ตอนที่ 544 ต้องเป็นสุภาพบุรุษประจำบ้าน

บทที่ 544 ต้องเป็นสุภาพบุรุษประจำบ้าน

“เฉิงหยางมีแฟนแล้ว นายอย่าพูดซี้ซั้ว” โจวซื่อนีพูด

“มีแฟนแล้วเหรอครับ? ทำไมผมไม่เคยได้ยินเลย” โจวกุยหลายพูด

“นายยังไม่เคยไปเห็นน่ะสิ มีคนส่งอาหารให้เขาสองสามรอบแล้ว” โจวซื่อนีตอบ

“นั่นไม่เห็นแปลก แต่ผมได้ยินคุณย่าพูดว่าย่าเฒ่าจูที่อยู่ข้างบ้านนั่นอยากได้พี่ไปให้หลานชายของหล่อนเหรอครับ?” โจวกุยหลายพูดข่าวลือออกมา

โจวซื่อนีหัวเราะ “เรื่องนี้น่ะไม่มีอะไรหรอก”

หล่อนรู้เรื่องที่ย่าเฒ่าจูอยากพูดเรื่องของหลานชายตัวเองให้หล่อนฟังเหมือนกัน แต่เรื่องแต่งงานหล่อนไม่อยากเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง อยากเชื่อฟังที่ผู้หลักผู้ใหญ่พูดมากกว่า

พวกผู้ใหญ่เขาผ่านอะไรมาหมดแล้ว หากพวกเขาพูดว่าดีงั้นก็แปลว่าดี พูดว่าไม่ดีก็คือไม่ดี ผู้ใหญ่เหล่านี้เป็นห่วงหล่อนด้วยใจจริง ไม่ได้ต้องการทำลายหล่อนแบบนั้น

“พี่ซื่อนีของผมนี่เสน่ห์แรงเหลือเกิน” โจวกุยหลายทำเสียงจุ๊ปากพูด

“หยุดล้อพี่เดี๋ยวนี้นะ” โจวซื่อนีว่ายิ้ม ๆ และหยิบลูกชิ้นหมูร้อน ๆ ยัดใส่ปากเขาเพื่อทำให้เขาเงียบปาก

“พี่ซื่อนี ที่ปักกิ่งดีมากเลยนะครับ พี่หาแฟนดี ๆ สักคนเถอะ แบบนี้พี่จะได้อยู่ปักกิ่งนี่ และก็มากินข้าวเย็นที่นี่ได้บ่อย ๆ ด้วย” โจวกุยหลายพูด

“อยากกินลูกชิ้นหมูอีกไหม?” โจวซื่อนีพูด

โจวกุยหลายแสยะยิ้มและพูดกับเวิงกั๋วต้งว่า “เห็นพี่กั๋วต้งเป็นแบบนี้แล้ว ดูเหมือนนิ้วทั้งสิบของพี่จะไม่เคยสัมผัสน้ำฤดูใบไม้ผลิ*นะครับ ฟองเต้าหู้พี่แตกหมดแล้ว”

*ไม่เคยทำงานบ้านงานเรือน

เวิงกั๋วต้งพูด “อืม พี่ไม่เคยทำน่ะ”

“ไม่เคยทำไม่ได้นะครับ พี่รู้ไหมว่าตอนพวกผมอายุไม่กี่ขวบแม่ผมก็เริ่มสอนพวกเราให้ทำเป็นแล้วน่ะ? พวกผมหกเจ็ดขวบต้องถูพื้น ล้างจาน เลือกผักเสีย ๆ ออกได้แล้ว ตั้งแต่เก้าขวบเป็นต้นมาก็เริ่มเรียนทำกับข้าวแล้ว” โจวกุยหลายพูด

เวิงกั๋วต้งเลิกคิ้ว “ฉันนึกว่าน้าหลินจะรักพวกนายมากเสียอีก”

“ต้องรักอยู่แล้วค่ะ เด็ก ๆ ในหมู่บ้านอิจฉาพวกเขากันทั้งนั้นที่มีอาสะใภ้สี่เป็นแม่” โจวซื่อนีพูดด้วยรอยยิ้ม

“งั้นทำไมหล่อนถึงให้ทำงานตั้งแต่เด็กขนาดนั้น?” เวิงกั๋วต้งพูด

โจวซื่อนีหลุดขำออกมาเบา ๆ คิดในใจว่าคนในเมืองหลวงถูกเลี้ยงดูไม่เหมือนกัน ความคิดช่างแปลกประหลาดจริง ให้ทำงานบ้านเป็นไม่ได้แปลว่ารักแล้วหรือไร

“แม่ของผมกลัวว่าพวกผมจะหาภรรยามาแต่งไม่ได้” โจวกุยหลายพูด

“รูปร่างหน้าตาของพวกนายพี่น้องจะไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบได้ยังไง?” เวิงกั๋วต้งพูด

“โอ้โห ผมไม่รู้เลยนะครับเนี่ยว่าพี่กั๋วต้งจะตาถึงขนาดนี้” โจวกุยหลายหัวเราะ “เพราะว่าเมื่อก่อนพวกผมยากจน ตอนที่ยังไม่ได้ออกมาจากหมู่บ้าน ครอบครัวของผมลำบากมาก คุณย่าของผมคอยเตือนให้แม่ของผมประหยัดเก็บเงินไว้ให้พวกผมพี่น้องแต่งงานบ้าง แม่ของผมมีเงินเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น ดังนั้นพวกเราจึงต้องฝึกทักษะสิบแปดอย่างให้ได้ หลังจากนั้นแม่ก็ฝึกให้พวกเราทำกับข้าวเป็น นี้ก็เป็นอีกอย่างที่ถูกเพิ่มเข้ามาเช่นกัน”

“น้าหลินเป็นคนพูดเหรอ?” เวิงกั๋วต้งพูดยิ้ม ๆ

“ใช่แล้ว แต่ก็เป็นความจริง พี่ดูคุณพ่อของผม ตอนนี้แม่ผมไม่ต้องทำอะไรแล้ว งานบ้านทั้งหมดก็เป็นพ่อผมทำ บรรยากาศในครอบครัวผมดีไหมละครับ? ผมไม่เคยเห็นพวกเขาทะเลาะกันมาก่อนเลย พี่เข้าใจหรือยัง” โจวกุยหลายเลิกคิ้วพูด

“เธอพูดได้ดีทีเดียวจ้ะ เป็นผู้ชายก็ต้องช่วยงานบ้านบ้าง พ่อของลูกน้อยมากที่จะช่วยแม่ทำ” คุณแม่เวิงที่ตั้งใจฟังทางนี้อยู่ตลอด พอได้ยินก็พูดเห็นด้วยทันที

“งานบ้านจะเยอะขนาดนั้นได้ที่ไหนกัน” คุณพ่อเวิงพูดอย่างอดไม่อยู่

“นั่นน้อยเหรอคะ ฉันทำทุกวันจนรำคาญจะตายอยู่แล้ว!” คุณแม่เวิงตอกกลับไปหนึ่งประโยค

“ต่อไปผมจะช่วยทำงานบ้านคุณเยอะขึ้นอีกนิดหนึ่ง” คุณพ่อเวิงพูด

“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวคุณทำจานชามฉันแตก!” คุณแม่เวิงพูด

ทุกคนมองแล้วก็พากันยิ้ม เวิงกั๋วต้งก็ยิ้มเช่นกัน เขามองโจวซื่อนีที่กำลังแยกลูกชิ้นหมูและลูกชิ้นปลาที่ทอดเสร็จแล้วขึ้นมาจากกระทะ ซึ่งส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานมาก หล่อนเห็นว่าก้นหม้อยังมีน้ำมันอยู่ไม่น้อย จึงเทกะหล่ำปลีที่หั่นเสร็จแล้วลงไปในกระทะ

เมื่อเห็นฟองเต้าหู้ถูกแยกเกือบจะเสร็จแล้ว โจวซื่อนีก็พูดว่า “พวกนายไปดูทีวีเถอะ ฉันอยู่ตรงนี้เอง”

“ได้” โจวกุยหลายล้างมือแล้วเดินไปดูทีวี

“ผมช่วยงานอื่น ๆ ได้เหมือนกันนะ” เวิงกั๋วต้งพูด

“ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันอยู่กับพี่ใหญ่ก็พอ” โจวซื่อนีพูดโดยที่ไม่หันหน้ามามอง

คนคนนี้แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นคนทำงานบ้านไม่เป็น เป็นคุณชายรอกินข้าวอย่างเดียว มีน้อยสิ่งมากที่เขาทำได้โดยไม่ทำข้าวของเสียหาย

เวิงกั๋วต้งมองหล่อนแวบหนึ่ง และก็ล้างมือเดินกลับไปเช่นเดียวกัน

โจวข่ายฆ่าปลาเสร็จแล้ว โจวซื่อนีก็พอใจมาก นี่แหละคือคนที่ทำกับข้าวเป็นและสามารถช่วยหล่อนได้จริง

“ป้าเวิง ผมไม่ได้จะโม้หรอกนะครับ พี่ใหญ่ผมน่ะสมบูรณ์แบบ เป็นผู้ชายที่พร้อมจะแต่งงานแล้วแบบนั้นเลยล่ะ” โจวกุยหลายพูด

“เข้าครัวก็เป็นงานบ้านก็ได้ มีกำลังซื้อรถยนต์ไหว ต่อยตีกับพวกนักเลงได้อีกด้วยนะ!” หลินชิงเหอเสริมอีกหนึ่งประโยค

ครู่เดียวทุกคนก็เผยยิ้มออกมา แม้แต่คุณพ่อเวิงก็กลั้นเอาไว้ไม่ไหว

โจวชิงไป๋ก็เหลือบมองภรรยาตัวเองเช่นเดียวกัน

“ม้ากำลังอวยพี่ใหญ่ของผมพร้อมกับอวยป๊าไปด้วยหรือเปล่าครับเนี่ย” โจวกุยหลายพูด

“ไม่ได้เหรอ? ป๊าของลูกดีขนาดนี้ก็สมควรต้องอวยอยู่แล้ว” หลินชิงเหอไม่ตระหนี่คำชมของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว

มุมปากของโจวชิงไป๋ยกขึ้นอย่างอดไม่ได้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเวิงกั๋วต้งชอบบรรยากาศของตระกูลโจว และไม่แปลกเลยที่พ่อแม่ของตัวเองจะมากินเลี้ยงฉลองปีใหม่ที่นี่ เพราะว่าบรรยากาศครอบครัวนี้ดีอย่างนี้นี่เอง

ในเวลาสี่โมงกว่า ๆ ก็เริ่มกินอาหารกันแล้ว อาหารถูกนำมาวางจนเต็มโต๊ะใหญ่ สองครอบครัวกินเลี้ยงปีใหม่กันอย่างคึกคัก

“เจ้าสามลูกยังดื่มเหล้าไม่ได้ ไปดื่มน้ำเหมือนกับพี่ซื่อนีของลูกไป” หลินชิงเหอพูด

“ผมรู้ ๆ ต้องอายุเกินสิบแปดถึงจะดื่มได้ ผมแค่จะรินเหล้าให้ม้ากับป๊า แล้วก็คุณลุงคุณป้าเวิงไงครับ” โจวกุยหลายพูด

“เครื่องดื่มก็อร่อยดีเหมือนกันนะ” โจวซื่อนีพูดยิ้ม ๆ

“ฝีมือทำอาหารของหนูดีจริง ๆ อาหารทั้งโต๊ะนี่หนูเป็นคนทำทั้งหมดเลยนะ” คุณแม่เวิงเอ่ยชม

ยิ่งเห็นหล่อนก็ยิ่งรู้สึกพอใจในตัวของโจวซื่อนี กิริยาท่าทางก็เรียบร้อย ฝีมือทำอาหารก็ดีขนาดนี้ ถ้าได้แต่งงานกับเจ้าลูกโง่ของหล่อนคงจะมีความสุขแน่นอน

โจวซื่อนียิ้มแล้วพูด “กับข้าวไม่น้อยอาสะใภ้สี่ทำเสร็จไว้หมดแล้วค่ะ หนูก็แค่มาทำอีกรอบ”

“พี่สะใภ้ใหญ่เอาไข่เค็มมาให้ไม่น้อยเลยค่ะ เป็นไข่ของเป็ดที่เลี้ยงเอาไว้ทั้งนั้น ทั้งมันเยิ้มทั้งหอม เดี๋ยวตอนกลับให้เอากลับไปด้วยนะคะ” หลินชิงเหอพูด

“งั้นฉันไม่เกรงใจนะคะ” คุณแม่เวิงหัวเราะ

“ไม่ต้องเกรงใจนั่นแหละค่ะถูกแล้ว” หลินชิงเหอพูด “ทานเยอะ ๆ นะคะ เย็นแล้วจะไม่อร่อย”

“ลูกชิ้นหมูนี้ไม่เลวเลย” คุณพ่อเวิงทานลูกชิ้นหมูไปหนึ่งคำแล้วพูดขึ้น

“อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะคะ ถ้าวันนี้เหล่าเวิงกับชิงไป๋ของฉันไม่เมาก็ไม่ต้องกลับนะคะ” หลินชิงเหอพูด

“นั่นไม่ได้มั้งครับ เดี๋ยวถึงเวลาก็ต้องกลับไปอยู่ดี” คุณพ่อเวิงพูดยิ้ม ๆ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันให้เจ้าใหญ่พาคุณกลับ” หลินชิงเหอพูด

พวกหล่อนกินไปคุยไปอย่างสนุกสนาน กับข้าวมื้อนี้พวกเขากินกันหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ด้วยความปิติยินดี

หลังกินเสร็จก็มานั่งดูทีวีด้วยกัน และกินผลไม้ล้างปากหลังอาหาร พร้อมกับพูดเรื่องงานและอื่น ๆ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยดีมาก

“อาสะใภ้สี่อาสี่ หนูไปหาคุณปู่คุณย่าก่อนนะคะ” โจวซื่อนีที่ล้างจานกับเวิงเหม่ยเจี่ยพูด

“ผมไปส่งพี่เองครับ” โจวกุยหลายพูดพร้อมลุกขึ้น

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

งานบ้านเป็นอะไรที่ดูเหมือนจะไม่หนัก แต่จริงๆ แล้วหนักและเหนื่อยมากนะคะ นับถือคนที่อยู่บ้านเป็นพ่อบ้านแม่บ้านเลยค่ะ

กั๋วต้งเริ่มสนใจซื่อนีแล้วหรือยังคะ คนอื่น ๆ ชงหนักขนาดนี้แล้วนะ

ไหหม่า(海馬)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset