ตอนที่ 320 มาหาญาติ

บทที่ 320 มาหาญาติ

เมื่อกลับมาบ้าน เธอได้คุยกับโจวชิงไป๋เกี่ยวกับเรื่องคนงานเกษียณแบบแม่เฒ่าสวี

โจวชิงไป๋จดจำไว้ในใจ

ตอนนี้กิจการร้านเกี๊ยวของเขาอยู่ตัวแล้ว ไม่มีปัญหาใหญ่อะไรเข้ามา โจวชิงไป๋จึงใช้ประโยชน์จากการที่โจวข่ายไม่มีเรียนไปเจรจากับโรงงานอื่น ๆ

เมื่อหลินชิงเหอกลับมาจากที่ทำงาน โจวชิงไป๋ก็ได้สั่งทำเสื้อผ้าตามจำนวนที่ภรรยาของเขาแจ้งไว้ไปเรียบร้อยแล้ว

ชุดกระโปรงตามแบบล็อตแรกถูกสั่งให้ผลิตเพิ่มขึ้นอีก 100 ชุด

ไม่ใช่แค่ชุดแบบนี้เท่านั้น แต่ยังมีชุดรูปแบบที่ 2 และรูปแบบที่ 3 อีก ซึ่งโจวชิงไป๋ไปที่โรงงานและสั่งทำอีกแบบละ 500 ชุด

กล่าวได้ว่านี่เป็นคำสั่งซื้อที่เยอะมาก และเนื่องจากเป็นการร่วมงานกันเป็นครั้งแรกของพวกเขา ดังนั้นท่าทีของทางโรงงานจึงยังดีมาก

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์แบบนั้นเป็นไปได้มากว่าจะกลับมาเกิดขึ้นอีกในอนาคต

ดังนั้นในปีนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการซื้อจักรเย็บผ้าจากทางตอนใต้และเปิดศูนย์การผลิตด้วยตัวเอง

ถ้าพวกเขาผลิตเสื้อผ้าเอง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องคอยดูสีหน้าใคร อีกทั้งในอนาคตพวกเขายังสามารถทำเงินจากการขายเสื้อผ้ารูปแบบใหม่ ๆ เป็นรายแรกได้อีกด้วย

หลินชิงเหอไปโรงงานผลิตเสื้อผ้าโรงงานแรกที่เธอสั่งทำในอีก 7 วันต่อมา หลังจากที่ไปรับสินค้าล็อตสุดท้ายที่สั่งทำไว้เสร็จแล้ว เธอก็ไม่เคยกลับไปสั่งสินค้าจากโรงงานนั้นอีกเลย

ผู้จัดการของโรงงานก็ไม่ได้สนใจจะรักษาลูกค้าอย่างเธอไว้ ภายในไม่กี่วันต่อมา ชุดกระโปรงสไตล์นั้นรุ่นอื่น ๆ ก็ปรากฏขึ้นในตลาด

โดยไม่จำเป็นต้องถาม มันเป็นการทำเลียนแบบชุดของเธออย่างแน่นอน

ถ้านี่เป็นสิ่งที่เกิดในอนาคต เธอยังสามารถปกป้องสิทธิ์ของเธอได้ แต่ในเวลานี้ยังไม่มีสถานที่ให้ยื่นเรื่องร้องเรียนได้

หลินชิงเหอจึงใช้เรื่องนี้เป็นบทเรียน

เมื่อมีชุดแบบใหม่ออกมา เธอจะเพิ่มยอดคำสั่งผลิตในล็อตแรกและทำเงินจากการขายก่อนเป็นรายแรก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว

เพียงชั่วพริบตาเดียวก็เข้าสู่เดือนเมษายน

ฤดูใบไม้ผลิในเดือนนี้สดใสที่สุด ชุดกระโปรงและเสื้อผ้าหลาย ๆ แบบของหลินชิงเหอถูกนำออกขายในตลาด และธุรกิจก็กำลังมาแรง

โดยเฉลี่ยแล้วร้านเสื้อผ้าจะขายชุดได้อยู่ที่ประมาณ 10 กว่าชุดต่อวัน

ตอนแรกเธอตั้งใจจะให้หู่จือตั้งร้านแผงลอยบนถนน ถึงตอนนี้เธอได้แต่ทิ้งความคิดนั้นออกไป เธอจะคุยถึงเรื่องนี้เมื่อเธอมีศูนย์ตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นของตัวเองแล้ว

หู่จือจัดการในเรื่องการขนย้ายสินค้าและจดบันทึกการซื้อสินค้าในร้าน รวมถึงรับผิดชอบในการเฝ้าดูแลประตูทางเข้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเอ้อร์นีและสวี่เชิ่งเหม่ย

หลินชิงเหอเตรียมการเรียนการสอนเสร็จเรียบร้อยในคืนนั้น และหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาดู

เธอไม่ได้เป็นคนจัดทำสมุดบัญชีเหล่านี้ เพราะบัญชีทั้งหมดโจวชิงไป๋เป็นคนจัดการ ทุกวันเขาจะทำใบรายการสินค้าคงคลังเพื่อคำนวณตัวเลขทางบัญชี

“ได้เงินมากขนาดนี้เลยหรือคะ?” หลินชิงเหอเอ่ยปากด้วยความประหลาดใจ

ธุรกิจร้านขายเสื้อผ้านั้นดีมาก ยอดขายเสื้อผ้าขั้นต่ำในแต่ละวันอยู่ที่ประมาณ 20 ตัว ถ้าวันไหนขายได้มากก็สามารถขายได้ 30 ถึง 40 ตัว หรือแม้กระทั่ง 50 ตัวก็ยังเป็นไปได้ ในช่วงกลางสัปดาห์จะมีวันที่ของหมดสต๊อก

แต่กำไรยังอยู่ที่ประมาณ 4 หยวนต่อ 1 ตัว แม้แต่มี 7-8 วันในเดือนที่แล้วที่ไม่มีของในสต๊อก กำไรของร้านเสื้อผ้าในเดือนที่แล้วก็ยังได้มากถึงราว ๆ 2,000 หยวน!

หลินชิงเหอรู้สึกประหลาดใจ นี่ไม่ใช่จำนวนที่น้อย ๆ เลย

“มันทำกำไรดีมากเลยนะครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า

ธุรกิจร้านเกี๊ยวของเขาก็ไปได้ดีมาก แต่รายได้ 300 หยวนต่อเดือนก็คือเพดานสูงสุด ยากมากที่จะทำรายได้ให้ทะลุเกิน 300 หยวน และกำไรต่อหน่วยก็น้อยมากจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม 300 หยวนนั้นถือว่าค่อนข้างเยอะทีเดียว แต่เขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าร้านเสื้อผ้าของภรรยาจะทำกำไรได้มหาศาลถึงขนาดนี้

“อย่างนี้คุณยังจำเป็นต้องเป็นนายหน้าค้าของในตลาดมืดต่อไปอีกไหมครับเนี่ย?” โจวชิงไป๋เลิกคิ้วใส่ภรรยาของเขา

“มันจะยังขายได้ต่อไปอีก 2-3 ปีนะคะ หลังจาก 2-3 ปีนี้คนอาจจะไม่ต้องการจะซื้อมันอีกแม้ว่าคุณจะเอาของมาขายต่อก็ตาม” หลินชิงเหอกล่าว

มันจำเป็นมากที่จะต้องซื้อมาและขายไปในระหว่างช่วงวันหยุดหน้าร้อนนี้ เพราะจะมีความต้องการน้อยลงไปเรื่อย ๆ ในอนาคต ดังนั้นในตอนนี้ต้องคว้าโอกาสในการทำกำไรเพื่อจะได้มีรายได้มากขึ้น

จนกระทั่งถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเรือนสี่ประสานในฝันเลย

ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจเสื้อผ้าที่มีในปัจจุบันก็ไม่ใช่ธุรกิจระยะยาว มันจะกลายเป็นธุรกิจธรรมดา ๆ ที่มีอยู่ดาษดื่นในอนาคต

ดังนั้นเธอไม่สามารถจะทิ้งช่องทางหารายได้ในด้านอื่นแค่เพราะมีกำไรดีในตอนนี้ การซื้อของมาขายต่อระหว่างช่วงวันหยุดฤดูร้อนของทุกปีนั้นได้เงินมากเกินพอจนมากกว่ารายได้ทั้งปีของครอบครัวด้วยซ้ำ

“ร้านของเสี่ยวเหมยจัดการเรียบร้อยแล้วนะ อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเรานัก เดินไปประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้ว” โจวชิงไป๋เอ่ยขึ้นมา

“คุณได้เห็นมันหรือยังคะ?” หลินชิงเหอถามขึ้นหลังจากได้ยินเรื่องนี้

“ผมไปดูมาแล้ว มันดูดีเลยทีเดียว” โจวชิงไป๋ผงกศีรษะ

อย่างไรก็ตามร้านค้าในที่ตั้งปัจจุบันยังไม่ได้ถูกปล่อยเช่าออกไป โจวชิงไป๋จึงเช่ามันไว้ในราคา 10 หยวนต่อเดือน เมื่อน้องเขยและน้องสาวของเขามาถึง เขาจะให้พวกเขาเป็นคนจ่ายค่าเช่าเอง แต่สำหรับตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเขาที่จะจ่ายให้ไปก่อน

หลินชิงเหอออกปาก “พรุ่งนี้เอาไก่มาทำน้ำแกงกินกันนะคะ”

“ตกลงครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า

หลินชิงเหอดื่มน้ำแกงได้ตอนเที่ยงในวันรุ่งขึ้น เธอไม่ต้องการจะขยับตัวไปไหน ดังนั้นจึงให้โจวข่ายเป็นคนมาส่งน้ำแกง

เฒ่าหวังไม่ได้มากินข้าวด้วยวันนี้ ดังนั้นจึงส่งน้ำแกงส่วนของเขาไปให้ และอีกส่วนถูกส่งไปให้หวังลี่หญิงสาวที่ตั้งครรภ์

ตราบใดที่เป็นน้ำแกง หลินชิงเหอจะไม่ละเลยส่วนแบ่งของหวังลี่

หวังลี่รู้สึกเขินจึงบอกกับโจวข่ายว่า “ไม่จำเป็นต้องเอามาให้ฉันหรอกจ้ะ”

“แม่ของผมบอกว่าให้ลูกชายทูนหัวหรือลูกสาวทูนหัวของหล่อนในอนาคตน่ะครับ เราละเลยไม่ได้หรอก” โจวข่ายตอบอย่างจริงใจ

หวังลี่ยิ้ม เมื่อกินเสร็จแล้วเธอก็นำไปล้างและส่งคืนให้โจวข่าย

ในระหว่างนั้นเสียงอินเตอร์คอมด้านนอกก็ดังขึ้น

“อาจารย์หลินเชิงเหอ! อาจารย์หลินชิงเหอ ถ้าคุณได้ยิน กรุณามาที่ห้องรับรองหน้าประตูทางเข้าด้วยค่ะ กรุณามาที่ห้องรับรองที่ประตูทางเข้าด้วยค่ะ”

โจวข่ายตกใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันครับ?”

“อาจจะมีคนกำลังตามหาคุณแม่ของเธออยู่ ไปดูเถอะ” หวังลี่พูด

“ผมเดินออกไปเองได้ครับ คุณน้ากลับไปพักผ่อนเถอะครับ” โจวข่ายบอกขณะที่เอาเก็บกล่องใส่อาหารและเดินออกมา

เมื่อเขามาถึงที่ห้องรับรอง เขาก็เห็นโจวลิ่วนีรออยู่ที่นั่น

โจวข่ายขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“พี่ใหญ่!” แววตาของโจวลิ่วนีสว่างวาบขึ้น เธอโบกมือขึ้นทันที

“นี่คือคนในครอบครัวของคุณใช่หรือเปล่าครับ?” มีตำรวจนายหนึ่งอยู่ข้าง ๆ โจวลิ่วนี เขามองไปที่โจวข่ายและถามขึ้น

“นี่เป็นญาติผู้น้องจากบ้านคุณลุงรองของผมครับ” โจวข่ายพยักหน้ารับ “คุณตำรวจ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

คงไม่ใช่เป็นอย่างที่เขากำลังคิดอยู่หรอกนะ!

“เป็นลูกของคุณลุงรองของคุณ อย่างนั้นก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัว เด็กสาวคนนี้ไม่รู้ทางเมื่อหล่อนมาถึงที่เมืองหลวง หล่อนบอกว่ามาหาญาติ แต่ดีที่หล่อนยังฉลาด รู้ว่าควรมองหาพวกเรา พวกเราเลยพาหล่อนมาที่นี่…” สหายตำรวจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น

“ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ทำให้คุณต้องลำบาก” โจวข่ายสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และก้าวเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“ในเมื่อหล่อนเป็นญาติ ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งตัวหล่อนให้กับคุณ แต่คุณต้องคอยดูแลให้ดีในอนาคต หล่อนยังเด็กมากและยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ คุณจะปล่อยให้หล่อนวิ่งไปทั่วไม่ได้นะครับ” คุณตำรวจกล่าว

“ผมเข้าใจแล้วครับ” โจวข่ายพยักหน้ารับทราบ

เมื่อสหายตำรวจกลับออกไปแล้ว โจวลิ่วนีก็วิ่งเข้ามาจับแขนโจวข่ายอย่างดีใจ

“ลิ่วนี ครอบครัวของเธอรู้ไหมว่าเธอมาที่นี่ตามลำพัง?” โจวข่ายก้าวถอยหลังและพูดอย่างเฉยเมย

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เสี่ยวเหมยกับต้าหลินจะได้ร้านแล้วค่ะ ดีกับแม่ก็จะสบายหน่อยนะคะ

อ้าว ลิ่วนี เธอมาได้ยังไงล่ะเนี่ย ร้ายกาจ เจ้าใหญ่ช่วยเอาไปเก็บที่บ้านเก่าทีค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset