ตอนที่ 809 : ห้ามังกรราชันศึก

ตอนที่ 809 : ห้ามังกรราชันศึก
 
ฉินหยุนและหลันซูเหยาบินมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์รัศมีมังกร เพราะวิญญาณยุทธ์ของหลงเฉียวเฟิงถูกนําไป ฉินหยุนที่มีโทสะโกรธแค้นจึงตัดสินใจเด็ดเดียว คิดเข้ากวาดล้างตระกูลหลงแห่งแคว้นมหาดวงดาวให้หมดสิ้น
 
เมืองรัศมีมังกร เป็นแหล่งเงินแหล่งทองของตระกูลหลง โดยหลักแล้วจะเป็นรายได้จากภาษี
 
ฉินหยุนมุ่งหน้าสู่เมืองรัศมีมังกร เขาคิดอยากรับชมว่าในเมืองของตระกูลหลงมีความเคลื่อนไหวใดบ้าง
 
หลังจากที่เขาสังหารราชันยุทธ์ในเมืองไปหลายคนเมื่อคราก่อน ตระกูลหลงย่อ มต้องเพิ่มกําลังคนในเมืองเพื่อกอบกู้ชื่อเสียง
 
หลังเรื่องราวครั้งนั้น ตระกูลหลงไม่อาจจับตัวผู้ลงมือสังหาร เป็นผลให้ผู้คนในเมืองต่างเกิดความกังวลกันถ้วนหน้า
 
พวกเขาต้องการอยู่ในเมืองก็เพื่อความปลอดภัย ทว่าด้วยเรื่องราวก่อนหน้าเกิดขึ้น หลายคนจึงมองว่าเมืองรัศมีมังกรไร้ซึ่งความปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว
 
ระหว่างทาง หลันซูเหยานําผ้าคลุมบางปิดบังใบหน้าออกมาสวมใส่ ฉินหยุนบอกกล่าวต่อนางเช่นนี้จะได้ไม่เป็นการเผยรูปลักษณ์และไม่เป็นการดึงดูดความสนใจจนเกินไป
 
เวลานี้ หลายคนต่างเรียงแถวกันที่ด้านหน้าประตูเมืองรัศมีมังกร การเข้าออกในเมืองตอนนี้ยิ่งเข้มงวด
 
ฉินหยุนและหลันซูเหยาแอบอ้างเป็นราชันยุทธ์ จ่ายหนึ่งล้านเหรียญม่วงเพื่อเข้าสู่ในตัวเมืองอย่างรวดเร็ว
 
หนึ่งล้านเหรียญม่วงสําหรับผู้อื่นไม่ใช่เล็กน้อย ดังนั้นราชันยุทธ์จึงสามารถตรงเข้าเมืองได้
 
ราชันยุทธ์ที่รับหน้าที่คุ้มกันประตูเมืองใช่ว่าร่ํารวย พบเห็นเงินต่อหน้าต่อตา พวกเขาก็ไม่สนอื่นใดแล้วว่าผู้เข้าเมืองไปเป็นผู้ใด
 
“พวกมันอยู่ที่นี่หรือ?” หลันซูเหยาเอ่ยถาม
 
“อยู่ที่นี่เพียงหยิบมือหนึ่ง” ฉินหยุนกล่าวตอบ
 
หากพวกเขาทําลายเมืองรัศมีมังกร มันจะเป็นการหยามหน้าครั้งใหญ่ต่อตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้า มีแต่วิธีนี้จึงสามารถใช้ข่มขวัญตระกูลหลง
 
เมืองรัศมีมังกรจอแจ แม้ว่าก่อนหน้านี้มีราชันยุทธ์หลายคนถูกสังหาร ก็ยังมีหลายผู้คนอยู่ที่นี่เพราะใกล้เคียงกับคฤหาสน์รัศมีมังกร
 
บนถนนหนทางมีคนของตระกูลหลงลาดตระเวนไม่ขาด ผู้คนเหล่านี้หากให้กล่าว ก็ไม่ได้แข็งแกร่งอันใดนัก
 
“ตระกูลหลงถึงกับยังใจเย็นได้เพียงนี้!” ฉินหยุนพบเห็นความเคลื่อนไหวอันน้อยนิดในเมืองเขาถึงกับต้องร้องอุทานออก
 
“เสี่ยวหยุน ตระกูลหลงสูญเสียจักรพรรดิยุทธ์และครึ่งเซียนที่เก่งกาจไปมาก พวกเขาเหล่านั้นตายจากที่เมืองภูตผีต้องห้ามก่อนหน้านี้ และไม่กี่วันก่อน เจ้าเพิ่งสังหารพวกมันไปอีกจํานวนหนึ่งที่หน้าประตูหลักนครเชียนยุทธภัณฑ์!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
กําลังพลของตระกูลหลงไม่มีพอใช้สอยนี่หมายความถึงเป็นสถานการณ์ที่พวกเขาอ่อนแรงอย่างถึงที่สุด
 
“หากเป็นเช่นนั้น พวกมันก็สมควรต้องเพิ่มกําลังพลภายในเมือง ตราบเท่าที่ข้าได้พบ เห็นผู้คนซ่อนตัวฝึกฝนเมื่อนั้นคือเวลาตายของพวกมัน!” ฉินหยุนลอบหัวเราะอยู่ภายใน
 
ตระกูลหลงแห่งแคว้นมหาดวงดาวไม่มีคนแข็งแกร่งเหลือมากพอ กระนั้น ตระกูลหลงแห่งแควันมังกรทะยานฟ้ายังมีอีกมาก
 
ตอนนี้คฤหาสน์รัศมีมังกรแห่งแคว้นมหาดวงดาวเผชิญปัญหา แคว้นอื่นย่อมต้องส่งกองกําลังมาช่วยเหลือ เพราะตระกูลหลงของทุกแคว้นเวลานี้ได้รวมกันเป็นหนึ่ง
 
ฉินหยุนและหลันซูเหยามุ่งหน้าสู่พื้นที่จ้าวเมืองรัศมีมังกร มีหลายคนยืนเรียงรายตั้งแถวตรงหน้าประตูหลัก ฉินหยุนสอบถามไป จึงได้ทราบว่าจ้าวเมืองกําลังคัดเลือกผู้คน
 
ฉินหยุนก้าวเดินไปยังประตูหน้าของคฤหาสน์จ้าวเมือง พบเห็นชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดสีทอง เป็นชายร่างอ้วน ลําคอหนาใหญ่ กําลังก้าวเดินไปมาโดยมือไพร่ที่ด้านหลัง หลายผู้คนต่างเดินตามติด
 
ทันทีเมื่อมาถึงหน้าประตู สายตานั้นกวาดมองผู้คนที่ตั้งแถวเรียงราย ชายร่างอ้วนท้วนผู้นี้คือจ้าวเมืองรัศมีมังกร เป็นบุคคลอหังการอวดดีผู้หนึ่ง สายตายามมองที่ผู้คนซึ่งตั้งแถวเรียงรายมีแต่ความหยามเหยียด
 
“สวะเหล่านี้กล้าดีอย่างไรมาต่อแถว? พวกมันคิดหรือว่าจะได้เป็นคนงานของตระกูลหลงนง่ายดาย?” ชายวัยกลางคนกล่าวคําอย่างนึกรังเกียจ
 
“ท่านจ้าวเมือง เงื่อนไขที่พวกเราตั้งไว้ค่อนข้างต่ํา… เดิมตระกูลเสนอให้ห้าล้านเหรียญม่วงต่อปี กระนั้นท่าน ท่านเลือกใช้สองล้านเพื่อรับคนเข้าทํางาน” ชายชราข้างกายกล่าวคํา
 
“สองล้านเหรียญม่วงต่อปีเพื่อจ้างยอดยุทธ์นี้ไม่พองั้นรึ?” จ้าวเมืองรัศมีมังกรแค่นเสียง
 
“น้อยจริงขอรับ” ชายชราถอนหายใจเบา
 
ตอนนี้เอง จ้าวเมืองพลันได้เห็นฉินหยุนและหลันซูเหยา ด้วยหลันซูเหยาสวมใส่ชุดสีครามผมมวยเอาไว้อย่างเรียบง่าย ใบหน้ามีผ้าคลุมปิดบัง การแต่งกายของนางเรียบง่าย กระนั้นดวงตาสีครามนั้นกลับดึงดูดอย่างยิ่ง ทันทีซึ่งพบเห็นหลันซูเหยา เขาจึงก้าวเดินเข้ามายิ้มกล่าว
 
“แม่นางผู้นี้ มาต่อแถวเพื่อเข้าร่วมตระกูลหลงของเราเช่นกันหรือ?” จ้าวเมืองเผยสายตากวาดมองอย่างตื่นกระหายพร้อมหัวเราะกล่าวถาม
 
ฉินหยุนพลันกล่าว “พวกเราหาได้สนใจไม่ เพียงแต่ผ่านทางมา”
 
จ้าวเมืองจึงหันมองทางฉินหยุน พร้อมได้ตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับสูง เขาจึงตะโกนกล่าวอย่างนึกรังเกียจ “สวะชั้นต่ําจงหุบปาก! นี่ไม่ใช่ที่ให้เจ้าได้พูดกล่าว!”
 
ได้ยินเสียงจ้าวเมืองตะโกนดัง ผู้คนต่างหันมอง พวกเขาทราบดีว่าจ้าวเมืองผู้นี้เป็นเช่นไร ดังนั้นจึงหันไปสงบเสงี่ยมเจียมตัวหาได้สนใจทางด้านนี้อีก
 
“หุบปาก? คนเช่นเจ้าหรือบอกให้ข้าหุบปาก?” ฉินหยุนแค่นเสียงกล่าว เขา แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ดังนั้นแม้เดินผ่านมาทั้งเมืองจะมีแต่ใบหน้าเขาแปะหราประกาศเด่นชัดก็หาได้มีผู้ใดจดจําเขาได้ไม่
 
“เพราะข้าคือจ้าวเมืองแห่งนี้อย่างไรเล่า! ในเมืองรัศมีมังกรแห่งนี้ หากข้าบอกให้เจ้าไปกินมูลสุกรเช่นนั้นเจ้าก็ต้องไปกิน!” จ้าวเมืองยิ่งมีโทสะพร้อมตะโกนเสียงดังลั่น “เร่งรีบตบใบหน้าตัวเจ้าเอง! หากให้ข้าตบ เมื่อนั้นใบหน้าเจ้าจะแหลกออกเป็นเสี่ยง!”
 
“แล้วหากข้าไม่ทําเล่า?” ฉินหยุนพลันกําหมัดแน่น
 
จ้าวเมืองหันมองทางหลันซูเหยาและกล่าว “แม่สาวงาม ผู้ติดตามชั้นสวะของเจ้านี้คล้ายไม่เชื่อฟัง ทว่าข้าจะไม่ทําอะไรเพื่อเป็นการไว้หน้าแก่เจ้า เพื่อตอบแทนเรื่องนี้ มาพักผ่อนในที่พํานักข้าสักหลายวันเป็นไร!”
 
“ตัวตนเช่นเจ้าสมควรไปให้สุนัขี่รดหน้าแล้วใช้มันล้างหน้าเสีย! เจ้าจะต้องถูกไล่ล่าโดยตระกูลของราชินีซูเหยา!” ฉินหยุนแค่นเสียงกล่าว
 
ผู้คนต่างสูดลมหายใจเย็นเยือกเข้าเต็มปอด ถึงกับมีคนกล้ายั่วยุจ้าวเมืองเช่นนี้ มันไม่ต่างอะไรกับแส่หาความตาย!
 
หลันซูเหยายังคงรับชมอย่างนิ่งสงบ
 
“ข้ารับใช้สวะเช่นเจ้าสมควรต้องถูกลงทัณฑ์!” จ้าวเมืองสั่งการชายชราที่อยู่ด้านหลัง “ทําให้ปากมันไม่อาจพูดกล่าวได้อีก!”
 
ชายชราก้าวเดินมาเข้ามา เขาคือยอดยุทธ์ระดับสูงสุด ขณะนี้นําเอาแผ่นเหล็กออกมา มันคล้ายเป็นอุปกรณ์พิเศษสําหรับใช้ตบใบหน้าผู้คน ทันทีที่เข้ามาใกล้ฉินหยุน ร่างกายเขากลับกลายเป็นสูญเสียการควบคุม แผ่นเหล็กที่นําออก เวลานี้ได้หันกลับพร้อมตบเข้าที่ใบหน้าของจ้าวเมืองอย่างรุนแรง!
 
ติ้ง!
 
ใบหน้าจ้าวเมืองสั่นเทิ้มจากแรงฟาดหวด เป็นเขาถูกตบตีประหนึ่งคนโง่! ฝูงชนที่รับชมค่อยตระหนัก ว่าชายชราย่อมไม่มีความหาญกล้ากระทําเช่นนี้ แต่เป็นเขาถูกควบคุม ฝูงชนใกล้เคียงเริ่มกระจายตัวเว้นระยะแล้ว
 
“เจ้า… เจ้ากล้าตบข้าเชียวรี!” จ้าวเมืองหันมองทางชายชราก่อนและจึงเป็นฉินหยุน
 
“ใช่ ข้าตบใบหน้าเจ้า และยังจะต่อยซ้ํา!” ฉินหยุนต่อยหมัดดุดันเข้าที่ใบหน้าจ้าวเมืองอย่างรุนแรง
 
“อ๊าก!” จ้าวเมืองคํารามร้องเจ็บปวด โลหิตต้องไหลหลั่งออกทางจมูก
 
ภายในเมืองรัศมีมังกร ถึงขั้นมีคนกล้ายั่วยุจ้าวเมืองอย่างเปิดเผยถึงเพียงนี้ กระทั่งต่อยตีซึ่งหน้าผู้เดียวที่หาญกล้าทําเช่นนี้ได้ ก็คงมีแต่ฉินหยุนแล้ว
 
ทุกผู้คนที่นี้ต่างคิดเห็นเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างเร่งรีบเผ่นหนี ผู้คนที่เดิมตั้งแถว เวลานี้กระจายตัวหายวับ จ้าวเมืองผู้นี้ย่อมไม่ใช่โง่งม เขาย่อมตระหนักได้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าสมควรเป็นฉินห ยุนแล้ว
 
“เจ้าคือฉินหยุนงั้นรึ? ไอ้ตัวบัดซบ!” จ้าวเมืองนําเอากระบี่ใหญ่ออกมาพร้อมพุ่งเข้าโจมตี
 
ถึงตอนนี้เอง ดวงตาสีครามของหลันซูเหยาพลันระเบิดเอาแสงสีครามออกปกคลุมร่างจ้าวเมืองและบริเวณใกล้เคียง เป็นผลให้ร่างผู้คนที่ต้องถูกกลับกลายเป็นแข็งค้าง
 
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกของฉินหยุนเผยออกพร้อมมวลพลังงานสีดํา เขาพุ่งทะยานเข้าสับฟันใส่ร่างจ้าวเมืองรุนแรง เป็นผลให้อีกฝ่ายต้องกรีดร้องเพราะจิตวิญญาณถูกกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกกลืนกิน
 
จ้าวเมืองรัศมีมังกรถึงกับถูกสังหารเช่นนี้
 
ฝูงชนนิ่งค้างแตกตื่น พวกเขาคิด ว่าสาเหตุที่ฉินหยุนสามารถสังหารราชันยุทธ์ทั้งหลายไปคราก่อน ก็เพราะพวกเขาไม่ทันระวังต่อฉินหยุน กระนั้นตอนนี้จ้าวเมืองที่ทราบแน่ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นฉินหยุน ก็ยังไม่อาจต่อต้านทนทานรับไว้ได้ เรื่องนี้ทําเอาผู้คนต่างสงสัยว่าฉินหยุนได้ก้าวถึงขอบเขตราชันยุทธ์แล้ว!
 
“จ้าวเมือง ท่านจ้าวเมือง…” ชายชราร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว
 
“ในเมื่อเป็นนายเจ้า เช่นนั้นก็ตามมันไป!” ฉินหยุนสะบัดกระบี่ในมือเรียกเลือดสาดกระเซ็นอีกครั้งหนึ่ง ชายชราสิ้นชีพแล้ว
 
อย่างกะทันหัน ออร่ารุนแรงได้ระเบิดทะลักล้นในเมืองรัศมีมังกร เป็นดังที่ฉินหยุนตั้งข้อสงสัยตระกูลหลงได้ส่งบุคคลแข็งแกร่งมาคุ้มกันที่นี่ ทว่าจํานวนมีไม่มาก ผู้ที่เพิ่งมาถึงต่างเป็นราชันยุทธ์หาได้มีจักรพรรดิยุทธ์แม้สักคนร่วมทางมาไม่!
 
พวกเขาเมื่อมาถึง ฝูงชนที่อยู่ห่างไกลออกไปเริ่มสนทนา “เป็นห้ามังกรราชันศึกแห่งตระกูลหลง! พวกเขาเหล่านี้ต่างแข็งแกร่ง เป็นยอดยุทธ์ระดับสูงสุดวัยกลางคนที่เหนือล้ํา!”
 
“ชื่อเสียงพวกเขาในตระกูลหลงโด่งดัง ได้ยินว่าหากต่อสู้ร่วมกัน กระทั่งจักรพรรดิยุทธ์พวกเขาก็จับตัวไว้ได้!”
 
“ไม่ใช่ว่าครั้งนี้ฉินหยุนขาดความระวังเกินไปหรือ? เขาน่าจะทราบว่าตระกูลหลงย่อมต้องเพิ่มมาตรการป้องกันเมืองนี้ กระนั้นกลับบุกเข้ามาอย่างนุ่มบ่าม!”
 
“ครั้งล่าสุด ฉินหยุนสังหารราชันยุทธ์ไปหลายคน ทว่าพวกเขาเหล่านั้นต่างอ่อนแอ! ด้วยห้ามังกรราชันศึกที่ผ่านสมรภูมินับพันเคี่ยวกรํา พวกเขาจึงเป็นราชันยุทธ์ชั้นแนวหน้ากล่าวได้ว่าเป็นครึ่งก้าวจักรพรรดิยุทธ์!”
 
ห้ามังกรราชันศึกมาเยือน พวกเขาเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ทั้งหมดสวมใส่ชุดเก ราะออกศึกสีทองม่วงในมือถือกระบี่ทองม่วง ตัวกระบี่มีการแกะสลักหัวมังกรเอาไว้อย่างเด่นชัดพวกมันส่องประกายแสงสีทองม่วงเจิดจรัสผ่านอักขระเต๋
 
บุคคลทั้งห้าเปี่ยมล้นด้วยพลังแข็งแกร่ง เป็นผลให้ฝูงชนที่รับชมต่างเชื่อ ว่าฉินหยุนต้องจบสิ้นที่นี่และวันนี้ เพราะห้ามังกรราชันศึกคือตัวตนเหนือล้ํายิ่งกว่าฉินหยุนในทุกด้าน!
 
“มีอุปกรณ์เตชั้นสวะในมือด้วยหรือนี่!” ฉินหยุนแค่นเสียงเบากล่าวคํา
 
“ฉินหยุน เจ้าต้องถูกจับตัวในวันนี้ และจะถูกประหารท่ามกลางสาธารณชน!” หนึ่งในชายวัยกลางคนกล่าวคํา ในพริบตา เขาพุ่งทะยานเข้าหาฉินหยุนพร้อมสับฟันด้วยกระบี่ในมือ
 
ทันทีที่กระบี่ทองม่วงสับฟันลงมา เสียงมังกรพลันคํารามพร้องดังสนั่น เสียงคํารามร้องของมังกรนี้ มันมาพร้อมกับร่างมังกรจําแลงโปร่งแสงทองม่วง
 
มีราชันยุทธ์เพียงผู้เดียวที่โจมตีฉินหยุน เพราะพวกเขาต่างคิด ว่าลงมือเพียงหนึ่งคนก็เพียงพอให้จับตัวฉินหยุนได้แล้ว
 
กระบี่นี้แทบสับฟัน กระนั้นกลับต้องหยุดชะงัก ราชันยุทธ์วัยกลางคนกลับกลายเป็นนิ่งค้างไว้การเคลื่อนไหว
 
เนตรศักดิ์สิทธิ์ของหลันซูเหยาทอประกายแสงสีครามอ่อนจาง มันเป็นผลให้ราชันยุทธ์ผู้นั้นไม่อาจไหวติงได้!
 

Related

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset