ไฟตะเกียงของตะเกียงประกายกาฬดับลง ตัวตะเกียงข้ามผ่านความว่างเปล่า ลอยเข้าไปหากงจักรมหาประกายกาฬเหมือนกับวิหคคืนป่า
กงจักรมหาประกายกาฬหยุดหมุนอีกครั้ง
ด้านในรูสิบสองรูที่เป็นความมืดเหมือนกับหุบเหวลึก พลันมีแสงสว่างหลายสาดออกมา
ตะเกียงประกายกาฬถูกแสงสว่างนั้นม้วนหายเข้าไปในรูว่างเปล่าเหล่านี้
นาทีถัดมา แสงสว่างสลาย กงจักรมหาประกายกาฬหมุนวนอีกครั้ง
แต่มีสภาวะที่น่าตกตะลึงมากกว่าแผ่พุ่งออกมา สั่นสะเทือนความว่างเปล่า
หลัวจื้อเทาฝืนสะกดจิตใจที่เกือบจะสูญเสียการควบคุมของตัวเอง
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอกับกงจักรมหาประกายกาฬ ตวาดเสียงทุ้ม “ตะเกียงประกายกาฬรวมกับของวิเศษชิ้นนี้เป็นหนึ่ง ขอแค่ได้ของวิเศษชิ้นนี้มา ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”
ท่ามกลางเสียงตวาดของเขา หลัวจื้อเทาฟันสองมือไปด้านหน้าพร้อมกัน
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่หมุนวนลอยตกอยู่บนศีรษะของเขา พลันกลายเป็นประกายดาบอันน่ากลัวสองสาย แยกเป็นด้านซ้ายและขวา พากันพุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอและกงจักรมหาประกายกาฬ!
สถานที่ที่ประกายดาบไปถึง ตัวตนทั้งหมดที่อยู่ในความว่างเปล่า เหมือนกับถูกแสงสว่างไร้ประมาณชำระล้าง แม้แต่เศษฝุ่นก็ไม่เหลือ
หลังจื้อเทาแสดงความเกรี้ยวกราด และทรงพลังของดาบมหาแสงสว่างออกมาอย่างหมดจด
เบื้องหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ นอกจากแสงสว่างสีขาวโพลนก็มองไม่เห็นภาพอื่นอีก
บัดนี้หลัวจื้อเทามีสายตาเย็นชายิ่ง “ถึงแม้อาจจะเป็นอาวุธเซียน แต่ถึงอย่างไรก็ยังสร้างไม่เสร็จ เป็นแค่ตัวอ่อนหรือแบบจำลองเท่านั้น!”
นอกจากนั้นยังไม่มีเจ้าของควบคุม หลัวจื้อเทาเชื่อมั่นว่าด้วยพลังของตัวเขาเอง อย่างน้อยก็อาศัยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นหนึ่งหยุดกงจักรมหาประกายกาฬได้ชั่วคราว
“พวกท่านรีบลงมือ!” ไม่ต้องให้หลัวจื้อเทาพูดมาก พวกกัวซงก็พุ่งเข้าหาพวกเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอซึมซับการเปลี่ยนแปลงของกงจักรมหาประกายกาฬ ยิ้มพลางปล่อยร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกออกมา กล่าวกับเฟิงอวิ๋นเซิงและเสี่ยวอ้ายด้วยรอยยิ้มว่า “สมบัติที่อยู่ด้านล่าง อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยๆ มาแบ่งกัน”
ขณะที่พุ่งลงด้านล่าง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็กางฝ่ามืออก ยกภูเขาสมบัติลูกหนึ่งขึ้นไป
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสองมือกางออก มือหนึ่งเก็บของวิเศษที่กองกันเป็นภูเขาเลากาอีกลูกหนึ่งขึ้นมา
เหมือนมองไม่เห็นพวกกัวซงที่พุ่งมาแม้แต่น้อย
กัวซงแค่นเสียง “เข้ามา ให้ข้าดูหน่อยเถอะว่าเจ้ามีปัญญาหนีรอดจากเงื้อมมือของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางหรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ กล่าว “สนใจตัวท่านเองก่อนเถอะ”
กงจักรมหาประกายกาฬที่อยู่ด้านบน หลังจากดูดซับตะเกียงประกายกาฬแล้ว มันก็ยิ่งหมุนเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
มิติต่างแดนที่ทุกคนอยู่ก็เกิดการบิดเบี้ยวตามการหมุนของกงจักรเหล็กสีดำ
เหมือนกับเกิดพายุขนาดยักษ์ลูกหนึ่งขึ้น โดยมีกงจักรมหาประกายกาฬเป็นศูนย์กลาง ดูดทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ เข้าไปด้านในอย่างต่อเนื่อง
ประกายดาบจากดาบมหาแสงสว่างของหลัวจื้อเทาแตกสลาย เกิดหนึ่งอาทิตย์หนึ่งจันทร์ และแสงสีทองกับแสงสีเงินสองสายอีกครั้ง
กงจักรสุริยันจันทราภายใต้การควบคุมของหลัวจื้อเทาคิดจะหยุดกงจักรมหาประกายกาฬ แต่ว่าหลังจากแสงสว่างของอาทิตย์ทองจันทร์เงินสัมผัสกับกงจักรมหาประกายกาฬแล้ว ด้านในกงจักรเหล็กสีดำที่น่าตกตะลึงก็มีสภาวะที่น่าตื่นตระหนกยิ่งกว่าระเบิดออกมาในทันใด!
เงาคนสายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นโดยมีกงจักรมหาประกายกาฬเป็นศูนย์กลาง สวมอาภรณ์สีดำ เสื้อคลุมสีขาว ผมสีดำคิ้วสีขาว ร่างสูงชะลูด ใบหน้าน่าเกรงขาม
เป็นจักรพรรดิประกายกาฬ อิ่นเทียนเซี่ย!
“ต่างคนต่างแยกย้าย” เสียงที่อยู่ไกลแสนไกลดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับทะลุกาลเวลาอันยาวนาน
ท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของพวกหลัวจื้อเทากับกัวซง แสงที่สว่างไสวอย่างไม่เคยมีมาก่อน สาดออกมาจากในเงามายาของจักรพรรดิประกายกาฬ กวาดล้างทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ
กงจักรสุริยันจันทรา ถูกกระแทกกระเด็น!
มิติต่างแดนเริ่มถล่ม!
ประตูศิลาที่เปล่งแสงเจ็ดสี โผล่มากลางความว่างเปล่า รอยดำด่างบนผิวหลุดลอกออก
ผิวศิลาด้านนอกหลังจากแตกร้าวออกแล้ว แสงหยกอันผุดผ่องก็ส่ายไหว ประตูหยกสีขาวบานหนึ่งโผล่ขึ้นเบื้องหน้าของทุกคน
ประตูหยกขาวขยายใหญ่ขึ้นในความว่างเปล่า ไม่ทันไรก็ใหญ่กว่าประตูศิลาก่อนหน้านี้มากกว่าสิบเท่า
ช่องประตูที่สูงใหญ่เหมือนไม่ได้อนุญาตให้คนเดินผ่าน แต่เปิดออกให้กับเทพเซียนที่อยู่บนสรวงสวรรค์
บัดนี้ ด้านในประตูมีมังกรแสงตัวหนึ่งเปล่งแสงสว่างเจ็ดสีระยิบระยับ
“ดูเหมือนว่าของชิ้นนี้จะไม่ได้ทิ้งไว้ให้พวกท่าน” ท่ามกลางเสียหัวเราะร่าของเยี่ยนจ้าวเกอ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเก็บสมบัติจนหมด พาเฟิงอวิ๋นเซิง เสี่ยวอ้าย อาหู่ และพ่านพ่านเหาะร่างขึ้นพร้อมกัน
ศีรษะมังกรของมังกรแสงเจ็ดสีก้มลม มันอ้าปากขึ้นก่อนจะกลืนทุกคนเข้าไป แล้วบินกลับไปยังประตูหยกขาว
ครั้งนี้เห็นบนกงจักรมหาประกายกาศ มีแสงเจ็ดสีลอยออกมาชั้นหนึ่ง
หลัวจื้อเทาตะลึง “ประตูศิลาบานนั้นสร้างมิติต่างแดนแห่งนี้ขึ้นมาพร้อมกับพิธีกรรม มันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมตั้งแต่ต้นแล้วหรือ? เยี่ยนจ้าวเกอนั่น หลอมประตูศิลาก่อนเช่นนั้นหรือ?”
กงจักรมหาประกายกาฬหลุดจากเงามายาของจักรพรรดิประกายกาฬ พุ่งเข้าไปในประตูหยกขาวพร้อมมังกรแสงเจ็ดสี
ประตูหยกขาวปิดลงอย่างสะเทือนเลือนลั่น
แต่ว่าแสงสว่างเจ็ดสียังคงกะพริบไม่หยุด ท่ามกลางประกายแสงมีเสียงมังกรคำรามดังขึ้นเป็นระลอก
พร้อมกับเสียงมังกรคำราม โถงของวังอันยิ่งใหญ่ที่มีขนาดมหึมาก็โผล่ขึ้นมา จากนั้นโถงวังและประตูหยกสีขาวก็เริ่มค่อยๆ รวมเข้าด้วยกันท่ามกลางแสงสว่างเจ็ดสี!
มาถึงตอนสุดท้าย ประตูหยกขาวเปลี่ยนกลายเป็นประตูห้องโถง แสงสว่างเจ็ดสีสลาย เหลือเพียงเงามังกรมากมายที่บินวนอยู่เหนือตัววัง
ด้านในวังใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิตัวตรง กลับเห็นกงจักรมหาประกายกาฬหยุดหมุน จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของความว่างเปล่าที่หนาหนักอย่างเงียบเชียบ
แต่ว่าบนผิวของวังฝูงมังกรกลับมีแสงขมุกขมัวที่ไม่สว่างและไม่มืดเกิดขึ้น ปกป้องวังใหญ่ แล้วค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่าอันมืดมิด
คนในสำนักแสงสว่างต่างไม่ยอมแพ้ หมายจะไล่ตามเพื่อขัดขวาง กลับเห็นเงาแสงของจักรพรรดิประกายกาฬกลางความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่ารุนแรง แล้วระเบิดออกกลายเป็นพิรุณแสง
บริเวณที่พิรุณแสงตกใส่ มิติต่างแดนที่ถล่มอยู่แล้วก็แหลกสลายโดยสิ้นเชิง!
กระแสปั่นป่วนของมิติเวลาที่บ้าคลั่งม้วนพัดทั่วบริเวณ ถึงกับเหนี่ยวนำให้ทั้งสุสานจักรพรรดิประกายกาฬเริ่มพังทลาย!
สุสานของจริงกับมิติเวลามายาตัดสลับเปลี่ยนแปลงกันไม่หยุด ก่อให้เกิดพายุทำลายล้างฟ้าดินขึ้น ถึงขั้นแผ่ขยายออกไปยังมิติที่อยู่ห่างออกไปด้านนอกสุสาน ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง
ทุกคนในสำนักแสงสว่างเบิกตาโพลง “หรือว่าการดำรงอยู่ของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬแห่งนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อจัดงานศพให้กับตัวเอง แต่เพื่อสร้างของวิเศษชิ้นนั้นและดำรงชีวิตหรือ?”
ปัจจุบันพิธีกรรมได้พังทลายลงแล้ว จักรพรรดิประกายกาฬทำภารกิจในประวัติศาสตร์ของตัวเองสำเร็จ
แต่ว่าในวินาทีนี้ พวกหลัวจื้อเทากลับทุกข์ตรม เพราะกระแสมิติที่ปั่นป่วน น่ากลัวและบ้าคลั่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก!
แม้จะเป็นหลัวจื้อเทาที่อยู่ในระดับสูงจุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย ก็ไม่อาจปกป้องตัวเองได้ จำเป็นต้องพึ่งพากงจักรสุริยันจันทราอันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์
จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่เหลือต่างกระจัดกระจาย ได้แต่พยายามช่วยตัวเองท่ามกลางคลื่นโหมกระหน่ำ
ก่อนหน้านี้กงจักรสุริยันจันทราแยกจากกัน ในตอนนี้ถูกกระแทกออกไปคนละทิศทาง
หลัวจื้อเทาฝืนคว้ากงจักรสุริยันไว้ และได้แต่มองดูกงจักรจันทราถูกม้วนปลิวไปมา ก่อนจะหายไปในกระแสปั่นป่วนของมิติโดยไม่อาจทำอะไร
เขาคิดจะไล่ตาม แต่กระแสปั่นป่วนของมิติตเวลาทำให้เขาที่มีแค่กงจักรสุริยันได้แต่ป้องกัน ถูกพัดถอยหลังไปตามคลื่น
กงจักรจันทราที่ได้รับความเสียหายมาหลายปี แล้วค่อยได้รับการฟื้นฟูมาในช่วงเวลาไม่กี่ปี ยังไม่ทันใช้ให้คล่องมือ ก็สูญเสียไปอีกครั้ง!
ครั้งนี้จะไปหาที่ไหนก็ยังเป็นปัญหา แทบจะเป็นการทำสูญหาย
กงจักรมหาประกายกาฬ ไม่มี
ตะเกียงประกายกาฬ ไม่มี
แม้แต่กงจักรสุริยันจันทราที่เป็นของตัวเองตั้งแต่แรกก็เสียไปเช่นกัน!
ท่ามกลางความว่างเปล่ามีเสียงคำรามที่ยากจะสะกดของหลัวจื้อเทาดังขึ้นอีกครั้ง