บทที่ 98 ทำไมเธอถึงยังไม่ท้อง?
“ลำบากเธอแล้ว” ได้ยินหลินชิงเหอพูดดังนี้ พี่ชายรองก็รู้สึกใจชื้น
ในตอนนี้ไม่มีเนื้อแจกหรอก หากเขาต้องการซื้อก็ต้องไปสำรวจดูตั้งแต่เช้าตรู่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” หลินชิงเหอเห็นว่าพี่ชายรองอยากได้เนื้อมากขนาดไหน เธอจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว
เนื้อที่โจวชิงไป๋นำกลับมาเป็นเนื้อหมูสามชั้นธรรมดาคุณภาพดี มันมีอยู่ราวสองถึงสามชั่ง หลินชิงเหอจึงตัดแบ่งออกมาชั่งหนึ่ง เธอไปที่ตลาดมืดในเมืองนานพอที่จะบอกสัดส่วนโดยประมาณได้แล้ว
หลังแบ่งเนื้อหมูสามชั้น 1 ชั่งให้พี่ชายรอง เธอก็เก็บเงินจากเขาเป็นราคาเดียวกับที่ขายในตลาดมืด ถึงจะเป็นอย่างนั้นพี่ชายรองก็กลับบ้านไปด้วยอาการลิงโลด
หากเขาแลกเงินกับคูปองเนื้อแล้วไปซื้อเนื้อเอง ราคาของมันก็คงจะแพงกว่าการซื้อเนื้อในตลาดมืด ดังนั้นการซื้อเนื้อที่ราคาตลาดมืดจึงคุ้มค่ามากกว่า
และไม่ใช่ทุกคนที่กล้าไปตลาดมืด
สะใภ้รองถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นสามีนำเนื้อกลับมา
“แม่เจ้าใหญ่แบ่งให้น่ะ” พี่ชายรองเอ่ยและคืนเงินที่เหลืออยู่ให้หล่อน
“ทำไมมันแพงขนาดนี้?” สะใภ้รองเห็นเงินเหลือกลับมาน้อยนิดแล้วก็ถึงกับเอ่ยลอดไรฟัน
พี่ชายรองอึ้งไป “แพงอะไรกัน? เงินจำนวนนั้นซื้อเนื้อได้ชั่งหนึ่งมาตั้งแต่แรกแล้ว แล้วเรายังมีเงินเหลืออยู่นะ”
“หล่อนคิดราคาตามตลาดมืดหรือยังไง?” สะใภ้รองยืนกรานอย่างไม่พอใจ
“ชิงไป๋เป็นคนนำเนื้อนี่กลับมาด้วยความยากลำบาก เป็นเพราะแม่เจ้าใหญ่ได้ยินว่าเซี่ยเซี่ยอยากกินเนื้อ หล่อนก็เลยแบ่งให้ผมมาส่วนหนึ่ง ถ้าครอบครัวของเราต้องซื้อ ไม่เพียงแต่ผมต้องเดินทางไปซื้อไกลมาก ผมอาจจะไม่ได้มันมาด้วย ยิ่งกว่านั้นอาสี่เป็นคนซื้อเนื้อมาจากตลาดมืด เขาซื้อมาเท่าไหร่เราก็ต้องจ่ายตามนั้น คุณอยากให้อาสี่ขายคุณถูกกว่านี้เหรอ?” พี่ชายรองเหลือบมองภรรยา
หญิงสาวมองค้อนสามีกลับ
“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงเรื่องนี้กันแล้ว รีบทำเกี๊ยวเร็วเข้า นี่เป็นเนื้อสามชั้นคุณภาพดีเลยนะ ถ้าเราไม่ใช่พี่น้องกัน อาสี่คงไม่ให้ผมมาหรอก” พี่ชายรองเอ่ยตัดบท ไม่อยากทะเลาะกับหล่อนอีก
เขาจ่ายเงินไปแล้ว สะใภ้รองจะบ่นไปก็ไม่มีประโยชน์ หล่อนเลยนำเนื้อสามชั้นนี้ไปทำเกี๊ยว
ครอบครัวพี่ชายรองที่มีกันห้าคนก็ได้กินอาหารสมใจอยาก การได้กินเกี๊ยวทำให้สะใภ้รองหุบปากเงียบและไม่บ่นอะไรอีก
ครั้งที่แล้วพวกเขาเองก็ได้รับการจัดสรรเนื้อ แต่ตอนนั้นยังไม่แยกครอบครัวกัน แล้วแต่ละคนจะได้ทานได้อย่างไรล่ะ?
ครั้งนี้หล่อนใส่เนื้อลงไปในเกี๊ยวจำนวนครึ่งชั่ง ทำให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น ส่วนเนื้อที่เหลืออีกครึ่งชั่งนั้นเก็บไว้กินคราวหน้า
ครอบครัวพี่ชายรองได้กินเนื้อแล้ว ซึ่งได้เนื้อมาจากการไปขอแลกจากครอบครัวน้องชายสี่
เรื่องนี้ทำให้สะใภ้ใหญ่แสดงท่าทีเยาะเย้ย ขณะที่สะใภ้สามแสยะยิ้มเย็นชา หล่อนกระซิบเรื่องนี้ให้พี่ชายสามฟังเป็นการส่วนตัวว่า “หล่อนเพิ่งจะมีเรื่องกับอีกฝ่ายไปเมื่อครั้งที่แล้วแท้ ๆ แต่กลับหน้าไม่อายไปขอเนื้อจากทางนั้น ช่างหน้าใหญ่ใจโตเสียจริง ๆ”
“แล้วครอบครัวเราล่ะจะไปขอแลกเนื้อกับเขาไหม?” สายตาของพี่ชายสามดูล่องลอย เขาเองก็อยากกินเนื้อด้วยเหมือนกัน
สะใภ้สามเอ่ยปฏิเสธ “จะกินอะไรล่ะคะ? เดี๋ยวอีกไม่นานก็ได้แบ่งเนื้อกันแล้ว กินหลังจากนั้นมันผิดตรงไหนคะ?”
“คือว่า ตอนนี้คุณกำลังท้องอยู่นะ คุณควรจะต้องได้ทานเนื้อบ้าง” พี่ชายสามยิ้มกรุ้มกริ่ม
ใช่แล้วล่ะ หล่อนตั้งครรภ์อีกครั้งหลังจากที่โจวต้งต้งเกิดได้เกือบ 1 ปี
หลังคลอดอู่นีไปแล้วมันก็ใช้เวลาหลายปีอยู่ก่อนจะมีโจวต้งต้ง แต่หล่อนก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าตนเองตั้งครรภ์อีกครั้งภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
หล่อนแน่ใจเรื่องนี้เพราะเดือนนี้รอบเดือนของหล่อนขาดหายไป หากรอดูเดือนหน้าก็จะรู้เอง ไม่จำเป็นต้องไปตรวจที่สถานีอนามัยเลย
แต่พูดตามตรงแล้วอาการแบบนี้มันใช่
หลินชิงเหอยังไม่รู้เรื่องนี้ เธอมารู้เอาตอนที่ไปรับการแจกจ่ายเนื้อประจำปีที่ 25 แล้วบังเอิญเจอกับสะใภ้สามพอดี
คำว่าตกใจก็ยังไม่พอในการอธิบายสีหน้าของหลินชิงเหอ “เร็วมากเลยค่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย?”
เธอรู้สึกว่าต้งต้งเพิ่งจะคลอดไปไม่นาน หล่อนก็ตั้งครรภ์อีกแล้ว
สะใภ้สามหัวเราะ “ไม่มีอะไรหรอก เธอน่าจะท้องในเร็ว ๆ นี้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลินชิงเหอดูตื่นตกใจ “เร็วอะไรกันคะ? ฉันไม่มีแผนที่จะมีลูกอีกแล้ว แค่ลูกชายสามคนก็พอแล้วค่ะ”
สำหรับคนในชนบท การมีลูกชายสามคนถือว่าเพียงพอที่จะไม่มีลูกอีก และพอที่จะสร้างความมั่นใจให้ครอบครัวได้แล้ว
สะใภ้สามไม่พูดอะไรหลังจากนั้น
คราวนี้หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ได้รับส่วนแบ่งจำนวนมาก แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่หมูของครอบครัวเธอ หากแต่เป็นหมูที่มีน้ำมันมากพอ ๆ กับหมูของครอบครัวเธอ
ทันทีที่พวกเขาได้ส่วนแบ่ง หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็กลับมาบ้านพร้อมกับเด็กชายทั้งสาม
“สะใภ้สามท้องอีกแล้วเหรอ?” โจวชิงไป๋ถามเมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เนื่องจากมันเป็นบทสนทนาระหว่างผู้หญิง ประกอบกับเขาผละตัวออกมาพอดี เลยไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเธอคุยกัน และรวมถึงเรื่องที่หลินชิงเหอบอกว่าไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้อีกแล้ว
หลินชิงเหอพยักหน้า “ฉันเองก็ประหลาดใจเหมือนกันค่ะ หล่อนเพิ่งจะคลอดต้งต้งไปเมื่อปีที่แล้ว พอมาปีนี้กลับท้องอีกรอบ”
แต่ไม่ได้มีแค่สะใภ้สามที่ตั้งครรภ์ เหมือนทั้งหมู่บ้านโจวเจี่ยจะมีหลายคนทีเดียวที่ตั้งครรภ์ในคราวนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเริ่มเก็บตัวอยู่กับบ้านช่วงฤดูหนาวที่หลายคนมักจะประสบกับข่าวดีอยู่เรื่อย ๆ อย่างเช่นสะใภ้ของป้าสะใภ้หวงที่อยู่บ้านใกล้เคียงก็เพิ่งคลอดบุตรและซื้อน้ำตาลทรายแดงไปสองชั่งเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้กลับมีข่าวว่าหล่อนตั้งครรภ์อีกรอบ…
“นับว่าเป็นข่าวดีนะ มีเรื่องอะไรน่าประหลาดใจงั้นเหรอ” โจวชิงไป๋เหลือบมองเธอ
หลินชิงเหอสบสายตาชายหนุ่มและเข้าใจในความนัยของเขา เธอก็กระแอมไอและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณอยากกินเนื้อหมูพวกนี้แบบไหนดีคะ?”
“แล้วแต่คุณเลย” โจวชิงไป๋ตอบ
แต่การมีลูกก็เป็นเรื่องที่หลินชิงเหอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทันทีที่เด็ก ๆ หลับสนิท โจวชิงไป๋ก็ได้ถกเรื่องนี้กับเธออย่างลึกซึ้งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เรามีลูกเพิ่มกันเถอะ ครอบครัวเราเลี้ยงไหวอยู่”
หลินชิงเหอบอกกับตัวเองในใจว่าจะไม่คลอดลูกอีก แต่เธอก็เกิดความสับสนขึ้นมาเล็กน้อย ตัวเธอกับโจวชิงไป๋ไม่เคยใช้เครื่องป้องกันเลยสักครั้ง แต่ทำไมผ่านมานานขนาดนี้แล้วเธอถึงยังไม่ท้อง?
เธอประสบกับความสามารถของชายหนุ่มมาแล้ว ว่าชายหนุ่มกล้าหาญทรงพลังคนนี้สามารถทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ง่ายดายมาก
แต่ทำไมเธอถึงยังไม่ท้องอีกล่ะ?
ถ้าเธอท้องแล้ว เธอจะเลี้ยงลูกได้ไหม?
ความคิดนี้ช่างน่ากลัวนัก เพราะเธอไม่เคยคลอดบุตรมาก่อนเลย
หญิงสาวจึงวางแผนว่าครั้งหน้าจะไปโรงพยาบาลในอำเภอเพื่อให้เขาป้องกัน ไม่อย่างนั้นแล้วหากเธอตั้งครรภ์ขึ้นมาจะทำอย่างไรดี?
แต่เธอลืมอะไรไปหรือเปล่า? ว่าทำไมเธอถึงยังไม่ตั้งครรภ์ทั้งที่ผ่านมานานแล้ว?
“หือ?” โจวชิงไป๋ลงมือเคลื่อนไหวหลังรอให้ภรรยาตอบรับมานาน
“คงยังไม่มีวาสนามั้งคะ?” หลินชิงเหอเอ่ยพลางหน้าแดง
โจวชิงไป๋รับคำอธิบายนี้และดึงตัวภรรยามาทำกิจกรรมอีกรอบหนึ่ง จนกระทั่งหลินชิงเหอหมดแรงแล้วเขาถึงได้ปล่อยเธอไป
หลินชิงเหอครุ่นคิดก่อนที่จะหลับไปว่าพรุ่งนี้เธอจะเข้าอำเภอไปซื้อถุงยาง เธอจะได้ไม่ตั้งครรภ์อย่างเด็ดขาด!
แต่น่าเสียดายที่หิมะได้ตกหนักหลังจากที่เธอวางแผนไว้จนทำให้เธอไปไม่ได้
เนื่องจากอากาศหนาวเย็นเกินไป หญิงสาวจึงได้แต่ขดตัวอยู่บนเตียงเตา และใช้โอกาสนี้ทบทวนบทเรียนกับอ่านหนังสือจนเวลาผ่านไป
วันเวลาแบบนี้ช่างไม่มีอะไรทำจริง ๆ พวกเขาไม่ได้ออกไปไหน หิมะตกหนักขนาดนี้ทำไมต้องออกจากบ้านด้วย?
แต่ในตอนเย็นของวันที่ยี่สิบเก้าธันวาคม น้องชายสามตระกูลหลินก็มาเยี่ยมพร้อมกับกระต่ายป่าที่จับได้หนึ่งตัว ใบหน้าของเขาแดงจัดจากความเย็น บ่งบอกว่าเขาอุตส่าห์ออกไปจับมันมาอย่างยากลำบากเพื่อจะนำมามอบให้บ้านพี่สาว
“หิมะตกหนักขนาดนี้นายยังออกไปจับกระต่ายอีกเหรอ?” หลินชิงเหอถลึงมองเขา
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พ่อสู้ต่อไปนะคะ ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน เว้นแต่ว่าแม่จะเป็นหมันถาวร
เจ้าสี่จะได้มาเกิดหรือไม่ มาลุ้นไปพร้อมๆ กันนะคะ