เกาฉิงหัวเราะ รู้สึกสนใจเพราะคำพูดเมื่อครู่ของผุ้อาวุโส
เกาเสวี่ยโพที่อยู่ด้านข้างบนใบหน้ามีสีหน้าจนปัญญา
เขามีนิสัยเรียบร้อย เคร่งมายาท ด้วยระดับพลังฝึกปรือของเขา การทำให้รูปโฉมภายนอกเปลี่ยนจากชราเป็นหนุ่มไม่ใช่เรื่องยากเย็น แต่เขาคิดว่าตัวเองเป็นปู่แล้ว ดังนั้นจึงปล่อยให้รูปลักษณ์ภายนอกมีลักษณะเป็นคนแก่ต่อ
น่าเสียดายที่บิดาของเขา จักรพรรดิน้ำพุหลง นอกจากจะรักษาลักษณะตอนยังเป็นหนุ่มไว้แล้ว ยังกล่าววาจาหยอกล้อกับหลานสาวอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
“ในตอนนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างโลกซ้อนโลกกับมรกตท่องฟ้าของเราไม่ได้ตึงเครียดเท่าตอนนี้” เกาเสวี่ยโพอธิบายให้หลานสาวฟังอย่างจนปัญญา “มีการคบหาและการติดต่อกันอยู่บ่อยครั้ง ขอแค่ทั้งสองฝ่ายยินยอม ก็ไม่ห้ามให้เกิดการแต่งงาน”
เกาฉิงถึงแม้จะค่อนข้างไร้เดียงสาในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ทราบอะไรเลย
พอผู้เป็นปู่พูดขึ้น นางก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา
ในยุคนนั้น การเกี่ยวดองกันระหว่างท่านปู่ทวดและท่านย่าทวดของตน ก็มีลักษณะเป็นการผูกสัมพันธ์กันระหว่างโลกซ้อนโลกและมรกตท่องฟ้าอยู่บ้าง
เพียงแต่ว่าจักรพรรดิน้ำพุหลงกับกษัตริย์ลี้ลับผูกพันธ์กันอย่างล้ำลึก หลังแต่งงานกัน จักรพรรดิน้ำพุหลงก็รั้งอยู่ในมรกตท่องฟ้า แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างโลกซ้อนโลกและมรกตท่องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นตึงเครียดถึงขีดสุดแล้วก็ตาม
จักรพรรดิน้ำพุหลงเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “ข้าไม่มีปัญญา คิดจะแต่งกับท่านย่าทวดของเจ้า ได้แต่รั้งอยู่คอยรบเร้าพัวพัน”
“ไม่เหมือนกับศิษย์พี่ใหญ่ที่แต่งศิษย์น้องเล็กของท่านย่าทวดของเจ้า แล้วออกจากมรกตท่องฟ้าไป”
เกาฉิงเบิกตาโพลงอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ปู่ทวดแต่งให้แก่ราชันพระศุกร์หรือ?!”
จักรพรรดิน้ำพุหลงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง มีสีหน้ายินดี
เกาฉิงหันไปมองปู่ของตัวเอง เกาเสวี่ยโพกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “เป็นเช่นนี้มิผิด”
หลงฮั่นหัวหันไปมองหลงเสวี่ยจี้ เห็นฝ่ายหลังพยักหน้าเช่นกัน
เกาฉิงงงงันเล็กน้อย คิดถึงเหตุการณ์ที่ในตอนที่ราชันพระศุกร์พกนึ่งกระบี่มาจากโลกภายนอก เอาชนะมรกตท่องฟ้า ทั้งยังแต่งผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดของมรกตท่องฟ้าออกไป ก็อดเหม่อลอยซึมเซาไม่ได้
“ฮิๆ ศิษย์พี่ใหญ่แต่งศิษย์น้องเล็ก…” เกาฉิงหัวเราะขึ้น มองจักรพรรดิน้ำพุหลง “ศิษย์น้องเล็กแต่งศิษย์พี่ใหญ่หรือ”
จักรพรรดิน้ำพุหลงหัวเราะฮิฮะ “เป็นเช่นนั้น”
เกาฉิงปรบมือไม่หยุด “นี่นับว่าเป็นเกร็ดที่น่าสนใจยิ่ง”
ปู่ของนางเห็นท่าทางไม่มีมารยาทของหลานสาว ก็อดถลึงตาไม่ได้ แต่พอเห็นจักรพรรดิน้ำพุหลงหัวเราะอย่างเริงร่า เกาเสวี่ยโพก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ได้แต่ถอนใจอย่างอับจน
หลงเสวี่ยจี้ หลงฮั่นหัวสองพ่อลูกก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เช่นกัน
“จริงด้วยท่านปู่ทวด เช่นนั้นศิษย์พี่ใหญ่ของท่าน และพวกท่านอาจารย์ปู่ทวด ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว”
เกาฉิงพลันนึกออกในอันใด อดมีสีหน้าสงสัยไม่ได้ “ในโลกซ้อนโลกมีแต่เรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับท่านอาจารย์ปู่ทวด ทางโลกซ้อนโลกก็ไม่มีข่าวคราวของนาง พวกนางไปอยู่ที่ใดกัน”
ด้านในห้องเงียบลงในชั่วพริบตา
รอยยิ้มสลายไปจากใบหน้าของจักรพรรดิน้ำพุหลง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นล้ำลึก เงยหน้ามองเพดานห้องอย่างซึมเซา ครู่ต่อมาค่อยปิดตาลง
เกาฉิงเห็นดังนั้นก็งงงัน
เกาเสวี่ยโพ ปู่ของนางที่อยู่ด้านข้างลดเสียงกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสทั้งสองไม่อยู่แล้ว”
ดรุณีน้อยพลันใจสั่น มองจักรพรรดิน้ำพุหลง
จักรพรรดิน้ำพุหลงลืมตา ยิ้มเล็กน้อย บรรยากาศที่ผนึกแข็งในห้องคลายตัวลง “ไม่อยู่ตั้งแต่สองพันปีก่อนแล้ว”
“เพราะวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ สำนักเต๋าจึงเหลืออยู่น้อยนิด อีกทั้งได้รับความเสียหายอย่างนัก คิดจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งย่อมมีอุปสรรคอยู่มากมาย และต้องมีการเสียสละอีกมาก”
“ขอโทษเจ้าค่ะ ท่านปู่ทวด…” เกาฉิงกล่าวเสียงอ่อย
จักรพรรดิน้ำพุหลงหัวเราะพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
“น่าเสียดายด้วยอายุและพลังฝึกปรือของราชันพระศุกร์กับอาจารย์ปู่อาน้อย สองสามีภรรยาในตอนนั้น เรียกได้ว่าตายก่อนวัยอันควร” เกาเสวี่ยโพส่ายหน้าถอนใจว่า “ไม่อย่างนั้นความสำเร็จในวันหน้า เกรงว่าจะเทียบเคียงได้กับเทวกษัตริย์วิเศษคณานับ หยกโปหยิน และจักรพรรดิจื่อเวย สร้างความรุ่งเรืองให้แก่มรรคากระบี่อีกครั้ง”
เกาฉิงกับหลงฮั่นหัวได้ยินดังนั้นต่างกระจ่าง
หลงเสวี่ยจี้เอ่ยอย่างสงบนิ่ง “คนรุ่นก่อนปลูกต้นไม้ ฟืนไฟย่อมมีไม่ขาด คนรุ่นหลังตามมาเสมอ”
จักรพรรดิน้ำพุหลงมองบุตรของตัวเอง ยิ้มเล็กน้อย “ถูกต้อง”
…
“จากที่นี่ พวกเราน่าจะมีหวังในการกลับไปยังอีกด้านหนึ่งของ ‘กำแพง’ กลับไปยังอาณาเขตที่โลกซ้อนโลกปกครองแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งแยกแยะกระแสปั่นป่วนของมิติตรงหน้า ทางหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฟูถิงพยักหน้า “มิผิด อย่างน้อยก็มีโอกาสสำเร็จมากกว่าแปดส่วน”
หลังจากสองคนจัดการเผยหัว ประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณแล้ว ก็หนีไปยังมิติที่ห่างออกไป
พวกเขารู้สึกได้ว่าใกล้ๆ กับโลกสูงเลิศของแดนเซียนปลดปลง มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งมาถึงอีกครั้ง
ซ่างจวินในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ขั้นสะพานเซียนระยะกลางถูกสังหาร ยังก่อให้เกิดความปั่นป่วน มิพักเอ่ยถึงเผยหัวที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คน
อีกทั้งก่อนหน้านี้หลงเสวี่ยจี้ยังได้สังหารจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขจากโถงเซียนอีกคนหนึ่งด้วย
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขสองคนตายบนตำแหน่งเดิมติดต่อกัน ไม่ต้องการให้คนสนใจยังยาก
แต่ว่าการเสียชีวิตพร้อมกันของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขสองคนในแดนเซียนปลดปลง ก็ทำให้ยอดฝีมือระดับสุดยอดของโถงเซียนที่คุมสถานการณ์การอยู่ใกล้ๆ ปรากฏตัวขึ้นในเวลาอันสั้น
ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิคนหนึ่งถูกหลงเสวี่ยจี้ล่อไป โถงเซียนยังต้องสู้กับศาสนาพุทธคิดแบ่งยอดฝีมือมา ก็นับวาสมีความยากเย็นเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงได้ฉวยโอกาสนี้ หนีเข้าไปในมิติ
ชายหนุ่มครอบครองคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต หลังจากสังหารคนจากโถงเซียน ย่อมไม่มีทางทิ้งเบาะแสให้อีกฝ่าย และทำให้ยอดฝีมือระดับสุดยอดของอีกฝ่ายไม่สามารถมาสนับสนุนได้ในพริบตา
ถ้าไม่ได้ถูกจับคาที่ หรือไม่มีผู้พบเห็น เบาะแสของอีกฝ่ายก็จะขาดสะบั้น
เยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้นเขียดลวดลายอาคมสายแล้วสายเล่าใส่อากาศ ลวดลายอาคมผนึกรวมกันไม่หยุด เปล่งแสงสว่างไหสว เหมือนกับท้องทะเลแสง
ฟู่ถิงมองดูอยู่ด้านข้าง หลังจากจ้องมองท้องทะเลแสงที่เกิดจากลวดลายอาคมตรงหน้า ก็ยื่นมือออกมาเขียนลวดลายอาคมใส่อากาศหลายสาย แล้วส่งเข้าไปในทะเลแสง ช่วยเหลือเยี่ยนจ้าวเกออีกแรง
เขามองดูเหตุการณ์นี้อย่างสนอกสนใจ อดพยักหน้าถอนใจชมเชยไม่ได้ “แม่นางฟู่เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานจริงๆ”
สามารถมองเบื้องหลังได้เร็วขนาดนี้ อีกทั้งยังช่วยเหลือในการปฏิบัติจริงได้ ไม่ใช่เรื่องที่อาศัยแค่แหล่งความรู้เพียงอย่างเดียวแล้วจะทำได้
ว่ากันว่าฟู่ถิงมากความสามารถ และนั่นไม่ใช่การกล่าวชมที่เกินเลย
คำว่ามากความสามารถของคนหลายคน เป็นการยกยอตัวเอง มากความสามารถที่แท้คือทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่เชี่ยวชาญสักอย่าง เหมือนกับทำอะไรไม่เป็น
แต่ฟูถิงเชี่ยวชาญในทุกอย่าง เป็นผู้มากความสามารถจริงๆ
นางว่า “คุณชายเยี่ยนชมเกินไป ท่านต่างหากที่ทำให้ข้ารู้สึกตกตะลึง ถึงกับเปิดทางเชื่อมที่เชื่อมระหว่างโถงเซียนเต๋านอกรีต กับโลกสามพิสุทธิ์สำนักเต๋าสายหลักของพวกเราได้”
นางในฐานะบุตรีของจักรพรรดิแพร ทราบถึงการดำรงอยู่ของศาสนาพุทธมานานแล้ว อีกทั้งยังรู้ว่า การข้าม ‘กำแพง’ นี้ มีแต่ต้องเป็นยอดฝีมือระดับเซียนจึงจะสามารถทำได้
ข้อยกเว้นน้อยนิดก็อย่างเช่นพวกประมุขประจิม ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ระดับสุดยอดประเภทคัมภีร์นภาความว่างเปล่า แต่ว่านั่นเป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ ขั้นประมุขในหมู่คน
พลังฝึกปรือระดับเยี่ยนจ้าวเกอ อีกทั้งยังไม่อาศัยสิ่งของ ไม่เพียงปกติไม่มีให้เห็น แม้แต่ได้ยินยังไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ไม่กล้าเทียบกับพวกจักรพรรดิแพรบิดาของท่านหรอก” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยกลั้วหัวเราะ “พวกของบิดาท่านเปิดประตูบน ‘กำแพง’ ข้ามไปมาระหว่างโลกสองใบได้ในชั่วพริบตา วิธีของข้าคือสร้างทางเชื่อมเส้นหนึ่ง พวกเราคิดกลับไป ยังต้องเดินทางอยู่ในทางเชื่อมอีกหลายวัน”
“อัตราความสำเร็จห่างกันราวฟ้ากับเหว ยิ่งอย่าว่าแต่ตอนนี้ข้าต้องการเปิดทางเชื่อม ต้องเปลืองเวลามากโข ไหนเลยจะทำได้ตามใจนึกเช่นพวกบิดาท่าน”
ฟู่ถิงส่ายหน้า “แบบนั้นก็ยากเกินไป”
ขณะสองคนคุยกัน ใจกลางทะเลแสงตรงหน้าก็ปรากฏวังวนยักษ์กลุ่มหนึ่ง
มิติที่ก้นวังวนบิดเบี้ยว ทั้งยังสาดแสงที่ละลานตายากบรรยาย พร่างพราวยิ่งกว่าทะเลแสงที่อยู่รอบๆ
………………..