ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 639 โอกาสมาแล้ว

โจวฮ่าวเซิงสายตาเคร่งขรึม “กระบี่แห่งเวลา…กระบี่กาลเคลื่อนคล้อย! ท่านเป็นผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงหรือ?!”

ในตอนที่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก่อตั้งประเทศ จักรพรรดิไท่จู่เสวียนเหวินอ๋องสยบใต้หล้า กดดันทะเลหวงเจีย ขณะเดียวกันยังมีคนที่สร้างรากฐานให้กับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องในวันหน้ากับพระองค์

ในตอนนั้นเสวียนเหวินอ๋องเรียกคนเหล่านั้นเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง ผู้วิเศษเซิงก็เป็นหนึ่งในจำนวนนี้

ต่อมาราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องสร้างแผ่นดินบนทะเลหวงเจีย เสวียนเหวินอ๋องยกตนเป็นฮ่องเต้ พวกผู้วิเศษเซิงกลับไม่อยู่ต่อ หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เรื่องนี้ทิ้งการคาดเดามากมายไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง อย่างเช่น วิหคสิ้นเกาทัณฑ์ซ้อน สังหารผู้มีความดีความชอบ

แต่ว่าดูจากท่าทีในวันนี้ โจวฮ่าวเซิงก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ทุกคนคาดผิดแล้ว

ผู้วิเศษเซิงไม่สนใจอำนาจในการปกครองทะเลหวงเจีย พอราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องตั้งแผ่นดินสำเร็จก็ล่าถอย

ในปัจจุบันสถานการณ์ของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่แน่นอน พวกเขาถึงกับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลืออีกแรง

ในปัจจุบันคนผู้นี้แม้จะดูอ่อนเยาว์ แต่ความอาวุโสและอายุเกรงว่าจะมากกว่าเขาโจวฮ่าวเซิงและเสวียนมู่อ๋อง พลังฝึกปรือยังอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด เหยียบเข้าสู่ขั้นสะพานเซียน

อีกฝ่ายเดินมายังหอสักการะหลักสำนักความมืดทีละก้าว เหมือนกับเหยียบอยู่บนสะพานไร้รูปร่าง ยิ่งเดินยิ่ง ‘สูงส่ง’

ที่เรียกว่า ‘สูงส่ง’ ไม่ใช่มาถึงด้านบนหอสักการะหลักสำนักความมืดในด้านระยะห่างของมิติเพียงเดียว แต่เหมือนเดินเข้าไปในระดับชั้นที่สูงกว่า ก้มมองพวกโจวฮ่าวเซิงที่อยู่เบื้องล่าง

โจวฮ่าวเซิงสีหน้าเคร่งขรึม รวมกับพลังแห่งค่ายกลกลายเป็นหนึ่ง เหมือนกับหุบเหวอันมืดมิด รับการโจมตีจากประกายกระบี่ที่เหมือนกับน้ำซึ่งพุ่งลงมาประดุจน้ำตกด้านบน

ความมืดที่กลืนกินทุกสรรพสิ่ง ในยามนี้กลับกีดกันทุกอย่างให้อยู่ด้านนอก

ประกายกระบี่ที่ซัดลงมาเหมือนกับน้ำตกนั้น กระแทกใส่ความมืด ถึงกับระเบิดสะท้อนขึ้น กระจายออกมา กลายเป็นไร้รูปร่าง

เหมือนกับน้ำกระทบใส่โขดหินสีดำเบื้องล่าง เกิดเป็นละอองน้ำกระเซ็น

‘คนหนุ่ม’ ที่อยู่กลางอากาศก้มมองหอสักการะหลักสำนักความมืดแวบหนึ่ง พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ความโชกโชนในดวงตาเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม องคาพยพบนใบหน้าเหมือนกับหนุ่มขึ้นหลายส่วน

ในมือของเขาปรากฏกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง รอยสนิมเกราะกรัง เสื่อมโทรมเหลือประมาณ เหมือนกับพร้อมจะแตกหักเองได้ทุกเวลา

แต่หลังจากเขาฟันกระบี่ออก ประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำก็ปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม

ฟ้าดินที่ถูกประกายกระบี่กระทบถูก การไหลของเวลาคล้ายกับเปลี่ยนเป็นเชื่องช้า กลายเป็นพลังงานที่บิดเบี้ยวชนิดหนึ่ง

ความมืดที่เหมือนแข็งตัวค่อยๆ ถูกเจาะเป็นรูเหมือนกับหยดน้ำทะลุศิลา ภายใต้การโจมตีจากประกายกระบี่นี้

ตัวอักขระแสงสีดำที่กระจายถี่ยิบบนเสื้อคลุมของโจวฮ่าวเซิงหลอมรวมกัน กลายเป็นม่านแสงสีดำ ไม่อาจแยกแยะกับจิตหมัดวรยุทธ์ของตัวเขาได้

แต่ว่าตอนนี้โจวฮ่าวเฉิงรู้สึกหนักใจ

ในยามปกติ อาศัยค่ายกลความมืดบรรพกาล ตนยังไม่อาจสู้อีกฝ่ายได้ มาบัดนี้เป็นเพราะดำเนินพิธีอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือก และยังมีเสวียนมู่อ๋องคอยโจมตีอยู่ด้านข้าง โจวฮ่าวเซิงพลันรู้สึกกดดันมหาศาล

ยอดฝีมือสำนักความมืดที่อยู่ในหอสักการะหลักคนอื่นต่างมาช่วยสู้ แต่ว่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องก็มียอดฝีมือมากมายประดุจหมู่เมฆเช่นกัน

โจวฮ่าวเซิงยังพบว่า นอกจากยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดผู้นั้นแล้ว ยังมีมือดีระดับสุดยอดซึ่งเป็นผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิงคอยช่วยเหลืออีก

สถานการณ์ที่สำนักความมืดกำลังเผชิญ พลันเลวร้ายสุดขีด ค่ายกลความมืดบรรพกาลขณะนี้กำลังถูกตีแตก

คมหอกที่น่ากลัวเล่มหนึ่งยื่นออกมาจากกลางอากาศ ไม่ว่ามันผ่านไปที่ใด อากาศถูกเจาะ

คมหอกจุดไฟโฟมไหม้ขึ้นมา แสงไฟสาดออก ฟ้าดินของทะเลหวงเจียโบนโลกซ้อนโลกเหมือนกับถูกเผาเป็นจุณ เหลือเพียงความว่างเปล่า

เสวียนมู่อ๋องมีสี่หน้าไร้อารมณ์ กระตุ้นหอกยาวในมือโดยใช้วิชาห้าอัคคีและหอกเจ็ดวิหค ทำลายหอสักการะหลักสำนักความมืด

‘หอกราชาลี้ลับ!’ เมื่อเห็นหอกเล่มนั้น โจวฮ่าวเซิงก็ให้ความสำคัญยิ่งกว่าตัวเสวียนมู่อ๋องที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายเสียอีก

ทว่าเขาถูกกระบี่กาลเคลื่อนคล้อยที่อยู่ด้านบนดึงสมาธิทั้งหมดไป ตอนนี้กลับไม่มีความสามารถต้านทานหอกที่น่าสะพรึงนี้

ด้านในหอสักการะหลักสำนักความมืดมียอดฝีมือสำนักความมืดคนอื่นเข้าปะทะ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคมหอกราชาลี้ลับนี้ กลับไร้พลังต้านทาน

เสวียนมู่อ๋องที่มีหอกราชาลี้ลับอยู่ในมือตอนนี้ ไม่ด้อยไปกว่าจอมยุทธ์ที่ใช้กระบี่กาลเคลื่อนคล้อยแม้แต่น้อย

คมหอกที่น่าพรั่นพรึง ในที่สุดก็เจาะค่ายกลความมืดบรรพกาลออกได้แล้ว!

เหมือนกับรุ่งอรุณเบิกฟ้าหลังจากราตรีอันมืดดำ แสงสว่างกลับคืนสู่ฟ้าดิน แสงไฟลุกไหม้พลันสาดแสงไปกำแพงและหน้าผาครึ่งหนึ่ง

โจวฮ่าวเซิงใบหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง สองมือประกบกันอย่างช้าๆ จากนั้นก็แบ่งพลังออกไปสองด้านอย่างรุนแรง

ม่านฟ้าที่ดำคลับราวกับถูกฉีกกระชาก เปล่งแสงเจิดจ้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน ถึงกับบดบังแสงไฟลุกไหม้และกาลเวลา

มืดสนิทจนก่อให้เกิดแสง ความมืดเมื่อไปถึงขีดสุดแล้ว ก็ก่อให้เกิดแสงสว่างที่บริสุทธิ์ที่สุด และละลานตาที่สุดออกมา

ถึงจะปรากฏเพียงแวบเดียว แต่ก็โชติช่วงหาใดเทียม

แสงสว่างแวววาวกลายเป็นประกายดาบน่ากลัว ฟันใส่เสวียนมู่อ๋อง

เสวียนมู่อ๋องชักหอกราชันลี้ลับในมือกลับอย่างใจเย็น ขวางไว้กลางอากาศ ป้องกันดาบอับแสงพิสุทธิ์อันน่ากลัวของโจวฮ่าวเซิง

ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน พาให้ท้องฟ้าสว่างจนขาวโพลน ฝนเพลิงและฝนแสงกระจายลงด้านล่างพร้อมกัน ท้องทะเลเบื้องล่างชนกลยเป็นรูนับร้อยนับพลัน น้ำทะเลแทบจะถูกต้มจนหมดสิ้น

แต่ว่ากลางแสงสีขาวจ้า กระบี่กาลเคลื่อนคล้อยที่ดูไม่รีบไม่ช้านั้น ได้ฟันมายังโจวฮ่าวเซิงอีกรอบ

โจวฮ่าวเซิงรับมืออย่างใจเย็น ตัดสลับความมืดและแสงสว่าง ความลึกซึ้งในการเปลี่ยนแปลงของกลางวันและกลางคืนพัฒนาขึ้น ประกายดาบแสงสว่างหมุนครั้งหนึ่ง กลายเป็นความมืดแถบหนึ่งม้วนประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสน้ำเอาไว้ในพริบตา

แต่ประกายกระบี่ขณะเปลี่ยนความเร็ว พลันเจาะการป้องกันของโจวฮ่าวเซิงในทันใด โจมตีไปยังอีกทิศหนึ่ง

โจวฮ่าวเซิงร้องในใจว่าแย่แล้ว รู้ว่าอีกฝ่ายส่งเสียงบูรพาตีประจิม[1]

เขาคิดเปลี่ยนกระบวนท่า ทว่าเสวียนมู่อ๋องยกหอกราชาลี้ลับโจมตีมาอีก

ป้องกันซ้าย ขวาเกิดช่องโหว่ โจวฮ่าวเซิงไม่อาจสนใจทั้งสองด้าน เห็นประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลา ฟันใส่อาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกบนศีรษะของเขา!

ดวงอาทิตย์สีดำขลับและจันทร์เต็มดวงสีฟ้าอ่อนที่ถูกประกายกระบี่ม้วนใส่ ต่างหล่นจากศีรษะของโจวฮ่าวเซิงพร้อมกัน กลายเป็นลำแสง เกี่ยวกระหวัดกันพุ่งไปยังที่ไกล

ในมิติพิสดารและเป็นเอกเทศซึ่งเกิดจากการการพัวพันกันระหว่างอาทิตย์มืดกับจันทร์ยะเยือก ในยามนี้ปั่นป่วนชนิดฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านในกำลังตั้งหลัก ไม่มีความรู้สึกเหมือนขับรถม้าข้ามเขาเหมือนเมื่อครู่อีก

ขณะมองดวงอาทิตย์มืดและจันทร์ยะเยือกที่การลอยและการตกเริ่มสับสนเบื้องหน้า ก็รู้สึกได้ว่ามิติแห่งนี้ตัดขาดการเชื่อมต่อกับค่ายกลความมืดบรรพกาลด้านนอกแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจยาว สายตาเริ่มเปลี่ยนเป็นคมกริบ ‘ถึงแม้จะแตกต่างกับที่คาดไว้ แต่ก็ยังพอมีวิธี’

ในเวลาเดียวกันนั้น มีประกายกระบี่ที่ยิ่งใหญ่สายหนึ่งพุ่งมาจากขอบฟ้าไกล โหมกระหน่ำปั่นป่วน เต็มไปด้วยพลัง

เสวียนมู่อ๋องดวงตาสั่นสะท้านเล็กน้อย “หอกระบี่ทะเลเหนือ มาเร็วจริงๆ”

ประกายกระบี่สะท้านฟ้า เป้าหมายคือมือกระบี่ที่โจมตีหอสักการะหลักสำนักความมืดอยู่

ประกายกระบี่ของสองฝ่ายกระแทกกันกลางอากาศ ก่อให้เกิดคลื่นคลั่ง ม้วนพัดไปทั้งสี่ทิศ

แรงกดดันของโจวฮ่าวเซิงคลายลง รีบร้อนป้องกันเสวียนมู่อ๋องและหอกราชาลี้ลับ

ในทัพของทั้งสองฝ่ายมีเงาคนหลายสายพุ่งออกมา ไล่ตามตามอาทิตย์มืดและจันทร์ยะเยือกที่ตกลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว

แต่อีกด้านหนึ่งกลับมีแสงสว่างขึ้นเช่นกัน เป้าหมายคืออาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกเหมือนกัน

ประกายแสงลอยจม เหมือนกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สลับที่ เป็นกระบวนท่าตะวันจันทราผสมผสานของสำนักแสงสว่าง

ถึงจะถูกอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกครอบคลุมไว้ แต่อีกฝ่ายอยู่ใกล้ยิ่ง เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ทันที ‘คนของสำนักแสงสว่าง’

……………………………………….

[1] ส่งเสียงบูรพาตีประจิม หมายถึง หลอกล่อ ทำเป็นส่งเสียงทางตะวันออก แต่ความจริงโจมตีทางตะวันตก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset