ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 869 การลอยขึ้นของเยี่ยนจ้าวเกอ

ด้านในนครหลวงต้าเสวียน นอกจากผู้วิเศษเซิงแล้ว ยังยืนไว้ด้วยบุรุษวัยกลางคนใส่ฉลองพระองค์มังกร สวมมาลาสวรรค์ บุคลิกน่าเกรงขามผู้หนึ่ง

เป็นเสวียนเฉิงอ๋องที่ก่อนหน้านี้ได้ทรงสละบัลลังก์ให้โอรสของตนเสวียนมู่อ๋อง แล้วเสด็จออกจากทะเลหวงเจีย ไม่กี่ปีมานี้ได้เสด็จกลับมาที่นี่เพื่อควบคุมแผ่นดินต้าเสวียนอีกครั้ง

พระองค์อยู่ด้านหลังผู้วิเศษเซิงครึ่งก้าว เงยพระพักตร์ทอดพระเนตรมองท้องฟ้าพร้อมกับทรงคำนับ “อาจารย์อาสือ”

ชายชราผมขาวผู้มีร่างงองุ้มผู้หนึ่งลงมาจากท้องฟ้า ครั้นเขาเห็นเสวียนเฉิงอ๋องก็พยักหน้าเล็กน้อย

จากนั้นสายตาของเขาก็เปลี่ยนไปอยู่บนตัวผู้วิเศษเซิง “เป็นค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายจริงๆ หรือ”

ผู้วิเศษเซิงพยักหน้า “ไม่ผิดแน่ ข้าเคยเห็นผังค่ายกลฉับไม่สมบูรณ์ที่องค์จักรพรรดิเก็บไว้มาก่อน”

ชายชราผมขาวส่ายหน้าติดต่อกัน “ตอนแรกคิดว่าที่นี่อยู่ในลู่ทางที่ถูกต้องแล้ว พวกเราจึงสามารถปลีกตัวไปจัดการเรื่องอื่นให้แก่องค์จักรพรรดิได้ คาดไม่ถึงว่าคนรุ่นหลังจะใช้ไม่ได้ขนาดนี้ ต้องให้พวกเรากลับมาเก็บกวาด

“คนแก่อย่างพวกเราต้องทำอะไรก็ลำบาก เกรงว่าจะทำให้ภารกิจที่องค์จักรพรรดิสั่งมาล่าช้า”

เสวียนเฉิงอ๋องตรัสขึ้นด้านข้างว่า “ยังมีโอกาสชดเชยอยู่ เมื่อมีอาจารย์อาสือท่านจัดการค่ายกลสืบทอดฟ้า พวกเรากับอาจารย์อาผู้วิเศษเซิงร่วมมือกัน ย่อมสามารถจัดการเศษเดนที่ทำเสียเรื่องเหล่านั้นได้”

ชายชราผมขาวผู้นี้ก็คือนักพรตสือ ที่ในอดีตได้เข้ามาสร้างแผ่นดินในทะเลหวงเจียพร้อมเสวียนเหวินอ๋อง และผู้วิเศษเซิง

พลังฝึกปรือในตอนนี้มาตรแม้นจะยังเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้นอยู่ แต่ว่าร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ ก็เป็นปรมาจารย์ด้านค่ายกลที่มีชื่อเสียงสะท้านทะเลหวงเจียแล้ว

ชายชราผมขาวกล่าวว่า “ข้าอยากสัมผัสค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายของเขากว่างเฉิงด้วยตัวเอง หากเสริมผังค่ายกลที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งเป็นค่ายกลต่อสู้ระดับสุดยอดนี้ให้แก่องค์จักรพรรดิได้ ก็ถือเป็นการชดเชยข้อผิดพลาดของคนรุ่นหลังที่อยู่ที่นี่เช่นกัน”

ผู้วิเศษเซิงว่า “จากความพยายามในหลายปีมานี้ ค่ายกลบูชาฟ้ามีพื้นฐานแข็งแกร่ง อยู่ในลู่ทางที่ถูกต้องอีกครั้งแล้ว

“ศิษย์น้องสือเจ้าเตรียมการอีกสักเล็กน้อย เชื่อว่าที่นี่ไม่จำเป็นต้องให้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนเฝ้าไว้อีก ต่อไปพวกเราสามารถสามารถไปยังเขากว่างเฉิงนั่นได้แล้ว”

ผู้วิเศษเซิงส่งเสียงอันแก่ชราภายใต้รูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ “เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้หลินภูผาเงาจะสอดมือเอง พวกเราก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะทำลายเขากว่างเฉิงนั่นได้”

นักพรตสือพยักหน้า “อืม ข้าจะไปดูค่ายกลบูชาฟ้ากับค่ายกลของนครหลวงแห่งนี้”

เสวียนเฉิงอ๋องตรัสว่า “หลุมสีดำอันขมุกขมัวที่ก้นทะเลของดินแดนสุทธทัศน์สับสนถึงขีดสุดแล้ว ศิษย์น้องกู้จางกับเฮ่อตงเฉิง ยังมีศิษย์หลานคังผิงพร้อมจะออกมาจากที่นั่นทุกเมื่อ”

ผู้วิเศษเซิงยกมือขึ้น มองศิลาเทพย้อนทวนเวลาที่เปล่งแสงแวววาวกลางฝ่ามือของตัวเองอย่างซึมเซา

“พวกเราต้องกำจัดศัตรูพืชที่ก่อเรื่อง รีบจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย ทำให้ทุกสิ่งหวนคืนสู่ทางที่ควรจะเป็นโดยเร็วที่สุด”

หลังจากเวลาผ่านไป ในที่สุดสงครามใหญ่ระหว่างเขตตะวันอาคเนย์กับเขตเพลิงทักษิณก็อุบัติขึ้นอย่างเป็นทางการ!

เขากว่างเฉิงที่อยู่ทางทิศตะวันตกของทะเลหวงเจีย ซึ่งอยู่ใกล้กับสนามรบของทั้งสองฝ่าย ขณะที่ให้ความสนใจการเคลื่อนไหวของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ก็จับตาดูการเคลื่อนไหวทางตะวันตกอย่างใกล้ชิดไปด้วย

“หลายปีมานี้ ท่าทีของเขตเพลิงทักษิณยิ่งมายิ่งแข็งกร้าว” ฟางจุ่นขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมีกองกำลังที่แข็งแกร่งจากภายนอกมาสนับสนุน”

หยวนเจิ้งเฟิงพูดอย่างแช่มช้า “น่าจะเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง”

ตรงข้ามกับหยวนเจิ้งเฟิง นั่งไว้ด้วยบุรุษผู้องอาจที่ภายนอกมองไปเหมือนมีอายุราวๆ สามสี่สิบปี จอนผมสองข้างเป็นสีขาว เป็นเยี่ยนตี๋ที่ออกฌานมาแล้วนั่นเอง

เยี่ยนตี๋กล่าวว่า “ทางประมุขอาคเนย์ก็มีกำลังเสริมเช่นกัน ยอดฝีมือระดับสูงของทั้งสองฝ่ายยังสะกดกันไว้อย่างต่อเนื่อง สงครามใหญ่ที่ปะทุขึ้นของคนระดับล่างสมควรเป็นแค่การลองเชิง เพื่อศึกษาความแข็งแกร่งและศักยภาพภาพของอีกฝ่ายเท่านั้น”

“สิ่งสำคัญตอนนี้คือเราต้องพึ่งตัวเอง”

เขาหันไปมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอ “จ้าวเกอ สถานการณ์ทางเจ้าเป็นอย่างไรแล้ว”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยิ้มเล็กน้อย ใช้นิ้วชี้ข้างขวาชี้ขึ้นด้านบน “ข้ากำลังจะขึ้นมาแล้ว”

พอได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูดว่า ‘ขึ้นมา’ คนในเขากว่างเฉิงก็เข้าใจความนัย รู้สึกคึกคักฮึกเหิมขึ้นทันที!

ในตอนนั้นเอง ฟ้าดินบริเวณทิศใต้ของทะเลหวงเจียดินแดนหลวนเซียงสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ร่องแยกที่มีแสงสว่างไสวค่อยๆ เปิดออกกลางอากาศ

บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ถูกฉีกออก พลังแห่งเขตแดนบีบอัดและซ้อนทับกันอย่างต่อเนื่อง ปรากฏพลังอันน่าสั่นสะท้านขึ้น

จอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ปักหลักอยู่ใกล้กับที่นี่ต่างแตกตื่น

ที่นั่นคือโลกผืนสมุทรซึ่งบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เชื่อมอยู่ เกิดสัญญาณที่มีคนข้ามระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม กำลังจะลอยขึ้นมาถึงโลกซ้อนโลก

ณ โลกผืนสมุทร ด้านในทะเลรางเลือน ลำแสงสว่างสายหนึ่งพุ่งสู่ท้องฟ้า

ลวดลายที่จับตัวกันเหมือนกับจับต้องได้หลายสาย ขยายออกไปทั่วโลกผืนสมุทรอย่างต่อเนื่องโดยมีทะเลรางเลือนเป็นศูนย์กลาง

ลวดลายกระจายไปทุกที่ กวาดล้างสี่ทิศ

น้ำทะเลพัดโหมขึ้นสูงเสียดฟ้า จนเห็นก้นทะเลได้

ลมและเมฆกลบนท้องนภาหายไป ดวงตะวันและดวงจันทร์ต่างเปลี่ยนสี

ฟ้าดินพังทลาย ภูผาถล่มลง

จอมยุทธ์ในโลกผืนสมุทรต่างมองทิศทางของทะเลรางเลือนด้วยความหวาดกลัว

พวกเขาไม่ทราบว่าสิ่งใดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าพรั่นพรึงราวกับวันสิ้นโลกนี้

ในความทรงจำของจอมยุทธ์ในโลกผืนสมุทร นี่เหมือนกับภัยพิบัติฟ้าดินหลายครั้งที่บันทึกในคัมภีร์โบราณอย่างไม่ละเอียดกำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้ทุกคนทราบแล้วว่า นั่นเป็นสิ่งที่สุสารมังกรบันดาลให้เกิดขึ้น

ทว่าสุสานมังกรหายไปนานแล้ว เหตุใดถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นอีก

ทันใดนั้น เงาคนสายหนึ่งก็ลอยขึ้นมาจากด้านในเสาแสงที่เชื่อมสู่ฟากฟ้าซึ่งอยู่ด้านในทะเลรางเลือน มุ่งสู่ด้านบนท้องฟ้าอย่างแช่มช้า

ในวินาทีนี้ คนที่อยู่ในแต่ละที่ แต่ละมุมบนโลกผืนสมุทร ต่างเห็นลำแสงและเงาคนสายนั้น

“ราชามังกรอวิ๋นจง?!”

“เยี่ยนนอวิ๋นจงหรือ?!”

“เป็นเขาหรือนี่?! เขาอยู่บนโลกผืนสมุทรหรือ”

เมื่อจิตใจเปิดกว้าง คนทุกคนบนโลกผืนสมุทรพลันเข้าใจ

เนื่องจากการลงมาของจอมยุทธ์ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ทุกคนที่ทราบถึงการดำรงอยู่ของโลกซ้อนโลก ในใจต่างรู้สึกไม่เป็นรสชาติอยู่บ้าง

คนคนแรกจากโลกผืนสมุทรที่ลอยขึ้นไปยังโลกซ้อนโลกกลับเป็นคนนอก

หลังจากเงียบงันอยู่ชั่วครู่ ก็มีคนจำนวนมากเริ่มคำนับเงาคนซึ่งลอยสู่ทองฟ้าอย่างจริงใจ

“ยินดีกับราชามังกรอวิ๋นจงที่ได้ลอยขึ้นไป!”

“ยินดีกับราชามังกรอวิ๋นจง…”

“ยินดี…”

เสียงให้กำลังใจที่มากขึ้นเรื่อยๆ ดังขึ้นสลับกันทั่วโลกผืนสมุทร ค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นเสียงแห่งฟ้าดิน

เงาคนที่อยู่ในลำแสงค่อยๆ หายไป ลำแสงที่ลอยขึ้นมาจากทะเลรางเลือนนั้นกลายเป็นกว้างใหญ่ในชั่วอึดใจ ครอบคลุมโลกผืนสมุทรไว้ทั้งใบ ทำให้ตรงหน้าทุกคนเป็นสีขาวโพลน

ส่วนบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์บนดินแดนหลวนเซียงในทะเลหวงเจียของโลกซ้อนโลก ก็ถูกฉีกออกอีกครั้ง รอยฉีกใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ลำแสงอันยิ่งใหญ่พุ่งออกมา เชื่อมกับฟากฟ้าของโลกซ้อนโลก สาดแสงไปทั่วบริเวณ!

คนที่อยู่บริเวณใกล้ๆ อ้าปากตาค้าง เริ่มสงสัยการแยกแยะก่อนหน้าของตัวเอง “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ลอยขึ้นมาโลกซ้อนโลก เหตุใดจึงได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หรือว่าจะเกิดเรื่องอื่นขึ้น”

ทางทิศตะวันตกที่อยู่ห่างจากดินแดนหลวนเซียนไกลแสนไกล พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดที่พัดโหมอยู่ในน่านน้ำของดินแดนสุทธทัศน์พลันสงบลง

ผิวน้ำของท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลเบื้องล่างยุบตัวลงอย่างฉับพลัน

ตรงกลางมหาสมุทรปรากฏน้ำวนขนาดยักษ์สายหนึ่ง น้ำทะเลถูกพัดไปด้านล่างอย่างต่อเนื่อง

หลุมดำขมุกขมัวใต้ก้นทะเลที่เหมือนกับหยุดนิ่ง บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง สุดท้ายก็สลายไป

กลางความสับสนของเวลา มีเงาคนหลายสายถูกเหวี่ยงออกไปรอบๆ อย่างไม่อาจควบคุม

………………..

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset