ตอนที่ 806 : หงส์อมตะทะยาน

ตอนที่ 806 : หงส์อมตะทะยาน
 
ต้วนจิงฉันคิดอยากสังหารฉินหยุนเมื่อครู่ ทว่าเวลานี้เขาคิดอยากสังหารหมิงจีนแทนแล้ว
 
“ตัวบัดซบ!”
 
ตัวนจิงฉินทราบดีถึงตําแหน่งสูงล้ําของฉินหยุนในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เขาคิดระเบิดโทสะพร้อมเข้าไปตบใบหน้าอี้หมิงวุ่นและเริ่มสบถสาปแช่ง
 
“อย่าได้สังหารมัน!” แม่เฒ่าหม่ากล่าว
 
ตี้หมิงวุ่นหวาดกลัว เขาทราบดีว่าฉินหยุนเป็นตัวตนเช่นไร อย่าได้กล่าวถึงการตัดแขนของเขากระทั่งฉินหยุนตัดแขนต้วนจิงฉิน เปาเฉิงโฉ่วย่อมไม่นํามาใส่ใจใดด้วยซ้ํา
 
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เปาเฉิงโฉ่วมองทางตี้หมิงจั่นพร้อมเอ่ยถามเสียงเย็น
 
“นี่ ทั้งหมดเป็นความผิดข้าเอง!” ตี้หมิงจีนเร่งรีบตะโกนยอมรับ
 
ฉินหยุนก้าวเดินไป คว้าตี้หมิงวุ่นขึ้นพร้อมเดินไปยังห้องลับแห่งหนึ่ง
 
เปาเฉิงโฉ่วไม่กล่าวคําใด เขาหันมองทางต้วนจิงฉินและหลงซานเหว่ยที่อยู่บนพื้น
 
“จ้าวสํานัก เมื่อครู่เป็นข้ามีโทสะจนขาดสติไป ข้าร้องขอและยอมรับการถูกจําคุกด้วยตนเองเป็นเวลาสิบปี!” ตัวนจิงฉินเร่งร้อนขอรับโทษด้วยตนเอง
 
“ได้ อย่างนั้นเจ้าไปรับโทษถูกคุมขังสิบปี!” เปาเฉิงโจ่วพยักหน้ารับ
 
แม่เฒ่าหม่านําตัวนจิงฉินจากไป
 
หลังจากตี้หมิงรุ่นถูกฉินหยุนนําตัวเข้าสู่ห้องลับ เขาจึงร้องตะโกนอย่างหวาดกลัว “เจ้าคิดทําอะไร?”
 
“เหตุใดเฉียวเฟิงจึงไปจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงเย็นเยียบ
 
“ข้าตระกูลหลงขอให้ข้าส่งข้อความแก่หลงเฉียวเฟิง ส่วนว่าเหตุใดนางจากไป ข้าไม่อาจทราบ!” ที่หมิงจีนค่อยตระหนักได้ว่าหลงเฉียวเฟิงและฉินหยุนเป็นมิตรสหายต่อกันในทางลับและสัมพันธ์ต่อกันยังดีเยี่ยม
 
“ตระกูลหลงรู้ได้อย่างไรว่าเฉียวเฟิงอยู่ที่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์?” ฉินหยุนขมวดคิ้วกล่าวถามสีหน้าเวลานี้เผยจิตสังหาร
 
“บิดาของข้าบังเอิญพบเห็นหลงเฉียวเฟิงเข้า จากนั้นจึงได้บอกต่อข้า และภาย หลังเป็นข้าบอกต่อหลงซานเหว่ย!” ตี้หมิงจีนเร่งร้อนกล่าวตอบอย่างหวั่นเกรงความตาย เขาสารภาพออกอย่างหมดเปลือก
 
ฉินหยุนออกจากห้องลับ คว้าเอาหลงซานเหว่ยกลับเข้าไปแทนที่ หลงซานเหว่ยเวลานี้ถึงขั้นสั่นกลัว
 
เปาเฉิงโฉ่วได้ทราบ ว่าฉินหยุนโกรธแค้นหลังได้ทราบว่าหลงเฉียวเฟิงไปจากที่นี่
 
“เจ้าส่งข้อความใดต่อเฉียวเฟิง?” ฉินหยุนไม่คิดเสียเวลา เขาพุ่งตรงคําถามต่อหลงซานเหว่ย
 
“ข้า มันเป็นจุดหมายปิดผนึก ที่จ่าหน้าเขียนเอาไว้ว่า “แม่นมของเฉียวเฟิง แม่นมของ นางใกล้สิ้นใจดังนั้นจึงต้องการพบนาง!” หลงซานเหว่ยสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของฉินหยุนเขาเร่งร้อนตอบกลับไปด้วยความหวาดกลัว
 
“เฉียวเฟิงกลับตระกูลหลง? ตอนนี้นางอยู่ที่ใด?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
 
“นางไม่ได้กลับตระกูลหลง บางที… บางทีนางน่าจะไปพบแม่นมของนาง!” หลงซานเหว่ยคร่ําครวญออก“นางสมควรถูกตระกูลหลงจับตัวกลางทาง รายละเอียดข้าไม่ทราบแล้วข้าเป็นเพียงคนส่งจดหมาย!”
 
เห็นได้ชัด ว่าเรื่องราวเป็นไปโดยมีตระกูลหลงอยู่เบื้องหลัง พวกมันบีบบังคับให้หลง เฉียวเฟิงไปจากที่นี่!
 
“เจ้าไม่ทราบหรือว่าเฉียวเฟิงอยู่ที่ใด?” ฉินหยุนเค้นถามพร้อมยกคอเสื้อหลงชานเหว่ยขึ้น
 
“นางสมควรอยู่ที่ตระกูลหลง!” หลงซานเหว่ยตะโกนตอบด้วยความหวาดกลัว
 
คําเพียงกล่าวจบ ฉินหยุนนํากระบออกมา สับฟันร่างอีกฝ่ายจนตายตก ก่อนจะนําเอาแก่นเต๋และวิญญาณยุทธ์ออกมา
 
ได้เห็นเช่นนี้ ตี้หมิงวุ่นจึงเริ่มร้องตะโกนเสียงดัง “อย่าได้สังหารข้า อย่าได้สังหารข้า…”
 
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าพ่อลูก เหตุใดเฉียวเฟิงจึงต้องไปจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์?” ฉินหยุนกล่าวคําเสียงเย็นก้าวเดินเข้าหา
 
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกของฉินหยุนสับฟันด้วยความเร็วแสง ชีวิตตี้หมิงรุ่นถูกพรากจากได้เห็นความตายอยู่ตรงหน้า สีหน้าอีกฝ่ายแม้ตายแล้วก็ยังเผยความหวาดกลัวเป็นล้นพ้น
 
ฉินหยุนที่นําแก่นเต๋และวิญญาณยุทธ์อีกฝ่ายออกมาแล้ว เปาเฉิงโฉ่วจึงกล่าว “เจ้าคิดไปตระกูลหลงหรือ? รับมือลําพังไหวหรือไม่? พวกเราย่อมไปพร้อมเจ้าได้!”
 
“ขอข้าไปสํารวจเพียงคนเดียวก่อน หากเฉียวเฟิงยังมีชีวิต ข้าจะช่วยนางกลับมา แต่หากหากนางตายแล้ว ข้าจะกลับมาขอความช่วยเหลือ ก่อนจะบันดาลโทสะต่อทั้งตระกูลหลงให้พวกมันสูญสิ้น!” ฉินหยุนกล่าวคําจบ จึงเร่งรีบออกไปจากหอพิทักษ์กฎ
 
ฐานที่มั่นของตระกูลหลงแห่งแคว้นมหาดวงดาว ย่อมเป็นคฤหาสน์รัศมีมังกรแห่งเทือกเขารัศมีมังกรรอบนอกจะรายล้อมไว้ด้วยเทือกเขารัศมีมังกรและเมืองรัศมีมังกร มันเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ตระกูลหลงได้สร้างขึ้น
 
ฉินหยุนมาถึงเมืองรัศมีมังกร ใช้จ่ายเหรียญม่วงไปมากเพื่อรวบรวมข้อมูลจําเป็น ที่คฤหาสน์หงส์อมตะทะยานภายในเมือง มันมีงานประมูลที่จะขายหนึ่งในสี่สาวงามแห่งแคว้นมหาดวงดาว
 
ข่าวลือกล่าวว่าเป็นหลงเฉียวเฟิงที่เพิ่งถูกจับตัวได้ไม่นานมานี้ หลงเฉียวเฟิงครอ บครองสองวิญญาณยุทธ์และไม่นานมานี้มังกรแห่งตระกูลหลงได้หายตัวไป พร้อมกันนี้หลงเฉียวเฟิงก็หายตัวไปด้วยเช่นเดียวกัน
 
ตระกูลหลงสงสัยในตัวหลงเฉียวเฟิงมาโดยตลอด จึงคิดเห็นว่าเหตุการณ์สมควรเกี่ยวข้องและตอนนี้ คฤหาสน์หงส์อมตะทะยานก็กําลังจะประมูลขายหนึ่งในสี่สาวงามแห่งแคว้นมหาดวงดาว ผู้นั้นย่อมต้องเป็นหลงเฉียวเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย
 
หลายคนต่างเข้าร่วมงานประมูล ผู้คนเหล่านี้มีสถานะสูงส่งในคฤหาสน์รัศมีมังกร มีทั้งคนหนุ่มวัยกลางคน และคนชรา พวกเขาล้วนมากันทั้งสิ้น
 
“งานประมูลจะเริ่มคืนวันนี้ โชคดีนักที่มาถึงก่อน!” ฉินหยุนเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์หงส์อมตะทะยาน
 
งานประมูลจัดขึ้นที่ทางเข้าของตัวคฤหาสน์ ผู้ที่หน้ามืดตามัวเสนอราคาอย่างไม่ประ มาณตนจนไม่อาจซื้อหาผู้นั้นจะไม่มีทางได้ออกพ้นจากเมือง คฤหาสน์หงส์อมตะทะยานเป็นกิจการหนึ่งในเครือตระกูลหลง ดังนั้นที่นี่จึงไม่มีผู้ใดกล้าก่อการอย่างนุ่มบ่าม
 
ฉินหยุนเป็นกังวลอยู่ภายใน งานประมูลนี้มีหลงเฉียวเฟิงเป็นสินค้า นั่นหมายถึงนางไร้ค่าต่อตระกูลหลงแล้ว ก่อนหน้านี้หลงเฉียวเฟิงได้กล่าว ว่าตระกูลหลงคิดต้องการวิญญาณยุทธ์ของนางมาโดยตลอด เพราะวิญญาณยุทธ์ของนางเป็นสิ่งหาได้ยากมาก เพียงนึกถึงเรื่องนี้ฉินหยุนก็ยิ่งเป็นกังวล
 
หลายคนที่ทราบเรื่อง ล้วนมารวมตัวกันที่ด้านหน้าคฤหาสน์หงส์อมตะทะยาน
 
ที่ระเบียงบนชั้นสอง สตรีวัยกลางคนร่างอ้วนท้วนยืนเด่น นางเผยเสียงอันดัง “พวกเจ้า รวบรวมเหรียญม่วงมากันมากพอแล้วหรือไม่? แม่นางที่พวกเราคิดนําประมูลวันนี้ กล่าวได้ว่าเป็นหญิงงามที่มีชื่อเสียงแห่งแคว้นมหาดวงดาว!”
 
“หญิงงามนั้นบริสุทธิ์หรือไม่? หากนางผ่านมาหลายมือแล้ว เช่นนั้นก็เป็นตัวตนไร้ค่า!”
 
“ถูกต้อง ถูกต้อง! เร่งรีบบอกต่อพวกเรา!”
 
“วางใจ แม่นางที่คฤหาสน์หงส์อมตะทะยานของเรานํามาประมูลวันนี้ล้วนยังไม่ผ่านมือใดนางยังถือครองพรหมจรรย์!” หญิงวัยกลางคนร่างอ้วนเผยเสียงหัวเราะ
 
เดิมฉินหยุนคิดอยากลักลอบเข้าสู่คฤหาสน์หงส์อมตะทะยาน กระนั้นเขาสัมผัสได้ ว่าภายในมีราชันยุทธ์อยู่ถึงห้าคน
 
“ หรือการประมูลเฉียวเฟิงครั้งนี้ จะเป็นการล่อให้คนใกล้ชิดนางปรากฏตัว?” ฉินหยุนพลันคิดว่าเรื่องราวเป็นไปได้ หากปุ่มบ่ามเขาอาจถูกปิดล้อม
 
ฟ้ามืด ที่ระเบียงชั้นสองของคฤหาสน์หงส์อมตะ เวลานี้มันมีแสงสว่างสาดส่อง หญิงงามในชุดสีแดงที่ถูกมัดทั้งแขนและขาถูกนําออกมาปรากฏตัว เป็นหลงเฉียวเฟิง ผู้คนนับพันเบื้องล่างคฤหาสน์ต่างรับชม ยามได้ทราบว่าเป็นหลงเฉียวเฟิงตัวจริง พวกเขาต่างโห่ร้องตะโกนเสียงดังสนั่น
 
ตระกูลหลงถึงขั้นนําหลงเฉียวเฟิงออกมาประมูลขาย หลายคนเพียงคาดเดาทว่าไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง กระนั้นตอนนี้ เรื่องราวได้กระจ่างชัดแล้ว
 
ฉินหยุนยังจําได้ ครั้งอยู่ที่เขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์ หลงเฉียวเฟิงเป็นผู้หวาดเกรงต่อความตายเพียงใด และตอนนี้ใบหน้าของนางซีดขาวทว่าสงบ เห็นได้ชัดว่านางหาได้หวั่นเกรงต่อความตายอีกไม่ ได้เห็นหลงเฉียวเฟิงเช่นนี้ ฉินหยุนยิ่งรู้สึกผิดอยู่ภายในเป็นล้นพ้น
 
“เสี่ยวหยุน เจ้าอย่าได้รู้สึกผิดต่อเรื่องนี้ไป หลงเฉียวเฟิงและตระกูลหลงมีความแค้ นต่อกันใหญ่หลวงครั้งก่อนที่นางกลับมา ไม่ใช่ว่าพวกมันก็พยายามคิดแยกวิญญาณยุทธ์ของนางหรอกหรือ? เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดเจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เจ้าควรระมัดระวังให้ดีมีกลุ่มคนซุ่มรอให้เจ้าปรากฏตัวอยู่”
 
ฉินหยุนมองทางหลงเฉียวเฟิงที่สภาพอิดโรย เขากล่าวอยู่ภายใน “หยุนเอ๋อ เฉียวเฟิงดูอ่อนแรงยิ่งหรือว่าวิญญาณยุทธ์ของนางถูกนําออกไปแล้ว?”
 
“ข้าไม่อาจทราบ มีแต่ต้องตรวจสอบ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เจ้ารอจนกว่าจะมั่นใจแล้ วค่อยช่วยนางออกมา!”
 
ตอนนี้เอง ผู้หนึ่งได้เอ่ยถามขึ้น “แม่เฒ่า หากพวกเราจ่ายเงินอย่างงามเพื่อหลงเฉียวเฟิงเพียงพรหมจรรย์ของนางนั้นยังไม่พอ นางต้องเหมาะสมแก่การฝึกฝน นางต้องเป็นเตาหลอมการฝึกฝนคู่ที่คุณภาพสูงล้ําด้วย!”
 
“แก่นเต๋ของนางยังอยู่ดี เรื่องนี้วางใจ!” แม่เฒ่าที่รับหน้าที่จัดงานเผยยิ้ม
 
หลายคนต่างให้ความสนใจ โดยเฉพาะกับผู้ฝึกตนเฒ่าชราที่เก่งกาจ พวกเขาเผยรอยยิ้มโฉดชั่วผ่านสีหน้าไม่คิดปิดบัง
 
ได้เห็นหลายคนรวมตัวกันที่นี้ แม่เฒ่าที่จัดงานจึงตัดสินใจเริ่มประกาศ “จงประกาศราคาที่ต้องการเสนอ สูงสุดคือผู้ชนะ! และจงระวังด้วย หากไม่มีเงินพออย่าได้กล้าเสนอราคา!”
 
“หนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง!” ชายวัยกลางคนชุดสีน้ําเงินผู้หนึ่งตะโกนดัง
 
“สองร้อยล้าน!”
 
“สามร้อยล้าน!”
 
การเสนอราคาเป็นไปอย่างดุเดือด ตอนนี้กระทั่งถึงหนึ่งพันห้าร้อยล้าน การเสนอราคาค่อยชะลอตัวลงไปบ้าง ตอนนี้เหลือเพียงสามคนที่ยังคงเสนอราคา เป็นชายชรา ชายวัยกลางคนและคนหนุ่ม!
 
คนหนุ่มผู้นั้นถือพัดเด่นเป็นสง่าด้วยชุดหรูหราสีม่วง เขาเสนอราคาด้วยสีหน้าอาการสงบชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดสีน้ําเงิน เวลานี้ยังคงเสนอราคาต่อไปด้วยสีหน้าหนักอึ้งทางด้านชายชราที่สมควรร่ํารวยที่สุด แต่กลับเสนอราคาด้วยความตระหนี่ถี่เหนียว เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกกดดันต่อจํานวนเงินที่พุ่งมหาศาล
 
ฉินหยุนไม่เข้าร่วมเสนอราคา เขาตระเตรียมลงมืออยู่ก่อนแล้ว สุดท้ายชายหนุ่มชุดสีม่วงชนะไปด้วยราคาหนึ่งพันแปดร้อยล้านเหรียญม่วงเพื่อซื้อตัวหลงเฉียวเฟิง!
 
“นั่นคนของตระกูลหยางหรือไม่ใช่?”
 
“หยางฟางเหิง เป็นศิษย์ที่เก่งกาจของตระกูลหยาง อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับสูงสุดเช่นนี้เขาได้ก้าวขึ้นเป็นราชันยุทธ์โดยเร็วเป็นแน่!”
 
“ หรือว่าเขาฝึกฝนวิชาแยกหยินบํารุงหยาง?”
 
“เป็นไปได้!”
 
หยางฟางเหิงทะยานขึ้นสู่บนระเบียง พร้อมจ่ายเหรียญม่วงให้แก่หญิงชรา ก่อนจะหันมองทางหลงเฉียวเฟิงแล้วยิ้ม
 
“สาวงามแห่งแคว้นมหาดวงดาว ให้ข้าได้เริงรมณ์กับเจ้า” หยางฟางเหิงมองทางหลง เฉียวเฟิงพร้อมสีหน้าตื่นกระหาย ลิ้นนั้นเผยออกเลียรอบริมฝีปากพร้อมยื่นมือเข้าลูบไล้ใบหน้าหลงเฉียวเฟิง
 
หลงเฉียวเฟิงจึงกัดเข้าที่มืออีกฝ่าย
 
“อ๊าก!” หยางฟางเหิงคํารามร้องทันทีเมื่อถูกกัด
 
หลายผู้คนต่างหัวเราะออกดังสนั่น
 
เพี้ยะ!
 
หญิงชราเข้าตบหน้าหลงเฉียวเฟิงทันทีเมื่อพบเห็น
 
“นางแพศยา กล้าดีอย่างไรกัดเจ้านายตนเอง! เร่งรีบเลียทําความสะอาดเลือดที่มือของนายท่านเสีย!” หญิงชรากระชากเส้นผมหลงเฉียวเฟิง
 
หยางฟางเหิงยื่นมือเข้าหาหลงเฉียวเฟิงอีกครั้ง คํากล่าวเย็นเยือกได้เผยออก “เจ้าเป็นทาสกามข้าแล้ว หากไม่เลียทําความสะอาดมือข้า เช่นนั้นข้าจะเปลื้องผ้าเจ้าเสียที่นี่!”
 
“อุ้ย!” หลงเฉียวเฟิงถมเลือดในปากไปที่ใบหน้าหยางฟางเหิง
 
สตรีชราคิดอยากตบตีหลงเฉียวเฟิงอีกครั้งหนึ่ง ทว่านางกลับได้พบ ว่าตัวนางไม่อาจขยับ!
 
“บัดซบ!” หยางฟางเหิงสบถออกเสียงดังคิดเข้าตบตีหลงเฉียวเฟิง กระนั้นตอนนี้เอง โลหิตปริมาณมหาศาลพลันระเบิดออก
 
ศีรษะของสตรีเฒ่าระเบิดกระจายเป็นฝอยเลือดสาดกระเซ็น! ได้เห็นเช่นนี้ หยางฟางเหิงหวาดกลัวถึงขีดสุด เขาคือขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับสูงสุด กระนั้นกลับมีคนสังหารอีกฝ่ายต่อหน้าต่อตาโดยที่เขาไม่อาจรับรู้ถึงอันใดได้
 
ขณะหยางฟางเหิงคิดหลบหนี เขาพลันได้พบ ว่ามันมีรากไม้ปรากฏขึ้นที่เบื้องล่างพันธนาการเอาไว้
 
ฉัวะ!
 
เสียงกรีดผ่านอากาศดังออก มือที่หยางฟางเหิงคิดยื่นไปแตะต้องหลงเฉียวเฟิงต้องร่วงหล่นหลังเลือดกับพื้น
 

Related

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset