ตอนที่ 811 : ครึ่งเซียนผู้แข็งแกร่งที่สุด

ตอนที่ 811 : ครึ่งเซียนผู้แข็งแกร่งที่สุด
 
สูญเสียมังกรพิทักษ์สํานัก มันส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทั้งตระกูลหลง เป็นที่ทราบกันดี ว่าทุกตระกูลหลงแห่งแดนวิญญาณอ้างว้างเขตแดนนอก พวกเขาจะต้องมีมังกรพิทักษ์สํานักคอยคุ้มกัน
 
เวลานี้ มังกรพิทักษ์สํานักแห่งแคว้นมหาดวงดาวได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่ทราบว่ายังมีชีวิตหรือตายจาก เป็นผลให้ตระกูลหลงแห่งแคว้นมหาดวงดาวกลายเป็นที่ขบขันท่ามกลางตระกูลหลงจากแคว้นอื่น
 
“โทเทมมังกรที่วิญญาณยุทธ์มังกรของหลงเฉียวเฟิง เป็นข้าแกะสลักมันขึ้น! ข้าจะไม่ปล่อยให้มันต้องตกอยู่ในมือของกลุ่มตัวบัดซบเช่นพวกเจ้า!” ฉินหยุนประกาศด้วยเสียงอันดัง
 
ได้ยินคําของฉินหยุน ผู้คนล้วนตื่นตะลึงอย่างไม่คาดคิด กระทั่งครึ่งเซียนตระกูลหลงยังพบว่าเรื่องราวนี้เกินคาดคิด
 
เจี้ยนสือเทียนขมวดคิ้วแน่น เพราะเขาทราบ ว่าเจี้ยนรั่วหยานมีโทเทมดาบแกะสลักตามร่างกาย และมันก็เป็นการปรากฏอย่างกะทันหัน
 
แม้เขาทราบเช่นนั้น ทว่าก็ไม่ได้ถามอันใดต่อเจี้ยนรั่วหยานออกไป ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัย ว่าอาจเป็นฉินหยุนที่แกะสลักโทเทมดาบบนเรือนร่างและวิญญาณยุทธ์ของเจี้ยนรั่วหยาน
 
ผู้คนล้วนทราบว่าฉินหยุนครอบครองโทเทมมังกร และครั้งหนึ่งยังมอบให้แก่ตระกูลเจี้ยน กระนั้นการแกะสลักโทเทมที่วิญญาณยุทธ์ มันจําเป็นต้องเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาลับขัดเกลาวิญญาณแต่ละฝักฝ่ายล้วนมีอาจารย์ขัดเกลาวิญญาณในสังกัด ทว่าพวกเขาหาได้เชี่ยวชาญวิถีจารึกแห่งเต๋าไม่
 
ดังนั้นแล้ว พวกเขาจําเป็นต้องหาอาจารย์จารึกที่สามารถทํางานผสานร่วมกับเคล็ดวิชาลับขัดเกลาวิญญาณ ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็ค่อนข้างเลวร้าย และฉินหยุนผู้นี้ คืออาจารย์จารึกและอาจารย์ขัดเกลาวิญญาณที่มีพรสวรรค์ ทั่วทั้งเขตแดนนอกแห่งแดนวิญญาณอ้างว้าง เขาคือตัวตนหาได้ยากประหนึ่งขนนกหงส์อมตะหรือเขากิเลนเลยก็ว่าได้
 
ผู้คนตระกูลหลงเวลานี้ต่างหิวกระหาย คิดอยากครอบครองตัวฉินหยุนเอาไว้ นี่ก็เพราะทุกผู้คนของตระกูลหลง ต่างปรารถนาต้องการโทเทมมังกรที่วิญญาณยุทธ์เพื่อเพิ่มพูนพลังอันมหาศาล
 
หลังจากเจี้ยนสือเทียนได้ทราบ ว่าฉินหยุนคืออาจารย์ขัดเกลาวิญญาณ เขาพลันเผยดาบต้นกําเนิดออก ครึ่งเซียนตระกูลเจี้ยนอีกหลายคนที่เหลือ เวลานี้ต่างพร้อมรบเช่นเดียวกัน
 
“ให้ข้าลงมือเอง! พวกเจ้าคุ้มกันคนตระกูลเจี้ยนเรา!”
 
ชายชราไว้หนวดเคราสีดอกเลาในชุดแดง ได้บินทะยานเชื่องช้าร่อนลงที่ตรงหน้าฉินหยุนและหลันซูเหยา
 
“ผู้อาวุโส ท่านต้องจับเป็นฉินหยุน โทเทมมังกรที่มันเชี่ยวชาญเป็นของตระกูลหลงพวกเราเป็นมันลักขโมยเอาไป!” หนึ่งในชายชราตระกูลหลงกล่าวคํา
 
ผู้คนเวลานี้ต่างด่าทอต่อความไร้ยางอายของตระกูลหลงเป็นล้นพ้นภายใน เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้คนเชี่ยวชาญโทเทมมังกรมีน้อยนิด ดังนั้นคิดฉกชิงขโมยย่อมไม่ใช่เรื่องเป็นไปได้ กระทั่งตระกูลหลงเอง ก็มีเพียงน้อยคนที่เชี่ยวชาญ
 
กระทั่งว่าหลันซูเหยาเติบโตขึ้นในเขตแดนอ้างว้างตั้งแต่ยังเด็ก นางก็ทราบดีว่าอาจารย์จารึกและอาจารย์ขัดเกลาวิญญาณเป็นตัวตนเลิศล้ำเพียงใด ยกตัวอย่าง เซียนเฒ่าเต่าที่เป็นอาจารย์จารึก เขาเป็นที่นับหน้าถือตาในเขตแดนอ้างว้าง กระทั่งนางยังต้องสุภาพต่ออีกฝ่าย
 
ชายชราผมสีดอกเลาตรงหน้าแข็งแกร่ง สถานะย่อมสูงส่ง สีหน้าเวลานี้เผยแต่ความเดียดฉันท์ สายตานั้นมองที่ฉินหยุนและหลันซูเหยาประหนึ่งมดปลวก
 
เขากล่าวออกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแหบแห้ง “ฉินหยุน หากเจ้ายอมรับความผิด และยอมสาบานเป็นข้าทาสแห่งข้า ข้าจะเพียงจับกุมตัวเจ้าเอาไว้! ข้าจะไม่คุกคามใดต่อเจ้า และนับจากนี้ ชีวิตเจ้าจะได้อยู่ดีมีอิสระในขอบเขตที่ข้าจํากัดให้!”
 
“ตาเฒ่า เจ้าและข้าหาได้มีเรื่องอันใดให้คุยกันอีกไม่! ข้าไม่ได้มาที่นี่วันนี้เพื่อรับความผิดหรือเจรจา แต่มาเพื่อทวงวิญญาณยุทธ์ของเฉียวเฟิงกลับคืน! หากเจ้าไม่ส่งมันกลับคืน ข้าจะขอสู้ด้วยทุกสิ่งที่ข้ามี!” ฉินหยุนกล่าวคําเสียงเย็นเยือก
 
ชายชราตระกูลหลงตะโกนออกด้วยโทสะ “ฉินหยุน จงคํานับเสีย! เจ้าทราบหรือไม่ว่าพูดคุยกับผู้ใด? ท่านนี้คือจ้าวอวี้ฉวนแห่งเขตแดนลึกล้ำ เป็นผู้ที่ห่างจากการเป็นเซียนเพียงหนึ่งทัณฑ์พิบัติ!”
 
ราชันยุทธ์หลายคนที่นี้ รวมถึงจักรพรรดิยุทธ์ และกระทั่งครึ่งเซียนที่นี้ต่างร้องอุทานตื่นตะลึง พวกเขาต่างเหม่อมองไปยังชายชราหนวดเคราสีดอกเลานามจ้าวอวี้ฉวน
 
ครึ่งเซียนจําเป็นต้องผ่านทัณฑ์พิบัติทั้งเจ็ดเพื่อก้าวขึ้นเป็นเซียน เมื่อนั้นจะได้เข้าสู่แดนเซียน อ้างว้าง นั่นหมายความถึง จ้าวอวี้ฉวนผู้นี้คือผู้แข็งแกร่งที่สุดเบื้องล่างขอบเขตเซียน เขาคือครึ่งเซียนระดับสูงสุด
 
ครึ่งเซียนจากหุบเขาเซียนโอสถกล่าวคํา “ฉินหยุน เจ้ากล้าไร้มารยาทต่ออนาคตเซียนเช่นนี้ ทราบหรือไม่ว่ากระทําอันใดลงไป?”
 
ฉินหยุนจึงแค่นเสียงกล่าว “ทัณฑ์พิบัติทั้งเจ็ดที่ครึ่งเซียนต้องแบกรับ ครั้งสุดท้ายเรียกขานเป็นทัณฑ์ต้านสวรรค์ ไว้มันก้าวผ่านไปได้เมื่อไหร่ค่อยพูดกล่าว! ครึ่งเซียนหลายคนต่างร่างระเบิดตกตาย จิตวิญญาณต้องแหลกสลายเพราะทัณฑ์พิบัติครั้งสุดท้าย! ในสายตาข้า มันก็แค่คนที่ใกล้ตาย ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น!”
 
คํากล่าวของฉินหยุน เป็นผลให้ครึ่งเซียนหลายต่อหลายคนต้องเงียบงันด้วยความหวาดกลัว! สาเหตุว่าทําไมครึ่งเซียนจึงก้าวขึ้นเป็นเซียนได้ยากเย็น นั่นก็เพราะพวกเขามีความหวาดกลัวภายในใจเป็นล้นพ้น พวกเขาไม่กล้าทุ่มบ่ามก้าวข้ามทัณฑ์ต้านสวรรค์ ไม่เช่นนั้นจะมีแต่ความตายที่รอคอย
 
คํากล่าวของฉินหยุนไม่ใช่ไร้ซึ่งเหตุผล ทัณฑ์ต้านสวรรค์เป็นสิ่งชวนสะพรึง มีบุคคลเพียงหนึ่งในสิบที่สามารถผ่านทัณฑ์พิบัตินี้ไปได้ กาลเวลายาวนานนับปีไม่ถ้วน ผู้มีพรสวรรค์เลิศล้ำต่างต้องตายตก จิตวิญญาณต้องแหลกสลายไปเพราะคิดก้าวข้ามผ่านทัณฑ์ต้านสวรรค์
 
จ้าวอวี้ฉวนจับจ้องที่ฉินหยุน ดวงตาภายนอกยังคงสงบ กระนั้นภายในใจ มันมีแต่ความโกรธแค้นอัดแน่น เพราะฉินหยุนได้แตะต้องความหวาดกลัวที่ฝึกรากลึกไว้ในใจของเขาขึ้นมา!
 
“ข้าให้โอกาสแล้ว เป็นเจ้าไม่ทราบว่าสิ่งที่ได้รับนี้ล้ำค่าเพียงใด! ข้าหาได้สนไม่ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ฟ้าประทานเช่นไร แต่วันนี้เจ้าต้องตายด้วยมือข้า!” น้ำเสียงที่อัดแน่นด้วยความโกรธเคืองของจ้าวอวี้ฉวนดังแผ่ขยาย
 
คลื่นเสียงทะลักล้นประหนึ่งฟ้าคํารามสะท้านสะเทือนพุ่งเข้าหาฉินหยุนและหลันซูเหยา
 
จ้าวอวี้ฉวนเพียงปลดปล่อยออร่าที่ชวนสะพรึงออกมา ก็เป็นผลให้ครึ่งเซียนหลายต่อหลายคนต้องตั้งระวังพร้อมเผยอาการตื่นตระหนก
 
ครึ่งเซียนหลายคนที่นี้ บางคนเพียงเพิ่งก้าวขึ้นเป็นครึ่งเซียน พวกเขายังไม่ได้ข้ามผ่านทัณฑ์พิบัติที่สอง และก็ยังไม่กล้าที่จะลองด้วยซ้ำ กับครึ่งเซียนที่ก้าวข้ามทัณฑ์พิบัติทั้งหก พละกําลังย่อมต้องห่างไกลหากเทียบกับผู้ที่เพิ่งเหยียบประตูเข้าสู่ขอบเขตครึ่งเซียน
 
จ้าวอวี้ฉวนเผยออร่ารุนแรง ร่างกายส่องประกายแสงเจิดจ้าพร้อมพุ่งทะยานเข้าหาฉินหยุน
 
ทันใดนี้เอง ฉินหยุนรู้สึกราวกับพลังอันไร้ก้นบึงเกินใดเทียบได้ปกคลุมตนเอง พื้นหินที่เบื้องล่างตัวเขาและหลันซูเหยาต้องแตกสลายแปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง กระทั่งพื้นดินยังปริแตกแยกออก
 
ฝูงชนที่รับชมอยู่ห่างไกล รวมถึงผู้คนตระกูลหลงต่างเกิดความรู้สึกหนักอึ้ง มีแต่ความริษยาเข้าเกาะกุม พลังอันเลิศล้ำระดับนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาเฝ้าฝันหา พวกเขารู้สึกว่าการที่ฉินหยุนต้อง ตายวันนี้เป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่ง
 
อาจารย์จารึกขัดเกลาวิญญาณ เป็นตัวตนล้ำค่าเลิศล้ำ หากพวกเขาสามารถควบคุมอีกฝ่ายไว้ได้ นั่นหมายความถึงพวกเขาจะได้รับพลังอันแกร่งกล้าในอนาคตมาครอง
 
จ้าวอวี้ฉวนครอบครองพลังอันแข็งแกร่งเลิศล้ำ เป็นผลให้หลายคนต้องเกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจ ราวกับพวกเขาอาจสิ้นชีพได้ทุกเมื่อ กระนั้นสิ่งที่ทําให้ผู้คนตื่นตะลึงยิ่งกว่า คือฉินหยุนและหลันซูเหยาหาได้เผยท่าทีหวาดกลัวใดออกมาไม่
 
ฉินหยุนคือผู้ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาว และกระทั่งพายุที่รุนแรง เขาได้พบกับเย่ว์โยว เฉียหยิ่งปิงชิง เหยาเฟิง มังกรภูตผี… เหล่านั้นล้วนเป็นตัวตนที่เหนือล้ำยิ่งกว่าเซียน ฉินหยุนจึงไม่หวาดเกรงพลังครึ่งเซียนของจ้าวอวี้ฉวนแม้เพียงนิด
 
หลันซูเหยาเคยเผชิญหน้ากับมังกรภูตผี เป็นนางได้พบกับผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจ้าวอวี้ฉวน ดังนั้นนางจึงยังมีอาการสงบ
 
“ฉินหยุน ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า! ยอมรับความจริง และเป็นทาสแห่งข้า!” น้ำเสียงจ้าวอวี้ฉวนดังสะท้านสะเทือนพื้นดิน มันมาพร้อมกับออร่าสะกดข่มอันรุนแรง
 
ตัวเขาไม่ใช่ตกอยู่ในห้วงความโกรธโดยสมบูรณ์ เขาคือผู้มาจากเขตแดนลึกล้ำ เขาทราบดีว่าอาจารย์จารึกขัดเกลาวิญญาณมีความสําคัญเพียงใด โดยเฉพาะกับอัจฉริยะเช่นฉินหยุน ผู้ซึ่งครอบครองถึงสองจารึกวิญญาณ
 
“เจ้าก็แค่คนใกล้ตาย กระทั่งว่าคิดอยากเป็นทาสของข้า ข้าก็คร้านจะสนใจเจ้า! แล้วเจ้าคิดถึงขั้นให้ข้าเป็นทาสอย่างนั้นหรือ? ฝันเฟื่อง!” ฉินหยุนแค่นเสียงตะโกนตอบดังลั่น
 
หลายผู้คนไม่อาจเข้าใจได้ ว่าฉินหยุนได้รับความหาญกล้านี้มาแต่ใด อย่างไม่คาดคิด เขาถึงขั้นกล้าพูดกล่าววาจายั่วยุแม้เป็นเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเพียงความตายไม่อาจพอใช้ข่มขู่เขาได้!
 
“หากเจ้าไม่เป็นทาสแห่งข้า และไม่คิดตาย เช่นนั้นข้าจะผนึกเจ้าเอาไว้และทรมานจนกว่าเจ้าจะร้องขอความตายด้วยตนเอง!”
 
จ้าวอวี้ฉวนคํารามด้วยโทสะ ฟากฟ้าและผืนดินถึงกับสั่นสะเทือน ออร่าสะกดข่มรุนแรงมาพร้อมโทสะสะกดลงแปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือยักษ์พุ่งเข้าหาฉินหยุนและหลันซูเหยา
 
ร่างของหลันซูเหยาพลันเผยประกายแสงสีคราม
 
ตู้ม!
 
ฝ่ามือสีขาวที่เคลื่อนเข้าใกล้ มันสหายเลือนหาย!
 
ฉินหยุนและหลันซูเหยายังปลอดภัยดี!
 
ทุกผู้คนต่างอุทานร้องกันด้วยอาการตระหนก พวกเขาไม่คิด ว่าสตรีผู้นั้นแข็งแกร่งเลิศล้ำได้เพียงนี้
 
จ้าวอวี้ฉวนยังต้องลอบตระหนกตกใจ สายตาจับจ้องที่หลันซูเหยาก่อนจะเร่งรีบพุ่งทะยานเข้าหา
 
กระนั้น ขณะก้าวได้เพียงสอง ร่างกายของเขากลับกลายเป็นชะงักงัน เขามองที่ดวงตาสีครามของหลันซูเหยา สัมผัสได้ถึงพลังประหลาดที่ทะลักล้นออกจากดวงตาทั้งสองสู่ร่างกายของเขาเป็นผลให้ทั้งร่างไม่อาจทําตามใจคิด
 
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกพลันปรากฏในมือฉินหยุน เขาพบเห็นจ้าวอวี้ฉวนชะงักงัน จึงพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงล้ำ ปลดปล่อยพลังแข็งแกร่งที่สุดถ่ายเทเข้าใส่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลก
 
วูบ!
 
กระบี่สับฟันลงในพริบตา ราวกับมันแทบฉีกกระชากมิติจนสะบั้น เป็นผลให้เกิดเสียงหวีดร้องหลายผู้คนต่างต้องหวาดกลัวถึงขีดสุด พวกเขาราวกับได้ยินเสียงวิญญาณร้ายร่ำไห้จากเก้าปรโลก
 
กระบี่ฉินหยุนโจมตีออกอย่างรวดเร็วและเรียบง่าย ร่างจ้าวอวี้ฉวนถูกเฉือนนั่นออกเป็นสอง!
 
เพราะภาพฉากที่เห็นชวนตื่นตะลึงเกินไป ผู้คนจึงรู้สึกราวกับเวลาถูกหยุดลง เป็นพวกเขาได้รับชมเหตุการณ์ยากเกินเชื่อได้ จ้าวอวี้ฉวน ตัวตนครึ่งเซียนที่ข้ามผ่านหกทัณฑ์พิบัติ เวลานี้ถึงกับถูกหันร่างออกเป็นสอง
 
ฟุบ ฟุบ ฟุบ!
 
ฉินหยุนยังคงสับฟันกระบี่อีกหลายครั้งครา หันร่างสองท่อนของจ้าวอวี้ฉวนกลายเป็นแปดท่อน เศษชิ้นส่วนร่างอันแหลกเละได้กระจัดกระจายทั่วพื้น
 
ขณะผู้คนยังมีอาการตื่นตะลึงจนไม่ทันตอบสนอง ฉินหยุนก็เก็บเศษร่างอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็วแล้ว
 
เจี้ยนสือเทียนยังคงถือดาบต้นกําเนิดไว้ในมือ ฝ่ามือเวลานี้ต้องหลั่งเหงื่อกาศรุนแรง เขาสงสัยว่าหลันซูเหยาถึงขั้นสามารถจัดการจ้าวอวี้ฉวนได้ง่ายดายเพราะพลังของเนตรศักดิ์สิทธิ์อันชวนสะพรึง
 
แม้ก่อนหน้าเขากล่าวว่ามีเพียงแต่เซียนจึงสามารถรับมือกับหลันซูเหยา เขาก็ยังไม่ใช่เชื่ออย่างหมดใจเช่นนั้น ทว่าเวลานี้ เขาได้มั่นใจแน่ชัดแล้ว ว่ามีแต่เซียนจึงสามารถรับมือกับหลันซูเหยาได้
 
ผู้คนตระกูลหลง รวมถึงฝักฝ่ายใหญ่พันธมิตรของตระกูลหลงต่างหวาดกลัวเป็นล้นพ้นยามได้พบเห็นเรื่องราวตรงหน้า จ้าวอวี้ฉวนผู้ซึ่งได้รับความนับถือไม่จบไม่สิ้น เวลานี้ถึงกับถูกฉินหยุนลงมือสังหาร
 
เมื่อครู่ ผู้คนล้วนได้เห็นว่าหลันซูเหยามีการเคลื่อนไหว ทว่าพวกเขาไม่อาจเข้าใจ ว่านางใช้วิธีการอันใด
 
“จะบอกว่าผู้นี้คือเซียนหญิงแห่งพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ผู้อาวุโสสูงสุดที่ลึกลับผู้นั้นอย่างนั้นหรือ?”
 
“เป็นไปไม่ได้ เซียนหญิงผู้นั้นไม่อาจออกจากพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ หากนางออกมาเช่นนั้นย่อมถูกกลืนหายเข้าสู่แดนเซียนอ้างว้าง!”
 
“บางที่นางอาจมีวิธีการพิเศษสะกดระดับการฝึกฝน!”
 
“ได้ยินว่าผู้อาวุโสสูงสุดโปรดปรานฉินหยุนไม่ใช่น้อย…”
 
“ไม่แปลกใจเลย เพียงสองคนเดินทางมาลงมือ นั่นก็เพราะผู้หนึ่งเป็นถึงเซียน!”
 
บรรดาผู้ชมที่อยู่ไกลออกไปต่างระเบิดเสียงฮือฮาเริ่มสนทนากันอย่างเผ็ดร้อน
 
ผู้คนตระกูลหลงหวาดกลัวเป็นล้นพ้น พวกเขาไม่มั่นใจว่าหลันซูเหยาใช่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งพระราชวังเชียนยุทธภัณฑ์หรือไม่ แต่ที่ทราบ คือผู้อาวุโสสูงสุดผู้นั้นคือเซียนหญิงที่งดงาม
 
“เมื่อครู่ ข้าได้ให้โอกาสพวกเจ้าส่งมอบวิญญาณยุทธ์ของเฉียวเฟิงไปแล้ว! ครานี้โอกาสนั้นจะไม่วนกลับมาหาพวกเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง!” น้ำเสียงของฉินหยุนอัดแน่นด้วยจิตสังหารตะโกนดังกึกก้อง เป็นผลให้ผู้คนตระกูลหลงยิ่งจมดิ่งลึกในห้วงความหวาดกลัว
 

Related

Nine Sun God King

Nine Sun God King

Qin Yun, fallen crown prince of Qin Empire. Inherits the martial legacy of nine sun world. The superb martial legacy in his arsenal, insane inscription techniques in his fingertips, surrounded by enemies and beauties abound. But Qin Yun is not satisfied, he wants to go beyond the nine suns into the great astral infinity, to become a GOD.

Options

not work with dark mode
Reset