ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 652 สี่ตำลึงปาดพันชั่ง

เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมวังฝูงมังกรให้เคลื่อนไหวอยู่กลางทะเลลึก มาถึงทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิงอย่างรวดเร็ว

เมื่อรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนที่ของใยดินและการเปลี่ยนแปลงของปราณวิญญาณ เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็ค่อยๆ คำนวณอย่างเหมาะสม

เจ้าของคนเดิมของเกราะฟ้าดินซึ่งเป็นอาวุธชั้นกลาง มีความเป็นไปได้ว่าจะหาพวกตนเจอแล้ว ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่กล้าเสียเวลาอีก

คังจิ่นหยวนสีหน้ากลายเป็นเขียวคล้ำ “เจ้าข่มขู่ใคร? คิดใช้ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติมาทำลายเกราะฟ้าดินของข้าหรือ? ตัวเจ้าจะถูกค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติกลืนกินเช่นกัน อีกทั้งเร็วยิ่งกว่าตัวข้าเสียอีก!”

ยอดฝีมือจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับเทวะสำแดง พึ่งพาเกราะฟ้าดิน จะรอดในค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติที่พลังทั้งหมดระเบิดขึ้นได้หรือไม่ยังไม่แน่ เช่นนั้นก็อย่าได้เอ่ยถึงคนอื่นเลย

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มแฉ่ง แต่ไม่คิดจะสนใจเขา

วังฝูงมังกรพุ่งไปถึงก้นทะเล เยี่ยนจ้าวเกอให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสะกดคังจิ่นหยวนไว้ ส่วนตนออกมาด้านนอกวัง หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง เขาถึงค่อยแทงกระบี่ใส่ก้นทะเล

คมกระบี่แทงทะลุหินโสโครกก้นทะเล มีประกายแสงสีเขียวปรากฏขึ้นรำไร

ชายหนุ่มตั้งใจมอง ประกายแสงสีแดงแม้ว่าจะมีปราณอันร้อนระอุเข้มข้น แต่ว่าแตกต่างกับหินหลอมเหลวก้นทะเลในสถานที่อย่างโลกแปดพิภพ

แม้ว่าจะจับตัวกันเหมือนหินหนืด แต่ก็ไม่ใช่หินหนืดจริงๆ กลับเป็นละอองแสงร้อนแรงหนาหนัก

สภาพแวดล้อมของโลกซ้อนโลก ไม่เพียงมีแค่กลางวัน กลางคืน ดวงดาว แตกต่างกับโลกอย่างโลกแปดพิภพ และโลกผืนสมุทรเท่านั้น

ลักษณะของแกนวิญญาณใต้ดินก็แตกต่างกันเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอสวมเกราะเหมันต์ทระนง ญาณจริงแท้เปลี่ยนจากความโกลาหลเป็นความเย็นเยียบ

คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตทำงาน ความเย็นเยือกจากพลังหยินบริสุทธ์แห่งดวงจันทร์ในคัมภีร์จันทร์นิล ความเย็นเยียบของเคล็ดวิชามังกรเหมันต์เย้ยสมุทร ความมืดมนโดดเดี่ยวของวิชาสายฟ้าสายฟ้าอนธการ…

จิตพลังที่เย็นสุดขีดและเย็นสุดขีดหลากหลายชนิดปรากฏ

เขาถึงขั้นใช้คัมภีร์ทำลายสวรรค์และวิชาที่แข็งแกร่งอย่างสายฟ้าเปลวเพลิงเผาไหม้

จากนั้นจิตของคัมภีร์พลิกฟ้าพลันเปลี่ยน หยินหยางและความเย็นความร้อนกลับตาลปัตร กลิ่นอายอันร้อนระอุของคัมภีร์ทำลายสวรรค์พลันกลายเป็นความเย็นสุดขีด

ห้าธาตุสร้างสายฟ้า แบ่งหนึ่งกลายเป็นห้า นอกจากสายฟ้าเปลวเพลิงเผาไม้รูปอัคคี ยังมีสายฟ้าวารีลวงรูปวารีด้วย

ในตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอใช้วิชาสายฟ้า ถึงจะยังเป็นสายฟ้าเปลวเพลิงเผาไม้ แต่ก็มีลักษณะของสายฟ้าวารีลวงอยู่หลายส่วน

พลังเย็นสุดขีดหลากชนิดส่งผลต่อแกนไฟใยดินพร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอทำความเข้าใจและประเมินการเปลี่ยนแปลงด้านใน แต่ไม่ได้รั้งอยู่นาน หลังจากจัดการเสร็จได้สักพักก็ผละไปทันที

หลังจากเขาคาดการณ์ตำแหน่ง เปลี่ยนสถานที่มาอีกที่ ก็ใช้วิธีเดิมอีกครั้ง

เขาเดินๆ หยุดๆ ตลอดทาง ลงมือในที่ลับหลายที่อย่างต่อเนื่อง

ในวังฝูงมังกร อาหู่ถามอย่างสงสัย “คุณชาย เช่นนี้จะทำลายค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติได้หรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบด้วยรอยยิ้ม “ภายใต้การระเบิดด้วยพลังทั้งหมดของค่ายกลที่แข็งแกร่งสุดขีดอย่างค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวัติ หากจอมยุทธ์ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายลงไปไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางคอยคุ้มกัน และไม่มีค่ายกลที่แข็งแกร่งอย่างอื่นคอยปกป้อง ก็แทบจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต”

“ถึงข้าจะรู้จักรากฐานของค่ายกลชนิดนี้ แต่ระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ยังไม่อาจทำลายด้วยกำลังได้

“กระนั้นใช้กำลังไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าใช้กลอุบายไม่ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอดีดนิ้ว “ในสถานการณ์ปกติคงไม่ง่ายขนาดนั้น อย่างน้อยก็ไม่ได้เร็วชนิดเห็นผลในทันที กระนั้นอีกฝ่ายวางค่ายกลได้อย่างเหมาะสม ก็ส่งผลกระทบต่อการหมุนเวียนของปราณวิญญาณและใยดินในระดับสูงแล้ว”

“แต่เนื่องจากเยว่เป่าฉี พวกเขาจึงใช้ไม่ได้ นี่เป็นโอกาสของเรา”

“โบราณบอกไว้ว่า สี่ตำลึงปาดพันชั่ง แต่ว่าท่าสี่ตำลึงก็ไม่อาจเคลื่อนย้ายสิ่งของหนักพันชั่งได้ทุกเวลา หรืออยากจะทำก็ทำได้ทันที ต้องดูว่าปาดไปที่หน แต่ปาดอย่างไร”

อาหู่เกาศีรษะ “เช่นนั้นการกระทำของท่านเมื่อครู่ ก็คือสี่ตำลึงปาดพันช่างหรือ?”

“สาม…สอง…หนึ่ง!” เยี่ยนจ้าวเกอยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว จากนั้นก็หุบนิ้วลง

เสียงเพิ่งจะขาดลง ก้นทะเลทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิงก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

แกนไฟใยดินกระเพื่อม เริ่มมีไฟใต้พิภพพวยพุ่งออกมาไม่หยุด

ละอองแสงสีแดงอันร้อนระอุพึ่งออกจากผิวดิน ก็กลายเป็นเปลวเพลิงโหมไหม้ แม้แต่มหาสมุทรยังไม่อาจควบคุม

ไฟพวยพุ่งขนาดมหึมาหลายสายพุ่งออกจากผิวทะเลด้วยสภาวะดุร้าย

อาหู่ชะงัก “เช่นนี้หรือ?”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น”

ลำไฟเก้าสาย พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิง ประกอบกันกลายเป็นกระบวนทัพแปลกประหลาด

ไฟใต้พิภพกระเพื่อมปราณวิญญาณและใยดิน ทำให้เกาะเหยียนฮวาซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่บริเวณทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเฉวียนหลิงที่อยู่ไกลออกไป พลันสั่นไหวขึ้นมา

บนเกาะมีลำแสงสีเขียวที่โชติช่วงสาดขึ้นมาครอบคลุมท้องนภา ไม่อาจสะกดไว้ได้

จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องบินขึ้นท้องฟ้า มองเหตุการณ์นี้ด้วยความตกตะลึง “รีบหยุดเร็วเข้า องค์จักรพรรดิไม่มีคำสั่งให้ใช้ค่ายกล!”

ภายใต้การครอบคลุมของแสงสีเขียว ลวดลายค่ายกลสีเงินสายหนึ่งกระจายแสงเย็นสลัวและปราณความเย็นออกมา ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

บนเกาะมีจอมยุทธ์ในอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งหันไปทางทิศเหนือในทันใด “แกนไฟใยดินของทิศทางนั้นเกิดความผิดปกติ มีไฟใต้พิภพพ่นขึ้น ปราณหยางโชติช่วง หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ ถึงสะกิดให้อาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราทำงาน?”

ด้านข้างเขามีคนเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ค่ายกลอัคคีสวรรค์อัสนีวิบัติละเอียดอ่อนถึงขนาดไหน อาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราแข็งแรงทนทาน แต่ได้รับผลกระทบเพราะการพวยพุ่งของไฟใต้พิภพธรรมดาหรือนี่? ถ้าหากส่งผลกระทบต่ออาคมค่ายกลไม้เขียวจันทราได้ ความรุนแรงของไฟใต้พิภพนั่นก็สามารถเผาน้ำทะเลบริเวณเกาะเฉวียนหลิงทั้งหมดให้แห้งได้แล้ว”

“ในหมู่โจรกบฎมียอดฝีมือที่มีความสามารถเช่นนี้อยู่ไม่น้อย ท่านอ๋องและกั๋วกงย่อมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมาอาละวาด”

จอมยุทธ์อาภรณ์ขาวกล่าวเสียงทุ้ม “อีกฝ่ายมีความสามารถแยบคาย ไม่ได้อาศัยกำลัง”

เขาพุ่งร่างขึ้นฟ้า กลายเป็นปราณกระบี่เหมือนกระแสน้ำ บินไปยังทิศเหนือ

เพียงแต่ค่ายกลไม้เขียวจันทราบนเกาะเหยียนฮวาถูกกระตุ้นให้ทำงาน จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่อยู่บนเกาะไม่อาจควบคุมได้อีก

แสงสว่างสีเขียวและสีเงินหลายสายแผ่ขยายออกไปรอบๆ ประกอบกันเป็นคมค่ายกลมากมาย ก่อนจะจับกลุ่มกันเป็นค่ายกลยักษ์ ครอบคลุมเกาะเฉวียนหลิงเอาไว้

ทว่าลำแสงกลับถูกเสาเพลิงไฟใต้พิบัติเก้าต้นขัดขวางไว้ในตอนที่พุ่งไปถึงทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิง ไม่อาจรุดไปทางเหนือ ลุกลามไปยังสถานที่อื่นบนทางเหนือของทะเลหวงเจียต่อได้ เพียงจำกัดอยู่ที่เกาะเฉวียนหลิงทางใต้สุดเพียงที่เดียว

ลำแสงเจิดจ้าครอบฟ้าคลุมดิน ท้องฟ้าบนเกาะเฉวียนหลิงที่กระจ่างใสในตอนแรก ตอนนี้พลันมีเมฆดำปกคลุมหนาแน่น

สายฟ้าอันน่าสะพรึงเคลื่อนไหวกลางเมฆดำไม่หยุด ปกคลุมรัศมีหลายหมื่นลี้ไว้

ในวินาทีนี้ เกาะเฉวียนหลิงเหมือนเผชิญกับวันสิ้นโลก

นาทีต่อมา เมื่อถูกปราณหยินจากอาคมแสงสีเขียวและอาคมสีเงินเบื้องล่างกระตุ้น สายฟ้าที่รุนแรงกับเพลิงสวรรค์หลายสายในเมฆดำบนท้องฟ้าก็พุ่งลงมาพร้อมกัน!

เพลิงสายฟ้าอันน่ากลัวเจาะทะลุอากาศ เปลี่ยนฟ้าดินในรัศมีหลายหมื่นลี้บนเกาะเฉวียนหลิงให้กลายเป็นแดนชำระบาปที่เต็มไปด้วยสายฟ้ากับเปลวเพลิง

เงยหน้ามองไป นอกจากดาวตกเพลิงสวรรค์กับสายฟ้าแลบแปลบปลาบกลางท้องฟ้า ก็มองไม่เห็นอย่างอื่นโดยสิ้นเชิง

แต่เมื่อพุ่งจากท้องฟ้ามาถึงกลางอากาศแล้ว อัคคีสวรรค์กับอัสนีวิบัติที่น่าพรั่นพรึงทั้งหมด กลับบิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลาด เริ่มรวมตัวกันเป็นจุดเดียว

เพลิงสายฟ้ามากมายจับตัวกันกลายเป็นเสาแสงหยาบใหญ่สีเขียวม่วงพร่าเลือน

ที่บอกว่าเป็นเสาแสง เพราะใหญ่มากกว่าหนึ่งร้อยลี้ เมื่อพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ทั้งมหึมาทั้งสั่นสะท้าน ทำให้ผู้คนอดคิดหมอบกราบกรานไม่ได้

จุดสถานที่ที่เสาแสงพุ่งลงมา คือทางเหนือของเกาะเฉวียนหลิง ที่ที่ไฟใต้พิภพพวยพุ่ง!

อาหู่อ้าปาก “คุณชาย นี่…”

เยี่ยนจ้าวเกอบิดขี้เกียจ “คานงัดต้นเดียวไม่พอ งัดของหนักขึ้นไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะใช้สองต้น แน่นอนว่าประเด็นสำคัญคือต้องรู้ว่าจะนำไปงัดตรงไหน”

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset