ยอดฝีมือสำนักแสงสว่างลงมา มีพลังมากพอจะทำลายแปดพิภพได้
สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์์คิดว่าสถานการณ์ใหญ่ถูกกำหนดไว้แล้ว ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปยังนภาพิภพจึงแจ้งทั้งใต้หล้า เชิญชวนให้ผู้คนไปยังเขากว่างเฉิง
ในเมืองทะเลมรกต ผู้อาวุโสเมืองทะเลมรกตเช่นพวกเฒ่าอวี๋ต่างมีจิตใจหนักอึ้ง
“โลกซ้อนโลกอะไรนั่นเป็นเช่นนี้จริงๆ หรือ?”
“เกรงว่าจะไม่ได้โกหก ไม่เช่นนั้นสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คงกลายเป็นตัวตลกของใต้หล้า”
“พวกเขาอาจจะใช้แผนลวงศัตรู ตั้งใจรบกวนพวกเรา จากนั้นก็ลอบโจมตี ความจริงเป้าหมายคือเมืองทะเลมรกตของเราหรือไม่ก็เขาไร้พรมแดน”
“ท่านเจ้าเมืองและกระบี่สัตยาทะเลมรกตไม่อยู่ พวกเราคอยเฝ้าค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด ขนาดรักษาตัวยังไม่รอด คิดจะออกไปสนับสนุนเขากว่างเฉิงเกรงว่าจะมีกำลังไม่พอ”
“ถ้าหากข่าวเป็นจริง การกระทำของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็เพื่อข่มขวัญผู้กล้าในใต้เหล้า กำหนดตำแหน่งปกครองที่เด็ดขาดของพวกเขาบนโลกแปดพิภพในวันหน้า”
เขากว่างเฉิงพังทลาย พวกเยี่ยนตี๋และซ่งอู๋เลี่ยงที่อยู่ในผนึกทะเลตะวันออกถูกกำจัด หวงกวงเลี่ยกลับมาสำเร็จ ต่อจากนั้นต่อให้ยอดฝีมือของสำนักแสงสว่างจะถอยหรือไม่สอดมืออีก สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีความมั่นใจว่าจะสั่นสะเทือนใต้หล้าได้”
ภัยพิบัติครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้ ความเสียหายของเมืองทะเลมรกตจัดอยู่ในแถวหน้าของแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหก ปัจจุบันเหลือยอดฝีมือเพียงไม่กี่คน ปัจจุบันพอได้ยินข่าวเช่นนี้ต่างรู้สึกสิ้นหวัง
เฒ่าอวี๋เป็นผู้อาวุโสมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมของเมืองทะเลมรกตที่รอดชีวิตมาได้ เขาถอนใจ “ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว มีข่าวบอกว่าเฉินลี่แห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ออกสำนัก ไม่ทราบว่าไปยังเขากว่างเฉิง หรือรับมือพวกเรา พัวพันถึงหอคลื่นโหม”
คนในเมืองทะเลมรกตต่างมีสีหน้าตึงเครียดถึงขีดสุด
ในตอนนั้นเอง พลันมีคนในสำนักมาขอพบพวกเฒ่าอวี๋ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“ท่านอาจารย์ปู่ อาจารย์ลุง อาจารย์อา เมื่อครู่เพิ่งได้รับข่าวว่า…ตำหนักอัสนีสวรรค์ถูกทำลายแล้ว!”
พวกเฒ่าอวี๋ตกใจ “เจ้าว่าอะไร?”
คนที่พูดมีสีหน้าไม่อยากเชื่อเช่นกัน “เฉินลี่ เจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีเขียวถูกสังหารตายคาที่”
คนในเมืองทะเลมรกตรู้สึกเหลือเชื่อ พวกเยี่ยนตี๋ยังติดอยู่ในผนึกทะเลตะวันออกไม่อาจออกมาได้ ในปัจจุบันโลกแปดพิภพไม่น่าจะมีผู้ใดโค่นล้มตำหนักอัสนีสวรรค์
“ใครเป็นคนทำ?” ผู้อาวุโสเมืองทะเลมรกตคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน “หรือว่าจะเป็นคนของสำนักแสงสว่างที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์พามาทำลายตำหนักอัสนีสวรรค์? แต่นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้”
จอมยุทธ์เมืองทะเลมรกตที่รยงานกลืนน้ำลาย ลดเสียงพูดด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาดสุดขีด “ได้ยินมาว่าเป็น…เยี่ยนจ้าวเกอ”
“ใครนะ?!”
“‘ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า’ เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิง!”
ในตัววิหารเงียบงันราวกับความตาย
…
ในช่วงเวลานี้ หอคลื่นโหมไม่ได้สุขสงบเหมือนเช่นในอดีต
ณ ชั้นสูงสุดบนยอดหอ สตรีรูปร่างสูงชะลูด หน้าตาธรรมดา แต่มีบุคลิกล้ำเลิศผู้หนึ่ง ในตอนนี้กำลังพิงรั้วมองไปไกล
ด้านหลังของนางยืนไว้ด้วยยอดฝีมือระดับสูงของหอคลื่นโหม ทุกคนมีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย
วันนี้พวกเขาได้รับข่าวสารที่น่าตื่นตระหนกมากเกินไป
การปรากฏตัวของโลกซ้อนโลกและสำนักแสงสว่างทำให้คนเกิดความรู้สึกต้องกลั้นหายใจ เขากว่างเฉิงเผชิญหน้ากับกองทัพใหญ่ ต่อจากนี้หอคลื่นโหมจะทำอย่างไรทุกคนต่างมีความเห็นต่างกันออกไป
แต่ข่าวต่อมากลับเป็นลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอทำลายตำหนักอัสนีสวรรค์ ฆ่าเฉินลี่ ‘ฟ้าคำรนแปดทิศ’ ตายคาที่
หลังจากที่ยืนยันได้ว่าข่าวไม่ผิดพลาด ทุกคนรวมถึงผู้คุมหออันชิงหลินต่างก็งงงัน
ลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิงเยี่ยนจ้าวเกอ คำว่า ‘ลูกศิษย์’ ควรจะตัดทิ้งไป เยี่ยนจ้าวเกอแห่งเขากว่างเฉิงเป็นคนหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้น เขาทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้ได้จริงๆ หรือ?
ถึงแม้จะทราบอยู่แล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ธรรมดา ทุกคนรับวีรกรรมอันน่าอัศจรรย์มากมายในหลายปีมานี้ของเยี่ยนจ้าวเกอได้ แต่ว่าข่าวในครั้งนี้ยังทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อ
เพียงแต่ทั้งหมดก็มีความรู้สึกว่าเป็นการใช้น้ำแก้วหนึ่งดับรถติดไฟ อันตรายที่เขากว่างเฉิงต้องเผชิญในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตำหนักอัสนีสวรรค์จะเทียบได้
ถ้าหากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้คุยโต นั่นก็เป็นขุมพลังอันแข็งแกร่งที่ต่อให้โลกแปดพิภพร่วมมือกันก็ยังรับมือไม่ได้
ก่อนหน้านี้ทะเลตะวันออกและปฐพีพิภพเกิดความปั่นป่วนขึ้น โลกแปดพิภพที่อยู่ในสถานการณ์ง่อนแง่น ผ่านมาได้อย่างยากลำบาก
แต่ว่าถ้าหากขุมพลังเช่นสำนักแสงสว่างที่ลงมายังแปดพิภพต้องการทำลายที่นี่ เช่นนั้นก็จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาบนโลกใบนี้ อีกทั้งยังเป็นหายนะที่ไม่อาจต่อต้าน
“ท่านผู้คุมหอ พวกเราไม่ทำอะไรเช่นนี้ต่อไป เพียงรอคอยหรือ?” มีคนส่งเสียงถาม
ผู้อาวุโสหอคลื่นโหมอีกคนถามย้อนว่า “ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้กระมัง? สองฝ่ายแตกต่างกันเกินไป”
คนที่กล่าวเป็นคนแรกกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เป็นเพราะแตกต่างกันมากเกินไปจึงต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นรายต่อไปต่อจากเขากว่างเฉิงอาจจะเป็นเมืองทะเลมรกตกับเขาไร้พรมแดน หรือไม่ก็หอคลื่นโหมของเรา”
อีกฝ่ายดวงตาสั่นสะท้าน “หรือว่าเจ้า…”
คนผู้นั้นพยักหน้า “สภาวะแข็งแกร่งกว่าคน ไม่อาจไม่ก้มหัว สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทำได้ พวกเราใช่ว่าทำไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเราอาจจะลองชิงตำแหน่งของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้”
ทุกคนตื่นตระหนก สีหน้าแตกต่างกัน มีคนไม่ยอม มีคนโกรธแค้น มีคนลังเล มีคนเห็นด้วย มีคนจมลงสู่ห้วงคิด
ผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลินเงียบงันมาโดยตลอด
ในตอนที่ทุกคนโต้เถียงกันพลันมีข่าวส่งมา
ลำแสงสายหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ อันชิงหลินยื่นมือไปแตะเบาๆ สีหน้าเคร่งขรึม ลำแสงสลายไป จับตัวกันกลายเป็นข้อความตอนหนึ่ง
หลังจากเห็นเนื้อหาในข้อความแล้ว ทุกคนต่างก็เงียบลง บนใบหน้าปรากฏความตกตะลึงพรึงเพริด มีแต่ความรู้สึกเหลวไหล
แม้แต่อันชิงหลินยังอ้าปากตาค้าง “ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามสามคน ขั้นสองสองคน ถูกเขากว่างเฉิงกำจัดทิ้ง สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกล้างสำนัก?!
“ไม่…ไม่ได้ถูกเขากว่างเฉิงกำจัด แต่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอทำลาย?”
ทุกคนได้สติกลับมาอย่างยากลำบาก มองหน้ากันเอง ปฏิกิริยาแรกต่างเป็นความรู้สึกไม่ถูกต้อง
มีคนออกคำสั่งลงไปทันที เพื่อพิสูจน์ความจริงของข่าว
แต่ไม่ว่าจะตรวจสอบกี่ครั้ง ข่าวล้วนเหมือนกัน
ยอดฝีมือแห่งหอคลื่นโหมประมวลข่าวนี้อย่างยากเย็น จิตใจไม่ได้ผ่อนคลายลง กลับหนักอึ้งมากขึ้น
มีบางคนเกิดความหวาดกลัวในใจ ‘ทำได้อย่างไรกัน? แม้แต่ตัวตนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นยังถูกกำจัดทิ้งได้ เขากว่างเฉิง เยี่ยนจ้าวเกอ น่ากลัวถึงขนาดไหนกันแน่?”
เยี่ยนจ้าวเกอ คนหนุ่มที่อายุเพียงยี่สิบกว่าปีผู้นั้น แท้จริงแล้วมีพลังถึงขนาดไหน?
มีคนพึมพำ “หัวข้อประชุมก่อนหน้าไม่นับว่าผิด เพียงแต่เป้าหมายในการพูดคุยเปลี่ยนคนเท่านั้น ประเด็นสำคัญก็คือ ต่อจากนี้สำนักของพวกเราจะทำอย่างไรกันดี…”
ทุกคนต่างเงียบเสียงลง
…
เขาไร้พรมแดน เจ้าสำนักฉู่เหยียนที่อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี และเข้าฌานพักรักษาตัว ครั้งนี้พลันออกฌานมา
เขามีสีหน้าซับซ้อน พวกผู้อาวุโสแห่งเขาไร้พรมแดนด้านหน้าก็เป็นแบบเขาเช่นกัน
ทุกคนไม่ได้พูดอะไร
เนิ่นนานให้หลัง ฉู่เหยียนที่สีหน้ายังคงซีดขาวและอิดโดรลุกขึ้นยืน “ติดต่อเขากว่างเฉิง ข้าเตรียมจะไปคารวะ”
มีคนเตือน “ท่านอาจารย์อาเจ้าสำนัก อาการบาดเจ็บของท่าน…”
ฉู่เหยียนพูดอย่างเชื่องช้า “ข้ายังพอขยับได้ ตอนนี้ต่อให้ขยับไม่ได้ แต่ถ้าหากยังมีลมหายใจ แม้ต้องหามข้า ก็ต้องไปเขากว่างเฉิง”