ในมิติอันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจากการเกี่ยวกระหวัดกันของอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือก
เนื่องจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ร่วงลงด้วยกัน มิติอันเป็นเอกเทศนี้จึงบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูปทรง เหมือนกับจะพังทลายได้ทุกเวลา
เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านใน สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเขตแดนมิติและอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือก ในใจพลันเกิดความคิดมากมายแล่นผ่าน
เขตแดนมิติสีดำในตอนแรกที่อยู่รอบๆ พลันเปลี่ยนเป็นสว่างขึ้นมา เหมือนมีแสงสว่างมากมายสาดส่องมาจากด้านนอกมิติ
ถึงแม้ว่าจะกั้นไว้ด้วยเขตแดนมิติจนมองไม่เห็นชัด แต่เยี่ยนจ้าวเกอเห็นได้อย่างเลือนรางว่า มีดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์สลับกันลอยขึ้นเหมือนกับกั้นไว้ด้วยม่านวิกาล
ดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างฟ้าดิน กับดวงจันทร์ที่สุกสกาวเงียบงัน หมุนวนสลับกัน
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ด้านนอกม่านวิกาล เกิดการเชื่อมต่อกับดวงอาทิตย์สีดำและดวงจันทร์สีฟ้าอันพิสดารด้านในม่านวิกาล กดข่มซึ่งกันและกันเหมือนกับอยู่ขั้วตรงข้าม
เยี่ยนจ้าวเกอรู้ว่านั่นเป็นวรยุทธ์ของสำนักแสงสว่าง วิชาตะวันจันทราผสมผสาน
ถึงแม้จะเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน แต่สำนักแสงสว่างและสำนักความมืดมาจากสำนักประกายกาฬซึ่งในอดีตเคยรุ่งเรือง
วิชาตะวันจันทราผสมผสาน หนึ่งในสามสุดยอดวิชาของสำนักแสงสว่าง กับลำนำทิวารัตติกาล หนึ่งในสามสุดยอดวิชาของสำนักความมืด เป็นวรยุทธ์ที่มาจากแหล่งเดียวกัน จึงมีความใกล้เคียงกันอย่างมาก
พิธีกรรมอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกถึงแม้จะเป็นพิธีกรรมลับของสำนักความมืด แต่ในขณะนี้ยอดฝีมือสำนักแสงสว่างที่ฝึกกระบวนท่าตะวันจันทราผสมผสาน คลำหาช่องทางเจออย่างรวดเร็ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองเหตุการณ์นี้ พร้อมกับสูดลมหายใจลึก ฝ่ามือสองข้างยื่นออกไปด้านหน้า
ญาณจริงแท้ซัดสาดรวมตัวกัน ปรากฏเป็นมือยักษ์ปกคลุมฟ้าสองข้าง แต่ละข้างกำดวงอาทิตย์สีดำขลับและดวงจันทร์สีฟ้าอ่อนไว้กลางฝ่ามือ!
จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างด้านนอกพลันพบว่าไม่ถูกต้อง ส่งเสียงร้องประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าด้านในมิติที่เกิดขึ้นจากพิธีกรรมจะมีคนอยู่ตั้งแต่ต้น
เขากางสองมือออกเช่นกัน กลางฝ่ามือซ้ายเป็นดวงอาทิตย์สีทองอ่อน กลางฝ่ามือขวาเป็นจันทร์เสี้ยวสีเงินยวง
แสงตัดสลับและเปลี่ยนแปลงกับความมืด จิตพลังงานที่เกิดขึ้นจากการเกื้อหนุนกันและกันของหยินและหยางถูกกระตุ้นพร้อมกัน เหมือนกับต้องการครอบครองดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ทว่าพร้อมกันนั้นเอง ด้านหลังเขาก็พลันปรากฏความมืดไร้ขอบเขต คิดกลืนกินแสงสว่างของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ยอดฝีมือสำนักแสงสว่างผู้นี้นิ่วหน้า สองมือหลบออก
กลางฝ่ามือด้านซ้ายของเขา ดวงอาทิตย์สีทองกับดวงจันทร์สีเงินปรากฏขึ้นพร้อมกัน ดึงดูดอาทิตย์มืดกับจันทร์ยะเยือกที่หล่นลงด้านล่างเบื้องหน้าไว้ต่อ
ใจกลางฝ่ามือขวา มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยจม จากนั้นก็หมุนตัวผลักฝ่ามือใส่ความมืดไร้ขอบเขตที่พุ่งมาหา
จากด้านในความมืด บุรุษวัยกลางคนร่างผอมสูงคนหนึ่งเผยร่าง ห้านิ้วกลายเป็นกรงเล็บ คว้าฟ้าจับแผ่นดิน
“หนงอวี่ซวน เจ้าคิดจะเอาเปรียบสำนักความมืดของข้าหรือ” บุรุษวัยกลางคนส่งเสียงตะวาด กรงเล็บคว้าลง ฉีกกระชากแสงดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
แสงสว่างสีทองและสีเงินกระจายว่อน ปรากฏให้เห็นบุรุษผู้องอาจที่ดูไปมีอายุราวสามสิบปีผู้หนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอถูกอาทิตย์มืดจันทร์กระจ่างครอบคลุมไว้ ถึงจะมองไม่เห็นทิวทัศน์เบื้องนอก แต่ครั้นได้ยินชื่อของหนงอวี่ซวน เขาก็อดเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยไม่ได้
‘จอมยุทธ์ที่ลองใช้กลิ่นอายจากของวิเศษของพระราหูกดข่มตราประทับตะวันของข้าในตอนนั้นหรือ?’ สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด ‘ศัตรูทางคับแคบ[1]แท้ๆ’
หนงอวี่ซวนมองผู้อาวุโสสำนักความมืดตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย มือหนึ่งยังคงดูดอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกไว้ อีกมือหนึ่งใช้กระบวนท่าหักล้าง
เขาใช้แค่พลังของมือเดียว ก็กดดันสภาวะโจมตีของอีกฝ่ายได้แล้ว
บุรุษวัยกลางคนร่างผอมสูงผู้นั้นรู้สึกประหลาดใจ “เจ้า…เจ้าเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นรวมรูประยะท้ายแล้ว?! ร่าง รูป วิญญาณรวมกันเป็นหนึ่ง ไม่แบ่งแยกซึ่งกันและกัน?”
ครึ่งปีก่อนหน้านี้ คนทั้งสองเพิ่งประมือกันมาครั้งหนึ่ง และพวกเขาอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลางเหมือนกัน
ทว่าเมื่อพบกันในวันนี้อีกครั้ง คู่ต่อสู่ตรงหน้ากลับเหนือกว่าตนแล้ว!
หนงอวี่ซวนใช้หนึ่งฝ่ามือกดดันอีกฝ่าย กล่าวด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย “โจวฮ่าวเซิงคิดจะใช้พิธีกรรมนี้เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ดหรือ? ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ถูกโจรเสวียนจับได้แล้ว ให้ข้าช่วยอีกแรงดีกว่า”
สำหรับโจวฮ่าวเซิงซึ่งเป็นประมุขสำนักความมืดที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายแล้ว ประโยชน์ของพิธีอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกคือการทำลายคอขวดจุดสุดท้าย เขาเข้าใจดีมากกว่าใคร
แต่ว่าสำหรับจอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือต่ำ กลับถือว่าเป็นการชำระล้างที่สำคัญครั้งหนึ่ง เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับตัวเองในวันหน้า
ปราณวิญญาณที่เต็มเปี่ยมซึ่งแฝงอยู่ด้านในยิ่งยากจะหยั่งถึง ถึงขั้นที่อาจทำให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำรับไม่ไหว ร่างระเบิดตายไป
ท่าทางแน่วแน่ของหนงอวี่ซวนเหมือนกับมีแผนอยู่เต็มอก
เขากล่าวอย่างเรียบๆ ว่า “หลบไป อย่ามาขัดขวาง”
ขณะพูด ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ใจกลางฝ่ามือข้างขวาหมุนวน แสงสว่างยิ่งใหญ่ระเบิดออกมา ก่อให้เกิดคลื่นคลั่ง กระแทกผู้อาวุโสสำนักความมืดจนต้องล่าถอย
ผู้อาวุโสสำนักความมืดโมโหจนลมออกหู “ต่อให้พิธีกรรมไม่สำเร็จ จะใช้พลังอาทิตย์ย้อนจันทร์ย้อนนี้อย่างไรก็เป็นเรื่องของสำนักเรา เจ้าสอดมือได้ตั้งแต่เมื่อใด?”
หนงอวี่ซวนแค่นเสียง “ให้สวะอย่างสำนักความมืดของพวกเจ้า เท่ากับสิ้นเปลืองพลังอาทิตย์ย้อนจันทร์ย้อนนี้อย่างเปล่าประโยชน์”
ประกายกระบี่ดุจกระแสน้ำสายหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกล ฟันมายังมือซ้ายที่ดูดอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกของหนงอวี่ซวน “ให้เจ้าก็สิ้นเปลืองเช่นกัน ให้ข้าเก็บไปเสียดีๆ!”
ประกายกระบี่ไปยังที่ใด ฟ้าดินทั้งหมดเหมือนกับกำลังเสื่อมสลาย
หนงอวี่ซวนเห็นอาภรณ์สีขาวของตนค่อยๆ เก่าขึ้น แสงสว่างของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ค่อยๆ ริบหรี่ลง อดขมวดคิ้วไม่ได้ “กระบี่กาลเคลื่อนคล้อย นับถือมานาน หายไปจากทะเลหวงเจียหลายปีแล้ว”
ประกายกระบี่สว่างวาบ คนที่เหมือนมีอายุน้อยผู้หนึ่งโผล่ขึ้นด้านหน้าทุกคน
ผู้อาวุโสสำนักความมืดผู้นั้นจิตใจเคร่งเครียด อีกฝ่ายแม้ดูอ่อนเยาว์ แต่ความจริงอายุไม่น้อยแล้ว พลังฝึกปรือเหนือกว่าตนมาก
กระบี่กาลเคลื่อนคล้อยถึงแม้ว่าจะหายสาปสูญไปนาน แต่ว่าในตอนที่อาละวาดไปทั่วทะเลหวงเจีย กลับเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหอกเจ็ดวิหคของราชวงศ์ต้าเสวียนหวัง และเหนือกว่าวรยุทธ์จำนวนมากของสำนักความมืดของตนเสียอีก
ทว่า คนผู้นี้มีความกล้าเต็มเปลี่ยม สภาพจิตใจกลับปรากฏความบ้าคลั่งของคนหนุ่มหลายส่วน
คนผู้นี้พูดด้วยรอยยิ้ม “หายไปนานแล้วเป็นไร? กระบี่กาลเคลื่อนคล้อยเหมือนกับเวลาที่แท้จริง ชะล้างทุกสรรพสิ่ง มีแต่ตนที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ขอแค่พวกเราปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทะเลหวงเจียก็ไร้ผู้ต่อต้าน”
มือซ้ายของหนงอวี่ซวนยังคงดูดอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือกไว้ไม่ขยับ ส่วนมือขวายกขึ้น ประกายแสงพลันเจิดจ้า ปะทะกับประกายกระบี่ของกระบี่กาลเคลื่อนคล้อย เอ่ยอย่างเรียบเฉย “สิ่งที่ข้าคิดพูดก็คือ กระบี่กาลเคลื่อนคล้อยก็มีดีเพียงเท่านี้เอง”
“ผู้อาวุโสที่กำลังโจมตีหอสักการะหลักสำนักความมืดยังพอว่า ท่านแค่ทำให้ข้ารู้สึกว่า พบหน้าไม่สู้ได้ยินชื่อ”
สีหน้าของอีกฝ่ายกลายเป็นเคร่งขรึม “บังอาจ!”
ประกายกระบี่ของเขาพุ่งขึ้นอีกครั้ง กลับเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ตรงใจกลางฝ่ามือข้างขวาของหนงอวี่ซวนไหลเวียน ดวงจันทร์สีเงินค่อยๆ หายไป เหลือเพียงดวงอาทิตย์สีทอง
วินาทีถัดมา ปราณสีดำอันน่ากลัวพลันปรากฏ กลืนกินดวงอาทิตย์สีทอง
ดวงอาทิตย์กับปราณสีดำตัดสลับ พลังงานที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงปะทะใส่กันและกัน ก่อเกิดเป็นอานุภาพที่น่าพรั่นพรึงสุดขีด
หนงอวี่ซวนผลักฝ่ามือออก ถึงกับตัดประกายกระบี่ที่เหมือนกับกระแสเวลาได้
มือของเขาไม่หยุดลง หลังจากปราบอีกฝ่ายได้ อีกฝ่ามือหนึ่งก็กระแทกผู้อาวุโสสำนักความมืดที่พุ่งมาใหม่ถอยอีกครั้ง
หนงอวี่ซวนลอยกลางอากาศอย่างองอาจ มือหนึ่งถืออาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือก ใช้เพียงมือเดียวสู้สองคน ขัดขวางอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมกัน
“พลังอาทิตย์ย้อนจันทร์ย้อนนี้ ข้าบอกว่าเป็นของข้า เช่นนั้นก็เป็นของข้า” หงอวี่ซวนกล่าวอย่างสงบนิ่ง
ทว่าในตอนนั้นเอง ภายใต้การคลอบคลุมของแสงสว่างจากอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือก มีเสียงที่สงบนิ่งยิ่งกว่าดังมา “เป็นของใคร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของท่าน”
ด้านใต้แสงสว่างของดวงอาทิตย์สีดำกับจันทร์เต็มดวงสีฟ้าอ่อน เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียง ม่านตาทั้งสองข้างเปลี่ยนสีในทันใด ข้างหนึ่งกลายเป็นสีทอง ข้างหนึ่งกลายเป็นสีเงิน
……………………………………….
[1] ศัตรูทางคับแคบ คล้ายกับคำไทยที่ว่า ‘โลกนี้กลมนัก’ แต่มันจะใช้กับศัตรู อุปมาว่า ศัตรูที่ไม่ปรารถนาจะพบเจอ สุดท้ายเวรกรรมก็พาให้พบกันจนได้