เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะยิ้ม แต่พวกเซี่ยงอีหยางต่างสยิวกายด้วยความหนาวสะท้าน
ฉายานามหากเจอคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันจะไม่มีวันตาย จะรักษาไว้ได้ตลอดกาล
ถ้าวันนี้เขาตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอที่มีระดับต่ำกว่าตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่ใช่ไม่อาจถูกคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันฆ่าได้อีกตลอดกาลหรอกหรือ
“บางคนถ้าเจอสถานการณ์เช่นนี้ อาจจะคิดว่าท่านอุตส่าห์รับฝ่ามือของข้าได้ ก็ควรไว้ชีวิตท่านสักครั้ง” เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น”
“คนที่ไม่มีความขัดแย้งกันมากเกินไปยังพอว่า แต่กับศัตรู เป้าหมายที่ข้าแสวงหามาโดยตลอดก็คือ ไม่มีอะไรที่แก้ไขโดยหนึ่งฝ่ามือเดียวไม่ได้ แต่ถ้ามีล่ะก็ เช่นนั้นพวกเราก็ใช้อีกฝ่ามือหนึ่งก็พอ”
พูดจบเขาก็ยกมือขึ้นแล้วกดลง ฟาดรอยตราพลิกนภามาอีกครั้ง
เสียงเปรี้ยงดังขึ้น เซี่ยงอีหยางที่ไร้เรี่ยวแรงขัดขัน ถูกเยี่ยนจ้าวเกอฟาดฝ่าจมเข้าไปในดิน แม้แต่ศพก็ไม่เหลือ
จอมยุทธ์อารามสูงส่งที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าผู้นั้นมองเหตุการณ์นี้ ไร้ความสามารถขัดขืน ปากเต็มไปด้วยรสชาติขมฝาด
ในความจริงแล้ว นอกจากบุรุษวัยกลางคนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย เซี่ยงอีหยางเป็นยอดฝีมืออันดับที่สองในกลุ่มของพวกเขา
เขาถึงแม้ว่าจะมีพลังฝึกปรือสูงกว่าขั้นหนึ่ง แต่ว่าในด้านต่อสู้ เซี่ยงอีหยางที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่แข็งแกร่งกว่า
ผู้สืบทอดซึ่งเป็นยอดฝีมือที่ประมุขทักษิณชื่นชมที่สุด ศักยภาพและตำแหน่งของเซี่งยอีหยาง ในหมู่สหายในอารามศักดิ์สิทธิ์ สุดที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้
แม้ว่าจะไม่ได้มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนใต้หล้าเฉกเช่นบัวแดงสูงส่งฟู่ถิง แต่เซี่ยงอีหยางก็เป็นอัจฉริยะที่โด่งดังไปทั่วโลกซ้อนโลกเช่นกัน
ขณะที่เขาเป็นความภูมิใจของเขตสุราลัยบูรพา ก็ได้รับความสนใจจากยอดฝีมือในที่อื่นๆ
พูดถึงเรื่องการโจมตี การป้องกัน ความเร็ว บางทีเขาอาจไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่หากพูดถึงความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองและความเร็วในการฟื้นสภาพของพลังชีวิตหลังจากได้รับบาดเจ็บแล้ว เซี่ยงอีหยางที่มีร่างวสันต์ไม้แห้งและฝึกฝนคัมภีร์อายุวัฒนา แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวตนระดับสุดยอดในหมู่จอมยุทธ์ระดับใกล้เคียงกัน
ในอดีต เขาอาศัยพลังฟื้นฟูอันแข็งแกร่งของตัวเอง เคี่ยวกรำยอดฝีมือที่มีพลังป้องกันเหนือกว่าเขาจนตายไปไม่รู้เท่าไร ถึงขั้นที่จัดการคู่ต่อสู้ที่มีพลังฝึกปรือมากกว่าเขาไปมากมาย
การแสร้งตายก่อนหน้านี้ของเซี่ยงอีหยาง เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจฆ่าเขาได้ในกระบี่เดียว เพราะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้
ที่เขากล้าใช้แผนการที่เสี่ยงเช่นนี้ โดยการใช้ศีรษะรับรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอ เพราะมีความมั่นใจอยู่ตรงนี้เช่นกัน
น่าเสียดายที่ท่าไม้ตายของเขาถูกเยี่ยนจ้าวเกอแก้ไขได้
ต่อให้มีพลังชีวิตและพลังฟื้นฟูที่แข็งแกร่งกว่านี้ ก็ไม่อาจคืนสภาพกลับมาเหมือนเดิมหลังจากรับรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอไป
ดังนั้นเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือที่สอง เซี่ยงอีหยางก็ได้แต่ปิดตารอความตาย
ไม่ได้ถูกคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันฆ่าตาย ไม่ได้ถูกคู่ต่อสู้ที่มีพลังฝึกปรือสูงกว่าฆ่าตาย แต่กลับตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอที่มีระดับต่ำกว่า
คนแซ่เซี่ยงตายตาไม่หลับ
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพร้อมกับเก็บชิ้่นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าที่กำลังหลับลึก ‘ใหญ่กว่าชิ้นส่วนของข้าเสียอีก ก่อนหน้านี้คงจะกลืนกินชิ้นส่วนที่เล็กกว่าไปไม่น้อย ของวิเศษที่ท่านรวมรวมไว้นี้สมควรใช้ความตั้งใจไปเยอะยิ่ง ข้าขอขอบคุณท่านที่ช่วยให้ข้าประหยัดเวลาไปได้มากโข’
เขาเก็บไข่มุกสายฟ้า จากนั้นก็หมุนตัวโถมเข้าหาบุรุษวัยกลางคนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกผู้นั้น
อีกฝ่ายมีความคิดถอยหนีตั้งแต่แรกแล้ว แต่จนปัญญาที่ความเร็วของตนสู้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่ได้
ดวงจันทร์ดวงหนึ่งลอยขึ้นกลางมิติต่างแดน แสงบริสุทธิ์ไร้ประมาณสาดส่องฟ้าดิน
ครั้งนี้เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้กระตุ้นดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก แต่บังคับมงกุฎจันทราออกต่อสู้ รับมือกับยอดฝีมืออารามสูงส่งที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าแทนเยี่ยนจ้าวเกอ
ท่ามกลางเสียงร้องของมังกร มังกรแสงสีดำขาวตัวหนึ่งทะยานลงมาจากจันทร์เสี้ยวกลางท้องฟ้า ขัดขวางจอมยุทธ์อารามสูงส่งไว้
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกลงมือพร้อมกัน ทำให้บุรุษวัยกลางคนที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกผู้นั้นเสียเปรียบมากกว่าเดิม
พิรุณแสงที่เกิดจากธงวิญญาณหายไปแล้ว ทุกคนสามารถกระตุ้นของวิเศษได้อีกครั้ง เพียงแต่ส่งผลดีต่อเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่า
ถ้าหากไม่ใช่เพราะต้องการจับคู่ต่อสู้ที่มีพลังฝึกปรือสูงที่สุดและอาจจะมีข้อมูลข่าวสารมากที่สุดผู้นี้ เยี่ยนจ้าวเกอคงจบการต่อสู้ไปนานแล้ว
ดูจากลักษณะและจุดเด่นของวรยุทธ์ จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนคัมภีร์อายุวัฒนาจะมีความั่นคงใจเย็นและขยันหมั่นเพียร
คู่ต่อสู้เช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอยากจะเผด็จศึกโดยไว แต่คิดเอาชนะกลับไม่ยาก
ถ้าเปลี่ยนเป็นคู่ต่อสู้อย่างหลินฮั่นหัวหรือฟู่ถิง เมื่ออยู่ในระดับเทวะสำแดง การต่อสู้จะอันตรายยิ่ง ไม่ใช่บทสรุปท่านตายข้าม้วย
เซี่ยงอีหยางเพราะครอบครองชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้ากับร่างวสันต์ไม้แห้ง ดังนั้นจึงค่อนข้างพิเศษ
เขามีคุณสมบัติเสี่ยงชีวิตเหนือกว่าสหายร่วมสำนัก
มีแต่เยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้นถึงจะแก้ไขแผนการที่เขาตั้งใจวางไว้ได้อย่างหวุดหวิด สุดท้ายต้องใช้ท่าไม้ตายต่อต้าน
เปลี่ยนเป็นฟู่ถิง ถ้าหากใช้เสื้อขนหงส์เพลิงปกป้องตัวเองไม่ทันเวลา ก็มีโอกาสเรือล่มได้
พลังของฟู่ถิงแม้ว่าจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ และฝึกฝนคัมภีร์อายุวัฒนาได้ ทว่ายังไม่สามารถกดดันเซี่ยงอีหยางที่ครองร่างวสันต์ไม้แห้งให้ตกอยู่ในสภาพจนตรอกที่ต้องตายได้อย่างเยี่ยนจ้าวเกอ
ทว่าหากเปลี่ยนเป็นฟู่ถิงที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย นางกลับส่งผลคุกคามต่อเยี่ยนจ้าวเกอมากกว่าเซี่ยงอีหยาง
หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้กระบี่ปีศาจเทาเที่ยและหีบกลืนฟ้ากลืนดินสะกดอีกฝ่ายได้สำเร็จ ก็แยกกันลงมืออีกครั้ง ช่วยเฟิงอวิ๋นเซิงจัดการจอมยุทธ์อารามสูงส่งที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าผู้นั้น
การต่อสู้ใกล้จะจบลงแล้ว แต่เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ผ่อนคลายจิตใจ
หลังจากที่เขาจัดการพวกหลี่เฉิงที่เฝ้าประตูทางเชื่อมเขตแดน ก่อนจะเข้ามาในทางเชื่อมเขตแดน ก็คิดแผนการขึ้น ได้วางพิธีกรรมขนาดเล็กพิธีหนึ่ง โดยทิ้งไว้ระหว่างฟ้าดินฝั่งโลกซ้อนโลกซึ่งอยู่ด้านนอกประตู
ในวินาทีนี้ เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้อย่างแน่ชัด ว่าพิธีกรรมที่ตนทิ้งไว้ได้หายไปแล้ว
พิธีกรรมเดิมทีมีไว้แจ้งเตือน ตอนนี้พิธีกรรมกลับหายไปโดยไม่มีสัญญาณให้เห็น เหมือนกับไม่เคยคงอยู่มาก่อน
ไม่อาจบอกข่าวสารใดๆ ให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอได้ และไม่เกิดผลถ่วงเวลาหรือขัดขวางใดๆ ระเหยหายไปเปล่าๆ เช่นนี้
แต่สภาพการณ์ในตอนนี้ได้บอกข้อมูลสำคัญให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอมากมาย
มีคนกำลังเข้าใกล้ และมีพลังฝึกปรือสูงถึงขีดสุด!
ผู้มาไม่ได้ตั้งใจจะทำลายพิธีกรรมที่เยี่ยนจ้าวเกอเหลือเอาไว้ เพียงแต่ว่าการมาถึงของอีกฝ่าย ได้กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินรอบๆ ประตูทางเชื่อม ทำให้พิธีกรรมยากจะคงสภาพต่อ จึงหายไปตามธรรมชาติ
มีพลังฝึกปรือเช่นนี้ได้ อย่างต่ำสุดก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับกระบี่ภูผาเงาหลินฮั่นหัว ต่อให้ระดับไม่ถึง ก็ต้องมีพลังอยู่ในระดับเดียวกัน
พิจารณาถึงสภาวะของคู่ต่อสู้อันหายากที่อยู่ในระดับเดียวกันกับหลินฮั่นหัว ผู้มาคงมีระดับสูงกกว่า
นี่เป็นการลดการคำนวณลง ถ้าหากว่าคำนวณโดยใช้มาตรฐานสูงๆ อาจจะสูงถึงขั้นอะไรก็ได้
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปาก ‘ถึงแม้ว่าจะไม่อยากลอยคออยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติแล้วก็ตาม แต่ก็ไร้หนทางจริงๆ ได้แต่ต้องกลับมาอีกครั้ง’
ขณะที่คิด เยี่ยนจ้าวเกอก็เริ่มวางค่ายกลไว้ในมิติต่างแดนแห่งนี้ มีความน่าอัศจรรย์เหมือนกับค่ายกลเอกภพย้อนทวนที่ฉีเหว่ยเคยวาง
ในเวลาที่จำเป็น การใช้ค่ายกลย้อนทวนชนิดนี้จะทำลายมิติ ฉีกกระชากเป็นร่องแยกมิติสายหนึ่งในมิติต่างแดน ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอออกจากที่นี่ได้โดยไม่ต้องไปยังประตูทางเชื่อมเขตแดนที่ใช้เข้ามาเมื่อก่อนหน้า
ทว่าในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอวางค่ายกล เขาสัมผัสได้ว่ามีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงมาจากทางประตูทางเชื่อม
ไม่ได้มีคนเข้ามา แต่มีคนกำลังเปิดการต่อสู้ที่โลกซ้อนโลกซึ่งอยู่นอกทางเชื่อม
ความดุเดือดของการต่อสู้นั้น ทำให้พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในมิติต่างแดนได้รับผลกระทบ เหมือนกับโคลงเคลงอยู่กลางคลื่นโหมกระหน่ำ