ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 719 เสียทั้งทหารและฮูหยิน

ไฟตะเกียงของตะเกียงประกายกาฬดับลง ตัวตะเกียงข้ามผ่านความว่างเปล่า ลอยเข้าไปหากงจักรมหาประกายกาฬเหมือนกับวิหคคืนป่า

กงจักรมหาประกายกาฬหยุดหมุนอีกครั้ง

ด้านในรูสิบสองรูที่เป็นความมืดเหมือนกับหุบเหวลึก พลันมีแสงสว่างหลายสาดออกมา

ตะเกียงประกายกาฬถูกแสงสว่างนั้นม้วนหายเข้าไปในรูว่างเปล่าเหล่านี้

นาทีถัดมา แสงสว่างสลาย กงจักรมหาประกายกาฬหมุนวนอีกครั้ง

แต่มีสภาวะที่น่าตกตะลึงมากกว่าแผ่พุ่งออกมา สั่นสะเทือนความว่างเปล่า

หลัวจื้อเทาฝืนสะกดจิตใจที่เกือบจะสูญเสียการควบคุมของตัวเอง

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอกับกงจักรมหาประกายกาฬ ตวาดเสียงทุ้ม “ตะเกียงประกายกาฬรวมกับของวิเศษชิ้นนี้เป็นหนึ่ง ขอแค่ได้ของวิเศษชิ้นนี้มา ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”

ท่ามกลางเสียงตวาดของเขา หลัวจื้อเทาฟันสองมือไปด้านหน้าพร้อมกัน

ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่หมุนวนลอยตกอยู่บนศีรษะของเขา พลันกลายเป็นประกายดาบอันน่ากลัวสองสาย แยกเป็นด้านซ้ายและขวา พากันพุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอและกงจักรมหาประกายกาฬ!

สถานที่ที่ประกายดาบไปถึง ตัวตนทั้งหมดที่อยู่ในความว่างเปล่า เหมือนกับถูกแสงสว่างไร้ประมาณชำระล้าง แม้แต่เศษฝุ่นก็ไม่เหลือ

หลังจื้อเทาแสดงความเกรี้ยวกราด และทรงพลังของดาบมหาแสงสว่างออกมาอย่างหมดจด

เบื้องหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอ นอกจากแสงสว่างสีขาวโพลนก็มองไม่เห็นภาพอื่นอีก

บัดนี้หลัวจื้อเทามีสายตาเย็นชายิ่ง “ถึงแม้อาจจะเป็นอาวุธเซียน แต่ถึงอย่างไรก็ยังสร้างไม่เสร็จ เป็นแค่ตัวอ่อนหรือแบบจำลองเท่านั้น!”

นอกจากนั้นยังไม่มีเจ้าของควบคุม หลัวจื้อเทาเชื่อมั่นว่าด้วยพลังของตัวเขาเอง อย่างน้อยก็อาศัยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นหนึ่งหยุดกงจักรมหาประกายกาฬได้ชั่วคราว

“พวกท่านรีบลงมือ!” ไม่ต้องให้หลัวจื้อเทาพูดมาก พวกกัวซงก็พุ่งเข้าหาพวกเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง

เยี่ยนจ้าวเกอซึมซับการเปลี่ยนแปลงของกงจักรมหาประกายกาฬ ยิ้มพลางปล่อยร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกออกมา กล่าวกับเฟิงอวิ๋นเซิงและเสี่ยวอ้ายด้วยรอยยิ้มว่า “สมบัติที่อยู่ด้านล่าง อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยๆ มาแบ่งกัน”

ขณะที่พุ่งลงด้านล่าง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็กางฝ่ามืออก ยกภูเขาสมบัติลูกหนึ่งขึ้นไป

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสองมือกางออก มือหนึ่งเก็บของวิเศษที่กองกันเป็นภูเขาเลากาอีกลูกหนึ่งขึ้นมา

เหมือนมองไม่เห็นพวกกัวซงที่พุ่งมาแม้แต่น้อย

กัวซงแค่นเสียง “เข้ามา ให้ข้าดูหน่อยเถอะว่าเจ้ามีปัญญาหนีรอดจากเงื้อมมือของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ขั้นเทวะสำแดงระยะกลางหรือไม่?”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ กล่าว “สนใจตัวท่านเองก่อนเถอะ”

กงจักรมหาประกายกาฬที่อยู่ด้านบน หลังจากดูดซับตะเกียงประกายกาฬแล้ว มันก็ยิ่งหมุนเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ

มิติต่างแดนที่ทุกคนอยู่ก็เกิดการบิดเบี้ยวตามการหมุนของกงจักรเหล็กสีดำ

เหมือนกับเกิดพายุขนาดยักษ์ลูกหนึ่งขึ้น โดยมีกงจักรมหาประกายกาฬเป็นศูนย์กลาง ดูดทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ เข้าไปด้านในอย่างต่อเนื่อง

ประกายดาบจากดาบมหาแสงสว่างของหลัวจื้อเทาแตกสลาย เกิดหนึ่งอาทิตย์หนึ่งจันทร์ และแสงสีทองกับแสงสีเงินสองสายอีกครั้ง

กงจักรสุริยันจันทราภายใต้การควบคุมของหลัวจื้อเทาคิดจะหยุดกงจักรมหาประกายกาฬ แต่ว่าหลังจากแสงสว่างของอาทิตย์ทองจันทร์เงินสัมผัสกับกงจักรมหาประกายกาฬแล้ว ด้านในกงจักรเหล็กสีดำที่น่าตกตะลึงก็มีสภาวะที่น่าตื่นตระหนกยิ่งกว่าระเบิดออกมาในทันใด!

เงาคนสายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นโดยมีกงจักรมหาประกายกาฬเป็นศูนย์กลาง สวมอาภรณ์สีดำ เสื้อคลุมสีขาว ผมสีดำคิ้วสีขาว ร่างสูงชะลูด ใบหน้าน่าเกรงขาม

เป็นจักรพรรดิประกายกาฬ อิ่นเทียนเซี่ย!

“ต่างคนต่างแยกย้าย” เสียงที่อยู่ไกลแสนไกลดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับทะลุกาลเวลาอันยาวนาน

ท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของพวกหลัวจื้อเทากับกัวซง แสงที่สว่างไสวอย่างไม่เคยมีมาก่อน สาดออกมาจากในเงามายาของจักรพรรดิประกายกาฬ กวาดล้างทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ

กงจักรสุริยันจันทรา ถูกกระแทกกระเด็น!

มิติต่างแดนเริ่มถล่ม!

ประตูศิลาที่เปล่งแสงเจ็ดสี โผล่มากลางความว่างเปล่า รอยดำด่างบนผิวหลุดลอกออก

ผิวศิลาด้านนอกหลังจากแตกร้าวออกแล้ว แสงหยกอันผุดผ่องก็ส่ายไหว ประตูหยกสีขาวบานหนึ่งโผล่ขึ้นเบื้องหน้าของทุกคน

ประตูหยกขาวขยายใหญ่ขึ้นในความว่างเปล่า ไม่ทันไรก็ใหญ่กว่าประตูศิลาก่อนหน้านี้มากกว่าสิบเท่า

ช่องประตูที่สูงใหญ่เหมือนไม่ได้อนุญาตให้คนเดินผ่าน แต่เปิดออกให้กับเทพเซียนที่อยู่บนสรวงสวรรค์

บัดนี้ ด้านในประตูมีมังกรแสงตัวหนึ่งเปล่งแสงสว่างเจ็ดสีระยิบระยับ

“ดูเหมือนว่าของชิ้นนี้จะไม่ได้ทิ้งไว้ให้พวกท่าน” ท่ามกลางเสียหัวเราะร่าของเยี่ยนจ้าวเกอ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเก็บสมบัติจนหมด พาเฟิงอวิ๋นเซิง เสี่ยวอ้าย อาหู่ และพ่านพ่านเหาะร่างขึ้นพร้อมกัน

ศีรษะมังกรของมังกรแสงเจ็ดสีก้มลม มันอ้าปากขึ้นก่อนจะกลืนทุกคนเข้าไป แล้วบินกลับไปยังประตูหยกขาว

ครั้งนี้เห็นบนกงจักรมหาประกายกาศ มีแสงเจ็ดสีลอยออกมาชั้นหนึ่ง

หลัวจื้อเทาตะลึง “ประตูศิลาบานนั้นสร้างมิติต่างแดนแห่งนี้ขึ้นมาพร้อมกับพิธีกรรม มันเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมตั้งแต่ต้นแล้วหรือ? เยี่ยนจ้าวเกอนั่น หลอมประตูศิลาก่อนเช่นนั้นหรือ?”

กงจักรมหาประกายกาฬหลุดจากเงามายาของจักรพรรดิประกายกาฬ พุ่งเข้าไปในประตูหยกขาวพร้อมมังกรแสงเจ็ดสี

ประตูหยกขาวปิดลงอย่างสะเทือนเลือนลั่น

แต่ว่าแสงสว่างเจ็ดสียังคงกะพริบไม่หยุด ท่ามกลางประกายแสงมีเสียงมังกรคำรามดังขึ้นเป็นระลอก

พร้อมกับเสียงมังกรคำราม โถงของวังอันยิ่งใหญ่ที่มีขนาดมหึมาก็โผล่ขึ้นมา จากนั้นโถงวังและประตูหยกสีขาวก็เริ่มค่อยๆ รวมเข้าด้วยกันท่ามกลางแสงสว่างเจ็ดสี!

มาถึงตอนสุดท้าย ประตูหยกขาวเปลี่ยนกลายเป็นประตูห้องโถง แสงสว่างเจ็ดสีสลาย เหลือเพียงเงามังกรมากมายที่บินวนอยู่เหนือตัววัง

ด้านในวังใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิตัวตรง กลับเห็นกงจักรมหาประกายกาฬหยุดหมุน จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของความว่างเปล่าที่หนาหนักอย่างเงียบเชียบ

แต่ว่าบนผิวของวังฝูงมังกรกลับมีแสงขมุกขมัวที่ไม่สว่างและไม่มืดเกิดขึ้น ปกป้องวังใหญ่ แล้วค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่าอันมืดมิด

คนในสำนักแสงสว่างต่างไม่ยอมแพ้ หมายจะไล่ตามเพื่อขัดขวาง กลับเห็นเงาแสงของจักรพรรดิประกายกาฬกลางความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่ารุนแรง แล้วระเบิดออกกลายเป็นพิรุณแสง

บริเวณที่พิรุณแสงตกใส่ มิติต่างแดนที่ถล่มอยู่แล้วก็แหลกสลายโดยสิ้นเชิง!

กระแสปั่นป่วนของมิติเวลาที่บ้าคลั่งม้วนพัดทั่วบริเวณ ถึงกับเหนี่ยวนำให้ทั้งสุสานจักรพรรดิประกายกาฬเริ่มพังทลาย!

สุสานของจริงกับมิติเวลามายาตัดสลับเปลี่ยนแปลงกันไม่หยุด ก่อให้เกิดพายุทำลายล้างฟ้าดินขึ้น ถึงขั้นแผ่ขยายออกไปยังมิติที่อยู่ห่างออกไปด้านนอกสุสาน ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

ทุกคนในสำนักแสงสว่างเบิกตาโพลง “หรือว่าการดำรงอยู่ของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬแห่งนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อจัดงานศพให้กับตัวเอง แต่เพื่อสร้างของวิเศษชิ้นนั้นและดำรงชีวิตหรือ?”

ปัจจุบันพิธีกรรมได้พังทลายลงแล้ว จักรพรรดิประกายกาฬทำภารกิจในประวัติศาสตร์ของตัวเองสำเร็จ

แต่ว่าในวินาทีนี้ พวกหลัวจื้อเทากลับทุกข์ตรม เพราะกระแสมิติที่ปั่นป่วน น่ากลัวและบ้าคลั่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก!

แม้จะเป็นหลัวจื้อเทาที่อยู่ในระดับสูงจุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย ก็ไม่อาจปกป้องตัวเองได้ จำเป็นต้องพึ่งพากงจักรสุริยันจันทราอันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์

จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่เหลือต่างกระจัดกระจาย ได้แต่พยายามช่วยตัวเองท่ามกลางคลื่นโหมกระหน่ำ

ก่อนหน้านี้กงจักรสุริยันจันทราแยกจากกัน ในตอนนี้ถูกกระแทกออกไปคนละทิศทาง

หลัวจื้อเทาฝืนคว้ากงจักรสุริยันไว้ และได้แต่มองดูกงจักรจันทราถูกม้วนปลิวไปมา ก่อนจะหายไปในกระแสปั่นป่วนของมิติโดยไม่อาจทำอะไร

เขาคิดจะไล่ตาม แต่กระแสปั่นป่วนของมิติตเวลาทำให้เขาที่มีแค่กงจักรสุริยันได้แต่ป้องกัน ถูกพัดถอยหลังไปตามคลื่น

กงจักรจันทราที่ได้รับความเสียหายมาหลายปี แล้วค่อยได้รับการฟื้นฟูมาในช่วงเวลาไม่กี่ปี ยังไม่ทันใช้ให้คล่องมือ ก็สูญเสียไปอีกครั้ง!

ครั้งนี้จะไปหาที่ไหนก็ยังเป็นปัญหา แทบจะเป็นการทำสูญหาย

กงจักรมหาประกายกาฬ ไม่มี

ตะเกียงประกายกาฬ ไม่มี

แม้แต่กงจักรสุริยันจันทราที่เป็นของตัวเองตั้งแต่แรกก็เสียไปเช่นกัน!

ท่ามกลางความว่างเปล่ามีเสียงคำรามที่ยากจะสะกดของหลัวจื้อเทาดังขึ้นอีกครั้ง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset