ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 1048 อัจฉริยะสำนักเต๋า

บัดนี้เนี่ยจิงเสินอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้ามานานแล้ว ขณะเดียวกันเขาก็เป็นจอมยุทธ์ที่ผู้คนยอมรับกันว่ามีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นประมุขคนใหม่บนโลกซ้อนโลกมากที่สุด

การเพิ่มระดับของพวกชิงซู่จื่อใกล้เคียงกับเขา อยู่ห่างจากระดับประมุขเพียงครึ่งก้าว และพร้อมจะก้าวข้ามได้ทุกเวลา แต่แม้จะชิงก้าวเท้าครึ่งก้าวได้ก่อน กลับไม่มีจุดที่ควรค่าแก่ความยินดีแม้แต่น้อย บนโลกซ้อนโลกเคยมีคนขี้สงสัยพูดประโยคนี้

คนที่ถูกจัดเป็นอันดับหนึ่งในเหล่ายอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเป็นประมุขทิศบนเฉินเฉียนหัวอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนคนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสอง ก็ไม่มีข้อถกเพียงใดๆ เป็นประมุขปฐวีหวังเจิ้งเฉิงแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าคนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับสาม กลับเป็นเนี่ยจิงเสินที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า!

เป็นเพราะว่าความน่าเกรงขามของประมุขทั้งสิบ คำพูดนี้กลับไม่ได้รับการยอมรับและการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง

แต่สิ่งที่ต้องระวังตัวก็คือ ยอดฝีมือคนอื่นๆ รวมถึงประมุขหรดีไป๋เทาซึ่งเป็นศิษย์พี่ของเนี่ยจิงเฉิน กลับไม่มีใครสืบสาวคำพูดนี้ด้วยความโมโห

มาถึงตอนนี้ คนที่ทราบเรื่องภายใน ความจริงต่างเฝ้ารอคอยว่าตอนที่เนี่ยจิงเฉิงสำเร็จเป็นประมุข ได้ครอบครองร่างของมนุษย์เซียนแล้วจะมีสภาพการณ์เป็นอย่างไร

ในอดีตเทพกระบี่น้อยหลงเสวี่ยจี้ที่ปลอมชื่อเป็นเฉียนเสวี่ยจี้เคลื่อนไหวอยู่ในโลกซ้อนโลกไม่นานเท่าไร ปัจจุบันจึงมีน้อยคนที่รู้จักเขา แต่ละคนจึงอยากจะเห็นว่าสุดท้ายแล้วคุณชายฟ้ากับกระบี่สะท้านเทพ ใครจะเหนือกว่ากัน

แต่ตอนนี้กลับเกิดตำนานใหม่ขึ้นมา

ปัจจุบันคำกล่าว ‘สองพ่อลูกเป็นเซียนผู้ถูกเนรเทศ’ เริ่มกระจายไปทั่วโลกซ้อนโลกอย่างรวดเร็ว คนที่ถูกวิจารณ์ก็คือเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูก พวกเขาได้ปะทะกับจักรพรรดิเอกภพ สังหารประมุขทักษิณทิ้งในสงครามบนทะเลหวงเจีย สามารถใช้คำกล่าวนี้ได้อย่างภาคภูมิ

คนที่วิจารณ์ก็คือเนี่ยจิงเสิน ‘กระบี่สะท้านเทพ’ ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดบนโลกซ้อนโลก

สองสิ่งรวมกัน ฉายาเซียนผู้ถูกเนรเทศทั้งสองแห่งตระกูลเยี่ยน ย่อมซึมซาบเข้าสู่จิตใจคนด้วยความเร็วสูง

คนจำนวนไม่น้อยทอดถอนใจว่า เริ่มเห็นความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าบนโลกซ้อนโลกอยู่หลายส่วนแล้ว

นอกจากสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิที่คอยเฝ้าอยู่แล้ว ในหลายร้อยปีมานี้ก็มียอดฝีมือซึ่งกอปรด้วยความสามารถล้ำเลิศโผล่ขึ้นมาไม่ขาดสาย

หลงเสวี่ยจี้ที่ปรากฏตัวดุจห่านตื่นคน เฉินเฉียนหัวที่วันนี้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่ง เนี่ยจิงเสินที่ไม่ใช่ประมุขแต่เหนือกว่าประมุข จนมาถึงเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ที่โด่งดังขึ้นในสิบกว่าปีมานี้

ทุกคนเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่พันปียากพบพานในยุคที่สำนักเต๋าร่วงโรยหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

และการปรากฏตัวของพวกเขาในหลายร้อยปีมานี้ ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่า หลังการสั่งสมมานานหลายปีหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ในที่สุดก็จะได้ต้อนรับช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรือง

ก่อนหน้าวันนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกับเขากว่างเฉิงเคยฟังเรื่องเล่าของเนี่ยจิงเสินมาก่อน แต่ว่าก่อนถึงวันนี้ พวกเขากลับไม่เคยคิดเลยว่าทั้งสองฝ่ายจะเกี่ยวข้องกันในลักษณะนี้

ต่างว่ากันว่าเนี่ยจิงเสินเป็นคนที่อยู่ใกล้กับระดับประมุขมากที่สุดบนโลกซ้อนโลก ทว่าคนที่ไม่ได้มาจากเขานครหยกล้วนไม่ทราบว่าคนหนุ่มอาภรณ์ดำผู้นี้อยู่ในขั้นที่พร้อมจะก้าวเท้าก้าวนั้นออกได้ทุกเวลาแล้ว

บางทีถ้าหากว่าไม่มีเรื่องของเขากว่างเฉิงในวันนี้ เขาอาจจะก้าวเท้าก้าวนั้นไปแล้วก็ได้

และตอนนี้ พร้อมกับการแสดงท่าทีของเนี่ยจิงเสิน ก็เท่ากับบอกว่าการบุกเขตเพลิงทักษิณของเขากว่างเฉิงไม่ได้ยากเย็นอีก

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายซึ่งมีความสามารถจะสำเร็จเป็นประมุขคนอื่นๆ ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่มีผู้ใดมั่นใจว่าจะสะกดเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกในตอนนี้ได้

แม้ว่าจะก้าวเท้าก้าวนั้นสำเร็จ เขาก็ไม่คิดจะไปรับความเสี่ยงในเขตเพลิงทักษิณ

“เพียงแต่สำนักท่านสืบทอดชื่อบรรพตบูรพาสำนักเต๋า กลับจะเติบโตขึ้นในทิศใต้แล้ว” หวังผู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

คนที่อยู่รอบๆ อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง ดวงตาเป็นประกายสุกใส ไม่ทราบว่าคิดอะไรอยู่

“ทุกท่าน ข้าผู้แซ่เยี่ยนมีเรื่องหนึ่งคิดไหว้วาน ขอให้ทุกท่านช่วยเหลือด้วย” เยี่ยนตี๋ครั้งนี้กล่าว “ต้องรบกวนจักรพรรดินีเป็นการเฉพาะ”

พวกเฉาเจี๋ย หลิวเจิงกู่ และหวังผู่ปั้นสีหน้าจริงจัง รู้สึกประหลาดใจอยู่ในที

เยี่ยนตี๋เป็นคนที่ทะนงตนมาก น้อยครั้งนักจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้ตอนรับแรงกดดันของจักรพรรดิเอกภพกำเนิดกับสี่ประมุขผู้ยิ่งใหญ่ก็ไร้ความเกรงกลัว ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอร้อง เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ยากพบพาน

เยี่ยนตี๋กล่าว “ข้ามีศิษย์พี่ผู้หนึ่งในสำนัก ลูกหลานของเขาเกิดปัญหาขึ้น ก่อนหน้านี้ตรวจสอบไม่เจอ ต่อมาหลังจากข้าผู้แซ่เยี่ยนกับพลังฝึกปรืออันต่ำต้อยยิ่งมายิ่งสูง จึงค่อยพบเบื้องหลัง ทว่าสิ่งที่มองออกยังคงมีจำกัด ดังนั้นจึงใคร่ขอให้พวกท่านช่วยตรวจสอบดู”

เขากับเยี่ยนจ้าวเกอมีพลังโดดเด่น สุดที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่จำเป็นต้องให้ระดับพลังมากกว่านี้ถึงจะทำได้

“เกี่ยวข้องกับนพยมโลก” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยเสริมด้วยความเคร่งขรึม

เป็นเพราะวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เขาจึงมีความรู้กว้างขวาง ถึงขั้นที่มองทะลุเรื่องบางอย่างที่เยี่ยนตี๋มองไม่ออก ทว่าระดับพลังฝึกปรือของเขาเพิ่งจะขึ้นสู่ขั้นสะพานเซียน จึงยังมีจุดที่ถูกจำกัดไว้

พอได้ยินชื่อนพยมโลก สีหน้าของพวกเนี่ยจิงเสิน เฉาเจี๋ย และไป๋เทาก็เปลี่ยนแป็นเคร่งขรึม

นั่นเป็นตัวตนที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับมหาจักรวาลก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เป็นดินแดนที่สกปรกโสมม เหล่ามารรุ่งเรือง มียอดฝีมือนับไม่ถ้วน

นพยมโลกก็คล้ายกับได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เช่นกัน แต่ว่ามันก็ยังคงกระจายอยู่ทุกที่ คอยกัดกินโลกหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

โลกแปดพิภพในอดีตก็เคยมีประตูที่ถูกเปิดจนมารจริงแท้เกือบจะมาถึง มาวันนี้ถูกผนึกไว้ จึงค่อยทำให้โลกแปดพิภพโล่งใจ นี่เป็นขีดจำกัดที่ทุกคนทำได้ ไม่มีคนมีความต้องการจะโต้กลับ

แตกต่างจากโลกปีศาจอัคคีที่ราชาปีศาจอัคคีซึ่งแข็งแกร่งที่สุดเทียบได้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม อีกทั้งยังถูกเยี่ยนตี๋กางค่ายกลสังหาร

แม้ปีศาจอัคคีจะมีความได้เปรียบด้านสถานที่อย่างมหาศาล และมีพลังเพิ่มพูนขึ้นเมื่ออยู่ในดินแดนของตัวเอง แต่ว่าหลังจากพวกหยวนเจิ้งเฟิงได้เลื่อนเป็นขั้นเทวะสำแดง ก็ไม่มีอะไรต้องกล่าวถึงอีก

เขากว่างเฉิงที่ถูกปีศาจอัคคีโจมตีหนักหน่วงที่สุด หลังจากที่พลังในตอนนี้แตกต่างจากอดีต เป้าหมายแรกก็คือการโต้ตอบโลกปีศาจอัคคี ทำลายที่นั่นให้ราบคาบ

โลกปีศาจอัคคีในปัจจุบันกลายเป็นประวัติศาสตร์โดยสมบูรณ์แล้ว ทว่านพยมโลกกลับมีความหมายอีกแบบหนึ่ง

การรุกรานโลกแปดพิภพเป็นเพียงลักษณะพิเศษของนพยมโลก ส่วนจอมมารที่เคยเกือบมาถึงเป็นแค่แมวสามขาสำหรับนพยมโลกเท่านั้น

สิ่งที่จอมมารที่จริงแท้เล็งอยู่คือมหาจักรวาล พวกมันไม่ได้สนใจโลกเบื้องล่างอย่างเช่นโลกแปดพิภพ โลกผืนสมุทร และโลกยมทะยานแม้แต่น้อย

ดังนั้นพอประตูนพยมโลกในโลกแปดพิภพถูกผนึก นอกจากจอมมารที่อยู่ใกล้ๆ ประตูจะรู้สึกคับข้องและไม่พอใจ ก็ไม่มีผลกระทบใดอีก

ผู้คนในโลกแปดพิภพก็ไม่มีทางไปเปิดประตูมารเอง เพียงแต่ว่าสถานการณ์ของสือจวินและอิ๋งอวี่เจินมีความพิเศษยิ่ง สามารถทำให้เยี่ยนจ้าวเกอที่บัดนี้ได้ปีนขึ้นสะพานเซียนไม่เข้าใจได้ หมายความว่าจอมมารที่ทิ้งตราประทับเอาไว้บนตัวของพวกเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่

จอมมารเช่นนี้เดิมทีมีไม่กี่ตน เยี่ยนจ้าวเกอยังยืนยันไม่ได้ แต่ก็ได้กำหนดอาณาเขต เลือกเป้าหมายไว้ส่วนหนึ่งแล้ว เขามีการคาดเดาในใจ เพียงแต่ไม่อาจพิสูจน์ได้เท่านั้นเอง

“นพยมโลก?” จักรพรรดินีเจี่ยหมิงคงที่แช่แข็งตัวเอง และไม่กล่าววาจาหลังจากพิธีเปิดสำนัก ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าสนใจยิ่ง

รูปสลักน้ำแข็งเปล่งแสง เสียงดังขึ้นข้างหูของผู้คน “ลองให้ข้าดู”

“รบกวนจักรพรรดินีแล้ว” เยี่ยนตี๋มองไปยังฟางจุ่น ฝ่ายฟางจุ่นพยักหน้า ก่อนจะหยิบโลงศพน้ำแข็งโลงหนึ่งออกมา

สตรีนางหนึ่งหลับตาพริ้มอยู่ในโลงศพน้ำแข็งโปร่งใส เหมือนกับกำลังหลับใหล เป็นอิ๋งอวี่เจิน มารดาของสือจวิน ภรรยาของสือซงเทา

สือจวินก่อนหน้าถูกบอกให้รออยู่ด้านนอก ยามนี้สูดหายใจลึก รับคำสั่งและเข้ามา

………………..

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset