ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 578 ร่างแยกของข้าไม่ใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอที่หายไปเป็นเวลานาน จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ทั้งยังมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ติดตาม และมีวังฝูงมังกรคอยปกปักษ์ อยู่เหนือความคาดหมายของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง

แต่หวงซวี่ยังลงมืออย่างเด็ดขาด เขากล้าลงมือย่อมเป็นเพราะผู้สนับสนุนมากพอ

ถึงจะเสียบรรทัดสุริยันวัดสวรรค์ไป แต่ขวานจามสวรรค์ก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน แม้ว่าจะได้รับความเสียหาย ปัจจุยันยังไม่ได้รักษาและซ่อมแซมเรียบร้อย แต่ว่าได้ปราณวิญญาณฟื้นฟูกลับมาแล้ว หวงซวี่เองก็ค่อยๆ คุ้นเคยกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้แล้วด้วย

ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แปลกหน้าผู้นั้น หรือว่าวังที่ดูแปลกประหลาด ในตอนนี้ถูกจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์จากสำนักแสงสว่างควบคุมไว้

คนในเขากว่างเฉิงถูกขวางไม่ให้ออกมา

หากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แปลกหน้าผู้นั้นกล้ามอบเกราะเหมันต์ทระนงให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอ ร่างกายของเขาจะต้านทานผู่เจี๋ยไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีขวานจามสวรรค์อยู่ในมือ หวงซวี่ย่อมมีความมั่นใจว่าจะจัดการเยี่ยนจ้าวเกอที่ยังมีพลังอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ได้ ดังนั้นเขาจึงลงมือด้วยความแน่วแน่

ถึงจะทำให้หยางจ่านหัวและผู่เจี๋ยไม่พอใจ กระนั้นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เพื่อไม่ให้ผู้ใดมาดูแคลนได้

ดังนั้น หวงซวี่จึงลงมือ และต่อจากนั้น…

จากนั้นเขาก็งงงวย

จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็งงงวยเช่นกัน

แม้แต่ผู่เจี๋ยที่ต่อสู้กับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่ก็ยังตกตะลึง

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ถูกไม้ไผ่ฟาดกระเด็น?

นั่นจะยังเป็นไม้ไผ่ได้อีกหรือ?

หรือว่าจะเป็นของวิเศษที่มีความพิเศษบางอย่าง?

เพราะซ่อนความสามารถ ดังนั้นจึงไม่เห็นความพิเศษจากภายนอก?

แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร นอกจากแสงสีม่วงจางๆ แล้ว ก็เห็นเป็นเพียงกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

ไม่ปรากฏปราณวิญญาณ ไม่มีพลังที่เป็นเอกลักษณ์ ต่อให้กระทบกับขวานจามสวรรค์ ในพริบตาที่ฟาดขวานจามสวรรค์กระเด็น ก็ยังไม่อาจรู้สึกได้ถึงความมหัศจรรย์ใดๆ

ทว่าไม้ไผ่ธรรมดานี้กลับกดดันอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขวานจามสวรรค์ และทำลายอาวุธวิญญาณชั้นสูงเสื้อคลุมเก้าตะวันของหวงซวี่ได้ในครั้งเดียว

เสื้อคลุมเก้าตะวัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของเจ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

ปกติแล้วบรรทัดสุริยันวัดสวรรค์จะอยู่ในมือของยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนัก ใช่ว่าเจ้าสำนักจะใช้ได้ ส่วนเสื้อคลุมเก้าตะวันชิ้นนี้เป็นตัวบ่งบอกสถานะของเจ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

ทว่าในตอนนี้กลับถูกไม้ไผ่ที่ดูธรรมดา ฟาดทำลายในครั้งเดียว!

หวงซวี่อ้าปากตาค้าง รู้สึกด้านหน้ามืดมิด เกือบจะหล่นลงไปเบื้องล่าง

‘เด็กน้อยผู้นี้ประหลาดนัก!’ ผู่เจี๋ยมองไม้ไผ่สีเขียวในมือเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็มองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ด้านหน้าตน จิตใจพลันสั่นสะท้าน ‘จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ไม่มีความคิดของตัวเอง เป็นร่างแยกที่เด็กน้อยผู้นี้หลอมขึ้น!’

‘จอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์หลอมจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นร่างแยกหรือ?!’

ผู่เจี๋ยสูดหายใจลึก ตั้งใจพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกออีกรอบ ก่อนจะตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม ‘อายุจริงๆ ใกล้เคียงกับรูปลักษณ์ภายนอก ทว่าอายุน้อยถึงเพียงนี้กลับเป็นมหาปรมาจารย์รูปญาณแล้ว!’

เขาสงบจิตใจ ประกายกระบี่ปรากฏสภาวะยิ่งใหญ่ โจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอ

“เด็กน้อย ข้าจะดูว่ากระบองไม้ไผ่ของเจ้า จะทำลายกระบี่บนมือข้าได้หรือไม่?”

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแค่นเสียง ในมือพลันปรากฏหอกสีทองอร่ามเล่มหนึ่ง บนตัวหอกล้วนเป็นเกล็ดมังกร

ทันทีที่มันแทงหอกออก ฝูงมังกรก็ร้องคำราม!

หลังจากได้รับศพมังกรจำนวนมากจากในสุสานมังกร กอปรกับมีร่างแยกจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่ด้วย วิชาหลอมอาวุธของเยี่ยนจ้าวเกอจึงได้แสดงความสามารถอีกครั้ง

อาวุธศักดิ์สิทธิ์หลอมยาก แต่ว่าการหลอมอาวุธวิญญาณชั้นสูงในเวลาสั้นๆ กลับเป็นเรื่องปกติ

หอกของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่ใช่อาวุธวิญญาณชั้นสูง แต่เป็นแบบจำลองของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ถึงจะยังไม่ได้เป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีอานุภาพไร้เทียมทาน

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่สวมเกราะเหมันต์ทระนง เมื่อมีหอกอยู่ในมือ พลังย่อมเหนือกว่าตอนที่มีแค่มือเปล่ามากนัก

กระบวนท่าคุนเผิงสยายปีก ทำลายทางช้างเผือกที่กำลังส่องประกายกระบี่สีเขียวมรกตในทันที คมหอกพุ่งตรงใส่หน้าผากของผู่เจี๋ย

ผู่เจี๋ยตกใจ ชักกระบี่กลับมาป้องกันคมหอกอย่างหวาดเสียว

ในขณะเดียวกัน หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอกดดันขวานจามสวรรค์กลับไปแล้ว ชายหนุ่มก็หมุนกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้ากลางอากาศ ก่อนจะฟาดใส่กระบี่ในมือของผู่เจี๋ย

พลังยิ่งใหญ่ของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์บนตัวผู่เจี๋ย ถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกและเกราะเหมันต์นระนงกดดันจนไม่อาจแสดงความสามารถ ได้แต่มองเยี่ยนจ้าวเกอฟาดกระบี่ซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณชั้นสูงในมือแตกเป็นสองส่วนตาปริบๆ!

“ข้าว่าทำลายได้” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ไม้ไผ่ของข้าไม่อาจใช้สู้กับคนได้ แต่เมื่อใช้สู้กับของวิเศษ จะมากจะน้อยก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง”

คำพูดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เบื้องหน้าของหวงซวี่มืดมิดอีกครั้งเท่านั้น แม้แต่ผู่เจี๋ยยังคับข้องใจจนแทบกระอักเลือด

จะมากจะน้อยก็มีประโยชน์อยู่บ้าง?

กดดันอาวุธศักดิ์สิทธิ์ให้ถอย ทำลายอาวุธวิญญาณชั้นสูงในคราวเดียว!

ผู่เจี๋ยสูดหายใจลึก หันไปมองหวงซวี่ ตวาดเสียงดุดัน “เอาขวานนั่นมาให้ข้า”

หวงซวี่ยามนี้ไม่คิดเก็บไว้อีก เขาตอบรับอย่างรีบร้อน

ทว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอพุ่งมาอีกครั้ง มันขวางหอกเกล็ดมังกรในมือไว้ระหว่างคนทั้งสอง

สายตาของผู่เจี๋ยเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ “เจ้าคิดว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งเพียงคนเดียวจะขัดขวางพวกเราได้จริงๆ หรือ?”

ทั่วทั่งร่างของเขามีแสงสว่างสีเขียวมรกตพรั่งพรูออกมา กลายเป็นกระบี่จิตราที่เหมือนกับมรกต จับตัวกันจนจับต้องได้ เผยประกายคมกริบ ตัวมันเองแข็งแกร่งคล้ายไม่อาจทำลาย

กระบี่จิตราพาดผ่านท้องฟ้า บริเวณที่ประกายสีมรกตไปถึง อากาศจับพลันตัวกัน จากนั้นก็แตกสลาย!

แต่เขากลับพบว่า ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้รุกเข้ามาโจมตี เพียงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ในจุดลมปราณทั่วร่างมีแสงสว่างหลายสายไหลออกมา

ทะเลน้ำแข็งหมื่นลี้จับตัวกันเหนือศีรษะของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก และมีมังกรน้ำแข็งมากมายล่องลอยอยู่กลางทะเลน้ำแข็งนั้น

คุนเผิงขนาดมหึมาตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากทะเลลึก กลายเป็นนกเผิงขนาดใหญ่

แต่ว่าขณะที่เงาแสงวูบไหว คุนเผิงตัวนี้กลับแยกเป็นสอง

ปลาคุนดำลงไปในน้ำอีกครั้ง ส่วนนกเผิงกระพือปีกกลางอากาศ

สภาวะพลังของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าจะไม่มีเกราะเหมันต์ทระนงคอยคุ้มกัน แต่ก็ไม่ทำให้ผู่เจี๋ยได้เปรียบ

“ขอปรับความเข้าใจผิดของๆ ท่านสักข้อ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ร่างแยกของข้าไม่ใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง”

ได้รับวรยุทธ์ระดับสุดยอดมากมาย กอปรกับยังฝึกฝนสำเร็จ พัฒนาขึ้นมากกว่าหนึ่งขึ้น

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ มันหลอมรวมลมปราณของซากมังกรในสุสานมังกรเข้าไปในร่าง

หลังจากที่เข้าใจพลังอันยิ่งใหญ่และวรยุทธ์ของตัวเองอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง!

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกใช้สองมือกำหอกเกล็ดมังกร แล้วแทงหอกออก นกเผิงและปลาคุนโจมตีพร้อมกัน ทะเลน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่ติดตามมา ทำลายกระบี่จิตรามรกตที่ผู่เจี๋ยใช้เป็นผุยผง!

ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกตวาด แทงหอกมาอีกครั้ง กดดันจนผู่เจี๋ยต้องถอยหลัง

หวงซวี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งตื่นตระหนก

ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจ คิดว่าตัวเองใจร้อนเกินไป

แต่ว่าเมื่อเห็นวังฝูงมังกรเบื้องหน้าสั่นไหว ใกล้จะจำกัดหยางจ่านหัวกับมงกุฎตะวันฟ้าสางไม่ได้อีกต่อไป หวงซวี่ก็ใจชื้นขึ้น

เขาถอยร่นไปก่อน

ขอแค่รอหยางจ่านหัวกับมงกุฎตะวันฟ้าสางหลุดจากการคุมขัง แล้วร่วมมือกับผู่เจี๋ย สภาพการณ์การต่อสู้จะพลิกกลับทันที

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงด้านหน้าหวงซวี่ในก้าวเดียว ก่อนจะฟาดไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าในมือลง ทำเอาเขาเกือบจะถือขวานจามสวรรค์ไว้ไม่ไหว

เยี่ยนจ้าวเกอมองหวงซวี่ ก่อนจะยิ้มอย่างเย็นชา “จริงด้วย ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ทำลายไปเจ้าก็ไม่เสียดาย”

เขาวาดไม้ไผ่ในมือเป็นวง การเคลื่อนไหวที่แข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล

ไม้ไผ่กระทบกับขวาน หยุดขวานจามสวรรค์ไม่ให้เคลื่อนไหว

สีหน้าของหวงซวี่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ไม้ไผ่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอชะงักเล็กน้อย แยกขวานจามสวรรค์ไปไว้ด้านข้าง

จากนั้นเขาก็ชูมือซ้ายขึ้นสูง แล้วฟาดใส่หวงซวี่ทันที!

หวงซวี่แค่นเสียง ผลักฝ่ามือเข้าปะทะ

แท่นสักการะที่เหมือนกับเจเดีย์และแท่นพิธีตั้งตรง สาดแสงอาทิตย์เจิดจ้า ดวงอาทิตย์สีทองแปดดวงลอยขึ้นพร้อมกัน

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอเอียงฟ้าด้วยหนึ่งฝ่ามือ ใช้กระบวนท่ารอยตราพลิกนภาทำลายดวงอาทิตย์สีทอง ไปพร้อมกับแท่นสักการะค่ายกลอาคม!

เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วันนี้ ตะวันตกดินแล้ว”

สภาวะฝ่ามือที่น่ากลัวม้วนแสงสีทองที่แตกสลายให้พุ่งลงด้านล่าง เหมือนกับท้องนภาพังทลาย ดวงอาทิตย์ดับสิ้น

หวงซวี่ถลึงตา ถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้ฝ่ามือพลิกนภาฟาดจนสมองเหลวแหลก!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset