ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 560 ไข่มุกมองฟ้า

ผู้อาวุโสฉินมองฉางเจิ้น อีกฝ่ายมีสีหน้าปกติ ในความเคร่งขรึมแทรกไว้ด้วยความกังวลอยู่หลายส่วน

ตอนนี้สำนักเจอความเปลี่ยนแปลงติดต่อกัน ยอดฝีมือระดับสูงเสียชีวิตมากเกินไป ทำให้ฉางเจิ้นมีแนวคิดไปทางอนุรักษ์นิยม ไม่นิยมความรุนแรงมากกว่า หรือว่าจะมีเหตุผลอะไรอยู่อีก

ผู้อาวุโสฉินมองไม่ออก หลังจากจางคุนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “ตอนนี้เจ้าเป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารอาญา ใช้อำนาจของเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้เต็มที่”

ฉางเจิ้นตอบคำ “ข้าทราบดีท่านอาจารย์”

สำหรับเฟิงอวิ๋นเซิงและอิ่นหลิวหัว ยังไม่มีการคุมขัง แต่ว่าคนทั้งสองถูกจำกัดไม่ให้ไปไหน การเคลื่อนไหวได้รับการจับตาดู เหมือนถูกกักบริเวณ

สิ่งที่รอพวกนางกับหงเจียฉีอยู่คือการตรวจสอบมากมาย

เฟิงอวิ๋นเซิงบอกตัวเองว่าต้องใจเย็น เผชิญทุกสิ่งอย่างสงบนิ่ง อย่าให้กระทบถึงการฝึกฝนในยามปกติของตัวเอง

ยังห่างจากการทดสอบแห่งจันทราอีกราวๆ หนึ่งร้อยวัน ถ้าหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ นางยังสามารถเข้าร่วมได้

ถึงพวกจางคุนอยากจะละทิ้งการทดสอบแห่งจันทรา กระนั้นโอกาสในครั้งนี้ก็สูงยิ่ง ทำให้ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงลังเล

แม้ฉางเจิ้นจะจัดการเรื่องนี้ด้วยอำนาจทั้งหมด แต่เพราะความพยายามอย่างเต็มที่ของพวกผู้อาวุโสฉิน และการยอมรับเป็นนัยๆ ของผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสอง จึงไม่ได้จับกุมเฟิงอวิ๋นเซิงและอิ่นหลิวหัว ปล่อยให้พวกนางฝึกฝนเหมือนปกติ

การตรวจสอบดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ฉางเจิ้นจัดการด้วยตัวเอง

“ของของเฟิงอวิ๋นเซิงอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือ?” ฉางเจิ้นส่งเสียงเอ่ยถาม

ผู้อาวุโสหญิงแซ่หวังที่อยู่ด้านข้างเขาในตอนนี้ชี้แนะการฝึกฝนของเฟิงอวิ๋นเซิงกับอิ่นหลิวหัวชั่วคราว ตอบว่า “ทั้งหมดอยู่นี่หมดแล้ว รวมถึงถุงย่อส่วนของนาง แต่ว่าข้าไม่ได้ดูถุงย่อส่วนของนาง มอบให้ท่านในสภาพเดิม แต่ข้าแน่ใจว่านางมิได้ซ่อนสิ่งของไว้บนตัว”

ฉางเจิ้นพยักหน้าอย่างไร้เสียง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ‘ไม่มีแล้ว ไปอยู่ไหนกัน? หรือว่านางมิได้นำกลับมาสำนัก?’

สายตาของฉางเจิ้นปรากฏความครุมเครือ ‘หรือนางจะรู้แล้ว? ไม่ สมควรยังไม่รู้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้ ผ่านมาตั้งนางยังไม่ได้เปิดมันขึ้น หมายความว่านางได้ของสิ่งนั้นมาโดยมิได้ตั้งใจ ยังใช้ไม่ไเป็น เช่นนี้ก็ประเสริฐ เรายังมีโอกาส’

‘แต่ของอยู่ที่ไหน? ดูเหมือนได้แต่ต้องค่อยๆ เค้นถามนางแล้ว…’

ตอนที่อีกฝ่ายบอกว่าพบยันต์เงาวิญญาณแผ่นหนึ่งในถุงย่อส่วนของนาง เฟิงอวิ๋นเซิงพลันเลิกคิ้วขึ้น

ตอนนี้นางแน่ใจแล้วว่า มีคนคิดเล่นงานนาง

เพียงแต่เป็นใคร หรือว่าเป็น…พวกไหน?

เฟิงอวิ๋นเซิงมองฉางเจิ้นด้านหน้า อีกฝ่ายมีสีหน้านิ่งสงบ ไม่มีลับลมคมในใดๆ ทั้งสิ้น “ยันต์เงาวิญญาณยังไม่ได้ใช้ ไม่อาจยืนยันได้ว่าเอาไว้ติดต่อใคร กระนั้นได้พบยันต์วิญญาณใช้แล้วทิ้งที่สามารถใช้ติดต่อในระยะทางที่ค่อนข้างไกลได้ในถุงย่อส่วนของเจ้า ความน่าสงสัยของเจ้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้ว”

“และหมายความว่าความน่าสงสัยของใครบางคนเพิ่มมากขึ้นด้วย” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวเรียบๆ

ฉางเจิ้นถามว่า “ศิษย์หลานอิ่นแตะต้องกับถุงย่อส่วนของเจ้าได้หรือไม่?”

“ได้” เฟิงอวิ๋นเซิงมองเขา กล่าวอย่างเชื่องช้า “ยันต์เงาวิญญาณแผ่นนี้มิใช่ของข้า”

ฉางเจิ้นเอ่ย “แต่ว่ามีกลิ่นอายปราณจิตราของเจ้าติดอยู่ด้วย”

“อาจรวบรวมมาจากสถานที่ที่ข้าเคยฝึกฝน” เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ

“ถูกต้อง ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้ ทว่าถ้าหากเจ้ายังมีของอะไรที่ไม่ได้รายงาน ตอนนี้ทางที่ดีให้บอกมา ถ้าเจออีก จะมีแต่เพิ่มความสงสัยในตัวเจ้ามากขึ้น” ฉางเจิ้นพยักหน้า

เขามองเฟิงอวิ๋นเซิงแวบหนึ่ง “ในช่วงนี้ โดยเฉพาะสถานที่ที่เคยอยู่ตอนไปทะเลตะวันออก สรุปออกมาให้หมด วิหารอาญาจะตรวจสอบตามลำดับ จำไว้ให้ดีว่าอย่าให้ตกหล่น เพราะนั่นจะไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้า”

เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ “ไม่มีตกหล่น สถานที่ที่ข้ามั่นใจล้วนบอกไปหมดแล้ว”

ฉางเจิ้นพยักหน้า ก่อนจะผละไปเช่นนี้

สิ่งที่ทำให้เฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกเครียดก็คือ หลังจากเวลาผ่านไป การจับตามองนางก็เริ่มเข้มงวดมากขึ้น

การฝึกฝนที่จัดให้ตนกับอิ่นหลิวหัวค่อยๆ ถูกรบกวน ทรัพยากรทั้งหมดในสำนักได้รับผลกระทบ

ถึงแม้จะไม่ได้ถูกคุมตัวไปยังวิหารอาญา แต่ว่าการตรวจสอบที่ทำต่อนางเข้มงวดมากขึ้น การสอบถามถี่มากขึ้น

เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้ต้องการสวัสดิการ แต่ว่าปัญหาที่สะท้อนออกมาจากการเปลี่ยนแปลงนี้ก็คือ สำนักหรือว่าวิหารอาญาไม่เชื่อตนมากขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่การทดสอบแห่งจันทราครั้งที่เจ็ดใกล้เข้ามา การฝึกปรือของตนกลับได้รับผลกระทบมากกว่าเดิม นี่เป็นการบอกล่วงหน้าว่า สำนักอาจจะห้ามไม่ให้ตนเข้าร่วมการทดสอบแห่งจันทราในครั้งนี้

นี่เป็นจุดที่ทำให้เฟิงอวิ๋นเซิงไม่สบายใจมากที่สุด

ณ ยอดเขาเรืองรองของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ เจ้าสำนักหวงซี่กับหวงเซินบุตรของเขากำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน

หวงซวี่มองบุตรของตน กล่าวว่า “ผ่านมาหลายวันยังไม่มีข่าวส่งมา ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่น

“สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจเพียงอย่างเดียวก็คือ เหตุใดเจ้าถึงมั่นใจนักว่าฉางเจิ้นจะทำตามแผนของพวกเรา”

สีหน้าของหวงเซินไม่หวั่นไหว ตอบว่า “ไม่ใช่ตามแผนของพวกเรา แต่เป็นแผนของเขาเอง พวกเราใช้ประโยชน์เขา เขาเองก็กำลังใช้ประโยชน์พวกเราอยู่ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่า แผนของเขาคือสิ่งที่ข้าหวังจะให้เขาทำ

“ถ้าหากไม่มีคนผู้นี้ อิ่นหลิวหัวคงไม่ผ่านด่านแรกได้โดยง่าย อาจจะเผยช่องโหว่ออกมาง่ายๆ มีเพียงแต่หัวหน้าวิหารอาญาของเขากว่างเฉิงผู้นี้เท่านั้นถึงจะช่วยนางปกปิดได้”

หวงซวี่เอ่ยถาม “สิ่งที่ข้าสงสัยก็คือ เหตุใดฉางเจิ้นต้องทำเช่นนี้”

“เพราะว่าเขาเห็นแก่ตัว เขาคิดจะเอาของบางอย่างมาจากเฟิงอวิ๋นเซิง แต่กลับปิดบังผู้คน ดังนั้นถ้าหากเฟิงอวิ๋นเซิงทำผิด เขาจะตรวจสอบได้โดยเปิดเผย” หวงเซินตอบ

“ของอันใด” หวงซวี่มองหวงเซิน “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องดี”

หวงเซินหยิบไข่มุกวิเศษเม็ดหนึ่งออกมาวางไว้ตรงหน้าหวงซวี่ “ข้ารู้เรื่องจริงๆ เพราะว่าของที่ฉางเจิ้นอยากได้ ความจริงอยู่ในมือข้า”

เขาเคาะไข่มุกวิเศษเบาๆ ไข่มุกปรากฏภาพเงาแสงขึ้น “ภาพที่บันทึกอยู่ในไข่มุกมองฟ้าของข้าไม่อาจปลอมแปลงได้ ดังนั้นจึงเป็นหลักฐานที่หนักแน่นดุจขุนเขา”

หวงซี่มองดูรอบหนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย “ที่แท้เป็นเช่นนี้ ที่แท้หลี่จิ่งถูแห่งเขาไร้พรมแดนตายด้วยน้ำมือของเขา”

หวงเซินพยักหน้า “ตอนนั้นหลี่จิ่งถูกได้รับบาดเจ็บเพราะท่านกับผู้อาวุโสท่านอื่น จึงเอาขวานจาสวรรค์หนีไปแล้วเจอเข้ากับฉางเจิ้น ภูตผีดลใจให้เขาอยากได้ขวานจามสวรรค์ เขาจึงสังหารหลี่จิ่งถู่และทำลายศพทิ้ง โดยไม่คาดคิดว่าขวานจามสวรรค์จะได้รับความเสียหาย แต่พลังชีวิตยังไม่สิ้น มันฉวยโอกาสตอนที่เขากับหลี่จิ่งถูสู้กันบินไป สุดท้ายมาตกอยู่ในมือท่าน”

“ฉางเจิ้นทำให้มือของตัวเองสกปรก กลับเป็นการส่งชุดแต่งงานให้กับสำนักเรา”

“ไข่มุกมองฟ้าเป็นไข่มุกแม่ลูก ไข่มุกลูกที่บันทึกทุกสิ่งทุกอย่างถูกฉานเจิ้นพบและทำลายทิ้ง แต่เขารู้จักไข่มุกมองฟ้า ดังนั้นจึงตามหาไข่มุกที่เป็นแกนกลางอยู่”

หวงซวี่ครุ่นคิดเล็กน้อย “เจ้าทำให้เขาคิดว่าไข่มุกมองฟ้าอยู่ในมือเฟิงอวิ๋นเซิงหรือ”

หวงเซินตอบ “ความจริงเป็นอุบัติเหตุ เฟิงอวิ๋นเซิงเก็บไข่มุกลูกนั้นได้โดยไม่ตั้งใจ หลังจากข้าสัมผัสได้ ก็คิดว่าบางทีอาจจะเป็นโอกาสที่ไม่เลว ดังนั้นจึงชี้แนะให้ฉางเจิ้นจับตาดูเฟิงอวิ๋นเซิง

“ตามปกติแล้ว ไข่มุกมองฟ้าอันหนึ่งเป็นลูกอันหนึ่งเป็นแม่ จะมีแต่ของของข้าเท่านั้นที่เป็นไข่มุกมองฟ้าอันแรกที่มีหนึ่งแม่สามลูก ดังนั้นฉางเจิ้นจึงไม่รู้ว่า อันที่อยู่ในมือของเฟิงอวิ๋นเซิงเป็นไข่มุกลูกเม็ดหนึ่ง”

“หากเรื่องนี้หลุดออกมา ฉางเจิ้นจะต้องพบปัญหา เขากว่างเฉิงไม่อาจอธิบายกับเขาไร้พรมแดนได้ หากเรื่องหลุดออกมาช้าหน่อย ฉางเจิ้นหนีไปได้ แต่ว่าในตอนนี้เขาช่วยพวกเราได้”

“แล้วไข่มุกลูกเม็ดนั้นไปอยู่ที่ใด” หวงซวี่ถาม

เซิงเซินประคองไข่มุกวิเศษเม็ดนั้นในมือ “ถูกข้าทำลายทิ้งแล้ว ดังนั้นฉางเจิ้นหาอย่างไรก็ไม่อาจหาเจอ พลังฝึกปรือของเฟิงอวิ๋นเซิงยังไม่อาจทำลายไข่มุกมองฟ้าได้ ดังนั้นฉางเจิ้นจึงคิดว่านางซ่อนไข่มุกไว้”

“แต่เขาไม่อาจประกาศออกมาได้ และไม่อาจยืนยันได้ ได้แต่พยายามเสาะหา เขายิ่งพยายามเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลดีกับพวกเรามากเท่านั้น”

“เขาเป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารอาญาคนปัจจุบัน ในเขากว่างเฉิง คนที่พอจะหยุดยั้งเขาได้ ตอนนี้เป็นคนแก่หง่ำหง่อม ห่วงหน้าพะวงหลัง”

“ขอแค่ฉางเจิ้นไม่เลิกรา เฟิงอวิ๋นเซิงก็ไม่อาจเป็นอิสระ”

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset