เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง “เทพธิดาสสารกำเนิดอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโส สมควรไม่สร้างความลำบากให้กับพวกเรากระมัง”
ก่อนหน้านี้ตอนที่พูดคุยกับจอมยุทธ์จากยอดเขาอัศจรรย์ รวมถึงฟู่ถิงซึ่งเป็นบุตรีของจักรพรรดิแพร ไม่อาจบอกว่าพวกนางยโสโอหัง
มู่จวินมองเรือยักษ์ที่มีรูปไท่จี๋ลอยค้างอยู่เหนือบัวแดง “ว่ากันว่าตอนที่เทพธิดาสสารกำเนิดยังสาวก็หยิ่งทะนงจนเคยชิน ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับจักรพรรดิแพรยากจะอธิบาย”
“แต่ว่าที่นางกับท่านอาจารย์มีความสัมพันธ์ย่ำแย่ เป็นเรื่องแน่นอน”
มู่จวินหัวเราะด้วยความหนักใจ “ท่านสนิทกับพรรคเรา ทั้งยังสนิทกับศิษย์น้องฟู่ ย่อมถูกระบายโทสะได้โดยง่าย”
คนไม่น้อยคิดว่า ยอดฝีมือจะต้องมีจิตใจกว้างขวาง ไม่อย่างนั้นนิสัยก็มีปัญหา
แต่ว่าในความจริงแล้ว ทั้งสองเรื่องไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิง
ยอดฝีมือระดับสุดยอดบางคนเวลากระทำอะไรสักอย่างดูมีสภาวะยิ่งใหญ่ แต่ว่ากลับเจ้าคิดเจ้าแค้น ผู้ที่มีนิสัยวิตถารก็มีอยู่ไม่น้อย
เรื่องที่เห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ ชอบทำตามใจและตามอารมณ์
ถ้าหากอารมณ์ดีย่อมเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ถ้าหากอารมณ์ไม่ดี การฆ่าคนล้างสำนักก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาเท่านั้น
สิ่งที่ทุกคนได้เห็น ส่วนใหญ่แล้วเป็นด้านหนึ่งของใครสักคนเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจเรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้ง
ในเขากว่างเฉิงของตน มีอาจารย์ป้าฟู่เอินซูอยู่ด้วย
ตอนนี้นางค่อยๆ เหลือแค่ความชื่นชมและความปลาบปลื้มของผู้อาวุโสในสำนักต่อเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น
แต่ว่าสำหรับเสวี่ยชูฉิง จนกระทั่งถึงวันนี้ นางก็ยังมีความคาใจมาตลอด
อย่าเห็นว่าที่แล้วมานางไม่พูดถึง แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่าฟู่เอินซูใส่ใจในเรื่องเสวี่ยชูฉิงยิ่ง ไม่น้อยกว่าเยี่ยนตี๋และเขาสองพ่อลูกเลย
“ในเมื่อมาแล้ว ก็ควรต้องขึ้นไปทักทายตามมารยาท” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถึงอย่างไรจักรพรรดิแพรก็ใกล้จะต่อสู้กับทวนพระอังคารแล้ว เทพธิดาสสารกำเนิดท่านนี้คงจะไม่จุดไฟเผาสวนหลังบ้านตอนนี้กระมัง”
มู่จวินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านควรจะขึ้นเรือไปคนเดียว ไม่อย่างนั้นรอศิษย์น้องฟู่มา เกิดขึ้นเรือไปด้วยกัน เกรงว่าผู้อาวุโสเถาจะสร้างความลำบากให้”
“ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร จักรพรรดิแพรก็เคยเชิญท่านกับบิดาท่านไปเป็นแขกที่สถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ท่านมู่รอสักครู่ ข้าไปไม่นานก็กลับมาแล้ว”
พูดจบ เขาก็เดินไปยังเรือนภาบัวแดง
เพิ่งจะเข้าใกล้รูปไท่จี๋ ก็เห็นเรือนภาบัวแดงมีแสงสายหนึ่งสาดลงมา ส่งคนกลุ่มหนึ่งลงเรือ
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปไกล คนกลุ่มหนึ่งในนี้ คือพวกเฉิงโม่และกวนอวี่ลั่วที่ขึ้นไปเมื่อครู่
นอกจากคนที่มาจากอารามคงมายาในเขตราตรีอุดรอย่างพวกเขาแล้ว ยังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่ลงเรือมาด้วย
กระนั้น กวนอวี่ลั่วคล้ายกับกำลังโต้เถียงกับคนเหล่านั้นอยู่
เสียงแว่วมาในหูของเยี่ยนจ้าวเกอ “เยี่ยนจ้าวเกอนั่นก็แค่พบเจอวาสนา ได้ของวิเศษมากมาย จึงได้มีวันนี้ ที่แม่นางกวนพูดดูเกินจริงเกินไป”
กวนอวี่ลั่วหยุดฝีเท้า กล่าวอย่างไม่พอใจ “พวกศิษย์พี่จากเขาทุ่งวิจิตร คำกล่าวนี้ลำเอียงไปบ้างกระมัง”
“หากเจ้าชายพระอาทิตย์ไร้ความสามารถจริงๆ ไหนเลยจะได้รับความชื่นชมจากจักรพรรดิแพรและประมุขอาคเนย์”
ในช่วงเวลาก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ไกลแสนไกล เขาทุ่งวิจิตรคือบรรพตประจิมสำนักเต๋าในตำนาน ได้รับการขนานนามเป็นห้าบรรพตเหมือนเขาคุนหลุนบรรพตกลาง และเขากว่างเฉิงบรรพตบูรพา
ในปัจจุบันหลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ กลับมีคนใช้ชื่อนี้สร้างสำนักบนโลกซ้อนโลก
เขาทุ่งวิจิตรในเขตกระฟ้าประจิม เป็นที่อยู่ของประมุขประจิม
พอได้ยินคำถามของกวนอวี่ลั่ว จอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรผู้นั้นก็ไม่รีบร้อน “จักรพรรดิแพรเห็นเขาเป็นอย่างไรยังบอกไม่ได้ ประมุขอาคเนย์เกรงว่าจะเห็นแก่ตราประทับตะวันและมงกุฎจันทรา เห็นแก่หน้ายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่อย่างราชันพระอาทิตย์และราชันพระจันทร์มากกว่ากระมัง”
คนผู้นั้นส่ายหน้ากล่าวว่า “แต่บุคคลที่ยิ่งใหญ่สองคนนี้ มีความเกี่ยวข้องกับเยี่ยนจ้าวเกอผู้นั้นหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ยืนยันไม่ได้เช่นกันไม่ใชหรือ”
“บุคคลในตำนานที่ยิ่งใหญ่สองคนนี้ไม่ปรากฏตัวมามากกว่าพันปีแล้ว”
“ชื่อเจ้าชายพระอาทิตย์ เป็นการเชื่อมโยงของคนจำนวนหนึ่งเท่านั้น ไฉนเอามาเป็นจริงเป็นจังได้”
เห็นกวนอวี่ลั่วมีสีหน้าไม่พอใจ อีกฝ่ายก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มิพักเอ่ยถึงเรื่องอื่น แม้แต่ประมุขอาคเนย์ก็ไม่ได้ยอมรับฉายานี้ใช่หรือไม่”
“แม่นางกวนได้โปรดระวังคำพูดด้วย ไม่อย่างนั้นยากจะไม่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่านี่เป็นความคิดของประมุขอุดร เกรงว่าประมุขอุดรจะไม่ได้พูดเช่นนี้ใช่หรือไม่”
กวนอวี่ลั่วกลั้นหายใจ
ประมุขอุดรปู่ของนาง ไม่เคยยอมรับฉายาเจ้าชายพระอาทิตย์ของเยี่ยนจ้าวเกอมาก่อนจริงๆ
ฟู่ถิงแค่นเสียง “พวกท่านเองก็ไม่ได้เจอเยี่ยนเซียนเซิงตัวจริง อาศัยแค่การคาดเดาเท่านั้น”
กวนอวี่ลั่วกับเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใดต่อกัน เมื่อครู่แค่เจอหน้ากันครั้งหนึ่งเท่านั้น ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นสหายร่วมสำนัก กวนอวี่ลั่วจึงปกป้องโดยสัญชาตญาณ
“จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายที่อายุไม่ถึงสี่สิบปี ตั้งแต่อดีตถึงตอนนี้ มีสักกี่คนที่ทำได้”
จอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรได้ยิน ก็อดหัวเราะขึ้นไม่ได้ “ยังเร็วกว่าบัวแดงสูงส่งแห่งยอดเขาอัศจรรย์อีกหรือ เขาจะต้องปลอมแปลงอายุอย่างไม่ต้องสงสัย”
กวนอวี่ลั่วมองเฉิงโม่ “อาจารย์ลุงใหญ่ ท่านว่าอายุของท่านเยี่ยนน่าจะไม่มีปัญหากระมัง”
เฉิงโม่ส่ายหน้าเล็กน้อย กล่าวอย่างราบเรียบว่า “อย่างน้อยข้าก็มองปัญหาไม่ออก”
เสียงหัวเราะของจอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรเหล่านั้นล้วนหยุดลง
พวกเขาไม่สงสัยเฉิงโม่ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปด ซึ่งโด่งดังมานาน
แต่ว่าคนผู้หนึ่งในนี้กล่าวอย่างรวดเร็ว “เฉิงฟ้าอุดร ท่านคงยังไม่ได้ประมือกับเขาด้วยตัวเองกระมัง”
เฉิงโม่ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เพียงมีวาสนาพบเจอโดยบังเอิญเท่านั้น ย่อมไม่เคยลงมือ”
จอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรผู้นั้นปรบมือ “แบบนี้ย่อมแน่นอนแล้ว ที่เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้กับสำนักของเขาก่อเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตได้ ล้วนอาศัยสิ่งอื่นทั้งสิ้น ไม่แน่ว่าจะมีความสามารถพิเศษนอกรีต อำพรางตนเองก็เป็นได้”
“สำนักเล็กพรรคน้อยจากโลกเบื้องล่างที่ร่ำรวยขึ้นมาของเขา จะให้กำเนิดบุคคลที่สะเทือนฟ้าสะท้านดินแบบนั้นได้อย่างไร แม้จะมีพรสวรรค์ล้ำเลิศจริงๆ แต่ก็ต้องถูกสภาพแวดล้อมของโลกเบื้องล่างกลบฝังไว้อยู่ดี”
“เมื่อมาถึงโลกซ้อนโลก กลับมีของวิเศษมากมายติดตัว คิดจะอยู่อย่างปลอดภัย ก็ได้แต่ต้องวางมาดตบตาผู้อื่น”
“ก่อนอื่นก็อ้างชื่อบรรพตบูรพาสำนักเต๋า จากนั้นก็กุเรื่องหลอกลวง ต้มตุ๋นไปทั่ว ต่างมีเป้าหมายเดียวกัน”
จอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรผู้นั้นยิ้มขึ้น “โชคดีที่พวกเขามีอุบายเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นจะได้รับความเชื่อใจจากเขาโถงทองมาได้ และก่อให้เกิดความวุ่นวายมากมายบนโลกซ้อนโลกได้อย่างไร”
กวนอวี่ลั่วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “พรรคท่านไม่พอใจที่เขากว่างเฉิงก็ใช้ชื่อของห้าบรรพตสำนักเต๋าก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่กระมัง”
จอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรที่อยู่ด้านตรงข้ามได้ยินก็ไม่ได้ขุ่นเคือง กลับกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว มีผู้ใดต้องการมีชื่อเสียงเคียงคู่คนที่สร้างชื่อเสียงจอมปลอมแบบนี้บ้าง แม้แต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนสักคนยังไม่มี พวกเขาคู่ควรหรือ”
เฉิงโม่มองอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ
ตามที่เขาทราบ เกรงว่าจะไม่ได้มีแค่สาเหตุนี้
เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประมุขประจิมกับประมุขอาคเนย์เฉาเจี๋ยย่ำแย่ยิ่ง
นอกจากนี้แล้ว แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กับจักรพรรดิแพรไม่ดีเช่นกัน แต่ว่าประมุขประจิมกับจักรพรรดิเอกภพกำเนิดมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ
กวนอวี่ลั่วว่า “ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ฆราวาสเด็ดดาวแห่งเขตตะวันอาคเนย์ เสียชีวิตใต้ตีนเขากว่างเฉิง”
“อาศัยเพียงสิ่งของทั้งนั้น” จอมยุทธ์เขาทุ่งวิจิตรผู้นั้นเอ่ยอย่างเฉยชา “แต่ความสามารถของพวกเขาทำอะไรประมุขในหมู่คนไม่ได้”
เสียงแว่วมาในหูของเยี่ยนจ้าวเกอ ชายหนุ่มยิ้ม เดินไปด้านหน้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน
………………..