ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 1005 สิบสองวิชาประกายกาฬ

สิ่งที่กงจักรประกายกาฬรังเกียจไม่ใช่ตัวดาบเทพอีกาทองผลาญฟ้า แต่ว่าเป็นจิตพลังที่แฝงอยู่ในอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นนี้ต่างหาก

พูดอีกอย่างคือ มันรังเกียจคัมภีร์อีกาทองผลาญโลก

แต่ว่ากันอย่างยุติธรรม คัมภีร์อีกาผลาญโลกเป็นวรยุทธ์ที่ค่อนข้างสูงล้ำ

ถ้าหากว่าคัมภีร์อีกาทองผลาญโลกไม่ได้ เช่นนั้นคัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณของตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณก็สมควรไม่ได้เช่นกัน

การศึกษาอธิบายที่สำนักแสงสว่างมีต่อหลักการแห่งแสงสว่างก็ไม่ได้

ในสถานการณ์เช่นนี้ กงจักรมหาประกายกาฬอาศัยอะไรมาหยิ่งผยอง

‘สิ่งที่มันต้องการก็คือหลักการวรยุทธ์ที่อยู่เหนือกว่าตัวเอง’ เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจ ‘จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ยช่างใจใหญ่จริงๆ สิ่งที่เขาต้องการคือการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปีนป่ายสู่ด้านบน’

‘ดังนั้นกงจักรมหาประกายกาฬจึงต้องผสมจิตหลักการที่สูงล้ำกว่าคัมภีร์วรยุทธ์สำนักประกายกาฬเข้าไป เมื่อเป็นเช่นนี้ วันที่สำเร็จอย่างแท้จริงจะต้องแข็งแกร่งสุดเปรียบปานแน่’

ไม่จำเป็นต้องเป็นจิตพลังที่อยู่เหนือกว่าวรยุทธ์สำนักประกายกาฬทุกด้าน

วรยุทธ์สำนักประกายกาฬครอบจักวาล อิ่นเทียนเซี่ยปรับปรุงขุดลอก แบ่งแยกประเภท เชื่อมโยงกับหลักการมากมาย

มรรคาแสงสว่างของดวงอาทิตย์เป็นหนึ่งในนี้

ขอแค่วรยุทธ์สักชนิดสูงล้ำกว่าวรยุทธ์สำนักประกายกาฬในด้านมรรคาแห่งแสงสว่างของดวงอาทิตย์ เช่นนั้นกงจักรมหาประกายกาฬก็จะสนใจเอง

ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวมีแค่ตะเกียงประกายกาฬของตัวอิ่นเทียนเซี่ยเอง

เพราะว่านั่นเป็นรากฐานแรกสุดที่วางไว้ให้แก่กงจักรมหาประกายกาฬ

เยี่ยนจ้าวเกอมองที่ว่างกลางจักรวาลในรูบนกงจักรมหาประกายกาฬ หลังจากครุ่นคิดอีกสักเล็กน้อย เขาก็หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาอีก

ดาบยาวเล่มหนึ่งมีประกายคลื่นซัดสาด มันเปล่งแสงสีม่วง ด้านในมีเสียงคลื่นดังมา เหมือนกับหลอมมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ไว้ด้านใน

กลับเป็นกระบี่ทะเลม่วง ของวิเศษคุ้มครองพรรคกระบี่คลื่นม่วง ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่มือกระบี่คลื่นม่วงจ้าวเจิน ประมุขพรรคกระบี่คลื่นม่วงแห่งทะเลเจิดจ้าพกติดตัวเมื่อครั้งช่วยเหลือหยวนเสี่ยนเฉิงแห่งเนินต้นต้นจักรพรรดิ แต่สุดท้ายกลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าในการต่อสู้บนเขามหาวิญญาณ

ในสงครามใหญ่ กระบี่นี้เกือบถูกเยี่ยนจ้าวเกอฟันหัก

บนตัวกระบี่ตอนนี้ยังมีรอยร้าวอยู่หลายสาย เหมือนกับหากไม่ระวังเพียงนิดเดียว มันก็อาจจะหักเป็นหลายส่วนได้ ทว่าจิตกระบี่อันยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านในก็ยังคงทรงพลัง

เยี่ยนจ้าวเกอสะบัดมือ กระบี่ทะเลม่วงกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง พุ่งไปหากงจักรมหาประกายกาฬ

สุดท้ายมันก็ถูกรูหนึ่งบนกงจักรมหาประกายกาฬกลืนกินเหมือนกับดาบอีกาทองผลาญฟ้า

จากนั้นครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ค้นพบปัญหา

ถึงแม้ว่ารูที่กลืนดาบอีกาทองผลาญฟ้ากับกระบี่ทะเลม่วงเข้าไปจะไม่ใช่รูเดียวกัน แต่พวกมันคล้ายไปยังจุดหมายเดียวกัน

ด้านในรูที่อีกาทองเคยอยู่มีคลื่นทะเลสีม่วงหลายสายพรั่งพรูออกมา กลายเป็นท้องสมุทรในชั่วพริบตา

เยี่ยนจ้าวเกอขบคิด จิตใจสั่นไหว ‘นี่เป็นรูที่กลืนตะเกียงประกายกาฬเข้าไปในตอนอยู่ในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ’

จากนั้นเขาก็สังเกตดูอย่างละเอียด เห็นมหาสมุทรสีม่วงที่เกิดจากกระบี่ทะเลม่วงมีคลื่นกระเพื่อมซัดขึ้นซัดลง มองไปดูธรรมดายิ่ง

จุดที่แปลกประหลาดอยู่ที่ ในที่ว่างกลางจักรวาลด้านในรูนี้ไม่ได้สูบแก่นแท้แห่งมหาสมุทรสีม่วงไป เหมือนกับที่สูบแก่นแท้แสงอาทิตย์ของอีกาทองก่อนหน้า

ไม่ใช่ว่าไม่ถูกใจ แต่ไม่มีการเคลื่อนไหวแต่แรก

พอเห็นภาพนี้แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เข้าใจ

จิตกระบี่ของกระบี่ทะเลม่วงและปราณกระบี่ทะเลม่วงของพรรคกระบี่คลื่นม่วง มีหลักการของมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่

นี่ไม่ใช่อาณาเขตที่วรยุทธ์สำนักแสงสว่างครอบคลุมถึง

ถึงแม้ว่าอิ่นเทียนเซี่ยจะเซ่นหลอมกงจักรมหาประกายกาฬ ต้องการรวบรวมวรยุทธ์ทั้งหมดเพื่อเพิ่มระดับของตัวเอง ก็ไม่ได้คิดขยับขยายอย่างไม่ลืมหูลืมตา

วรยุทธ์ของสำนักประกายกาฬในมือของเขาสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเพิ่มกิ่งใบ สิ่งที่จำเป็นคือการพัฒนาให้ดีขึ้น

ปราณกระบี่ทะเลม่วงไม่ใช่สิ่งที่กงจักรมหาประกายกาฬต้องการ

ดังนั้นแม้ว่ากระบี่ทะเทลม่วงจะถูก ‘กิน’ แต่ว่าความจริงแล้วกงจักรมหาประกายกาฬแม้แต่แตะต้องยังไม่แตะต้องมัน

ไม่เหมือนกับดาบอีกาทองผลาญฟ้า ที่ทดลองดูก่อนจึงค่อยละทิ้ง

เช่นนั้นจิตแห่งหลักการใดจึงจะทำให้กงจักรมหาประกายกาฬสนใจ

ความจริงแล้วสิบสองวิชาประกายกาฬของอิ่นเทียนเซี่ยกำลังบอกให้รู้อยู่

สำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดในตอนนั้นล้วนเป็นทายาทดั้งเดิมของสำนักประกายกาฬ เพียงเพราะว่าเหตุผลหลากหลายประการ การศึกษาจึงไม่ครบถ้วน

คัมภีร์วรยุทธ์ของทั้งสองพรรค ความจริงล้วนมาจากการสืบทอดส่วนหนึ่งของสำนักประกายกาฬในอดีต

ความมืดแรกเริ่ม ไร้แสง ทิวารัตติกาล แสงแปรปรวน ธรรมประกาย…

รวมถึงการศึกษาดวงอาทิตย์ในหลักการที่คล้ายกันของคัมภีร์อีกาทองผลาญโลก และคัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณ กับดวงจันทร์ที่อยู่ตรงกันข้าม เหล่านี้ล้วนอยู่ในสิบสองวิชาประกายกาฬ

อิ่นเทียนเซี่ยเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ความสามารถและพรสวรรค์ของเขาก็ลือลั่นตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

“จะดูดซับหลอมเปลี่ยนจิตแห่งหลักการที่แฝงอยู่ในอาวุธศักดิ์สิทธิ์หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำ “จะเก็บอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ไว้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

“ทั้งสองอย่างความจริงแยกเป็นขั้นตอนที่ไม่ข้องเกี่ยวกัน อย่างหลังแม้ว่าจะจะสนับสนุนอย่างหน้า มอบรากฐานให้ แต่ระหว่างพวกมันไม่ได้ก้าวก่ายกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอที่ค้นพบเรื่องนี้มีการคาดเดาในใจแล้ว

เขาได้ฝึกสิบสองวิชาประกายกาฬไว้แล้ว แต่หลักๆ แล้วเป็นวิชาสุดท้าย

วิชาแรกในวิชาก่อนหน้ามีชื่อว่า ‘กลืนกิน’

จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนวิชานี้สามารถดูดพลังของคู่ต่อสู้ได้

ที่ใช้จิตพลังนี้กับกงจักรมหาประกายกาฬ บางทีอาจะเป็นเพราะต้องการให้มันกลืนกินอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูรูที่บรรจุกระบี่ทะเลม่วงและดาบอีกาทองผลาญฟ้าในที่ว่างกลางอวกาศ หลังจากที่ถูกกลืนกินไป

‘ถ้าหากว่ารูหนึ่งไม่ได้คู่กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่ง แต่เป็นหนึ่งในสิบสองวิชาประกายกาฬ เช่นนั้นสิ่งที่คู่กับรูนี้ก็คือวิชาแรก กลืนกิน’

เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วลูบผิวกงจักรมหาประกายกาฬ กล่าวในใจว่า ‘วิชานี้เป็นวิชาที่จักรพรรดิประกายกาฬใช้ตะเกียงประกายกาฬวางเป็นรากฐานให้แก่กงจักรมหาประกายกาฬ’

ในตอนดูดซับตะเกียงประกายกาฬ วิชากลืนกินไม่ได้ทำงาน แต่เป็นพิธีกรรมสำหรับเซ่นหลอมอาวุธเซียนในตอนแรกสุดของจักรพรรดิประกายกาฬทำงาน

หลังจากเก็บอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นอื่นแล้ว วิชากลืนกินที่สลักบนกงจักรมหาประกายกายจึงค่อยสำแดงฤทธิ์

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าต่อมาในกาลเวลาอันยาวนานอิ่นเทียนเทียนเซี่ยจะเสียชีวิต กงจักรมหาประกายกาฬก็จะยังคงมีความเป็นไปได้ในการเติบโตต่อ

สิ่งที่ทำให้ตะเกียงประกายกาฬเติบโต หรือทำให้มันค่อยๆ ถูกหลอมเซ่นสำเร็จโดยสมบูรณ์ไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นอื่น แต่เป็นวรยุทธ์แต่ละชนิด

วรยุทธ์ที่สามารถทำให้สำนักประกายกาฬเพิ่มระดับขึ้นได้อีกขั้น

และเพราะเหตุนี้เอง ตอนที่กงจักรมหาประกายกาฬเสร็จสมบูรณ์ วิชาสิบสองประกายกาฬที่แฝงอยู่ด้านในจะไปอยู่ในระดับใหม่อีกระดับหนึ่ง

กงจักรมหาประกายกาฬจะเหนือกว่าอาวุธในระดับเดียวกัน

เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ควรญสักพักหนึ่ง เขาจึงค่อยยื่นฝ่ามือของตัวเองออกมา เลื่อนเข้าไปในรูที่แทนวิชากลืนกิน

คัมภีร์อีกาทองผลาญโลกไม่ได้ คัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณก็อาจจะไม่ได้

แต่ว่าคัมภีร์เทพพระอาทิตย์อาจจะทำได้

เยี่ยนจ้าวเกอไม่คิดจะส่งตราประทับตะวันเข้าไป แต่จะใช้ญาณจริงแท้ของตัวเองแสดงจิตแห่งหลักการของคัมภีร์เทพพระอาทิตย์ออกมา

ตอนแรกสุดตะเกียงประกายกาฬไม่มีปฏิกิริยา

เหมือนกับที่เยี่ยนจ้าวเกอถ่ายเทญาณจริงแท้ของตัวเองเข้าไปทดลองเมื่อก่อนหน้านับครั้งไม่ถ้วน

เยี่ยนจ้าวเกอชักมือกลับมา เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกกงจักรสุริยันซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงขึ้น จับมันไว้ แล้วกระแทกใส่กงจักรมหาประกายกาฬอย่างรุนแรง

ครั้งนี้ในที่สุดกงจักรเหล็กสีดำก็มีปฏิกิริยา แสงพุ่งออกมาจากด้านใน ก่อนจะม้วนกงจักรเอาไว้

ชายหนุ่มไม่ต่อต้าน แต่ก็ไม่ปล่อยมือ เขายังคงกำกงจักรสุริยันไว้ จากนั้นก็ฉวยโอกาสเลื่อนฝ่ามือของตัวเองเข้าไปด้านใน

ขณะเดียวกันก็โคจรเคล็ดวิชาในคัมภีร์เทพพระอาทิตย์

ในวินาทีต่อมา แสงอาทิตย์อันโชติช่วงส่องระยิบระยับในที่ว่างกลางจักรวาล แก่นแท้แห่งแสงสว่างของดวงอาทิตย์มากมาย ถูกสิ่งที่ไร้รูปร่างสูบออกไปไม่หยุด!

………………..

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset