ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 829 โอสถวิญญาณมากมาย มีสรรพคุณหลากหลาย

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ลืมตาขึ้น เป่าโอสถสีดำขลับเม็ดนั้น

โอสถสีดำขลับยังอยู่ลอยกลางอากาศ ครั้นถูกลมเป่าใส่ ผิวโอสถเซียนก็พลันเกิดดวงไฟปะทุออกมา

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใช้ปากดูด โอสถเซียนกลายเป็นลำเพลิงสายหนึ่ง ก่อนจะถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกดูดเข้าไป

ร่างที่อยู่ในระดับสูงสุดของระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ร่างนี้หลับตาลง นั่งปรับลมหายใจอีกครั้ง

ผิวที่เหมือนกับหยกขาวของมันตอนนี้แวววาวมากขึ้น ขาวจนราวกับโปร่งแสง แทบจะเห็นเส้นเลือด เส้นเอ็น กระดููก และอวัยวะภายใน

ด้านในร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีแสงเพลิงสีแดงชาดสว่างขึ้น ค่อยๆ กระจายไปทั่วร่างกายของมัน

แสงเพลิงร้อนเร่า ทว่าไม่ได้รุนแรง กลับให้ความรู้สึกสงบเสียด้วยซ้ำ

ด้านในแสงสีแดงค่อยๆ เกิดแสงดวงดาวหลายจุดสว่างขึ้นมา ปรากฏเป็นภาพดวงดารากระจายทั่วฟ้า

เงาแสงลอยขึ้นเหนือศีรษะของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก แบ่งเป็นสามกลุ่ม

เงาแสงกลุ่มตรงกลางกลายเป็นคุนเผิง ด้านซ้ายกลายเป็นมังกรแท้ ส่วนด้านขวาแม้จะมีขนาดเล็กกว่าสองกลุ่มแรก ทว่าก็เป็นเทาเที่ยตัวหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย ไม่ไปมองอีก

ส่วนโอสถเซียนที่เหลือ เมื่อเขาคัดเลือกแบ่งชนิดและตรวจสอบเสร็จ เขาก็พยักหน้าด้วยความพอใจ

แม้ว่าเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับจะไม่อาจเปิดเตาหลอมโอสถได้ชั่วคราว แต่แค่ผลพลอยได้ในปัจจุบันนี้ ครั้งนี้นับว่าตนได้กำไรมาเป็นเงินถุงเงินถังทีเดียว

ตำหนักโอสถยังคงอยู่ โอสถที่เก็บไว้ด้านในมีมากกว่าที่อยู่ตรงหน้า แต่ว่าด้วยระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ไม่อาจใช้ผลพลอยได้อันเต็มเปี่ยมทั้งหมดในระยะเวลาสั้นๆ ได้

กลับเป็นสถานการณ์ของตำหนักโอสถที่ยังน่าสงสัย หากคิดจะตามหา จำเป็นต้องวางแผนอย่างรัดกุม

มันรอดพ้นภัยพิบัติมาได้ แต่หลายปีมานี้เกิดอะไรขึ้นกับมัน เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่กล้ายืนยัน

แต่เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะถูกคนอื่นชิงควบคุมไปก่อนแล้ว

โชคดีที่มีเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับอยู่ในมือ เมื่อมีมันเป็นเบาะแส คิดจะเสาะหาตำหนักโอสถกลับง่ายดายขึ้นมาก

เพียงแต่ในทางกลับกัน ที่อีกฝ่ายใช้เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับเป็นหลุมพราง ก็อาจจะควบคุมตำหนักโอสถได้ก่อนแล้วก้าวหนึ่ง เขาคิดจะตามหาเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับก็นับว่าง่ายดายมากเช่นกัน

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกไม่เข้าใจอยู่ดี

ถ้าหากว่าคนผู้นั้นควบคุมตำหนักโอสถได้แล้วจริงๆ ยังไม่พูดถึงว่าแข็งแกร่งหรือไม่ แต่โอสถเซียนและยาวิเศษมากมายในตำหนักโอสถก็ช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นได้เช่นกัน

การจับตัวจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนหกคนไป เหมือนจะเป็นการพิสูจน์เรื่องนี้

กระนั้น ถ้าหากอีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ เหตุใดจึงต้องใช้เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับเป็นหลุมพรางเล่า

เอาตัวคนไป ไม่ใช่เป็นการลงโทษคนที่แตะต้องเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ แต่เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับเดิมทีก็เป็นวัตถุดิบและเหยื่อล่อสำหรับวางหลุมพรางอยู่แล้ว

ชายหนุ่มใคร่ครวญพร้อมกับงอนิ้วดีดครั้งหนึ่ง ลำแสงหลายสายแยกกันพุ่งเข้าหาพวกเฟิงอวิ๋นเซิง

มีแสงสว่างสองสายที่บินออกจากตำหนักฝูงมังกร พุ่งเข้าไปในปากของพ่านพ่าน

“พลังฝึกปรือในตอนนี้ของพวกเจ้า หากจะกินโอสถเซียนเช่นนี้เข้าไป จำเป็นต้องระมัดระวัง ค่อยๆ หลอมพลังโอสถ” เยี่ยนจ้าวเกอพูด

เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และเสี่ยวอ้ายพิจารณายาลูกกลอนที่ลอยอยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “สามเม็ดของอวิ๋นเซิง เม็ดแรกคือลูกกลอนเชื่อมวิญญาณ ทำให้การตอบสนองของวิญญาณดีขึ้น โดยเฉพาะยังช่วยให้จอมยุทธ์กระตุ้นของวิเศษที่พลังฝึกปรือของตัวเองในตอนนี้ไม่อาจควบคุมได้โดยสมบูรณ์ง่ายขึ้นกว่าเดิม เหมาะกับเจ้าที่ครอบครองมงกุฎจันทราและดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก”

“เม็ดที่สอง ลูกกลอนอายุวัฒนาหยินหยาง ช่วยเพิ่มการประสานของหยินหยาง นอกจากนี้ยังเพิ่มพลังของหยินหยางหนึ่งในนั้น จากนั้นต้องดูแล เสริมอีกฝั่งหนึ่งด้วยตัวเอง มีสรรพคุณชัดเจน เหมาะกับวิถีการฝึกปรือในตอนนี้ของเจ้า เจ้าเหมาะกับการฝึกฝนคัมภีร์นภาหยินหยางมากที่สุด”

หลังจากมาถึงโลกซ้อนโลก มีเรื่องหลายเรื่องที่สามารถหาข้ออ้างมากมายมาอธิบายความเป็นมาได้ เยี่ยนจ้าวเกอจึงค่อยๆ สลัดความกริ่งเกรงก่อนหน้าทิ้ง

คัมภีร์นภาหยินหยางกลายเป็นรากฐานใหม่ของเขากว่างเฉิง คู่กับคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตที่หยวนเจิ้งเฟิงได้มาแล้ว

ด้านในทะเลหวงเจีย เยี่ยนตี๋เองก็ได้ศึกษาดู แต่ติดที่จิตจริงแท้ในวรยุทธ์ของตัวเอง จึงได้แค่พิจารณาดูเท่านั้น

แต่สำหรับเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว คัมภีร์หนาหยินหยางจะต้องเป็นวรยุทธ์ที่เหมาะสมให้นางฝึกปรือมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

และการฝึกฝนคัมภีร์นภาหยินหยางของนาง จะมีผลสำเร็จมากกว่าคนทั่วไปมาก

“เม็ดที่สาม มหาโอสถรับกำเนิด ไม่มีผลโยชน์อย่างอื่น เพียงเพิ่มความเร็วในการสะสมปราณกำเนิด และเพิ่มพลังของเจ้าเท่านั้น”

อีกด้านหนึ่งของสรรพคุณเดียวในโอสถเซียนระดับนี้ คือมีสรรพคุณที่ว่าเด่นชัดเป็นพิเศษ

ด้านในวังฝูงมังกรเดิมทีก็มีซากมังกรแท้ และของวิเศษจำนวนมากที่ได้มาจากสุสานจักรพรรดิประกายกาฬอยู่แล้ว พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่บกพร่องในด้านการสั่งสมปราณกำเนิด

ทว่าครั้งนี้มีมหาโอสถรับกำเนิดเพิ่มขึ้นมา ก็ยังคงมีประโยชน์อยู่ เพราะสามารถเพิ่มความเร็วในการดูดซับและหลอมปราณกำเนิดให้กับพวกเขาได้ขั้นหนึ่ง

พูดได้ว่าในอนาคตอันยาวนาน ด่านยากในการฝึกฝนของเยี่ยนจ้าวเกอมีแค่ด่านที่ต้องทำความเข้าใจ ส่วนช่วงเวลาที่ต้องสั่งสมเวลาและทรัพยากรกลับไม่มีอยู่อีกแล้ว

ความลำบากในการผลาญเวลาสามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว เหลือแต่ต้องศึกษาหลักการของจิตวรยุทธ์อย่างจริงจังเท่านั้น

ไม่ว่าจะมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอจากมาตรฐานไหน พวกเขาต่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำ

เส้นทางเหล่านี้จึงไม่ใช่การดึงต้นอ่อนให้เติบโต หรือเป็นการฝืนถ่ายวรยุทธ์ จึงไม่เกิดปัญหาที่รากฐานไม่มั่นคง

ทว่าสิ่งที่มีค่าให้สนใจก็คือ เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว อาจจะทำใครบางคนเกิดนิสัยเกียจคร้าน ความแน่วแน่ลดทอนลง

กระนั้นนี่ก็เป็นความกังวลที่อยู่ไกลออกไป ยังไม่ถึงขั้นทำให้คนไม่อยากอาหารเพราะเคยสำลัก[1] อย่างไรเสียพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เป็นคนระวังตัว ทราบอยู่แล้วว่าอาจจะเกิดปัญหาเช่นนี้ จึงต่างก็หาวิธีเคี่ยวกรำจิตใจผ่านวิธีอื่น

อาหู่กับเสี่ยวอ้ายครั้งนี้สำรวจโอสถตรงหน้าตัวเองด้วยความสนใจ

ด้านหน้าพวกเขามีโอสถวิญญาณคนละสามเม็ดเช่นกัน ในจำนวนนี้ล้วนมีมหาโอสถรับกำเนิด นี่เป็นโอสถชนิดหนึ่งที่เฟิงอวิ๋นเซิงได้เหมือนกับพวกเขา เพราะว่าเหมาะสำหรับทุกคน และเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในตอนนี้

เยี่ยนจ้าวเกอว่า “โอสถเซียนสองเม็ดของอาหู่ เม็ดหนึ่งคือลูกกลอนมังกรพยัคฆ์ทอง เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกายเนื้อและลมปราณ มังกรและพยัคฆ์ที่ว่านี้ไม่ใช่พยัคฆ์บนเขาหรือมังกรในน้ำที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่เป็นปีศาจพยัคฆ์กับมังกรแท้ที่สำเร็จกลายเป็นปีศาจ ใช้กระดูกพยัคฆ์กับเอ็นมังกร จากนั้นก็หลอมให้สำเร็จโดยใช้ของล้ำค่าอย่างอื่น”

“แม้ว่าพวกเราจะมีซากมังกรแท้ แต่ว่ามังกรที่ใช้หลอมลูกกลอนมังกรพยัคฆ์ทองเม็ดนี้ มีระดับพลังฝึกปรือสูงกว่า และหายากเป็นอย่างยิ่ง”

โอสถเม็ดที่สามของอาหู่ คือลูกกลอนวายุอัสนีสรรสร้าง หลังจากกินเข้าไปแล้ว ก็จะเหมือนกับกลืนสายฟ้า พายุ และเปลวเพลิงเข้าไปในร่าง เพิ่มความแข็งแกร่ง อึดถึกให้กับร่างกาย พลังกับความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นมากด้วย

“โอสถสองเม็ดของเสี่ยวอ้าย เม็ดหนึ่งคือโอสถทองข้ามวิญญาณ และโอสถแสงอาทิตย์” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “เจ้าเชี่ยวชาญค่ายกล ยิ่งวิญญาณแข็งแกร่งเท่าไร การอนุมานก็ยิ่งรวดเร็วและแม่นยำ โอสถทองข้ามวิญญาณจึงเหมาะสมกับเจ้าที่สุด”

แม้ว่าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่วิญญาณของคน แต่ว่ายาเชื่อมวิญญาณของเฟิงอวิ๋นเซิงค่อนไปในทางทำให้วิญญาณปราดเปรียวยิ่งขึ้น ส่วนโอสถทองข้ามวิญญาณของเสี่ยวอ้ายเป็นไปในทางเพิ่มความแข็งแกร่ง

เสี่ยวอายพยักหน้าอย่างยินดี “นายน้อยพิจารณาถี่ถ้วนจริงๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “โอสถแสงอาทิตย์อีกเม็ด เป็นโอสถแห่งวิญญาณอัคคี เจ้าฝึกฝนปราณวิญญาณก่อกำเนิดในคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต สามารถเปลี่ยนปราณวิญญาณส่วนหนึ่งให้กลายเป็นปราณกำเนิดวิญญาณไม้บริสุทธิ์ได้ ไม้ให้กำเนิดไฟ เมื่อมีโอสถแสงอาทิตย์เสริม จะทำให้ความเร็วในการเพิ่มพลังฝึกปรือของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกขั้น”

“โดยเฉพาะความรุนแรงของพลังไฟยังทำให้เจ้าทลายด่านเลื่อนระดับได้ เมื่อมีคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตเป็นพื้นฐาน เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะไปถึงเป้าหมายช้า”

นอกจากมหาโอสถรับกำเนิดแล้ว โอสถของคนทั้งสามล้วนแตกต่าง มีสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์ไม่เหมือนกัน เหมาะกับเงื่อนไขของแต่ละคน

“ตอนนี้เอาไปเท่านี้ก่อน ถ้ามากเกินไปจะไม่เป็นผลดีต่อการหลอมและดูดซับ” เยี่ยนจ้าวเกอเหมือนแจกจ่ายตามใจ แต่ความจริงเขาพิจารณาอย่างละเอียด จ่ายยาตามอาการ

อาหู่ถอนใจชมเชย เอ่ยว่า “คุณชาย โอสถที่น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านจึงศึกษาเบื้องหลังของมันจนถ่องแท้ได้เร็วนัก ท่านรู้สรรพคุณของโอสถแต่ละชนิดเหมือนกับสมบัติในบ้านของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”

เสี่ยวอ้ายถามอย่างเบิกบาน “นายน้อยๆ ท่านมอบให้พวกเรามากมายขนาดนี้ ทางท่านยังมีอยู่หรือไม่”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน มีพ่อครัวที่ไหนปล่อยให้ตัวเองอดบ้างเล่า”

………………..

[1] ไม่อยากอาหารเพราะเคยสำลัก สุภาษิตจีน หมายถึง เพราะล้มเหลวมาครั้งหนึ่งจึงไม่คิดทำอีก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset