ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 934 จักรพรรดิแพรงาม

ประมุขปฐวีที่เหมือนกับชายแก่ชรา ประสานมือคารวะทวนพระอังคาร “ขอให้ท่านโปดรรอสักครู่ จักรพรรดิแพรไม่มีทางผิดนัด”

“เขากำลังรีบกลับมาจากมิติต่างแดน เวลาจึงอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง”

ทวนพระอังคารกลายร่างเป็นยักษ์เพลิง ใบหน้าถูกไฟปกคลุม มองไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์

ทว่าเขาเบือนหน้ามามองประมุขปฐวีเล็กน้อย “หวังเจิ้งเฉิง เจ้าไม่ต้องพูดมากความ พวกเจ้าเป็นคนกำหนดวัน ถ้าหากผิดนัด คนที่ขายหน้าย่อมเป็นตัวฟู่อวิ๋นฉือเอง แต่อย่างไรเสียข้าก็ไม่ยอมเลิกราอยู่ดี”

“ท้องทะเลแห้งเหือดเป็นผืนนา กาลเวลาผันแปร เรื่องราวมากมายแตกต่างไปจากตอนนั้นจริงๆ”

“แต่ว่าหลายวันมานี้ ข้าค่อยๆ รู้จักโลกซ้อนโลกในปัจจุบันขึ้นมาบ้างแล้ว ในใจกลับมีข้อสงสัยมากกว่าเดิม คิดขอคำชี้แนะจากพวกเจ้า!”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินก็หันไปมองมู่จวินที่อยู่ด้านข้าง

มู่จวินส่งกระแสเสียงว่า ‘หวังเจิ้งเฉิง เป็นชื่อของประมุขปฐวี’

ประมุขปฐวีเป็นลูกศิษย์ที่กษัตริย์ดินถ่ายทอดวิชาให้ด้วยตัวเอง มีชื่อเสียงมาหลายปี

พูดถึงเรื่องวัยวุฒิ กษัตริย์ดินกับนักพรตเสวียนจง อาจารย์ปู่ของจักรพรรดิแพรเป็นสหายรุ่นเดียวกัน

ประมุขปฐวีมีศักดิ์สูงกว่าอาจารย์ของจักรพรรดิแพรฟู่อวิ๋นฉือหนึ่งขั้น ฟู่อวิ๋นฉือจึงถือเป็นคนรุ่นหลานของเขา

ทว่าถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มาจากสำนักเดียวกัน ดังนั้นหากว่ากันตามปกติ ย่อมต้องพูดเรื่องวัยวุฒิแยกออกไป

ต่อให้มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน กฎเกณฑ์มากมายก็ไม่อาจใช้กับจักรพรรดิได้

ทว่าประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงมีอายุมากกว่าจักรพรรดิแพรไม่น้อย เขามีชื่อเสียงโด่งดังมาหลายปี ก่อนจักรพรรดิแพรจะสร้างชื่อเสียอีก

ดูเหมือนตอนนี้เขาจะถูกคนรุ่นหลังจำนวนไม่น้อยเช่นจักรพรรดิแพรแซงหน้า แต่นั่นก็มีเหตุผลพิเศษอยู่

จะว่าไปแล้ว สถานการณ์ของหวังเจิ้งเฉิงคล้ายคลึงกับหยวนเจิ้งเฟิงเมื่อครั้งยังอยู่ในโลกแปดพิภพ

หลายปีก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บหนัก อาการบาดเจ็บส่งผลถึงพื้นฐาน จนทำให้ติดอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบมาโดยตลอด

ภัยพิบัติเซียน หากข้ามได้แล้วจะก้าวสู่ระดับเซียน หากข้ามไม่ได้ จะถูกทำลายเป็นฝุ่นผง

เขาได้รับบาดเจ็บตอนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุข สถานการณ์สาหัสกว่าหยวนเจิ้งเฟิง โอสถเซียนกลับสวรรค์แม้กระทั่งไม่อาจรักษาได้

ด้วยความสามารถของกษัตริย์ดินเอง ก็ยังไม่อาจแก้ไขปัญหาของลูกศิษย์ได้

ทว่าในฐานะจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขผู้มีประสบการณ์ที่สุดในปัจจุบันของโลกซ้อนโลก พลังฝึกปรือของหวังเจิ้งเฉิงอยู่ในระดับที่น่าอัศจรรย์ มีพลังเหนือกว่าพวกเฉาเจี๋ย จวงเซิง และหลิวเจิงกู่

ขอแค่เขายินยอมลงมือ เขาเพียงคนเดียวก็สามารถควบคุมข้อพิพาทระหว่างจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์บนโลกซ้อนโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แม้ว่าศัตรูจะเป็นเฉาเจี๋ยและจวงเซินในตอนนี้ก็ตาม

ก่อนที่โครงสร้างสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ ประมุขทั้งสิบในปัจจุบันของโลกซ้อนโลกจะถูกกำหนด ตอนที่กษัตริย์ดินยังเป็นราชันพระเสาร์อยู่ หวังเจิ้งเฉิงก็ได้ติดตามอยู่ข้างกายเขา เดินทางไปทั่วใต้หล้าแล้ว

ดังนั้นเขากับทวนพระอังคารจึงนับเป็นคนรู้จัก

หวังเจิ้งเฉิง ประมุขปฐวีมองทวนพระอังคาร ถอนใจกล่าวว่า “แม้ว่าท่านอาจารย์จะไม่อยู่ แต่กษัตริย์เร้นลับก็อยู่ที่เขาคุนหลุน แม้จะกำลังเข้าฌานอยู่ก็ตาม แต่ถ้าหากใต้เท้าไปเยี่ยมเยือน เชื่อว่ากษัตริย์เร้นลับจะออกฌานมาพบท่านแน่”

ทวนพระอังคารกล่าวอย่างราบเรียบ “การต่อสู้ในวันนี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ หากข้าไม่ตาย ข้าจะมุ่งหน้าไปยังเขาคุนหลุนสักครั้ง”

“ถ้าหากสุดท้ายแล้วฟู่อวิ๋นฉือไม่ปรากฏตัว ข้าก็จะไปอยู่ดี”

หวังเจิ้งเฉิงเงียบงันลงไป ในมิติพลันเงียบสงัด

หลังจากเวลาผ่านไป บรรยากาศรอบๆ ก็เกิดความกระสับกระส่ายอย่างควบคุมไม่ได้

คนที่มาถึงในภายหลัง ล้วนกลัวว่าตนจะพลาดการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่นี้ส่วนหนึ่ง ทว่าหลังจากมาถึงแล้ว กลับพบว่าการต่อสู้ยังไม่เริ่มขึ้น

คนที่มาชมการต่อสู้สบตากัน แม้ว่าจะไม่มีเสียงสนทนาสับสนดังขึ้น แต่ต่างฝ่ายต่างส่งกระแสเสียง พร่ำบ่นให้กันแลกันฟัง

ทุกคนยังไม่กล้าวิจารณ์จักรพรรดิแพรงามที่ยังมาไม่ถึงอย่างโจ่งแจ้ง

แต่ว่าเมื่อเชื่อมโยงถึงเรื่องที่ทวนพระอังคารทำลายสถานบำเพ็ญหลีเฮิ่นน้อย จักรพรรดิแพรก็ยังไม่ปรากฏตัว คนที่อยู่รอบๆ ก็แอบมองเรือนภาบัวแดง ความกังขาในแววตายิ่งมายิ่งชัดเจนขึ้น

ทว่าในยามนี้เอง เทพอัคคีที่เหมือนเป็นใจกลางจักรวาล ก็พลันเคลื่อนไหวแล้ว

เขาที่เดิมทีนั่งขัดสมาธิอยู่บนมังกรเพลิงยักษ์ ยามนี้ยืนขึ้นมา

ทุกคนนึกว่าทวนพระอังคารไม่คิดอดกลั้นแล้ว

กระนั้นยักษ์เพลิงตัวนั้นก็ไม่ได้ขยับ แต่หันไปมองที่ไกลออกไป

วินาทีถัดมา บริเวณสุดสายตาของยักษ์เพลิงก็มีปราณสีม่วงหลายสายทะลักขึ้น แผ่พุ่งไปทั่วมิติในชั่วพริบตา

แม้ไม่มีการเปิดเผยสภาวะที่แข็งแกร่ง แต่ว่าคนที่อยู่รอบๆ ล้วนเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นในใจ

ในมิติจักรวาลตรงหน้า เหมือนกับเกิดใจกลางขึ้นสองจุดพร้อมกัน

จุดหนึ่ง คือเทพอัคคีที่ยืนตระหง่านองค์นั้น

ส่วนอีกจุดหนึ่ง คือกลางปราณม่วงอันยิ่งใหญ่นั้น

บนเรือนภาบัวแดง สีหน้าของฟู่ถิงกับเถาอวี้ผ่อนคลายลง ไร้ความกังวลอีก

คนที่ชมดูการต่อสู้ซึ่งอยู่รอบๆ ต่างฮึกเหิม

แม้ว่าจะเห็นแค่ปราณสีขาวกว้างใหญ่ ไม่เห็นตัวคน แต่ทุกคนต่างก็ทราบว่าจักรพรรดิแพรงามมาถึงแล้ว

“ทำให้ทุกท่านรอนานแล้ว” เสียงที่ทุ้มต่ำแต่กระจ่างชัดเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านในปราณสีม่วง

ปราณม่วงพลันสลาย ปรากฏเงาคนสายหนึ่งขึ้นอย่างเลือนราง

เยี่ยนจ้าวเกอมองไป ผู้ที่เข้ามาในครรลองสายตาของเขาคือบุรุษวัยกลางคน ที่มีอายุราวๆ สี่สิบปีได้

บุรุษผู้นั้นสวมอาภรณ์สีขาวราวกับหิมะ คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีแดง ผมไม่ได้สยายขึ้น แต่ปรกไปบนหลัง

รูปโฉมภายนอกของคนผู้นี้ทำให้ผู้คนต้องอุทานอย่างแตกตื่นโดยแท้

องคาพยพสมบูรณ์ของเขาแบบ แต่ว่าไร้แววอ่อนโยน รูปหน้าคมสันชัดเจน องอาจสง่างาม

ในลูกตาเหมือนกับมีอารมณ์หลากหลายกำลังเคลื่อนไหว

ทุกวินาทีเหมือนกับปล่อยบุคลิกที่ไม่เหมือนกันออกมา บางครั้งสุภาพอ่อนโยน บางครั้งอาจหาญก้าวแกร่ง บางครั้งโศกซึ้ง

การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้ ไม่มีความรู้สึกไม่เข้ากันใดๆ ทั้งสิ้น กลับกอปรเป็นแรงดึงดูดที่มีเอกลักษณ์ ทำให้องคาพยพที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้วมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม

เสน่ห์ที่ทำให้คนต่างเพศงมงาย ทำให้คนเพศเดียวกันถอนใจชมเชย อีกทั้งไม่อาจหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความอิจฉาริษยาชนิดหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก ‘บุรุษรูปงามอันดับหนึ่งตั้งแต่โลกซ้อนโลกเคยมีมา สมคำร่ำลือจริงๆ’

แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยเห็นรูปเงาแสงของจักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือ และถอนใจชมเชยมาก่อนแล้ว แต่เมื่อได้เห็นตัวจริงแล้วก็รู้สึกว่ามีความยิ่งใหญ่มากกว่า

ทวนพระอังคารพอเห็นเงาร่างด้านในปราณสีม่วงกว้างใหญ่ ก็เอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มกันเถอะ”

แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำลายที่อยู่ของตน แต่บนใบหน้าของจักรพรรดิแพรงามบนไม่ปรากฏความโกรธ “ผู้อาวุโส เชิญ”

ประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงถอยไปด้านหลัง

แม้ว่าจะเป็นผู้รับรอง แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องกล่าวมากความ

ณ เวลานี้ ในสถานที่แห่งนี้ ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับยอดฝีมือระดับจักรพรรดิสองคนตรงหน้า

และสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของคนส่วนใหญ่ก็คือ คนที่ลงมือก่อนเป็นจักรพรรดิแพรงามฟู่อวิ๋นฉือ

เขายกฝ่ามือขึ้น ปราณประสานกับหยินหยาง

มิติตรงหน้าพังทลาย เวลาพร่าเลือน ที่ว่างไม่คงอยู่ สรรพสิ่งกลายเป็นปราณหยินหยางแรกเริ่ม เพราะฝ่ามือของจักรพรรดิแพรงาม

หยินหยางหมุนวน กอปรกันเป็นรูปไท่จี๋ยักษ์ ตกใส่ทวนพระอังคารอย่างหักโหม

บริเวณที่รูปไท่จี๋ผ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นหยินหยาง ไม่คงอยู่ต่อไปอีก

ไท่จี๋หมุนเคลื่อน ก่อเกิดสภาวะบดขยี้ ม้วนทุกสิ่งที่อยู่ใต้ฝ่ามือของจักรพรรดิแพรงามให้มลายหายไป

ยิ่งเคลื่อนไปด้านหน้าเท่าไร รูปไท่จี๋ก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น พลังคล้ายกับเพิ่มขึ้นอย่างไร้สิ้นสุด!

สิ่งที่คนพูดถึงมากที่สุดเกี่ยวกับจักรพรรดิแพร ก็คือเรื่องความงามสง่าองอาจที่ไร้ข้อผูกมัด ดุจดั่งเอกภพที่งามเหมือนผ้าแพร และเรื่องที่เขามีภรรยาโฉมงามมากมาย

แต่ว่าคนที่จักรพรรดิผู้นี้เคยสังหาร สุดที่โฉมสะคราญที่เขาเคยผ่านจะเทียบเคียงได้!

………………..

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset