ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 599 ล้วนเป็นข้าสังหาร

เยี่ยนจ้าวเกอมองหวงกวงเลี่ย สีหน้างบนิ่งแต่กลับปิดจิตสังหารที่เผยออกมาในดวงตาไม่มิด “หวงกวงเลี่ย ที่นี่เมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าเคยบอกว่าเรื่องไม่นับว่าจบ เมื่อว่างแล้วค่อยคิดบัญชีกับพวกเจ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์”

ถ้าไม่ใช่เพราะเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกเตรียมการไว้ก่อน ในวันนั้นตอนที่ผนึกทะเลตะวันออกกำลังสมบูรณ์ คงถูกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เล่นงานอย่างรุนแรง

เหล่าคนที่แทงข้างหลังพวกฟู่เอินซูกับเฟิงอวิ๋นเซิง หรือซุ่มโจมตีคนของเขาไร้พรมแดนเพื่อแย่งชิงขวานจามสวรรค์เป็นเรื่องหนึ่ง

อีกเรื่องหนรึ่ง หวงกวงเลี่ยอาศัยวิชา ‘เลือดเหนี่ยวตำตะเกียงทองสั่นแสงสวรรค์’ ขอพลังจากโลกซ้อนโลก เกือบจะลอกคราบจากผนึกทะเลตะวันออกไปได้

ถ้าหากเขาทำสำเร็จ เขากว่างเฉิงยากจะคิดถึงผลลัพธ์

เยี่ยนตี๋ ผู้อาวุโสม่อ ซ่งอู่เลี่ยงยังคงติดอยู่ในผนึกทะเละตะวันออก ส่วนหวงกวงเลี่ยกลับเป็นอิสระ ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้สำนักแสงสว่างลงมา สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็มีพลังกวาดล้างใต้หล้าแล้ว

“ปัจจุบันนี้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายแล้ว ตอนนี้ถึงตาเจ้า” เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “หวงซวี่และหวงเจี๋ยตายแล้ว ข้าเป็นคนส่งพวกเขาไปเอง สมควรเป็นตาเจ้า”

หวงกวงเลี่ยเพียงรู้สึกว่าขมับของตัวเองเต้นตุบๆ

เขาชูกำบั้นขึ้นต่อยใส่เยี่ยนจ้าวเกอ ร้อนแรงราวกับดวงอาทิตย์มอดไม้ รุนแรงแข็งแกร่ง ฟ้าดินถูกแสงอาทิตย์สีทองกลืนกินในชั่วพริบตา

ทว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกขวางระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับหวงกวงเลี่ยไว้ ยกหอกมังกรมัจฉาขึ้นหยุดกำปั้นเหล็กกล้าของหวงกวงเลี่ยอย่างไม่รีบร้อน

หวงกวงเลี่ยใจเย็นลงหลายส่วน แต่ขณะมองมองดูร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเบื้องหน้า ในใจเกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง

เมื่อครู่เขาคิดถอยหนี ทว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเคลื่อนไหวทีหลังแต่มาถึงก่อน ขวางทางของเขาไว้ ทำให้เขาทราบว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้เร็วกว่าเขาไม่ต่ำกว่าหนึ่งเท่า

ตอนนี้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกออกกระบวนท่าและเก็บกระบวนท่า ยิ่งทำให้หวงกวงเลี่ยแน่ใจว่าตนแทบไม่มีโอกาสจะสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอ

ถึงแม้ตามปกติแล้ว เมื่อคนทั้งสองประมือกัน หอกฝ่ายหนึ่งจะแบ่งความสนใจมาปกป้องคนอื่น อีกฝ่ายจะยึดครองอำนาจในการเคลื่อนไหวและความได้เปรียบ ทว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีความเร็วสูงเกินไป ทำให้เหตุผลตามปกติเปลี่ยนเป็นไม่จริงขึ้นมา

วรยุทธ์ที่มีพลังและวิธีต่อสู้แข็งแกร่ง ความเร็วของกระบวนท่าย่อมไม่เลวร้าย สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ยังมีกระบวนท่าระดับสูงสุดเช่นสุริยันทะยานบูรพา

เมื่อหวงกวงเลี่ยเป็นผู้ใช้ ก็เหมือนกับดวงอาทิตย์พาดผ่านจักรวาลอย่างแท้จริง

แต่จนปัญญาที่คู่ต่อสู้ของเขาคือร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

ในระดับเดียวกัน แม้แต่เฉินลี่ เจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ถนัดใช้ความเร็ว ความเร็วของกระบวนท่าก็ยังไม่ใช่คู่ซ้อมของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

หวงกวงเลี่ยพบเจอโศกนาฏกรรมแล้ว

เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ได้แต่ต่อสู้ถึงที่สุด ตัดสินแพ้ชนะในคราวเดียว การถอยหนีไม่จำเป็นต้องคิดด้วยซ้ำ

ทว่าแค่ประมือเพียงกระบวนท่าเดียว หัวใจของหวงกวงเลี่ยก็ตกลงไปอยู่ก้นเหว

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่เพียงแต่เร็วเท่านั้น ความยิ่งใหญ่ของพลังงานยังทำให้คนตกตะลึง เป็นเหตุให้หวงกวงเลี่ยที่มีสภาวะหมัดรุนแรงอ้าปากตาค้าง

ยิ่งไปกว่านั้น เทียบกับหวงกวงเลี่ยที่ในตอนนี้มีแค่หมัดเปล่าแล้ว ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยังมีหอกมังกรมัจฉาอยู่ในมือด้วย

ในตอนนี้หวงกวงเลี่ยหนียังหนีไม่ได้ สู้ก็สู้ไม่ไหว!

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกตรงหน้านี้นอกจากเยี่ยนตี๋ สามารถชนะทุกคนที่อยู่รอบๆ ได้

แม้จะเป็นหวงกวงเลี่ยที่เชื่อมั่นในตัวเองมากและมีนิสัยกล้าแข็งมาโดยตลอด ในตอนนี้เมื่อมองเยี่ยนตี๋และมองเยี่ยนจ้าวเกอ ยังรู้สึกขลาดเขลาขึ้นมา

คิดถึงในอดีต เขาเข้าฌานมาหลายปี ออกฌานด้วยความเพียบพร้อม สำเร็จขึ้นหนึ่งขั้น เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง จิตใจฮึกเหิมถึงขนาดไหน มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์บรรทัดสุริยันวัดสวรรค์อยู่ในมือ เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแปดพิภพ แทบจะสยบใต้หล้าได้

ไม่คาดเพิ่งออกฌาน หวงกวงเลี่ยก็ศีรษะแตกเลือดไหลที่เขากว่างเฉิง ยังไม่ต้องพูดถึงที่หยวงเจิ้งเฟิงเลื่อนจากระดับบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ ทั้งเขายังเสียบรรทัดสุริยันวัดสวรรค์ไปด้วย

แสงแรกของรุ่งอรุณแห่งชัยชนะที่เพิ่งเห็นไป สถานการณ์พลันเปลี่ยนเป็นเลวร้ายในชั่วพริบตา

ต่อมาราวเกือบสองปี เยี่ยนตี๋ ลูกศิษย์ที่เป็นคนรุ่นหลังของหยวนเจิ้งเฟิง ได้เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

เยี่ยนตี๋ที่เพิ่งเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน ถึงกลับเหนือกว่าตัวเขา ทำให้หวงกวงเลี่ยรับมือไม่ทันเหมือนฟ้าดินเปลี่ยนไป

ในสถานการณ์ที่ตอบโต้ไม่ทัน เขากับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกผลักไปยังขอบเหวในชั่วพริบตา

ในที่สุดเนื่องจากอาศัยสงครามระหว่างปีศาจอัคคีและนพยมโลก สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จึงแย่งชิงเวลาและโอกาสชนะได้อีกครั้ง

กระนั้นตอนที่หวงกวงเลี่ยติดอยู่ในผนึก คนที่เผชิญหน้ากับเขาคือเยี่ยนจ้าวเกอ ยอดฝีมือที่อายุน้อยยิ่งกว่าเยี่ยนตี๋

หวงกวงเลี่ยสูดหายใจลึกในขณะที่มองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก และหอกมังกรมัจฉาซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือของมัน เขาประสานสองกำปั้น รวบรวมพลังแข็งแกร่งชนิดทำลายล้างทุกสิ่ง เส้นแสงทั้งหมดในโลกเหมือนมารวมกันอยู่ที่นี่จนเป็นสีทองอร่าม เปลี่ยนโลกให้กลายเป็นเตายักษ์

ตอนนี้เขาฝืนสงบจิตใจ

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ฝั่งตรงข้ามรู้จักสำนักแสงสว่าง บางทีสำนักของเขาอาจทำข่าวรั่ว หรือไม่ก็รู้จักชื่อของสำนักแสงสว่างจากลู่ทางอื่น เหมือนกับที่เขากว่างเฉิงรู้จักโลกซ้อนโลก

บางทีสถานการณ์อาจจะไม่ได้ย่ำแย่ถึงเพียงนั้น เด็กน้อยตรงหน้าอาจจะกำลังข่มขู่ ถึงอย่างไรพลังของเยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงในตอนนี้ยังไม่อาจสู้กับยอดฝีมือของสำนักแสงสว่างที่ลงมาได้

อย่าว่าแต่เยี่ยนตี๋ก่อนหน้านี้ถูกขังอยู่ด้านในผนึกทะเลตะวันออก ต่อให้เยี่ยนตี๋รวมกับเยี่ยนจ้าวเกอ ขอแค่มียอดฝีมือของสำนักแสงสว่างในระดับเหนือกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามสองคนลงมา เขากว่างเฉิงยังไม่อาจเอาชนะได้

หวงกวงเลี่ยปลอบใจตัวเอง

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสู้กับหวงกวงเลี่ยอย่างสงบนิ่ง พลางเอ่ยว่า “เติ้งเซิน ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่าง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่”

“ซุนฮ่าว ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่าง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม”

“หลิวเฟิง แขกของสำนักแสงสว่าง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม”

“หยางจ่านหัว ผู้อาวุโสสำนักแสงสว่าง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง”

“ผู่เจี๋ย แขกของสำนักแสงสว่าง จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง”

เมื่อได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูดชื่อเหล่านี้ หวงกวงเลี่ยก็ตื่นตระหนกขึ้น

แม้จะเป็นเขา ยังเคยได้ยินแค่ชื่อของเติ้งเซินและซุนฮ่าวเท่านั้น

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอไม่เหมือนเสแสร้ง หวงกวงเลี่ยรู้สึกหนังตาตัวเองกระตุก เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเขาเป็นคนของสำนักแสงสว่างจากโลกซ้อนโลกที่ลงมายังแปดพิภพในครั้งนี้”

ซ่งอู๋เลี่ยงที่ฟังอยู่ด้านข้างมาโดยตลอดลำคอแห้งผาก ผู้อาวุโสม่อเงียบงันไม่เปล่งวาจา

ชายหนุ่มมองหวงกวงเลี่ย พูดต่อว่า “พวกเขาต่างตายไปหมดแล้ว ข้าเป็นคนสังหารเอง

“ตระกูลหวงสามรุ่นของพวกเจ้าเองก็ไม่ไปอย่างโดดเดี่ยว”

ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้มีแต่ทำให้ซ่งอู๋เลี่ยงรู้สึกจิตใจหนักอึ้ง เช่นนั้นในตอนนี้เขาก็รู้สึกงงงันแล้ว แม้แต่ผู้อาวุโสม่อยังเบิกตาโพลงมองเยี่ยนจ้าวเกอ

ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของพวกเขา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแทงหอกทะลุดวงอาทิตย์ที่เกิดจากเจตจำนงหมัดของหวงกวงเลี่ย

แสงสีทองนับไม่ถ้วนกลายเป็นเปลวเพลิง ล่องลอยกลางอากาศ เหมือนกับอาทิตย์ดับแสง

ในขณะเดียวกัน เลือดสีแดงสดยังกระจายเต็มฟ้า

หอกมังกรมัจฉาที่ทั้งรุนแรงและดุดันแทงทะลุร่างของหวงกวงเลี่ย

บนใบหน้าของหวงกวงเลี่ยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เขาส่งเสียงคำรามครั้งสุดท้าย ใช้มือหนึ่งจับด้ามหอกมังกรมัจฉา อีกมือหนึ่งต่อยใส่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน กางมือออกมารับการโจมตีของหวงกวงเลี่ย อีกมือหนึ่งใช้พลังอันยิ่งใหญ่ระเบิดเข้าไปในร่างของหวงกวงเลี่ยผ่านหอกมังกรมัจฉา!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset