ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 809 ความเป็นมาที่แท้จริง

ต่อให้ไม่มีตัวปลอมอีกสองคนมาถึง ชายหนุ่มผอมสูงที่มาถึงเป็นคนแรกถ้าหากว่ารั้งอยู่นาน ก็อาจจะถูกเปิดโปงได้

ถึงอย่างไร ลักษณะพิเศษของเขา ก็แตกต่างกับเยี่ยนจ้าวเกอค่อนข้างมาก

เกิดมีคนที่เคยเจอเยี่ยนจ้าวเกอตัวจริง หรือคนที่เคยเห็นเงาแสงของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็สามารถจำตัวเยี่ยนจ้าวเกอได้

ชายหนุ่มอาภรณ์ดำที่มาถึงทีหลังผู้นั้นก็เหมือนกัน

มีแต่คนที่สามเท่านั้น ที่ไปไหนมาไหนได้อย่างเปิดเผย ไม่มีปัญหาใดๆ

ไม่เพียงแต่เมืองตกวาฬและตระกูลเซี่ยเท่านั้น ฟ้าดินกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ เขาสามารถใช้ชื่อของเยี่ยนจ้าวเกอเดินทางไปไหนก็ได้

ขอแค่อย่าเจอคนรู้จักของเยี่ยนจ้าวเกอก็พอ อย่างไรคนส่วนใหญ่ยากจะแยกแยะจริงปลอม

เยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝนวรยุทธ์กว้างขวาง ต่อให้มรรคาวรยุทธ์ของเขาแตกต่างกับเยี่ยนจ้าวเกอ ก็สามารถอำพรางผ่านไปได้

คนที่สามเดิมทีมั่นใจมาก ตัดสินใจว่าขอแค่ไม่ไปทะเลหวงเจีย ที่อื่นๆ เขาล้วนไปได้

หลังจากเดินทางไกล รวบรวมข่าวสารจากคนในท้องถิ่น ก็ทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ออกจากทะเลหวงเจีย หรือปรากฏตัวขึ้นที่อื่น เขาจึงจากไป และมุ่งหน้าไปยังที่อื่น

เพียงแต่เขาโชคไม่ดี กลับได้เจอตัวจริงเข้าพอดีในการสวมรอยเป็นเยี่ยนจ้าวเกอครั้งแรก

ขณะมองเม่าเหลียงตัวนั้นพร้อมกับยิ้มอย่างขื่นขมในใจ หัวใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบ

เยี่ยนจ้าวเกอตั้งใจจะจัดการอย่างเด็ดขาด ไม่ให้เหตุการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นอีก

สำหรับคนตรงหน้านี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้ว่ามีอีกกี่คน และไม่รู้ว่าจะมีคนที่คล้ายกันอยู่อีกหรือไม่

การปูทางในเมืองตกวาฬในวันนี้ เท่ากับเป็นการรับประกันอย่างหนึ่ง

วันหน้าหากมีเหตุการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นอีก เช่นนั้นก็อาจเป็นปีศาจใต้อาณัติที่กลายร่างแอบหนีไปอีก

เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาอีกฝ่ายด้วยความสนใจ

การสับตัวคน สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เป็นการเลียนแบบเรื่องไซอิ๋ว

เม่าเหลียงสองตัวที่ได้เจอบนระหว่างทางก่อนหน้านี้ เขาสังหารตัวหนึ่งจับไว้ตัวหนึ่ง

กระดูกอ่อนของอสูรชนิดนี้หากปรุงออกมาจะเป็นอาหารอันโอชนะ ทำให้จอมตะกละอย่างพวกเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิงอิ่มหนำสำราญ

ส่วนตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ถูกขังไว้ในวังฝูงมังกร เพื่อรักษาความสดใหม่ คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้ประโยชน์ที่นี่

จะว่าไปแล้ว เมื่อเทียบกับ ‘เจ้าอสูรจงคืนร่างเดิม’ เยี่ยนจ้าวเกอยากจะพูดว่า ‘สหายโปรดหยุดก่อน’ [1]เหมือนคนคนหนึ่งมากกว่า

เยี่ยนจ้าวเกอมองอีกฝ่ายพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อืม สมควรไม่ใช่ของวิเศษบางอย่าง ท่านรับประทานโอสถบางชนิดเข้าไปใช่หรือไม่?”

คนผู้นั้นกลับรู้หน้าที่ พยักหน้า “ข้ารับประทานโอสถแปลงร่างชนิดหนึ่ง เป็นข้าล่วงเกินใต้เท้า ได้โปรดละเว้นด้วย ถ้าหากข้าสามารถทำอะไรชดเชยได้โดยที่ข้าทำได้ ข้าขอตอบรับ”

ชายหนุ่มหันไปมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหยิบถุงย่อส่วนใบหนึ่งออกมา เสียเวลาสักพักจึงเปิดได้

“ผนึกที่อยู่บนถุงย่อส่วนชิ้นนี้เป็นผู้อาวุโสของท่านวางไว้กระมัง?” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางพลิกถุงย่อส่วน ครู่ต่อมาก็หยิบขวดโอสถขวดหนึ่งออกมา ใช้จมูกดมเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเข็มทองเล่มหนึ่งออกมาแทงเข้าไปด้านใน

ใช้ญาณจริงแท้ของตัวเองสัมผัสและศึกษา

สักพักต่อมา เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยว่า “แยบยลยิ่ง คนที่หลอมโอสถมีระดับสูงมาก

“ถ้าข้ามองไม่ผิด โอสถนี้มีเวลาจำกัด เม็ดหนึ่งจะมีผลแค่ช่วงหนึ่ง ต่อจากนั้นจำเป็นต้องรับประทานอีกถึงจะคงสภาพได้”

อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ มิผิด”

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือประคองโอสถเม็ดหนึ่งพร้อมกับถามว่า “มีบางอย่างที่ข้าไม่ค่อยแน่ใจนัก เหมือนว่าทุกคนที่รับประทานโอสถนี้ ได้แต่เปลี่ยนเป็นลักษณะของคนคนหนึ่งที่เจาะจงไว้เท่านั้น”

“ต่อจากนั้นหากรับประทานโอสถอีก ก็ได้แต่ยืดเวลาให้ยาวออกไป แต่ไม่อาจเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้อีกกระมัง?”

อีกฝ่ายได้ยินก็ตื่นตระหนก ‘เขาไม่เคยรับประทานด้วยซ้ำ แต่กลับมองสรรพคุณของโอสถแปลงกายออกมากขนาดนี้เชียวหรือ?’

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอเห็นสีหน้าของคนผู้นี้ ก็ทราบว่าตนทายไม่ผิด ยิ้มพลางเก็บโอสถกลับไป ก่อนจะถามว่า “สร้อยลูกปัดหยกคืออะไรกัน?

“ตัวปลอมสองคนนั้นยังพอว่า แต่ความเป็นมาของท่านกลับไม่ธรรมดา เหตุใดจึงต้องการของจากสถานที่เล็กๆ แห่งนี้”

“พวกท่านสามคน ไม่ว่าจะเป็นพลังของใคร ถ้าหากแย่งมาด้วยกำลัง คนในเมืองตกวาฬย่อมขัดขวางไม่ไหว เหตุใดต้องวางแผนเช่นนี้?”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะขึ้น “อ้อ จริงด้วย ท่านไม่นับ ท่านคิดปลอมเป็นข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อีกทั้งยังคิดจะปลอมต่อไปด้วย”

คนตรงหน้านี้กลับยืดได้หดได้ ตอบตรงไปตรงมา “สร้อยลูกปัดดูเหมือนเกี่ยวข้องกับของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ข้าแค่เกิดความคิดว่า คนสองคนนั้นต้องการมาเอาของชิ้นนั้นไป”

“พรรคลมหายใจวาฬทิ้งพิธีกรรมพิเศษไว้ในจวนตระกูลเซี่ยบนเมืองตกวาฬ หากทำลายจวน พรรคลมหายใจวาฬจะทราบทันที สุดท้ายพวกเขาก็ยังเป็นพรรคที่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงคอยสั่งการ ทุกคนไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โต ไม่อย่างนั้นจะส่งผลเสียต่อการกระทำต่อมา”

“การลอบปลอมแปลง หรือการช่วงชิงของคนสามคนอย่างเช่นตอนนี้ อย่างน้อยก็ไม่กระตุ้นโทสะของพรรคลมหายใจวาฬ จนส่งยอดฝีมือมาปิดล้อม”

ถึงแม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่สีหน้าของคนผู้นี้กลับไม่ผ่อนคลายแม้แต่น้อย

เยี่ยนจ้าวเกอชี้อาคมตราประทับบนหน้าผากของเขา “ตราของท่านมาจากไหนกัน?”

อีกฝ่ายตอบ “ผู้อาวุโสเมอบไว้ให้ ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบเรื่องราวจริงๆ”

“ที่แท้ราชันพระอาทิตย์เคยคบหากับยอดฝีมือสายเหนือพิสุทธิ์” เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง

ประโยคที่เหมือนไม่สำคัญ ทว่าเมื่ออีกฝ่ายได้ยิน กลับเหมือนมีเสียงฟ้าร้องกัปนาท

ต่อให้ตกมาอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ ชายหนุ่มตัวปลอมที่ถึงแม้จะหมดอาลัยตายอยาก แต่ยังคงรักษาความสงบนิ่งได้ ในตอนนี้กลับอ้าปากตาค้างมองเจ้าของร่างจริง

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “เป็นอะไรไป? ท่ากระบี่ที่ท่านใช้ แม้จะเป็นการกลายพันธุ์ของกระบี่สังหารเซียน แต่การสืบทอดที่สมบูรณ์ได้มาจากการเปลี่ยนแปลงของคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนสายเหนือพิสุทธิ์ดั้งเดิม หากไม่ได้เข้าใจคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนที่แท้จริงอย่างลึกซึ้ง จะได้ท่ากระบี่ที่หมดจดแต่อำพรางได้อย่างง่ายดายเช่นนี้มาได้อย่างไร?”

“ดูจากวรยุทธ์ของท่าน ท่านกับข้าไม่ได้มีความแค้นหรือความขัดแย้งกัน ที่ท่านปลอมเป็นข้าไม่ใช่เพราะต้องการโยนความผิด แต่เพื่อจะเดินทางในโลกซ้อนโลก หรือเขตตะวันอาคเนย์ได้อย่างสะดวก”

“ท่านนับว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำ มีความภาคภูมิใจเป็นของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะหมดสิ้นหนทางหรือว่ามีเป้าหมายอื่น เหตุใดจะต้องเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนอื่นด้วย”

ในความจริงแล้ว ตัวปลอมสามคนที่เจอกันบนเมืองตกวาฬ มีพรสวรรค์และพลังโดดเด่นทั้งสิ้น

ถึงแม้ว่าจะมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ขั้นรวมรูประยะกลางเหมือนกัน แต่ว่าพลังส่วนตัวกลับเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของจอมยุทธ์ในระดับเดียวกัน

เหนือฟ้ายังมีฟ้า คนที่สามผู้นี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางคนทั้งสาม

ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ ไหนเลยจะเป็นแค่คนธรรมดา!

ที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสามารถควบคุมอีกฝ่ายได้อยู่หมัด เป็นเพราะว่าระดับของทั้งสองฝ่ายต่างกันเกินไป และร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็แข็งแกร่งถึงขีดสุดเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างเฉื่อยชา “กษัตริย์ดินมีคำสั่งไม่ให้ผู้สืบทอดของสายเหนือพิสุทธิ์เหยียบเข้ามาในโลกซ้อนโลก ผู้ฝ่าฝืนจะถูกสังหาร ท่านแบกความเสี่ยงใหญ่เช่นนี้มาทำอะไร”

สีหน้าอันสั่นสะท้านของอีกฝ่ายเริ่มจางหาย จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ “คิดไม่ถึงว่าเจ้าชายพระอาทิตย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจะเป็นผู้สืบทอดของสายเหนือพิสุทธิ์ ต้องคารวะแล้วจริงๆ”

อีกฝ่ายใจเย็นลง “ถึงแม้ว่าพลังของท่านจะแข็งแกร่งกว่าข้า ทว่าพลังฝึกปรือกลับไม่เหนือกว่าข้าเท่าไรนัก ถ้าไม่ใช่คนที่ฝึกฝนคัมภีร์กระบี่สังหารเซียนดั้งเดิม แล้วจะมองเบื้องหลังของข้าออกได้อย่างไร?”

เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากยกโค้งเล็กน้อย “ข้าแตกต่างกับท่าน เหมือนกับคนคนหนึ่ง แตกต่างกับท่าน แตกต่างกับพวกท่าน”

คนผู้นั้นประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านเป็นผู้สืบทอดของอาจารย์ปู่หลงหรือ?”

………………..

[1] ‘สหายโปรดหยุดก่อน’ เป็นคำพูดประจำตัวของเทพเซิงกงเป้า (申公豹) ในตำนานห้องสิน หรือสงครามสถาปนาเทพ เวลาที่เซิงกงเป้าพูดประโยคนี้ จะต้องมีคนโชคร้าย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset