ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 526 ตามหาคน

เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพในเงาแสงต่อ เห็นผู้อาวุโสเขาหงส์วิเศษคนหนึ่งเอ่ยเสียงทุ้ม “เห็นเพียงพวกเขาสองคนหนีไปด้วยกัน ต้นสายปลายเหตุล้วนไม่มี จะอธิบายอะไรได้?”

ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักมังกรโลหิตเดือดดาล “บุตรสาวของเจ้าสำนักถูกคนของเขาหงส์วิเศษลักพาตัวไป ตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไม่ทราบ เจ้ายังกล้าพูดจาใจเย็นอีกหรือ?”

ผู้อาวุโสวัยกลางคนจากเขาหงส์วิเศษที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ยินดังนั้น ก็แค่นเสียงเหอะด้วยความไม่พอใจ “พวกเขากระโดดเข้าไปในน้ำวนแล้วหายตัวไปจริงๆ แต่ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น อาจจะตกอยู่ในกำมือของพวกเจ้าก็ได้ แต่พวกเจ้ากลับยังมาเขาหงส์วิเศษของเรา คิดยืมข้ออ้างหาเรื่องกัน!”

“ข้ากลับอยากถามพวกเจ้าว่าคนอยู่ไหน?”

ผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตโกรธแค้น “ประเสริฐนัก พวกเจ้าคิดจะตีคราดกลับด้าน[1]หรือ? เดรัจฉานน้อยแซ่สือนั่นสร้างปัญหาใหญ่ขึ้น ไม่กลับมาขอให้พวกเจ้าช่วยคุ้มครอง แล้วยังไปที่ไหนได้อีก?”

“ต้นเหตุเป็นอย่างไรยังไม่ทราบ หากเชื่อตามคำกล่าวของเจ้า มีทั้งหมดสามฝ่าย สือจวินไม่อยู่ บุตรสาวของเจ้าสำนักเฉินไม่อยู่ มีแต่คำพูดของฝ่ายเดียว จะให้คนเชื่อได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสเขาหงส์วิเศษกล่าวอย่างเย็นชา

สตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งในสำนักมังกรโลหิตยกมือขึ้นห้ามปรามคนในสำนักที่กำลังโมโห จากนั้นก็กล่าวว่า “ท่านกล่าวไม่ผิด เช่นนั้นก็โปรดส่งสือจวินกับอิ๋งเอ๋อร์มา พวกเราจะได้ถามกันต่อหน้า”

ผู้อาวุโสเขาหงส์วิเศษแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง “บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าคนยังไม่กลับสำนัก”

เขามองคนในสำนักมังกรโลหิตที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ข้าเองก็อยากทราบว่าคนอยู่ที่ไหน”

ผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตผู้หนึ่งเอ่ยด้วยความโกรธ “พวกข้าไม่คิดจะมาเสียเวลาที่นี่กับพวกเจ้า เวลาผ่านไปหนึ่งนาที อิ๋งเอ๋อร์ก็มีอันตรายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน

“ในอดีตสำนักทั้งสองของพวกเราเคยมีการกระทบกระทั่งกันจริง ลูกศิษย์ในสำนักข้าแพ้เด็กน้อยสือจวินนั่น นับว่าพวกเขาไร้ความสามารถ โทษใครไม่ได้ แต่ลูกศิษย์สองคนของสำนักข้าตายด้วยกระบี่ของสือจวิน อิ๋งเอ๋อร์ถูกลักพาตัวไป ผลลัพธ์เช่นนี้ต้องมีคำอธิบาย!”

ผู้อาวุโสหญิงของสำนักมังกรโลหิตกวาดมองคนในเขาหงส์วิเศษด้านหน้า ก่อนจะกล่าวอย่างเชื่องช้า “พวกท่านบอกว่าสือจวินไม่อยู่ เช่นนั้นอาจารย์ของเขาเล่า? พวกท่านคงไม่บอกว่าคนไม่อยู่กระมัง?”

เงาแสงที่ถูกบันทึกไว้ด้านในเครื่องรางหยกที่ไป๋จิ่งคังนำมาหยุดลงเพียงเท่านี้

เขาถอนใจ แล้วมองสวีเฟยแวบหนึ่ง “อาจารย์ลุงเจ้าสำนักคิดเชิญน้องสวีไปที่ตำหนักใหญ่สักครู่ สาเหตุก็มีดังนี้ โปรดให้อภัยด้วย”

สวีเฟยเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสไป๋เกรงใจไปแล้ว ไม่ว่าที่สำนักมังกรโลหิตพูดจะเป็นจริงหรือเท็จ ข้าออกหน้าถือเป็นสิ่งสมควร”

ไป๋จิ่งคังมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวว่า “คุณชายเยี่ยน ข้าคิดว่าท่านไม่ควรปรากฏตัวจะดีกว่า จะได้ตามหาหลานสือจวินอย่างลับๆ ได้”

“หากพบหลานสือจวินเร็วกว่าสำนักมังกรโลหิต สถานการณ์จะเป็นใจต่อพวกเราแน่นอน ท่านเคลื่อนไหวอย่างลับๆ ร่องรอยจะได้ไม่รั่วไหล”

เยี่ยนจ้าวเกอมองไป๋จิงคัง เขาเข้าใจนัยยะในคำพูดของอีกฝ่าย

ถึงแม้ว่าตนจะเชื่อมั่นในนิสัยของสือจวิน แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ก็ประดักประเดิดยิ่ง

พันไม่ควร หมื่นไม่ควร สือจวินพาเฉินอิ๋งไปจริงๆ ถ้านี่เกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้น สถานการณ์ก็ไม่แน่ชัดแล้ว เหตุผลจะกลายเป็นไร้เหตุผลอย่างง่ายดาย

เขาหงส์วิเศษย่อมไม่ยอมอ่อนข้อต่อหน้าสำนักมังกรโลหิต จะมีเหตุผลหรือไม่ก็ต้องยืนกรานไว้ก่อน

แต่ถ้าสือจวินมีความผิด เขาหงส์วิเศษเป็นฝ่ายผิด วังผลึกวารีกับสำนักคืนวิญญาณก็ไม่อาจออกหน้า

เนื่องจากการคุกคามจากหกพรรคมาร แม้ในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะจะมีความขัดแย้ง แต่ต้องผ่านสถานการณ์ใหญ่ไปก่อน

ในอดีตพวกไห่เจิ้งเซินไล่ล่าไป๋จิ่งคังสองสามีภรรยา คิดสังหารพวกเขาทิ้งบนโลกลอยน้ำที่แปลกหน้าในสถานการณ์ที่ไม่มีคนอื่น

พวกไห่เจิ้งเซินซึ่งเป็นลูกศิษย์สำนักมังกรโลหิตถูกเยี่ยนจ้าวเกอสังหาร สุดท้ายทางด้านโลกผืนสมุทรสรุปว่าพวกเขาหายสาปสูญ ไป๋จิ่งคังสองสามีภรรยาเองก็ไม่ได้เปล่าประกาศ เพียงรายงานต่อผู้นำระดับสูงของสำนักเท่านั้น

ครั้งนี้ทั้งสังหารคนทั้งลักพาตัว กอปรกับยังมีผู้เห็นเหตุการณ์ เรื่องราวอาจจะเปลี่ยนเป็นใหญ่โตได้ทุกเวลา

อักทั้งคนที่ถูกลักพาตัวยังเป็นศิษย์หญิงโฉมสะคราญและอายุน้อย ผลกระทบจึงเลวร้ายมากกว่าเดิม ทำให้คนที่ได้ฟังคาดเดาไปในทางที่ไม่ดี

สำนักมังกรโลหิตอับอายกลายเป็นโทสะถึงเพียงนี้ เป็นเพราะเหตุผลนี้เอง

โดยเฉพาะคนที่ถูกลักพาตัวยังเป็นบุตรสาวของเจ้าสำนัก ยิ่งเท่ากับเป็นการตบหน้าสำนักมังกรโลหิต

เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ศิษย์พี่สวีไปดูก่อนเถอะ”

สวีเฟยกับไป๋จิ่งคังออกไปพร้อมกัน เยี่ยนจ้าวเกอหลับตาครุ่นคิด พึมพำกับตัวเอง ‘ท่าทางร้อนรนของสำนักมังกรโลหิตไม่เหมือนกับเสแสร้ง’

ด้านในวิหารจัดการเรื่องราวของเขาหงส์วิเศษ สวีเฟยประสานมือคำนับคนในตำหนักใหญ่

สายตาของคนในสำนักมังกรโลหิตมองเขาเหมือนกับจะกินคน

สวีเฟยยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย เขากล่าวเสียงเรียบว่า “ศิษย์ข้าถึงแม้จะหัวแข็งและใจร้อนไปบ้าง แต่มิใช่คนไม่รู้จักหนักเบา และยิ่งไม่ทำเรื่องเลวทราบ โดยการทำผิดประเวณีเด็ดขาด”

ผู้อาวุโสหญิงของสำนักมังกรโลหิตกล่าวอย่างเชื่องช้า “ความหมายในคำพูดของท่าน คือพวกข้าใส่ร้ายพวกท่านศิษย์อาจารย์หรือ?”

สวีเฟยยังคงใจเย็น “ข้าวิจารณ์ว่าลูกศิษย์ของข้าทำตัวดี ทว่าพวกท่านไม่เชื่อ แล้วทีพวกท่านบอกว่าศิษย์ข้าลักพาคน ก็เป็นการสรุปฝ่ายเดียวเช่นกัน จะให้ยอมรับได้อย่างไร”

“ตอนนี้จำต้องทำความริงให้กระจ่าง ไม่เช่นนั้นก็หาผู้เกี่ยวข้องให้เจอก่อนค่อยว่ากล่าว”

“ตอนนี้ศิษย์ข้ามิได้อยู่ที่เขาหงส์วิเศษ มิได้อยู่ที่เกาะไร้ขอบเขตจริงๆ ที่ทะเลไร้ขอบเขตก็ไม่มีข่าวคราวของเขาเช่นกัน”

สวีเฟยเอ่ยเสียงทุ้ม “พวกท่านกังวลถึงความปลอดภัยของลูกศิษย์ในสำนัก ข้าก็เป็นห่วงลูกศิษย์ของข้าเช่นกัน ต่อจากนี้ข้าจะลองตามหาศิษย์ข้าดู สำนักท่านจะส่งคนร่วมเดินทางกับข้าก็ได้”

มีผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตแค่นหัวเราะเย็นชา “เจ้าแก้ตัวได้เร็วนัก ปัญหาของเขาไม่ใช่แค่ลักพาคนเท่านั้น ลูกศิษย์สองคนของสำนักเรายังตายด้วยน้ำมือของเขาด้วย!”

สวีเฟยเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น “ถึงแม้จะล่วงเกินสำนักท่าน แต่ถ้าหากมีคนจากสำนักท่านมาสังหารข้า ข้าเองก็จะรับมือก่อน จากนั้นค่อยคิดต่อ คงไม่ยอมยืนนิ่งๆ อยู่ที่นั่นให้ถูกกระทำโดยไม่ตอบโต้”

ผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตผู้นั้นถลึงตา “เจ้า…”

สตรีวัยกลางคนด้านข้างเขาโบกมือ จากนั้นก็มองสวีเฟย “ประเสริฐ ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร หาคนก่อนค่อยว่ากัน ท่านมีเบาะแสใดหรือไม่”

สวีเฟยกล่าวเรียบๆ “ถ้าหากคำกล่าวของสำนักท่านที่ว่าน้ำวนนั่นเป็นสถานที่ที่ศิษย์ของข้าและลูกศิษย์สำนักท่านหายไปเป็นความจริง บางทีอาจจะมีโอกาส”

ผู้อาวุโสหญิงจากสำนักมังกรโลหิตผู้นั้นลุกขึ้นจากเก้าอี้ “จะออกเดินทางเมื่อใด”

สวีเฟยหันไปมองคนในเขาหงส์วิเศษ เจ้าสำนักเขาหงส์วิเศษเกาเทียนจงกล่าว “สำนักเราไม่อาจทำเป็นไม่สนใจ จึงจะส่งคนร่วมทางกับท่านและคนของสำนักมังกรโลหิต”

“เช่นนั้นขอขอบคุณเจ้าสำนักเกาด้วย” สวีเฟยพยักหน้า สูดลมหายใจลึก “ข้าเตรียมตัวครู่เดียวก็ใช้ได้แล้ว อีกครึ่งชั่วยามให้หลังค่อยออกเดินทาง”

สวีเฟยกลับมายังตาน้ำของน้ำพุทะเลเผาไหม้ เพื่อหารือกับเยี่ยนจ้าวเกอ หลังจากคุยกันพักหนึ่งแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอถึงกล่าวว่า “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ตามหาจวินเอ๋อร์ให้เจอก่อนค่อยว่ากัน”

“อืม แต่มีเรื่องหนึ่งจ้าวเกอเจ้าต้องรู้ ถึงแม้โลกผืนสมุทรจะเหมาะให้จอมยุทธ์ฝึกลมปราณฝึกปรือพลัง แต่ว่าทิศทางการเคลื่อนที่ของปราณวิญญาณแตกต่างกันมาก มีบางกระบวนท่าที่เราใช้ในแปดพิภพได้ ทว่ามิอาจใช้ที่นี่ได้”

สวีเฟยกระซิบเตือนเบาๆ “อย่างเช่นพิธีโลหิตจิตหวนเวลาไม่อาจใช้ที่นี่ได้ ดังนั้นแค่ตามตัวจวินเอ๋อร์กับบุตรสาวของเจ้าสำนักมังกรโลหิตพบแล้วก็ยังไม่นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะมีบางคนคิดหาข้ออ้างจากเรื่องนี้”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มอย่างเรียบเฉย “ขอแค่จวินเอ๋อร์ไม่เป็นไรก็พอ คนอื่นไม่ว่าจะลงมือหรือหาข้ออ้าง ข้าล้วนไม่สนใจ”

“ศิษย์พี่สวีมีวิธีตามหาจวินเอ๋อร์หรือไม่”

“ไม่มั่นใจมากนัก แต่ลองดูได้” สวีเฟยพูดพลางยื่นกระบี่สั้นที่ทำจากหยกให้เยี่ยนจ้าวเกอ

……………………………………….

[1] ตีคราดกลับด้าน สุภาษิตจีน หมายถึง ไม่ยอมรับผิด ย้อนเล่นงานฝ่ายตรงข้าม

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset