ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 670 ตรงกับเจตนาของข้าพอดี

พวกผู้อาวุโสชีบนเกาะเทียนอิ้นไม่มีทางนึกถึงว่า เพื่อรับมือเยี่ยนจ้าวเกอ สำนักแสงสว่างถึงกับส่งยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงมาถึงที่นี่

นอกจากจางเชาที่สะกดพวกผู้อาวุโสชีบนเกาะเทียนอิ้นแล้ว สำนักแสงสว่างยังมีเฉิงซงผู้อาวุโสที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่มาถึงที่นี่ เพื่อซุ่มฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอโดยเฉพาะ

พวกผู้อาวุโสชีไม่รู้ว่า ครั้งนี้สำนักแสงสว่างขูดเลือดเนื้อของตัวเอง ต้องจัดการเยี่ยนจ้าวเกอให้จงได้

ไม่เพียงแต่เพราะแค้นใหม่แค้นเก่าที่สั่งสมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังเป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอมีตราประทับตะวันที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ด้วย

พวกเขาแน่วแน่มาก

เยี่ยนจ้าวเกอหยุดฝีเท้า เห็นแสงเจิดจ้าไกลออกไปยิ่งมายิ่งสว่าง จากนั้นก็มีดวงอาทิตย์สีทองดวงหนึ่งกับดวงจันทร์สีเงินยวงดวงหนึ่งหมุนวนสลับที่ ลอยขึ้นจากบนผิวน้ำ

ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์วนเวียนพร้อมกับลอยขึ้นข้างบนช้าๆ แสดงการเปลี่ยนแปลงของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ แสงสว่าง ความมืด การสั่นไหวของพลังอันแข็งแกร่งนั้นทำให้คนหวาดผวา

แตกต่างกับเติ้งเซิงในตอนแรก แม้จะมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น แต่กลับถูกพลังแห่งเขตแดนของโลกแปดพิภพจำกัดให้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม

ในตอนนี้อยู่บนโลกซ้อนโลก พลังที่คล้ายจะทำลายนภาเห็นเทวะที่แท้จริงของเฉิงซง สามารถแสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์

ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เหนือศีรษะของเฉิงซงปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าจุดลมปราณบนร่างของเขากำลังสั่นไหว

การสั่นสะเทือนจุดลมปราณของตัวเองเป็นเรื่องของตัวเอง ไม่เหมือนกับจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่

จุดลมปราณบนร่างเฉิงซงสั่นไหว ตอบสนองต่อกันและกันเหมือนแสงกะพริบของดวงดาวบนฟากฟ้าที่เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง

พลังที่แฝงอยู่ในการสั่นไหวจุดลมปราณของเขา จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในขั้นรวมรูปไม่อาจเทียบเคียงได้

เฉิงซงมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างราบเรียบ ไม่ได้พูดอันใด เพียงยื่นมือคว้าเข้ามา

ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนศีรษะของเขาหายไป แต่ใต้ฝ่ามือกลับมีภาพดวงอาทิตย์ลอยดวงจันทร์ตก

ฝ่ามือหนึ่งผลักออก เยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้สึกว่าตรงหน้าถูกบดบัง

ฝ่ามือข้างนั้นเหมือนกับห่อคลุมท้องฟ้า ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยและจม เพราะการครอบคลุมจากสภาวะฝ่ามือของเขา

แสงสว่างของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อันกระจ่างส่องสว่าง แต่ว่าประกายแสงรอบๆ กลับดับลงไปในทันใด

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น สีหน้าใจเย็นและเคร่งขรึม

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกปรากฏตัวขึ้นด้านหน้า สวมเกราะเหมันต์ทระนง มือถือหอกมังกรมัจฉา แทงหอกใส่ฝ่ามือเทพสุริยันจันทราของเฉิงซงอย่างเหี้ยมหาญ

เงาแสงล่องลอย ท่ามกลางทะเลน้ำแข็งอันไพศาล ตัวคุนเผิงขนาดมหึมาตัวหนึ่งพุ่งไปด้านหน้าอยู่กลางทะเลลึก

คุนเผิงตัวนี้เหมือนไม่เห็นคลื่นซัดโหมทั้งหมดในสายตา มันบดขยี้ทุกอย่างเป็นผุยผงโดยไม่มองแม้แต่น้อย พลังอันยิ่งใหญ่ถึงขั้นสั่นสะท้านนภาได้เลยทีเดียว

มันกระโจนออกจากผิวน้ำ พลันกลายเป็นนกเผิงยักษ์ กระพือปีกบินขึ้นด้านบน มุ่งสู่ฟากฟ้า

พลังที่ทั้งเร่งร้อนทั้งรุนแรงนั้น ม้วนพัดทะเลน้ำแข็งซัดสาดชนิดพลิกฟ้าพลิกดิน

มังกรน้ำแข็งอันน่าสะพรึงมากมายบนผิวทะเลทะยานขึ้นพร้อมกันหลังจากตัวคุนเผิงไต่ขึ้นท้องฟ้า อยู่เหนือดวงจันทร์และดวงอาทิตย์!

ทั้งสองฝ่ายแลกกระบวนท่ากันกลางอากาศ ตัวคุนเผิงกับมังกรน้ำแข็งแหลกสลายพร้อมกัน แต่ว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็ริบหรี่ลงไปด้วยเช่นกัน

เฉิงซงค่อนข้าประหลาดใจ “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ขั้นหลอมรวมรูประยะท้ายหรือ? มีพลังเหนือกว่าคนทั่วไปเสียอีก!”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพกพลังแห่งอาวุธศักดิสิทธิ์สองชิ้น ทำให้เฉิงซงที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ไม่อาจเอาเปรียบได้ชั่วขณะหนึ่ง

“ถึงกับยังซ่อนยอดฝีมือเช่นนี้ไว้ด้วย…รอเดี๋ยว ไม่ถูกต้อง!” เฉิงซงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “นี่เป็นร่างแยกที่เจ้าหลอมขึ้นหรือ? เจ้านำร่างของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในขั้นรูปญาณระยะท้ายมาทำเป็นร่างแยก?”

เขาที่เห็นเบื้องหลังสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง รู้สึกถึงความไม่ธรรมดาของเยี่ยนจ้าวเกอได้มากกว่าเดิม

ฝ่ามืออีกข้างที่ว่าง ครั้งนี้คว้าเข้ามา

สองมือผลักออกพร้อมกัน กลางฝ่ามือข้างหนึ่งมีดวงอาทิตย์สีทองลอยขึ้น อีกข้างหนึ่งมีดวงจันทร์เย็นเยือกสีเงินลอยขึ้น

ทันใดนั้น แสงอาทิตย์สีทองกับแสงจันทร์สีเงินมืดสลัวลง สีสันหายไป

ฟ้าดินทั้งหมดในตอนนี้เหมือนตกอยู่ในความมืด

เคล็ดวิชาสำนักแสงสว่าง ฝ่ามือกลืนตะวันกินจันทรา!

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่กริ่งเกรงแม้แต่น้อย สองมือถือหอก พลังรวบรวมอยู่ที่ปลายหอกมังกรมัจฉา

หอกมังกรมัจฉาที่หนักอึ้งเป็นพิเศษในตอนแรก ตรงปลายหอกในตอนนี้จับตัวกันหนักอึ้งจนไม่อาจเพิ่มได้อีก

ท้องนภาถูกแหวกออก หลุมดำหลุมหนึ่งโผล่ขึ้นมา กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ อย่างบ้าคลั่ง

ประกายแสงระหว่างฟ้าดินในวินาทีนี้หายไปโดยสิ้นเชิง ถูกความมืดปกคลุมไว้ทั้งหมด

วินาทีถัดมา มีความรู้สึกบิดเบี้ยวที่กระจุกกันส่งมาจากในความมืด

จากนั้นมิติก็แหลกสลาย แสงสว่างปรากฏขึ้นใหม่ ละลานตาอย่างไม่เคยมีมาก่อน ทั้งยังขยายออกรอบๆ อย่างคลุ้มคลั่ง สาดส่องรัศมีไปไกลหลายหมื่นลี้

ร่างของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับเฉิงซงโผล่ขึ้นอีกครั้ง

ด้ามหอกของหอกมังกรมัจฉาสั่นสะเทือนไม่หยุด ส่งเสียงกังวานเบาๆ

แต่แค่เสียงร้องนี้ก็สั่นไหวมิติในท้องฟ้าให้ระเบิดติดต่อกันได้แล้ว อีกทั้งเสียงระเบิดนั้นยังดังขึ้นไม่ขาดหู

มือสองข้างของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสั่นระริกอย่างไม่อาจควบคุม เกราะเหมันต์ทระนงปรากฏไออันเย็นยะเยือกหลายสายพรั่งพรูออกมา ยืดตามแขนของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไปถึงหอกมังกรมัจฉา ในที่สุดก็ทำให้หอกมังกรมัจฉาไม่สั่นสะท้านอีกต่อไป

เฉิงซงมองกลางฝ่ามือของตัวเอง เห็นสีแดงกลางฝ่ามือได้อย่างเลือนราง

หอก เป็นอาวุธแห่งการเข่นฆ่าโดยแท้ พลังรวมกันอยู่ที่จุดเดียว เพื่อแทงทะลุเป้าหมาย

เกราะเหมันต์ทระนงของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีพลังเพิ่มอีกขั้น กระตุ้นหอกมังกรมัจฉา พลังโจมตีล้ำเลิศ

เฉิงซงใช้ร่างเลือดเนื้อฝืนรับ ถึงแม้จะกระแทกให้หอกเกือบหลุดจากมือร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกได้ แต่ตัวเขาก็เกือบได้รับบาดเจ็บ

แม้อย่างมากสุดจะเนื้อตัวถลอก แต่ก็ทำให้บนใบหน้าเฉิงซงปรากฏความอับอาย

เขานิ่วหน้า แค่นเสียงคำหนึ่ง บนร่างพลันปรากฏเกราะอ่อนสีเงินชิ้นหนึ่ง แสงวิญญาณอันยิ่งใหญ่สว่างวูบวาบ กลิ่นอายอันแข็งแกร่งพลันส่งออกมา

แม้จะไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลาง แต่เมื่อมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำอยู่ในมือ สภาวะของเฉิงซงก็เพิ่มขึ้นทันที

เขาโจมตีใส่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอีกครั้ง ไม่ให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ

ตอนนี้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์คุ้มกันกาย เขามีความมั่นใจในการใช้มือเปล่าสู้กับอาวุธอย่างเต็มเปี่ยม ฝืนปะทะกับคมหอกของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก หมายทำลายอีกฝ่ายไปพร้อมอาวุธศักดิ์สิทธิ์!

แต่ว่าครั้งนี้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลับไม่ได้ฝืนปะทะ มันหมุนตัวครั่งหนึ่ง ในมือพลันปรากฏกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้า

ครั้นเห็นกระบองไม้ไผ่นี้ หนังตาของเฉิงซงพลันกระตุก คิดถึงความพิสดารของมันที่หนงอวี่ซวนเคยเล่าให้ฟังทันที

เขาเปลี่ยนกระบวนท่าทันเวลา ไม่โดนกระบองไม้ไผ่ฟาดใส่

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมองเฉิงซงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

หนงอวี่ซวนเห็นกระบองไม้ไผ่สีเขียวแท่งนั้น สีหน้าพลันถมึงทึงเล็กน้อย

เขาจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ เอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าเจ้าแค่โชคไม่ดี หนีออกจากเกาะเทียนอิ้นได้แล้วกลับถูกขวางไว้ที่นี่ใช่หรือไม่?”

“นั่นเป็นเพราะพวกข้าจงใจปล่อยเจ้าหนีออกมา เพื่อไม่ให้คนของหอกระบี่ทะเลเหนือกับสำนักความมืดรู้ว่าพวกเราฆ่าเจ้าแล้วจะได้อะไรไปเท่านั้น ที่นี่ไม่มีคนอื่นอีก เหมาะเป็นที่ฝังร่างของเจ้า”

“ตัวเจ้ามีความลับไม่น้อย มีของวิเศษมากมาย วันนี้มอบให้พวกข้าทั้งหมดเถอะ”

ขณะพูด บนร่างของหนงอวี่ซวนมีควันหนาสีดำลอยขึ้น

ในควันดำมีกลิ่นอายมารเพลิงทมิฬพรั่งพรูออกมา กลืนฟ้ากินอาทิตย์ ขับไล่แสงสว่างทั้งหมด

กลิ่นอายที่น่ากลัวนั้นแข็งแกร่งสุดเปรียบปาน อีกทั้งยังเหมือนไร้ที่สิ้นสุด

นาทีนี้ เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นที่รู้สึกได้ว่า หนงอวี่ซวนที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม ไม่ด้อยกว่าเฉิงซงที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่แม้แต่น้อย ถึงกับเหนือกว่าด้วยซ้ำ

ราวกับว่ามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางชิ้นหนึ่งที่เขาใช้พลังออกมาทั้งหมด รวมกับร่างของเขา กลายเป็นพลังฝึกปรือของเขาในระยะเวลาสั้นๆ

“ข้าหลอมปราณดาบแสงทมิฬส่วนใหญ่สำเร็จแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะธาตุไฟเข้าแทรกอีก พลังเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง” หนงอวี่ซวนเดินไปหาเยี่ยนจ้าวเกอทีละก้าว “ถ้าเจ้าคิดจะใช้ความสามารถเดิมเหมือนตอนนั้น เช่นนั้นก็ลองดู”

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็แค่นเสียงอย่างสบายอารมณ์ “ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ตรงกับเจตนาของข้าพอดี”

วังฝูงมังกรพลันปรากฏขึ้นด้านบน รอยยิ้มของเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ “อวิ๋นเซิง ลงมือ!”

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset