ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 572 ใครนินทา ใส่ร้าย หรือทำร้ายข้า ข้าจะสังหารให้สิ้น

ชายชราผมม่วงผู้นั้นก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักอัสนีสวรรค์ สำเร็จเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม ทว่าในตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกอ กลับรู้สึกเหมือนเมฆดำปกคลุมท้องฟ้า มองไม่เห็นแสงสว่างแม้แต่น้อย

เยี่ยนจ้าวเกอลอยอยู่กลางอากาศ เดินไปด้านหน้าทีละก้าว

ชายชราผมม่วงกระตุ้นอาวุธวิญญาณชั้นสูงของตน คิดจะสู้ตายยามแม้จะจนตรอก

ชายหนุ่มยกฝ่ามือขึ้น ทำเหมือนมองไม่เห็น

ท่ากระบี่เทพมารดาสายฟ้าที่ดูเหมือนจะเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าฟาด ถูกสภาวะฝ่ามือที่พลิกฟ้าพลิกดิน พลิกหยินหยางครอบคลุมไว้ พลันช้าลงเหมือนกับเต่าคลาน

ฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ ลดต่ำลง แต่ว่าในสายตาของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ผู้นั้นกลับเหมือนความสิ้นหวังที่หลบไม่พ้น

เหมือนกับฟ้าดินที่ตนอยู่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง ขอแค่อยู่ด้านในก็ไม่อาจหนีความตายพ้น

ฟ้าดินหายไป แล้วผู้คนจะอยู่ตรงไหน?

เยี่ยนจ้าวเกอลดฝ่ามือลงด้านล่าง พลังมหาศาลชนิดพลิกกลับฟ้าดินบดขยี้ร่างเทพมารดาสายฟ้าของอีกฝ่าย

พลังมหาศาลลดต่ำลง ระเบิดศีรษะของชายชราผมม่วงอย่างไม่อาจต้านทาน!

ในตำหนักอัสนีสวรรค์มีแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาอีก กลับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักที่รอดมาได้ ตอนแรกคิดช่วยเหลือชายชราผมม่วง แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้กลับอ้าปากตาค้าง

เขาสะดุ้งโหยง รู้สึกหวั่นใจอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหมุนตัวพุ่งกลับไปยังตำหนักอัสนีสวรรค์ ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าตอนออกมาโดยไม่หันหลังกลับ

ในวินาทีถัดมา บนท้องฟ้าเหนือตำหนักอัสนีสวรรค์ก็มีลวดลายอาคมขนาดยักษ์หลายสายจับตัวกัน ปรากฏเป็นค่ายกลขนาดมหึมา ครอบคลุมตำหนักทั้งหมดไว้

ค่ายกลคุ้มภูผาของตำหนักอัสนีสวรรค์ ค่ายกลเทพสายฟ้าเริ่มสำแดงพลัง ในเมฆสายฟ้าด้านบน มังกรอัสนีหลายตัวกะพริบแสงขึ้น แผ่ขยายออกไปยังที่ไกล ครอบคลุมท้องฟ้าในรัศมีหมื่นลี้ไว้

กลิ่นอายทำลายล้างของสายฟ้าไร้สิ้นสุด ทำให้โลกด้านล่างแทบจะกลายเป็นธุลี

ค่ายกลเทพสายฟ้ารุนแรงถึงขีดสุด แม้ว่าจะเป็นค่ายกลคุ้มภูผา แต่ไร้พลังป้องกัน กลับเป็นพลังโจมตีและพลังทำลายที่น่ากลัวถึงขีดสุด

ต่อให้จะเป็นลูกศิษย์ของตำหนักอัสนีสวรรค์ ในตอนนี้ยังขวัญหนีดีฝ่อ

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในทะเลสายฟ้า ใบหน้าไม่แปรเปลี่ยน มองทุกสิ่งอย่างเงียบๆ

สายตาของเขาลึกล้ำและเหมือนจะจับตัวกันเป็นของแข็ง เจาะทะลุตำหนักโลหะ กวาดมองไปทั่วบริเวณ

ครั้นจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์หลายคนถูกสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอมองเห็น ต่างหวั่นใจขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

เมื่อสายตาเลื่อนไปเห็นชายหนุ่มอายุสามสิบกว่าปีผู้หนึ่ง ชายหนุ่มก็หยุดมองเล็กน้อย

ชายหนุ่มผู้นั้นสัมผัสได้ถึงสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ รู้สึกเย็นเยียบไปทั่วทั้งร่าง

แขนขวาที่เคยถูกตัด และได้กลับมาอย่างยากลำบาก ทว่าก็ไม่อาจใช้งานได้อีก ครั้งนี้เหมือนกับเกิดความเจ็บปวดขึ้นมา

แต่ว่าเขายังยืดอกขึ้น “เยี่ยนจ้าวเกอ!”

เป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนหนุ่มสาวของตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวบนอัสนีพิภพ ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้โดดเด่นในหมู่จอมยุทธ์อายุน้อยของตำหนักอัสนีสวรรค์ เยี่ยนส่าน

เขาเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งจริงๆ ในอดีตถูกเยี่ยนจ้าวเกอตัดแขนขวา ถึงจะแม้จะได้แขนกลับมา ทว่ามือขวาไม่อาจใช้สู้กับใครได้อีก

เยี่ยนส่านอาศัยความแน่วแน่ ฝึกฝนกระบี่ด้วยมือซ้ายจนสำเร็จ และยังคงเป็นอัจฉริยะในคนรุ่นราวคราวเดียวกันของตำหนักอัสนีสวรรค์

แต่ชีวิตของเขาช่างน่าเศร้า หลิวโจว คุณชายฟ้าคำรน คู่แข่งในวันวานสลัดเขาทิ้งไว้เบื้องหลัง ต่อให้เขาแขนไม่ขาดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายอยู่ดี

ต่อให้ตอนนี้หลินโจวจะตายไปแล้ว กระนั้นปัจจุบันเขาก็ยังคงสู้กับหลินโจวก่อนตายไม่ได้

ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอที่เกิดจากตระกูลเยี่ยนบนเกาะนภากาลาง และตัดแขนของเขา สร้างความเกลียดชังเข้ากระดูกให้กับเขา บัดนี้ยืนอยู่ในระดับที่เขาไม่อาจเอื้อมถึงอีกแล้ว

ก่อนหน้านี้ผนึกทะเลตะวันออกสมบูรณ์ เยี่ยนจ้าวเกอติดอยู่ด้านใน หากคำนวณตามเหตุผลแล้วน่าจะตายอย่างแน่นอน

พวกเยี่ยนส่านยินดีเกินบรรยาย ต่างหัวเราะร่า “ในที่สุดตัวหายนะก็ตายแล้ว!”

แต่ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอกลับมายืนอยู่ด้านหน้าพวกเขาอีกครั้ง อีกทั้งยังแข็งแกร่งจนพวกเขาคาดไม่ถึง

มหาปรมาจารย์ขั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้าย!

อีกทั้งยังสังหารผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักอัสนีสวรรค์ ซึ่งเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นสิบ ขั้นบรรลุธรรมได้อย่างง่ายดาย!

เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนส่านแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างสงบนิ่งว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้ข้าไม่สนใจจะเอาเรื่องเจ้า คนที่ข้าต้องการคิดบัญชีคือตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวบนอัสนีพิภพ”

“ตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะนภากลางของข้าเคยถูกลอบโจมตีระหว่างทางที่ไปถึงนภาพิภพ คนในตระกูลรวมถึงท่านตาและท่านย่าของข้าล้วนบาดเจ็บล้มตายมากมาย เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทุกคนล้วนรู้ดี”

เยี่ยนส่านกลั้นหายใจ “เจ้า…”

สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอสั่นไหว “อ้อ…กลับมาแล้ว”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกปรากฏตัวขึ้นด้านข้างเยี่ยนจ้าวเกอโดยไม่มีลางบอกเหตุ ในดวงตาข้างหนึ่งของมันพลันสาดแสงสว่างออกมา ประกอบกันเป็นโลกมายาเงาอยู่แสงกลางอากาศ

ในโลกมายา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกปรากฏตัวด้านบนบ้านที่เหมือนกับคูเมืองแห่งหนึ่ง

เยี่ยนส่านที่อยู่ในตำหนักอัสนีสวรรค์เบิกตาโพลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

นั่นคือบ้านเก่าของตระกูลเยี่ยนบนเกาะจ้าว!

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเหยียบเท้าลง ฝ่าเท้าเหมือนกับใหญ่ขึ้นเหลือประมาณ เหยียบบ้านของตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าวไว้

บนตัวบ้านคล้ายมีลวดลายค่ายกลสว่างขึ้น แต่กลับเหมือนลูกไฟที่ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง ถูกเหยียบพินาศในชั่วพริบตา

ประมุขตระกูลและผู้อาวุโสในตระกูลเยี่ยนแห่งเกาะจ้าว ซึ่งเป็นยอดฝีมือในตระกูลถูกบดขยี้ตายทั้งเป็น!

เยี่ยนส่านตกตะลึงเป็นไก่ไม้

จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ที่เหลือรู้สึกหวาดกลัว

เยี่ยนจ้าวเกอมีใบหน้าสงบนิ่ง “ครั้งนี้เป็นการคิดบัญชีทั้งหมด ไม่ว่าใครก็หนีไม่รอด”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ด้านข้างก้าวออกมาก้าวหนึ่ง เหยียบลงไปในทะเลสายฟ้า

สายฟ้ามากมายพุ่งลงด้านล่างพร้อมกัน ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกลับเหมือนไม่เห็น บนร่างของมันปรากฏเกล็ดน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่เหมือนทะเลจำนวนมาก กลายเป็นทะเลน้ำแข็งกว้างใหญ่ไพศาลลอยอยู่เหนือศีรษะในชั่วพริบตา

ทะเลสายฟ้าด้านบนพุ่งลงมากระทบใส่ทะเลน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง ต่างฝ่ายต่างปะทะกัน

สายฟ้าระเบิดออก น้ำแข็งละลาย คลื่นทะเลซัดสาดไม่หยุดหย่อน

มีสายฟ้าบางสายทำลายทะเลน้ำแข็งที่เป็นอุปสรรคแล้วพุ่งลงมาได้ แต่กลับเหลือพลังเพียงน้อยนิด ไม่ได้มีสภาวะน่ากลัวชนิดทำลายฟ้าทำลายดินเหมือนก่อนหน้านี้

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกวูบไหวร่าง รวดเร็วเหมือนเงามายา สายฟ้าที่กระจัดกระจายจึงไม่กระทบโดนตัวมัน

ครั้นมาถึงด้านบนประตูตำหนักอัสนีสวรรค์ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ต่อยหมัดลง เหมือนกับคุนเผิงบินลงจากฟ้า นกเผิงกลายเป็นปลาคุน พุ่งลงสู่ผิวทะเล

ตำหนักหลักของตำหนักอัสนีสวรรค์ หนึ่งในหกแดนศักดิ์สิทธิ์ของแปดพิภพ พังทลายอย่างสะเทือนเลือนลั่น!

เยี่ยนจ้าวเกอไพล่สองมือไว้ด้านหลัง เห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น “อ้อ เฉินลี่ไม่อยู่หรือ?”

มีผู้อาวุโสตำหนักอัสนีสวรรค์กระอักเลือดออกมา “ถ้าหากท่านเจ้าตำหนักอยู่ที่นี่ ไหนเลยจะยอมให้เจ้าสามหาวถึงเพียงนี้!”

ชายหนุ่มหัวเราะ แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกหวั่นใจ หันไปมองที่ไกลออกไปโดยพลัน “โอ้ กลับมาแล้ว”

ไกลออกไปมีเสียงสายฟ้าดังสะท้านแก้วหู ฟ้าดินทั้งหมดเหมือนกับกำลังสั่นไหวเพราะมัน

วินาทีถัดมา ชายชราหัวล้าน ไว้เคราแพะสีม่วงไว้ที่กรามล่างเป็นกระจุกปรากฏขึ้นบนตำหนักอัสนีสวรรค์ เป็นเจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์ เฉินลี่!

เฉินลี่มองเยี่ยนจ้าวเกอ และมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างราบเรียบ “หนีจากปฐพีพิภพไปกลางคัน ทำร้ายอาจารย์ปู่ของข้า ทำร้ายอาจารย์ลุงสองของข้า ทำร้ายทุกๆ คน เฉินลี่ เจ้าหนีเก่งนักไม่ใช่หรือ ครั้งนี้เหตุใดไม่หนี วกกลับมาด้วยเหตุใด?”

ความสนใจของเฉินลี่อยู่บนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ครั้นได้ยินคำถามของชายหนุ่มก็พลันกวาดสายตามองอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปหาผู้ช่วยเช่นนี้มาจากที่ใด แต่ตำหนักอัสนีสวรรค์ของข้าไม่อนุญาตให้เจ้ามาอาละวาด”

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่? คิดจะไต่ถามข้าต่อหน้า เจ้ามีสิทธิ์อะไร?”

ชายหนุ่มมองเฉินลี่ พลันยิ้มขึ้น “สำนักมีข้อจำกัดของสำนัก การให้รางวัลและลงโทษต้องประกาศอย่างยุติธรรมและตรงไปตรงมา ระหว่างศิษย์ร่วมสำนักข้ายังมีความอดทนฟ้องร้อง ส่วนคนนอกสำนักนั้น…”

“นินทา ใส่ร้าย ทำร้ายข้า ข้าจะฆ่าเจ้า ใครจะมีความอดทนไต่ถามจากเจ้ากัน?”

ขณะที่พูด ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลายเป็นลำแสงสว่างวาบ ไปถึงด้านหน้าเฉินลี่ในชั่วพริบตา ก่อนจะต่อยหมัดออกไป!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset