดหลังให้เธอด้วย

แม้คู่รักทั้งสองจะไม่ได้เห็นหน้ากันมานานมากแล้ว​ แต่หลินชิงเหอก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นเลย​ ส่วนโจวชิงไป๋นั้นเห็นใจภรรยาจนไม่มีความคิดจะทำเรื่องแบบนั้นในตอนนี้

เมื่อทั้งคู่เดินออกมาพร้อมกัน​ ลูกชายทั้งสามกลับส่งยิ้มมีเลศนัยให้

“แม่ไม่อยากยุ่งกับลูก ๆ​ แล้ว” หลินชิงเหอโบกมือ​ เธอเหนื่อยเกินไปจริง ๆ

โดยไม่ต่อล้อต่อเถียง​อะไรทั้งสิ้น​ เธอเดินกลับไปนอนในห้องพร้อมกับโจวชิงไป๋

การได้นอนพักหลังอาบน้ำเสร็จช่างสบายอะไรอย่างนี้​ ไม่นานนักหลินชิงเหอก็หลับไป

สำหรับโจวชิงไป๋แล้ว​ การที่ภรรยากลับมาในคืนนี้นับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างใหญ่หลวง​ โดยไม่ได้รู้สึกกังวลใจหรือพูดอะไร​ เขาก็นอนกอดภรรยาหลับไป

หลินชิงเหอนอนหลับสบายทั้งคืน​ ตั้งแต่สามทุ่มของเมื่อคืนจนถึงเก้าโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น​ จากนั้นเธอถึงตื่นนอน

เมื่อเธอตื่นขึ้น​ เสียงของท่านแม่โจวก็ดังมาจากด้านนอกห้องแล้ว

หลังมองดูนาฬิกา​ เธอก็รู้ว่าตอนนี้ได้เวลาแล้ว แต่เตียงนอนช่างอุ่นสบายเหลือเกินจนหลินชิงเหอต้องนอนเอกเขนกต่อ เธอรู้สึกไม่อยากลุกจากที่นอนเลย

หลังจากนั้นโจวชิงไป๋ได้เข้ามาและพบว่าภรรยาของเขาตื่นแล้ว

“ภรรยาครับ” โจวชิงไป๋รู้สึกตื่นเต้นขณะเดินมาหา

เมื่อคืนนี้หลินชิงเหอเหนื่อยมากจนไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขา​ จึงเป็นปกติที่คู่รักคู่นี้จะได้สนทนากันตามประสา

หลังคนทั้งคู่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ครู่หนึ่ง​ โจวชิงไป๋ก็ลุกออกไปแล้วนำโจ๊กมาให้ภรรยา

โจ๊กเนื้อแดงส่งกลิ่นหอมอย่างมาก​ จากนั้นหลินชิงเหอจึงเอ่ยขึ้น​ “ฉันไปแปรงฟันก่อนนะคะ”

เธอลุกขึ้นไปแปรงฟัน​ ต่อจากนั้นจึงค่อยมากินอาหารเช้า​ ซึ่งตอนนี้ท่านแม่โจวได้กลับไปแล้ว

“ครั้งนี้ฉันนำเป็ดย่างบางส่วนกลับมาด้วยนะคะ​ เราจะเก็บไว้เองสองตัว​ ส่วนที่เหลือก็นำไปแจกจ่ายได้ค่ะ” หลินชิงเหอบอก

จะให้ไปทั้งตัวเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก​ ครอบครัวหนึ่งได้แค่ครึ่งตัวเท่านั่นแหละ​ ที่ต้องให้ก็มีบ้านใหญ่ตระกูลโจว​ กับบ้านของพี่สาวใหญ่และพี่สาวคนรอง​ ซึ่งเรื่องนี้เธอให้เจ้าใหญ่เป็นคนปั่นจักรยานไปส่ง

ต่อให้เป็นเป็ดย่างเพียงครึ่งตัวก็นับว่าเป็นสินน้ำใจได้แล้ว​ แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ลืมบ้านตระกูลโจวหลังจากได้ไปศึกษาเล่าเรียน

เรื่องนี้เธอปล่อยให้เจ้าใหญ่เป็นคนจัดการ​ ตอนนี้เขาโตขนาดนี้แล้ว​ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะแบกรับความรับผิดชอบได้​ โดยหลินชิงเหอได้สั่งงานลูกชายทั้งหมดอย่างเป็นกันเอง

ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว​ จึงเป็นธรรมดาที่เพื่อนบ้านจะมาหา

หลินชิงเหอต้อนรับพวกเขาด้วยน้ำใจไมตรี​ ไม่มีท่าทางรังเกียจพวกเขาเลย​ ส่วนบรรดาคนที่เคยวิพากษ์วิจารณ์​เธอในเรื่องไม่สอนคนนั้นเธอก็ไม่ได้แสดงความกระตือรือร้น​มากนัก

เธอไม่ใช่คนที่จะทำดีตอบแทนคนที่เคยทำไม่ดีกับเธออยู่แล้ว

หลังยุ่งวุ่นวาย​มาทั้งวัน​ ในที่สุดวันนี้ก็จบลง

หลินชิงเหอถอนหายใจอย่างโล่งอก​ ซึ่งคืนนั้นเธอได้รับประทานอาหารร่วมกับท่านพ่อโจวและท่านแม่โจว

“เหลือคอเป็ดไว้ให้คุณปู่ด้วยนะ” หลินชิงเหอบอกเจ้าสาม

ท่านพ่อโจวชอบกินคอเป็ดมาก​ เธอจึงกันไว้ให้ผู้เฒ่าคนนี้ได้กิน

เจ้าสามได้ยินก็รีบแก้ตัว​ “รู้แล้วครับแม่​ ผมแค่กันไว้ให้คุณปู่ต่างหาก”

ท่านพ่อโจวยิ้ม​ “ถ้าหลานชอบหลานก็กินเถอะ”

“อันนี้ของคุณปู่ครับ​ ผมกินเนื้อเป็ดส่วนอื่นมันก็เหมือน ๆ กันนั้นแหละครับ​ หอมมากพอ ๆ กันเลย” เจ้าสามส่ายหน้า

“คุณย่ากินเยอะกว่านี้สิครับ​ อย่ามัวแต่มองแล้วก็ยิ้มอยู่เลยครับ” โจวข่ายคีบเนื้อเป็ดชิ้นหนึ่งส่งให้ท่านแม่โจว

“ย่าแค่มีความสุขมากน่ะ” ท่านแม่โจวยิ้มกว้าง​ การที่ครอบครัวกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าและได้มองหลานชายทั้งสามเติบใหญ่ขนาดนี้​ นางก็รู้สึกอิ่มแล้วต่อให้ดื่มแค่น้ำเปล่าก็ตาม

“รีบกินเร็วครับคุณย่า​ อย่ามัวแต่มีความสุขอยู่เลยครับ” เจ้ารองเอ่ยเร้า

ส่วนหลินชิงเหอมีหน้าที่คีบผักให้โจวชิงไป๋ พร้อมกันนั้นก็เอ่ยขึ้น​ “ฉันกลับมาตอนปิดเทอมฤดูร้อนและดูแลคุณดีมาก​ ทำไมผ่านไปไม่กี่เดือนคุณกลับมาอยู่ในสภาพเดิมอีกแล้วคะ?”

“แม่ครับ​ ปีนี้เป็นผมกับพี่รองที่ทำอาหารกันเป็นหลัก​ พ่อทำไม่เป็นหรอกครับ” เจ้าสามอธิบาย

“ลูกสองคนทำอาหารเป็นเหรอ?” หลินชิงเหอมองสองพี่น้องอย่างประหลาดใจ

“แม่ดูถูกคนอื่นเกินไปแล้ว” เจ้ารองเอ่ย​ “เราทำอาหารได้ดีระดับหนึ่งเลยล่ะครับ”

“ขนาดคุณปู่กับคุณย่ายังบอกว่าอร่อยมาก​ มีแต่พ่อเท่านั้นแหละครับที่บอกว่าไม่อร่อย” เจ้าสามเอ่ยเสริม

ไม่รู้ว่าปีนี้เกิดอะไรขึ้นกับเด็กสองคนนี้​ ตรงที่พวกเขาจู่ ๆ​ สนใจจะทำอาหารขึ้นมาถึงขนาดไปเรียนกับย่าของพวกเขา

ท่านแม่โจวจำได้ว่าสะใภ้สี่เคยพูดว่า หากมีทักษะเฉพาะตัวมากขึ้นก็จะหาภรรยาได้ง่ายในอนาคต​ เหมือนกับพ่อของเฉิงเฉิง

นางจึงถ่ายทอดความรู้ให้กับหลานชายทั้งสอง​ ซึ่งพวกเขาก็เรียนรู้ได้เป็นอย่างดี

ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวคิดว่าอร่อยมากแล้วจริง ๆ​ ในขณะที่โจวชิงไป๋บอกว่าไม่อร่อย​ ไม่สนใจว่าจะเป็นการหักหาญความมั่นใจของลูกชายทั้งสอง ต่อให้พวกเขายังเด็กอยู่ก็ตาม

แต่เห็นชัดว่าเจ้ารองกับเจ้าสามไม่ยอมแพ้​ หากรสชาติยังแย่อยู่​ ก็แค่ใส่น้ำมันให้มากหน่อย

ในเย็นนั้นเอง​ หลินชิงเหอก็ได้เอ่ยกับโจวชิงไป๋​ “คุณเป็นคนเลือกกินแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ?”

โจวชิงไป๋จ้องมองภรรยา

“ถ้าฉันรู้ว่าคุณกล้าปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้โดยการไม่กินอะไร และจงใจให้ฉันรู้สึกสงสารเมื่อเห็นคุณในสภาพนี้ล่ะก็​ ฉันสัญญาว่าปีหน้าจะไม่กลับมาให้เห็นอีกแม้แต่วันเดียว” หลินชิงเหอหรี่ตาใส่เขา

โจวชิงไป๋กระแอมไอแห้ง​ “ภรรยาครับ​ ดึกมากแล้ว​ ได้เวลานอนแล้วครับ”

“ถ้าคุณอดอาหารจนเป็นอันตรายล่ะก็​ ฉันจะพาลูก ๆ​ สามคนหนีไปแต่งงานใหม่จริง ๆ​ ด้วย!” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างน้อยใจ

“คุณแต่งงานใหม่ไม่ได้หรอก​ สามีคุณอยู่ได้เป็นร้อยปีเลยล่ะ” โจวชิงไป๋เอ่ยและลากภรรยาขึ้นไปนอนบนเตียงเตา

“คุณช่วยจริงจังหน่อยได้ไหมคะ?” หลินชิงเหอเอ่ยแง่งอน

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คิดถึงเขาเหมือนกัน​ เธอจึงก้าวขึ้นไปบนเตียงและจูบเขา​ ​ผู้ที่บางครั้งก็ทำตัวไร้เดียงสาเหลือเกิน

โจวชิงไป๋ถูกภรรยาจูบก็รู้สึกเหมือนตัวกำลังจะระเบิด

และแน่นอนว่าจะต้องมีการแลกเปลี่ยน

“ปีนี้ไม่มีการทำสัญญาที่อยู่อาศัย​นะคะ” หลังจากนั้นหลินชิงเหอก็นึกขึ้นได้และเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา

“คุณจำเวลาผิดงั้นเหรอ?” โจวชิงไป๋เอ่ยหลังได้ยินดังนี้

หลินชิงเหอยิ้ม​ “ฉันจำผิดน่ะค่ะ​ ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มจริง ๆ​ ก็ปี​ 1980 เป็นต้นไป”

โจวชิงไป๋รับรู้แล้วก็ไม่เอ่ยอะไรอีก​ เขากลับถามกลับว่า​ “คุณพักผ่อนพอหรือยังครับ?”

หลินชิงเหอทุบเขาเบา ๆ ​ด้วยอาการขวยเขิน​ จากนั้นก็ปล่อยให้เขาได้เมามันกับเธออีกครั้ง

วันต่อมาในหมู่บ้านก็มีการเชือดหมู​ ตอนนี้หมูยังถือว่าเป็นสมบัติสาธารณะอยู่​ ดังนั้นจึงมีการเชือดหมูให้คนทั้งหมู่บ้าน​ แต่ในปีหน้าคงจะเปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

ปริมาณเนื้อหมูที่ได้ครั้งนี้น้อยกว่าตอนที่หลินชิงเหอยังอยู่​ แต่ในบ้านก็มีแรงงานเหลืออยู่น้อยเช่นกัน​ เรื่องนี้จึงไม่สำคัญนัก

ในบ้านก็ยังมีเงินเหลือพอให้ใช้

“พรุ่งนี้เข้าอำเภอเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยกับโจวชิงไป๋

ตอนนี้เป็นวันสิ้นปี​ จึงเป็นเวลาเหมาะเจาะที่จะขายของทุกอย่างที่อยู่ในมือของเธอพอดี

………………………………………………..

สารจากผู้แปล​

เจ้ารองกับเจ้าสามมีแววพ่อครัวหัวป่าก์แล้วนะคะเนี่ย​ ถ้าได้แม่มาสอน​ อีกหน่อยคงทำอาหารเก่งไม่แพ้แม่แน่ๆ​ เลยค่ะ

ตอนนี้พ่อทำตัวน่าตีจริงๆ​ วานแม่สั่งสอนพ่อเยอะๆ​ เลยค่ะ

แม่จะปล่อยของขายในอำเภอแล้ว​ รับทรัพย์ฉลองปีใหม่เลยทีเดียว

ไหหม่า(海馬)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset