แสงสีทองอันน่าหวาดผวาราวกับตะวันคล้อยตกทิศตะวันตกนั้น เกิดจากประกายดาบ และกำลังผ่าลงไปบนศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ!
ทว่ามีปราณดาบอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงอีกเล่มหนึ่งฟาดฟันใส่อากาศ ม้วนลมเมฆไปทั่วทั้งแปดทิศ สกัดกั้นประกายดาบสีทองนั้นไว้
เยี่ยนจ้าวเกอไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบน เขาตรงเข้าไปในค่ายกลป้องกัน พุ่งไปหาจ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักรถังตะวันออกทันที
หลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ เคล็ดวิชาเหวเวหาทวนกระแสที่โลกแปดพิภพประกาศว่าขาดการสืบทอด บัดนี้เยี่ยนจ้าวเกอกำลังใช้มัน
เขาขับเคลื่อนเคล็ดวิชานี้ด้วยความชำนาญอย่างถึงที่สุด ทั้งร่างกายประดุจมีปราณมังกรจิตรากำลังคลุ้มคลั่ง
ทว่าการชักจูงปราณพิษที่อยู่ในรูปหมอกดำเข้าสู่ร่างกายในตอนนี้ กลับไม่เหมือนดังเช่นตอนที่ตนเองฝึกฝนก่อนหน้านี้
เพราะประโยชน์ของมันนอกเหนือจากนั้นโดยสิ้นเชิง เยี่ยนจ้าวเกอฟาดฝ่ามือออกไปเสมือนกับกำลังกวัดแกว่งดาบใหญ่ ผ่าลงตรงที่เสาปราณสีดำกำลังตรึงร่างของจ้าวซื่อเฉิงเอาไว้!
เมื่อดาบหนึ่งฟันลงไป เสาปราณสีดำก็พลันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรงในทันที!
เหมือนกับงูขนาดใหญ่ที่มีชีวิตจริง ถูกฟันจนได้รับบาดเจ็บ กำลังขดม้วนร่างกายหนาใหญ่ไปมาด้วยความเจ็บปวด
จุดที่ถูกดาบฟัน ทำให้เสาปราณสีดำหดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับถูกฟันจะเป็นรอยแหว่งขนาดใหญ่!
“ทำได้อย่างไรกัน?” บรรดาคนของอาณาจักรถังตะวันออกทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก
เยี่ยนจ้าวเกอไม่มีเวลามาอธิบายให้พวกเขาฟัง ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือเหมือนใช้ดาบ ฟาดฟันลงไปที่ตำแหน่งเดิมซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง!
เสาปราณสีดำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงขาดออกจากกันพลันดังสนั่น!
เสาท่อนหนึ่งกลับเข้าไปในหุบเหวอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกท่อนหนึ่งกลับเข้าไปในร่างกายของจ้าวซื่อเฉิง
ร่างกายของจ้าวซื่อเฉิงสั่นไหวอีกครั้ง มุมปากมีเลือดไหลออกมาอีก ทว่าไม่มีปราณสีดำยึดตรึงไว้แล้ว ท้ายที่สุดทุกคนก็สามารถพาเขาออกจากหุบเหวปราการมังกรได้
จอมยุทธ์อาณาจักรถังตะวันออกแม้จะยังตื่นตกใจกับการกระทำของเยี่ยนจ้าวเกอ ทว่าก็รู้ว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรกล่าวถามอะไรไร้สาระทั้งนั้น จึงรีบช่วยกันพยุงจ้าวซื่อเฉิงถอยออกจากหุบเหวปราการมังกรไป
พายุที่อยู่เหนือศีรษะทวีความรุนแรงขึ้นอีก จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จึงลองพุ่งลงไปยังเบื้องล่าง ส่วนจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงกลับคอยสกัดกั้นการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ทะยานบูรพาเริ่มลงมืออย่างไม่ยั้งมือมากขึ้นเรื่อยๆ
ดาบผลาญฟ้าคล้อยประจิมฟันลงมาติดต่อกันหลายครั้ง เหมือนกับต้องการจะทลายหุบเหวปราการมังกรลงให้ได้ ฝังทุกๆ คนเอาไว้ในที่แห่งนี้
ผู้อาวุโสฉินที่มีนิสัยร้อนประหนึ่งเพลิง บัดนี้เขากลับสงบเยือกเย็น ไม่ขอมีความดีความชอบ ขอเพียงไม่มีความผิดพลาด
เขารับมือกับทุกการโจมตีของทะยานบูรพาอย่างระมัดระวัง เพื่อปกป้องเยี่ยนจ้าวเกอ จ้าวซื่อเฉิง และคนอื่นๆ ให้ถอยออกไปได้อย่างปลอดภัย
เยี่ยนจ้าวเกอตามอารักขาจ้าวซื่อเฉิงออกไป พร้อมกับจอมยุทธ์อาณาจักรถังตะวันออกตลอดทาง
สถานการณ์ของตนเองและเขากว่างเฉิงยังคงไม่สู้ดีนัก จ้าวซื่อเฉิงบาดเจ็บสาหัส ต่อให้สามารถช่วยเหลือออกจากหุบเหวปราการมังกรได้ แต่จะยังสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของสถานการณ์ตรงหน้าได้หรือไม่
“เอ๊ะ แปลกนัก นี่มันกลิ่นอะไรกัน”
ขณะที่มุ่งหน้าเดินไป เยี่ยนจ้าวเกอก็พลันขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินมาถึงข้างกายของจ้าวซื่อเฉิง แล้วดมอย่างละเอียด
“บัดซบ! ผงเกสรหญ้าร้อยภูต” เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาคขาวรั้งหนึ่ง “โดยปกติแล้วมันไม่มีสีไม่มีกลิ่น ต้องสัมผัสกับปราณพิษของน้ำลึกปราการมังกรถึงจะส่งกลิ่นออกมา”
จอมยุทธ์ถังตะวันออกที่อยู่ด้านข้างต่างก็มองเยี่ยนจ้าวเกอ ด้วยความรู้สึกที่ทั้งประหลาดใจและทึ่งอยู่ในที
เยี่ยนจ้าวเกอกุมขมับของตนเอง “เขาไร้พรมแดนยื่นมือเข้ามาเอี่ยวด้วยอย่างที่คิด”
อาณาจักรถังตะวันออกสืบทอดศาสตร์แห่งการกลั่นโอสถอายุวัฒนะต่อกันมา จ้าวซื่อเฉิง ราชาอาณาจักรถังตะวันออกเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญศาสตร์เกี่ยวกับโอสถอยู่ในสามดับแรกในพื้นที่ของถังตะวันออก
แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าบนร่างกายของตนมีสิ่งผิดปกติอยู่ ย่อมไม่ต้องกล่าวโทษที่จอมยุทธ์อาณาจักรถังตะวันออกจะไม่รู้เรื่อง
ในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เขาไร้พรมแดนค่อนข้างอ่อนในด้านศาสตร์การกลั่นโอสถอายุวัฒนะ จึงไม่เคยผลิตผงเกสรหญ้าร้อยภูตออกจากภูผาพิภพเลย
“จ้าวฮ่าว…” เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลง ความรู้ทฤษฎีด้านโอสถที่เยือกเย็นเช่นนี้ ในพื้นที่ถังตะวันออกตอกนี้นอกจากตนแล้ว ก็คงจะมีเพียงคนคนนี้เท่านั้นที่รู้
ด้วยยังห่างชั้นกันมากนัก ด้วยระดับวรยุทธ์ของจ้าวฮ่าวในตอนนี้ย่อมไม่ได้กลิ่นเป็นธรรมดา
ทว่าเขาสามารถชี้แนะให้มหาปรมาจารย์ยอดฝีมือของเขาไร้พรมแดนตามร่องรอยกลิ่นได้
หากอีกฝ่ายมีมหาปรมาจารย์อยู่ด้วยจริงล่ะก็ ความเร็วก็จะเร็วยิ่งกว่ากลุ่มคนของตนเอง
ในสถานการณ์ที่ร่องรอยถูกเปิดเผย ลำพังแค่วิ่งหนีก็คงไม่สามารถจะหนีพ้นได้
“อาหู่ ไปจับอสูรความเร็วสูงมาตัวหนึ่ง เอาแบบที่มีชีวิต!” เยี่ยนจ้าวเกอออกคำสั่งแค่ครั้งเดียว ฝ่ายอาหู่ไม่ถามถึงเหตุผลใดๆ รีบทำตามคำสั่งในทันที
เวลานี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่สามารถสนเรื่องมารยาทได้อีก เขาถือวิสาสะถอดชุดคลุมของจ้าวซื่อเฉิงออก แล้วมัดติดไว้บนตัวของอสูรที่อาหู่จับมา จากนั้นก็ปล่อยอสูรตัวนั้นกลับไป
“หยุดไม่ได้แล้ว เคลื่อนย้ายต่อไป” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ถึงจะถอดชุดคลุมแล้ว แต่บนร่างกายของท่านลุงจ้าวยังคงมีกลิ่นของผงเกสรหญ้าร้อยภูตอยู่”
“ถ้าหยุดก็จะเป็นการเปิดเผยให้อีกฝ่ายรู้”
พวกเขาเดินหน้าต่อไป ทว่าบัดนี้การสั่นสะเทือนในหุบเหวปราการมังกรก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับพื้นฟ้าผืนแผ่นดินจะแตกร้าว
“สถานการณ์ของฝ่าบาทย่ำแย่ลงเรื่อยๆ แล้ว!” ขณะที่กำลังเดินอยู่ ก็มีจอมยุทธ์ถังตะวันออกพูดขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะรุดหน้าเข้าไปตรวจสอบ เขาพบว่าสีหน้าของจ้าวซื่อเฉิงดำคล้ำขึ้น ปราณสีเขียวและปราณสีแดงปรากฏสลับสับเปลี่ยนไม่หยุด
แม้ว่าขณะนี้เขาจะหมดสติอยู่ ทว่าพลังภายในร่างกายยังหมุนเวียน ต่อต้านปราณพิษที่รุกล้ำเข้ามาภายในร่างกาย
ทั้งสองฝ่ายต้านทานซึ่งกันและกัน เมื่อได้รับผลกระทบจากภายนอก จึงมีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในสภาวะมารเข้าแทรก
ถ้ายังคงเคลื่อนย้ายเขาต่อไปอีกในตอนนี้ นั่นจะยิ่งทำให้เขาตายเร็วขึ้น
มีจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาแห่งอาณาจักรถังตะวันออกท่านหนึ่ง ใช้ปราณจิตราของตนเองประคับประคองพลังของเขาเอาไว้ แต่สภาพแวดล้อมในหุบเหวปราการมังกรในตอนนี้ราวกับจะพังทลาย ยากที่จะคุ้มครองไว้ได้ทั้งหมด
เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจเข้าลึก “ในเมื่อไม่สามารถเคลื่อนย้ายต่อไปได้ เช่นนั้นก็คงต้องแข่งความเร็วแย่งชิงเวลากับอีกฝ่ายแล้วกระมัง”
“วางท่านลุงจ้าวลง ข้าจะช่วยรักษาท่านเอง”
เนื่องจากก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอได้กระทำการน่าอัศจรรย์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งด้วยความสัมพันธ์ที่ตระกูลเยี่ยนมีกับจ้าวซื่อเฉิงแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้จอมยุทธ์อาณาจักรถังตะวันออกจึงเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวชายหนุ่ม
จากนั้นก็มียอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นเคียงนภา รุดหน้าเข้ามาช่วยสนับสนุนในทันที
ฝ่ามือทั้งสองข้างของเยี่ยนจ้าวเกอ บัดนี้ข้างหนึ่งวางเอาไว้บนหน้าอกของจ้าวซื่อเฉิง ส่วนอีกข้างวางเอาไว้ที่กลางหลังของเขา จากนั้นก็เริ่มใช้เคล็ดวิชาเหวเวหาทวนกระเส ช่วยขับเอาปราณพิษที่อยู่ภายในร่างกายของอีกฝ่ายออก
อาหู่และคนอื่นๆ เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอและจ้าวซื่อเฉิงอย่างใกล้ชิด
บัดนี้สีหน้าอาหู่เต็มไปด้วยความตั้งใจจริงจัง ทว่าในแววตาที่มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอกับจ้าวซื่อเฉิงนั้น กลับมีความกังวลแฝงอยู่
เคราะห์ดีที่เมื่อเวลาผ่านไป สภานการณ์ของจ้าวซื่อเฉิงก็ค่อยๆ ทุเลาลง เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นต่างก็ยินดียิ่ง
แต่ค่ายกลที่คงอยู่โดยอาศัยจ้าวซื่อเฉิงเป็นศูนย์กลาง บัดนี้ยิ่งไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ฝั่งเมืองชมตะวันไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
ในตอนนี้เอง อาหู่และคนอื่นๆ ต่างก็พร้อมใจกันขมวดคิ้ว หมอกดำที่อยู่ไกลออกไปแหวกออก มีจอมยุทธ์กลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
ผู้ที่มาเยือนสวมชุดดำทั้งหมด ซึ่งนั่นเป็นการแต่งกายของจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดน
ผู้ที่เป็นผู้นำคือมหาปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาคนหนึ่ง ข้างกายของเขามีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ นั่นก็คือจ้าวฮ่าวอย่างไม่ต้องสงสัย
จ้าวฮ่าวมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอและจ้าวซื่อเฉิงแวบหนึ่ง แววตาสีดำพลันหยั่งลึก “เจ้าได้กลิ่นผงเกสรหญ้าร้อยภูตด้วยอย่างนั้นหรือ”
“โชคดีที่หลังจากเข้าใกล้ได้แล้ว มหาปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาก็พอจะดมกลิ่นได้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะหลงกับกลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ[1]ของเจ้าเป็นแน่”
มหาปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาผู้นั้นกล่าวเสียงเรียบนิ่งว่า “ราชาอาณาจักรจ้าวบัดนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บธรรมดาเท่านั้น แต่เป็นปราณพิษในหุบเหวปราการมังกรเข้าสู่ร่างกาย”
“หากรักษาไม่ถูกวิธี จะทำให้ราชาอาณาจักรจ้าวสิ้นชีพได้”
“ในสถานการณ์เช่นนี้จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์อย่าลงมือเสียจะดีกว่า อีกเดี๋ยวท่านผู้อาวุโสมหาปรมาจารย์ของสำนักข้าก็จะมาถึง ให้เขายื่นมือช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของราชาอาณาจักรจ้าวถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
เขาก้าวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง “ช่วยเหลือคนก็เหมือนกับดับเพลิง รวดเร็วดีกว่าช้า ส่งเขามาให้พวกข้าเถิด”
จ้าวฮ่าวไม่ได้มองเยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่แต่อย่างใด ทว่ากลับจ้องมองจอมยุทธ์อาณาจักรถังตะวันออกคนอื่นๆ “หากยังมัวเสียเวลาอยู่ อาจจะทำให้เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ได้”
“ความรับผิดชอบนี้ พวกเจ้าจะแบกรับไหวหรือ?”
………………..
[1] จักจั่นลอกคราบ เป็นหนึ่งใน 36 กลยุทธ์พิชัยสงครามซุนวู ที่มีความหมายถึงการรักษาไว้ซึ่งตามแบบแผนการจัดแนวรบในรูปแบบเดิม ให้แลดูสง่าและน่าเกรงขาม เป็นการหลอกล่อไม่ให้ศัตรูเกิดความสงสัย ไม่กล้าผลีผลามนำกำลังทหารบุกเข้าโจมตี เมื่อรักษาแนวรบไว้เป็นตั้งมั่นแล้วจึงแสร้งถอยทัพอย่างปกปิด เคลื่อนกำลังทหารให้หลบหลีกไป