ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 881 กวาดล้างในคราวเดียว!

ขณะที่ต่อสู้กัน ผู้วิเศษเซิงรู้จักความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอมากพอแล้ว

เขาทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอบรรลุกระบี่ลวงเซียน อีกทั้งยังอาจจะบรรลุกระบี่สังหารเซียนเช่นกัน

แม้กระทั่งยังพบว่าชายหนุ่มผู้นี้เหมือนจะฝึกฝนคัมภีร์พลิกฟ้า และคัมภีร์นภาหยินหยางซึ่งเป็นการสืบทอดสายหยกพิสุทธิ์ ถึงขั้นมีเงาของคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตอยู่หลายส่วน

เขาสัมผัสได้ว่ายามที่เยี่ยนจ้าวเกอควบคุมของวิเศษอย่างตราประทับตะวัน แม้จะไม่อาจแสดงพลังทั้งหมดที่อยู่ด้านในออกมาได้ แต่ก็ใช้ได้ตามใจนึก ราวกับว่าได้รับการสืบทอดสายตรงจากราชันพระอาทิตย์

เขายังทราบอีกว่าวังฝูงมังกรของเยี่ยนจ้าวเกอจะต้องมีปัญหา ไม่เช่นนั้นมันย่อมไม่อาจเก็บอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเช่นกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนได้ง่ายๆ ถึงเพียงนั้น

แม้ว่าในตอนนั้นกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อนจะถูกกระแทกตกออกไป ใกล้เคียงกับสิ่งของที่ไร้ผู้เป็นนายก็ตาม

ดังนั้นเขานอกจากต้องป้องกันกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าและตราประทับตะวันแล้ว ยังต้องระวังวังฝูงมังกรด้วย

ผู้วิเศษเซิงถึงขั้นแบ่งความระวังไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เยี่ยนจ้าวเกอกระตุ้นอาวุธเซียนซึ่งว่ากันว่าจักรพรรดิประกายกาฬได้ทิ้งเอาไว้ชิ้นนั้น

มาตรว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ให้สำเร็จลงได้มากเกินไป เขาจึงไม่อาจไม่ระวังตัว

กระนั้นเขาก็คิดไม่ถึง ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอปูทางมาเพื่อวินาทีนี้

ตั้งแต่ทะเลใต้มาถึงทะเลตะวันตก กระบวนท่าที่ควรใช้ก็ใช้ไปหมดสิ้นแล้ว การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายถึงขั้นที่ให้ความรู้สึกเคยชินจนเป็นธรรมชาติอยู่บ้าง

กระบี่หนึ่งมา กระบี่หนึ่งตอบกลับไป แต่ละคนต่างทราบว่าอีกฝ่ายใช้กระบวนท่าอันใดได้บ้าง

ถึงผู้วิเศษเซิงจะถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานจนหน้าคลุกฝุ่นมาตลอดทาง แต่ก็มีความมั่นใจว่าจะรวมตัวกับพวกนักพรตสือได้

แต่ในวินาทีที่รู้สึกได้ถึงความหวังที่สามารถพลิกจากแพ้เป็นชนะ ในตอนที่มาถึงดินแดนจิตคุณธรรม แล้วเห็นพวกกวนลี่เต๋อ นักพรตสือ เสวียนเฉิงอ๋อง…

เยี่ยนจ้าวเกอพลันใช้ท่าสังหาร!

การโจมตีนี้เป็นเหตุให้ผู้วิเศษเซิงไม่อาจตั้งตัวได้อีก!

กำปั้นที่ก่อนหน้านี้แฝงความน่าอัศจรรย์ของคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต แหวกประกายกระบี่คุ้มกันกายออก ต่อยใส่จุดอ่อนที่ทรวงอก

จากนั้นก็ติดตามด้วยหมัดบดขยี้แสงสว่างตรงตำแหน่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ ทำให้หน้าอกของผู้วิเศษเซิงเปิดออกเป็นรูขนาดใหญ่ โดนทะลวงตั้งแต่ทรวงอกไปจนถึงกลางหลัง!

เลือดเนื้อ กระดูก รวมถึงอวัยวะภายในที่อยู่ระหว่างช่วงอกและท้องของผู้วิเศษเซิง ล้วนถูกทำลายเป็นผุยผง!

แม้ว่าผู้วิเศษเซิงในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดจะไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์อย่างคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต และคัมภีร์อายุวัฒนา ทว่าพลังชีวิตก็ยังเหี้ยมหาญถึงขีดสุด

เมื่อได้รับอาการบาดเจ็บที่หนักหนาขนาดนี้ เขาก็ยังไม่ได้เสียชีวิตในทันที

กระนั้นเงามืดของความตายก็ได้ครอบคลุมจิตใจของเขาแล้ว

ผู้วิเศษเซิงมองดูเขากว่างเฉิง ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตอนที่เขามาที่นี่ จะได้รับความพ่ายแพ้กลับไป ไม่อาจทำลายที่อยู่ของเขากว่างเฉิงได้ กระนั้นก็ไม่มีวันคาดคิดว่า ที่นี่จะเป็นที่ฝักกระดูกของตัวเอง

เขามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างยากลำบาก รู้สึกเหลือเชื่อ ตนถึงกับมีวันที่ตายด้วยน้ำมือของคนที่เป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าเท่านั้น

ทว่าหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอต่อยหมัดออกมา ก็ชักมือกลับไปทันที ก่อนจะเหาะไปเขากว่างเฉิง ไม่เหลือบแลผลลัพธ์จากหมัดนี้ของตัวเองเลยสักนิด!

ผู้วิเศษเซิงเบิกตากว้าง

คนในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องยามนี้ต่างมองผู้วิเศษเซิงซึ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของฝ่ายตน ถูกคนรุ่นหลังที่เป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าทำร้ายสาหัสอย่างตะลึงลาน

ท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมด เขาแพ้อย่างราบคาบ แม้แต่ชีวิตก็เกือบรักษาไว้ไม่ได้!

ถึงแม้จะได้เห็นพลังของเยี่ยนตี๋แล้ว กระนั้นในตอนนี้ทุกๆ คนก็ยังคงตื่นตระหนกเหลือแสน

ในพริบตานั้นเอง เยี่ยนจ้าวเกอปล่อยผู้วิเศษเซิงที่ได้รับบาดเจ็บหนักไป เข่นฆ่าถึงเบื้องหน้าเสวียนเฉิงอ๋องดุจพายุฝนคลั่ง!

สืบเนื่องจากภาพตรงหน้านี้น่าเหลือเชื่อเกินไป เสวียนเฉิงอ๋องจึงทรงตกพระทัยงงงันอยู่ชั่วขณะ

ทว่าพระองค์ทรงได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ขณะกำลังจะช่วยเหลือผู้วิเศษเซิง กลับคาดคิดไม่ถึงว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเปลี่ยนเป้าหมายมาทางนี้ทันที

ที่ใช้ท่าโจมตีสังหารกับผู้วิเศษเซิงที่นี่ เป็นเพราะว่าเขาต้องการสะกดพระองค์ให้ชะงักไปก่อน และอาศัยความพ่ายแพ้ของผู้วิเศษเซิงข่มขวัญคนอื่นๆ ในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

ยอดฝีมือที่ผ่านสงครามมานับร้อยดั่งเช่นนักพรตสือและเสวียนเฉิงอ๋อง แม้ว่าจะเกิดเรื่องสะเทือนขวัญกว่านี้ จิตใจก็จะกลับคืนสู่สภาพปกติในชั่วพริบตา

ทว่าแค่พริบตาหนึ่งนี้ ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว!

ตราประทับตะวันร่วงหล่นใส่เสวียนเฉิงอ๋องด้วยสภาวะฟ้าถล่มทลาย

หอกยาวอันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางของเสวียนเฉิงอ๋องถูกเยี่ยนตี๋สะบั้นทิ้ง แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบเท่าใดนัก

พระองค์ตัดสินใจใช้กำปั้นต่างหอก แสดงวรยุทธ์ของตัวเองออกมา ต้านทานการกระแทกจากตราประทับตะวัน

ทว่าในขณะเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็ชูกระบองไม้ไผ่ในมือขึ้น แล้ววาดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ

หลังจากหมุนจนจบวงก็ฟาดใส่เสวียนเฉิงอ๋อง!

เสวียนเฉิงอ๋องพอทอดพระเนตรเห็นกระบองไม้ไผ่ คล้ายนึกออกอันใด ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่อนุญาตให้พระองค์ลังเล จึงกระตุ้นการป้องกันของเกราะห้าอัคคีเจ็ดวิคที่อยู่บนพระวรกายทันที

กระนั้น อัคคีเต็มฟ้าก็พลันมอดดับไป เพราะการฟาดลงมาของกระบองไม้ไผ่เจ็ดปล้อง

เงาแสงของวิหคเจ็ดชนิดพังทะลายลงตามลำดับ

แสงสว่างบนเกราะห้าอัคคีเจ็ดวิหคอันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ในตอนนี้ริบหรี่ลงไป

เยี่ยนจ้าวเกอได้เปรียบแล้วก็ไม่ปราณี ฟาดกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าติดต่อกันอย่างหักโหม

ขณะเดียวกันมือซ้ายก็ใช้ท่ารอยตราพลิกนภาเสริมบนตราประทับตะวัน เพื่อให้อานุภาพของตราประทับตะวันบ้าคลั่งยิ่งขึ้น

ในเวลาแค่ช่วงสั้นๆ เสวียนเฉิงอ๋องก็ทรงเข้าใจแล้วว่าไฉนก่อนหน้านี้ผู้วิเศษเซิงจึงถูกเล่นงาน จนศีรษะมีแต่รอยฟกช้ำ

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอใช้ตราประทับตะวันลดทอนพลังไปส่วนหนึ่งแล้ว พระองค์ก็พยายามโต้ตอบ โดยทิ่มดัชนีหยินหยางออกเบาๆ

การโจมตีของเสวียนเฉิงอ๋องพลันเปลี่ยนทิศ กลับขวางการโจมตีจากนักพรตสือให้กับเยี่ยนจ้าวเกอ

ไฟบนเกราะห้าอัคคีเจ็ดวิหคมอดดับ แสงสว่างหายไปจนเกือบจะแหลกสลายไปเอง เพราะถูกกระบองไม้ไผ่ฟาดใส่

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ตราประทับตะวันเพียงครั้งเดียว ก็เล่นงานจนเสวียนเฉิงอ๋องเกือบจะกระเด็นตกจากท้องฟ้า

ฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อขณะมองเหตุการณ์นี้ ก็เกิดความรู้สึกแตกตื่นตะลึงลาน ‘เขา…คือเยี่ยนจ้าวเกอนั่นหรือ’

ยังไม่ต้องพูดถึงเสวียนเฉิงอ๋อง แม้ว่าผู้วิเศษเซิงจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด แต่ก็มีความสามารถท้าสู้กวนลี่เต๋อซึ่งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า

ในตอนนี้ผู้วิเศษเซิงกลับเกือบตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอ กวนลี่เต๋อไฉนเลยจะไม่แตกตื่น

กระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ กลับทำให้กวนลี่เต๋อที่มองดูอยู่หนังตากระตุก ‘นั่นคืออะไรกันแน่ อาวุธเซียนที่จักรพรรดิประกายกาฬทิ้งไว้หรือ แต่ดูไม่คล้ายแม้แต่น้อย!’

ทุกคนบนเขากว่างเฉิงสบตากันยิ้ม จากนั้นก็เงยหน้าส่งเสียงตะโกนก้อง

เยี่ยนตี๋บังคังค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายให้ลอยขึ้นด้านบน พลิกจากป้องกันเป็นโจมตี!

ค่ายกลเสริมพลัง ทิศทางที่คมดาบของเยี่ยนตี๋มุ่งไปเกิดปราณดาบที่เหมือนผลักภูเขาถมทะเล ฟันใส่กวนลี่เต๋ออย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย

ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอยามนี้ปล่อยเสวียนเฉิงอ๋อง สายตาจับอยู่ที่นักพรตสือ

นักพรตสือตอนนี้เพิ่งช่วยผู้วิเศษเซิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ครั้นถูกเยี่ยนจ้าวเกอจับจ้อง เขาก็เกิดความรู้สึกหนาวสันหลังวาบขึ้นมา

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านคือนักพรตสือกระมัง ระดับค่ายกลของท่านช่างสูงล้ำจริงๆ”

ขณะที่ชายหนุ่มพูด เขาก็ใช้กระบี่ลวงเซียน นำพาให้แสงสีแดงปรากฏขึ้นรอบๆ!

กระบี่นี้ไม่เพียงฟันกาลเวลาเท่านั้น ยังฟันมิติทิ้งด้วย!

ค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยาย คือค่ายกลอันน่าอัศจรรย์สำหรับเคลื่อนย้ายมิติ

ทว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้ กระบี่ลวงเซียนจึงได้ผลเป็นพิเศษ

ถ้าหากไม่ใช่คนที่บรรลุค่ายกล มาตรว่าจะเข้าใจกระบี่ลวงเซียนอย่างทะลุปรุโปร่ง คิดทำลายค่ายกลเทพไท่อี้ถล่มทลายและค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยาย ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดาย

ทว่าปัญหานี้ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ไม่คงอยู่!

เขาในตอนนี้เมื่อปรากฏตัวที่นี่ มีระดับค่ายกลสูงส่งกว่านักพรตสือ!

หลังจากตรวจจับตำแหน่งไท่จี๋ติดต่อกัน กระบี่ลวงเซียนของเยี่ยนจ้าวเกอก็ทำลายมิติ ค่ายกลฟ้าดินแผ่ขยายตรงหน้าพลันเกิดสภาวะแตกฉานซ่านเซ็น

นักพรตสือตื่นตระหนก “กระบี่ลวงเซียน?! เจ้า…”

ระหว่างที่เยี่ยนจ้าวเกอส่งเสียงหัวเราะ เขาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าแล้ว

กระบี่เล็งไปที่ผู้วิเศษเซิงที่บาดเจ็บสาหัส ได้แต่งอมือรอความตาย!

ผู้วิเศษเซิงถลึงตา ศีรษะหลุดจากร่าง กระเด็นสู่ฟากฟ้า!

………………..

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset