บทที่ 592 พ่อผู้เมตตา
เจียงเกิงรู้ว่าแม่ของเขาโกรธเข้าแล้วก็ยกยิ้ม “ต่อไปพอผมเรียนมหาวิทยาลัยแล้วถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้ยังต้องสนใจผมอยู่นะ”
“เห็นลูกแล้วรำคาญจริง ๆ” เซวียเหม่ยลี่พูด
หลินชิงเหอก็พูดขึ้นเช่นกัน “แม่ของเธอเป็นห่วงเธอ ยังกล้าคิดว่าแม่เธอขี้บ่นอีก”
“ไม่ใช่ครับ ๆ ก็ผมถามพี่รองพี่สาม พวกเขาบอกว่าแม่บุญธรรมไม่สนใจพวกเขาสักคน มีอิสระมาก” เจียงเกิงพูด
หลินชิงเหอเม้มริมฝีปาก “แต่ละคนมีนิสัยที่ไม่เหมือนกัน แม่ของเธอกับฉันก็ไม่เหมือนกัน ฉันน่ะงานยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปสนใจพวกเขา แม่ของเธอรับหน้าที่เป็นคุณแม่เต็มตัว แน่นอนว่าเธอยิ่งต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวและพวกเธอสองพี่น้อง”
เซวียเหม่ยลี่ฟังแล้วก็เหมือนได้รับการปลอบใจ
แล้วไม่ใช่เรื่องจริงหรือ หลังจากแต่งงานเข้ามาหล่อนก็ไม่ได้ไปทำงานเลย เรื่องสำคัญคือเรื่องในบ้านและลูก ๆ ของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หล่อนจะรู้สึกเป็นห่วงมากเป็นพิเศษ และทำใจไม่ลงแบบนี้
เนื่องจากลูกเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ไม่ว่าจะโตแค่ไหน ในสายตาหล่อนพวกเขาก็ยังเด็กเสมอ
พูดถึงก่อนหน้านี้การที่เจียงเกิงค่อนข้างเป็นเด็กเอาแต่ใจก็เกี่ยวกับเซวียเหม่ยลี่ด้วยเช่นกัน แต่ว่าตอนนี้เขากลับตัวได้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อได้รู้จักกับโจวเฉวี่ยน โจวกุยหลาย ทั้งยังเรียบร้อยขึ้นเยอะ นิสัยแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ก่อนหน้านี้เห็นแล้วเหมือนวัยรุ่นที่ยังไม่รู้ความ แต่ตอนนี้เขาดูสุขุมขึ้นไม่น้อย
เซวียเหม่ยลี่พาเจียงเกิงและเจียงอวี๋มานั่งอยู่สักพัก พอเห็นว่าได้เวลาพอสมควรแล้ว ก็ปฏิเสธที่จะอยู่กินข้าวแล้วขอตัวกลับไป
หลินชิงเหอจึงให้โจวชิงไป๋ไปเตรียมอาหารเย็น และให้ซื่อนีอยู่เฝ้าบ้าน ส่วนเธอก็มาโทรศัพท์
ตั้งแต่คลอดลูกมาจนถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้โทรศัพท์กลับไปเลย แน่นอนว่าโจวชิงไป๋ได้โทรศัพท์กลับไปแล้วรอบหนึ่งตั้งแต่เธอคลอดลูกได้ 2 วัน แต่เธอยังไม่ได้โทรศัพท์กลับไป
เธอโทรศัพท์กลับไปหาพี่สะใภ้ใหญ่โจวก่อน
พอสะใภ้ใหญ่โจวรับโทรศัพท์ น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความร่าเริง “งั้นตอนนี้ก็มีลูกสาวกันแล้วสินะ สมปรารถนาพวกเธอสองคนสักที มี่มี่เป็นเด็กดีไหมจ๊ะ?”
“กินอิ่มแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน ไม่สร้างความวุ่นวายเลยค่ะ” หลินชิงเหอพูดพลางยิ้ม
“ตอนนี้ก็ออกมาจากการอยู่ไฟหลังคลอดแล้ว วางแผนจะกลับปักกิ่งเลยไหมจ๊ะ? พี่เห็นคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงกันอยู่” สะใภ้ใหญ่โจวพูด
“ฉันอยากกลับไปภายใน 2-3 วันนี้แหละ แต่ชิงไป๋บอกว่าหล่อนยังเล็กอยู่ไม่ต้องรีบก็ได้ อีกอย่างกลับไปตอนนี้ก็ไม่มีธุระอะไรเหมือนกันจึงค่อยกลับไปก็ได้ค่ะ” หลินชิงเหอพูด
เด็กอายุ 1 เดือนแน่นอนว่าออกจะเด็กเกินไปหน่อย หลินชิงเหอวางแผนว่าจะกลับเดือนหน้า ถึงตอนนั้นแม้ว่าอากาศจะยิ่งหนาวมากแล้ว แต่ก็ไม่ต้องห่วง เพียงก็ห่อตัวลูกดี ๆ ก็พอแล้ว
ถ้าบอกว่าจะให้อยู่ผ่านวันปีใหม่ที่เซี่ยงไฮ้ก็คงจะไม่ได้ ยิ่งมีลูกสาวแบบนี้ นั่นยิ่งต้องกลับไปเลี้ยงฉลองที่ปักกิ่ง
“พี่ว่าเสียงของรถไฟดังมาก ควรจะมีที่อุดหูด้วยนะ” สะใภ้ใหญ่โจวกล่าวเตือน
“ฉันทราบแล้วค่ะ จริงสิพี่สะใภ้ใหญ่คะ ปีนี้โจวซื่อนีจะพาเวิงกั๋วต้งกลับไปนะคะ” หลินชิงเหอพูด
“เอาสิ พามาดูตัวหน่อย” สะใภ้ใหญ่โจวพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ หากลูกสาวคนที่สามได้แต่งงานที่ปักกิ่ง คงไม่มีเรื่องอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
“ปีนั้นต้านีก็แต่งเร็วนะคะ” หลินชิงเหอยิ้มพูด
“ใช่ แต่งไปเร็วจริง ๆ แต่ตอนนี้ชีวิตหล่อนก็ไม่ขาดเหลืออะไรเช่นกัน” สะใภ้ใหญ่โจวพูด
ตอนที่ลูกสาวคนโตแต่งออกไป อาสะใภ้สี่ของหล่อนยังไม่ได้พัฒนาถึงขั้นไปปักกิ่งได้เลย อยากจะดูแลหล่อนก็ทำไม่ได้
อีกทั้งลูกเขยของต้านีคนนี้ก็ไม่แย่เช่นกัน เห็นเลี้ยงเป็ดได้ไม่เลว เดือนที่แล้วเขามาพูดว่า ปีหน้าก็จะเลี้ยงเป็ดด้วยเหมือนกัน
สองสามีภรรยาก็ได้ออกมาทำงานเองหมดแล้วเช่นกัน ในบ้านยังเลี้ยงหมูบ้างอะไรบ้าง ไร่นาก็ยังทำ ชีวิตในแต่ละวันแน่นอนว่าเทียบกับชีวิตที่ปักกิ่งไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แย่
เธอคุยกับสะใภ้ใหญ่โจวอีกสักพัก หลินชิงเหอก็โทรกลับไปหาโจวเสี่ยวเหมยที่อยู่อีกทาง โจวเสี่ยวเหมยเดินมารับค่อนข้างไว หายใจยังมีเสียงหอบเหนื่อยด้วยเล็กน้อย
“ไม่เห็นต้องรีบเดินขนาดนี้เลยนี่จ๊ะ เครื่องโทรศัพท์ไม่หนีไปไหนหรอก” หลินชิงเหอหัวเราะพูด
“พี่สะใภ้สี่เป็นยังไงบ้างคะ หลานสาวของฉันเหมือนพี่หรือว่าเหมือนพี่ชายสี่?” โจวเสี่ยวเหมยพูดอย่างดีใจ
“มีแต่คนบอกว่าเหมือนฉันมากกว่า” หลินชิงเหอหัวเราะแล้วพูด
“งั้นจะต้องโตเป็นสาวสวยแน่ค่ะ พี่สี่เดิมก็รักและหลงลูกตัวเองจะตายแล้ว แบบนี้เกรงว่าเขาจะยิ่งหวงลูกตลอดเวลาแน่ค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูดขำ ๆ
“นั่นน่ะสิ ตอนออกไปซื้อกับข้าวตอนเช้ากลับมา อันดับแรกก็คือต้องกลับมาดูลูกในห้องก่อน” หลินชิงเหอพูดอย่างจนใจ
“อย่างนั้นก็ดีเหมือนกันค่ะ มีพี่สี่ก็ปกป้องดูแลลูกขนาดนี้ พี่สะใภ้สี่ก็ไม่ต้องกังวลมากแล้ว” โจวเสี่ยวเหมยยิ้มพูด “วางแผนกลับเมื่อไหร่คะ? พวกเรารอกันอยู่”
“เดือนหน้าจ้ะ” หลินชิงเหอพูด
“เดือนหน้าก็ถึงจะครบสองเดือนสินะคะ อีกทั้งกลับมาก็ไม่มีอะไรทำ ที่นี่มีพวกเจ้ารองอยู่ พี่ไม่ต้องกังวลใจเลย กลับมาปีหน้าก็ดีนะคะ ถึงตอนนั้นก็จะได้มากินเลี้ยงฉลองปีใหม่กัน” โจวเสี่ยวเหมยพูด
หล่อนพูดเรื่อยเปื่อยกับพี่สะใภ้สักพัก ถึงค่อยวางหูโทรศัพท์แล้วกลับไปบอกข่าวดีกับที่บ้าน
“ฉันเลี้ยงไก่เยอะขนาดนั้นพวกเขายังไม่ได้กินกันเลย” ท่านแม่โจวได้ยินแล้วก็พูด
“มีพี่สี่อยู่ พี่สะใภ้สี่ไม่มีทางอดข้าวหรอกค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูดอย่างไม่สนใจ “แต่ตอนนี้มี่มี่ยังเล็กมาก เลยไม่รีบกลับมากัน หนูยังอยากให้พี่สะใภ้สี่กลับมาปีหน้าเลย”
“ให้ซื่อนีอยู่ที่นั่นนานหน่อย ไม่ต้องรีบกลับมา คอยช่วยอาสะใภ้สี่ของเธอ จะให้พึ่งพาอาสี่ที่เป็นผู้ชายคนเดียวของเธอมันใช้ได้ที่ไหน” ท่านพ่อโจวพูด
“คุณพ่อดูถูกพี่สี่แล้วรู้ไหมคะ ฉันได้ยินพี่สะใภ้สี่บอกว่าซื่อนีแทบจะไม่มีงานทำแล้ว พี่สี่เอาไปทำเองทั้งหมดเลย ไม่ว่างานอะไรพี่สี่ของฉันก็สามารถทำได้หมด” โจวเสี่ยวเหมยพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่….พี่สี่เขา….ก็….ก็เฝ้ารอ….ลูก…ลูกสาว…มานะ…นานแล้ว” ซูต้าหลินยิ้มพูด
การที่รอบนี้หลินชิงเหอคลอดลูกสาว เป็นใครก็รู้สึกดีใจแทนพวกเขาสองคนยิ่งนัก เนื่องจากลูกสามคนของพวกเขาเป็นผู้ชายกันหมด ดังนั้นลูกชายไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาขาด แต่กลับเป็นลูกสาวมากกว่า เช่นนี้พวกเขาจึงรู้สึกอิ่มเอิบใจมาก
“คนอื่นเขาเฝ้ารออยากได้ลูกชาย มีชิงไป๋เนี่ยแหละที่อยากได้ลูกสาว” ท่านแม่โจวพูดขำ ๆ
หล่อนก็รู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน ลูกชายของหล่อนตอนนี้มีทั้งลูกชายและลูกสาวครบหมดแล้ว
ตกเย็นโจวเฉวี่ยนและโจวกุยหลายก็มากินข้าวที่นี่ โจวเสี่ยวเหมยจึงถามว่าแม่ของพวกเขาได้โทรศัพท์ไปที่ร้านเกี๊ยวหรือไม่
“คุณย่าหม่าบอกว่าโทรมาแล้วครับ โทรคุยกันอยู่สักพักเชียว พวกผมไม่ได้รับหรอกครับ” โจวกุยหลายพูด “คุณอาเล็กครับ แม่ผมโทรมาบอกไหมว่าจะกลับเมื่อไหร่?”
“น้องสาวเธอน่ะยังเล็กอยู่ แม่ของเธอเลยบอกว่าจะกลับมาช้าหน่อย แต่ว่าน่าจะกลับมาก่อนปีหน้าแน่” โจวเสี่ยวเหมยพูด
“ถ้ารอจนพวกเราปิดเทอมแล้วยังไม่กลับมา พวกเราจะไปเอง” โจวกุยหลายพูด
ตอนนี้เขากับพี่รองไม่มีเวลาว่างเลยเพราะต้องเรียนทุกวัน แม้ว่าจะขอลาวันหนึ่งก็ยังไม่ทันอยู่ดี ดังนั้นจึงถือว่าแล้วไป
แม้พวกเขาจะเฝ้ารอน้องสาวคนเล็กกลับมาบ้านมากแค่ไหน ก็ทำได้เพียงรอเท่านั้น
ก็ได้แต่หวังว่าพ่อของพวกเขาจะดีใจสักหน่อย รีบพาน้องสาวกลับบ้านมาให้พวกเขาได้เห็น
เห็นได้ชัดว่าโจวชิงไป๋ไม่ได้ดีใจขนาดนั้น ตอนนี้เขากำลังเช็ดปัสสาวะให้ลูกสาวเขา และต่อด้วยทาแป้งให้สดชื่น ก่อนจะเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ หลังจากนั้นก็อุ้มลุกสาวไว้ในอ้อมแขนยากจะวางลง
สาวน้อยมี่มี่รับรู้ว่าเมื่ออยู่ในอ้อมแขนนี้ของผู้เป็นพ่อจะรู้สึกปลอดภัย พอเด็กน้อยลืมตาแล้วเห็นพ่อ หล่อนก็จะมีรอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากเล็ก ๆ
นั่นทำให้คุณพ่อผู้มีเมตตาอย่างโจวชิงไป๋ที่อายุสี่สิบกว่าดูอบอุ่นอ่อนโยนยิ่ง
……………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พ่อหลงลูกสาวมากเลยค่ะ ดูแลแบบริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยจริง ๆ รอไปก่อนนะหนุ่ม ๆ ทั้งสอง
ไหหม่า(海馬)