ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 1049 ภูตยักษ์รากษส

“นี่มันเสียงอะไร!”

หลิ่วหมิงขยับร่างถอยหลังหลายก้าว ใบหูสองข้างฉับพลันขยับเบาๆ ตั้งสมาธิเงี่ยหูฟัง

“โฮก”

เสียงคำรามยาวดุร้ายอย่างยิ่งดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ชัดกว่าเดิมมาก!

ครั้งนี้ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ด้านนี้ ส่วนใหญ่ล้วนหยุดการโจมตี

พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนกับผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินและผีแม่ทัพใหญ่ผมทองต่างก็หยุดมือด้วย พวกเขาทยอยหันศีรษะไปมองทิศทางที่เสียงดังขึ้น

“เสียงนี่…หรือว่า…” บุรุษร่างใหญ่ที่สะพายหินอยู่บนแผ่นหลังจากนิกายปีศาจลี้ลับ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที บนใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดจางๆ ออกมา

ท้องนภาไกลออกมาปรากฏจุดสีดำจุดหนึ่ง จากนั้นมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กำลังเหาะมาทางป้อมปราการไท่เทียน!

แรงกดดันจิตวิญญาณอันบ้าคลั่งถาโถมเข้ามาถึง!

“ลมปราณสายนี้ไม่ด้อยกว่าพลทหารสวรรค์แสงทองเลย…” แววตาของหลิ่วหมิงเปล่งประกาย แต่ไม่ได้เผยสีหน้าคาดไม่ถึงออกมามากนัก

ยอดฝีมือระดับดาราพยากรณ์ทั้งหกบนท้องฟ้าเหมือนจะรู้ว่าสิ่งที่กำลังมาคือสิ่งใด พวกผู้เฒ่าจมูกแดงสี่คนสีหน้ายินดียิ่ง ส่วนพวกผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินกลับหน้าซีดเป็นสีเทา

พริบตาเดียวเงาดำก็เข้ามาใกล้ มันคือปีศาจอสูรกิ้งก่าขนาดมหึมาไม่เป็นรองพลทหารสวรรค์แสงทองของนิกายยอดบริสุทธิ์ กิ้งก่ามารคลั่งไพ่ก้นหีบของเมืองฝูหมัวนั่นเอง

เหนือหัวของกิ้งก่ามารคลั่ง ค่ายกลสีดำขนาดหนึ่งจั้งกว่าค่ายกลหนึ่งทอแสงสีดำวิบวับอยู่ หญิงงามแซ่ฉียืนอยู่กลางค่ายกลสีดำ ปากพร่ำท่องมนตร์

บนแผ่นหลังมหึมาของกิ้งก่ามารคลั่งเห็นศิษย์ของกองทัพซ่อนมารที่สวมเกราะสีดำอยู่ราวสองร้อยคน

พวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินผีแม่ทัพใหญ่ทั้งสี่ตนที่อยู่อีกด้าน แม้เวลานี้จะโบกธงเมฆดำในมือสุดชีวิต ทว่าแต่ละตนสีหน้าแดงก่ำ เลือดไหลออกมาจากปากและจมูก อาวุธในมือหม่นแสง บางจุดปรากฏร่องรอยเสียหาย

แม้พวกเขาสี่ตนจะพยายามยื้อมนุษย์ทองคำยักษ์ไว้สุดชีวิต แต่เวลานี้ไม่ว่าตนเองหรืออาวุธเวทล้วนถึงขีดจำกัดแล้ว

เมื่อเห็นกิ้งก่ามารคลั่งปรากฏตัว ทั้งสี่ตนก็สบตากันแล้วพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัด ธงสีดำผืนใหญ่ในมือระเบิดกลายเป็นลำแสงสีดำสนิทสี่สายร่วงลงบนร่างมนุษย์ทองคำยักษ์ทันที

พลังยามอาวุธเวททั้งสี่ชิ้นระเบิดตัวเองไม่อาจดูแคลนได้ มนุษย์ทองคำยักษ์ถูกระเบิดจนเซวูบหนึ่ง

ทั้งสี่อาศัยช่องว่างนี้ หมุนตัวเหาะเร็วจี๋ไปไกลอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ส่วนผู้ฝึกฝนของกองทัพผีร้ายหลายพันตนนั่น พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว

ผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินกับผีแม่ทัพใหญ่ผมทองสลัดพวกผู้เฒ่าจมูกแดงแล้วเหาะเร็วจี๋มุ่งไปไกลทันที

แค่พลทหารสวรรค์แสงทองตัวเดียว พวกเขาผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์หกตนพยายามสุดกำลังก็ทำได้เพียงฝืนยื้อเอาไว้ช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้มีสัตว์มารระดับเดียวกันมาอีกตัว ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็รับมือไม่ได้แล้ว

แต่ทั้งหกตนเพิ่งเหาะออกมาได้ไม่ไกล ห่างไปหลายร้อยจั้งเบื้องหน้าก็พลันมีเสียงดังสนั่นมาจากบนผืนดิน เกิดระเบิดขึ้นกะทันหัน พายุทรายพัดฝุ่นดินสีน้ำตาลอ่อนนับไม่ถ้วนขึ้นมา!

ทั้งหกตนตกตะลึง หยุดร่างกายไว้ทันที

พายุทรายสีน้ำตาลอ่อนปิดฟ้าบังตะวัน ปกคลุมท้องนภากว่าครึ่งไว้ด้านใน

ผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินตวาดแผ่วเบาคำหนึ่ง มือพลันเปล่งแสงสีดำ เรียกอาวุธเวทขวานยักษ์สีดำอันนั้นออกมา เงาขวานมหึมาเงาหนึ่งพุ่งเร็วรี่ไปด้านหน้าฟันลงบนพายุทรายสีน้ำตาลอ่อน

ชิ้ง!

สะเก็ดไฟปะทุออกมา พายุทรายสีน้ำตาลอ่อนสั่นไหวแผ่วเบาแต่ไม่เป็นไรแม้แต่น้อย

ผีแม่ทัพใหญ่เกราะเงินสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด

เวลานี้เอง ครืน! เสียงอสนีบาตทุ้มต่ำก็ดังออกมาจากพายุทรายสีน้ำตาลอ่อนอย่างต่อเนื่อง ผืนดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

เงามหึมาดั่งภูเขาน้อยก้าวออกมาจากกลางพายุทราย มันก็คือหุ่นเทพอนธการแห่งเมืองขุ่ยเหล่ยนั่นเอง!

เสียงอสนีบาตทุ้มต่ำนั่นก็คือเสียงฝีเท้าของหุ่นตัวนี้

หุ่นยักษ์ร่างกายใหญ่กว่ามนุษย์ทองคำยักษ์กับสัตว์มารกิ้งก่าอยู่บ้าง บนร่างแผ่แรงกดดันจิตวิญญาณหนักอึ้งออกมา

ด้านหลังหุ่นเทพอนธการมีผู้ฝึกฝนจากกองทัพหุ่นสองถึงสามร้อยคนติดตามมา ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้สิบกว่าคนเป็นหัวหน้า คนที่เหลือส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึก

พวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินหวาดผวาทันที

พลทหารสวรรค์แสงทอง กิ้งก่ามารคลั่ง หุ่นเทพอนธการ ตัวตนที่ใกล้เคียงกับระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์สามตนนี้ยืนคนละมุมล้อมกองทัพผีร้ายไว้ตรงกลาง!

ลมปราณมหาศาลที่ทั้งสามแผ่ออกมาเชื่อมกันเป็นผืนเดียว อากาศในบริเวณร้อยลี้สั่นไหว ท้องนภาที่เดิมทีสีดำทะมึนปั่นป่วนอย่างรุนแรง เกิดพายุหมุนขนาดมหึมาลูกหนึ่งขึ้นมา

นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวของไอเมฆสีดำบนท้องฟ้า แต่เป็นมิติทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ใจกลางพายุหมุน มีรอยแยกมิติเส้นน้อยเส้นแล้วเส้นเล่าปรากฏอยู่ผลุบๆ โผล่ๆ

ในเวลาเดียวกันนี้ลมปราณแห่งฟ้าดินนานาชนิดรอบด้านป้อมปราการไท่เทียนก็ปั่นป่วนราวกับน้ำเดือดไปด้วย

……

ใกล้กับหุบเขามืด หั่วเยี่ยเจินเหรินกับกู่ขุย ผู้มีพลังแข็งแกร่งระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ตัวจริงทั้งสองคนนี้ยังคงลอยประจันหน้ากันนิ่งๆ อยู่กลางท้องฟ้า

หุบเขามืดเกือบครึ่งหนึ่งที่อยู่รอบตัวทั้งสองพังถล่มกลายเป็นเศษหินและซากปรักหักพังหมดสิ้น แต่ทางเชื่อมมิติที่เชื่อมไปยังแผ่นดินจงเทียนถูกไอหมอกสีน้ำเงินปกคลุมอยู่จึงยังปลอดภัยไร้อันตราย

ครู่ต่อมาร่างกายของทั้งสองคนก็สะท้านพร้อมกัน พวกเขาหันหน้าไปมองทางป้อมปราการไท่เทียน

ดวงตาของหั่วเยี่ยเจินเหรินฉายแววยินดี จากนั้นก็ฟื้นกลับมาสงบดุจบ่อน้ำนิ่ง

“พลังอันแข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเจ้าเผ่ามนุษย์ก็ยอมสละทิ้งไว้ในแดนภูตผีแห่งนี้” กู่ขุยเอ่ยอย่างเย็นชา ใบหน้าไม่แสดงสีหน้าตระหนกแต่อย่างใด

“พวกเราสี่ยอดนิกายใหญ่จะทำเช่นไร ไม่ต้องการความเห็นของท่าน” หั่วเยี่ยเจินเหรินเอ่ยเรียบๆ

“หึๆ เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่คิดจะไปจากที่นี่ เวลานี้พลังของเจ้ากับข้าทัดเทียมกัน ใครก็ไม่อาจสลัดอีกฝ่ายวิ่งไปยุ่งสถานการณ์สงครามได้ วันนี้พวกเรารอผลลัพธ์อยู่ที่นี่อย่างสงบจะดีกว่า” กู่ขุยยิ้มเหี้ยมเกรียม

หั่วเยี่ยเจินเหรินแววตาเคร่งขรึม ทันใดนั้นร่างกายก็สะท้านเฮือก หันไปมองทางป้อมปราการไท่เทียนทันที นัยน์ตาทอแสงสีแดงวูบหนึ่ง

“ที่แท้เป็นเช่นนี้ พวกเจ้าถึงขั้นปลุกสิบสองรากษสขึ้นมา!” หั่วเยี่ยเจินเหรินเอ่ยเสียงขรึม

กู่ขุยยืนยกมือไพล่หลัง ใบหน้ายิ้มหยันไม่พูดไม่จา

“แต่สิบสองรากษสมายังดินแดนแห่งนี้ อย่างมากก็มีพลังถึงจุดสูงสุดของระดับดาราพยากรณ์เท่านั้น จะสู้กับระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ทั้งสามตนได้หรือ?” หั่วเยี่ยเจินเหรินเอ่ยเสียงเย็นชา

“ถ้าเช่นนั้นเจ้ากับข้าก็รอดูผลลัพธ์อยู่ที่นี่เถอะ” กู่ขุยเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

……

นอกป้อมปราการไท่เทียน ผีแม่ทัพใหญ่ทั้งหกตนรวมถึงทหารกองทัพผีร้ายเจ็ดพันกว่าตนที่ยืนอยู่เต็มภูเขาและท้องทุ่งถูกพลทหารสวรรค์แสงทอง หุ่นเทพอนธการและกิ้งก่ามารคลั่งล้อมเอาไว้ ทันใดนั้นแสงสีม่วงอ่อนสายหนึ่งที่ไม่รู้ปรากฏขึ้นมาจากที่ใดก็ล้อมพวกมันไว้ตรงกลาง

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คนเผ่ามนุษย์ แสงสีม่วงประหลาดทอแสงระยิบระยับก่อนจะสลายไปในฉับพลัน สิ่งที่หายไปด้วยกันก็คือกองทัพผีร้ายด้านในแสงสีม่วง

พวกผู้เฒ่าจมูกแดงเห็นเช่นนี้ย่อมตกตะลึงจนหน้าถอดสี!

ครู่ต่อมา ห่างออกไปสิบลี้แสงสม่วงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เงากองทัพผีร้ายปรากฏขึ้นท่ามกลางแสงสีม่วงอีกหน

บนท้องฟ้าเหนือกองทัพผีร้าย มีบุรุษวัยกลางคนผู้สวมอาภรณ์สีดำ ใบหน้านิ่งขรึมคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น แผ่นยันต์ที่ทอแสงจิตวิญญาณสีม่วงแผ่นหนึ่งในมือส่งเสียงดัง “ปัง” แล้วแตกสลายไป

“ยันต์เคลื่อนย้ายหมู่!”

ผู้เฒ่าจมูกแดงกวาดสายตาดูครู่เดียวสีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกหน เขาพึมพำกับตนเอง สายตาประหนึ่งดาบ มองประเมินบุรุษวัยกลางคนชุดดำตั้งแต่หัวจรดเท้า

บุรุษวัยกลางคนชุดดำที่ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันผู้นี้ ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแทบจะเหมือนผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ทุกประการ แต่สิ่งที่แผ่ออกมาจากร่างเขากลับเป็นลมปราณระดับดาราพยากรณ์ของแท้ อีกทั้งท่าทางบรรลุจุดสูงสุดของระดับดาราพยากรณ์แล้วอีกด้วย

“ลี่เสวียน!”

พวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินหกตนเห็นเช่นนี้ก็พากันเหาะลงไปข้างกายบุรุษชุดดำอย่างโล่งอกยิ่งนัก

บุรุษชุดดำมองพวกเขาอย่างนิ่งเฉยแล้วพยักหน้าให้อย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นสายตาจึงจับอยู่ที่มนุษย์ทองคำยักษ์ หุ่นเทพอนธการและกิ้งก่ามารคลั่งที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าอึมครึมนิดๆ อย่างที่ยากจะสังเกตเห็น แต่ก็ปกปิดไปอย่างรวดเร็วยิ่ง

ในเวลาเดียวกันนี้ ด้านหลังของกองทัพผีร้ายก็มีลมปราณดุร้ายท่วมฟ้าสายหนึ่งปรากฏ หลังจากนั้นเสียงฝีเท้าหนักอึ้งสั่นคลอนผืนฟ้าสะเทือนผืนดินก็ดังขึ้น ร่างกายมหึมาทยอยปรากฏตัว

มันคือยักษ์สูงถึงหกเจ็ดสิบจั้งตัวหนึ่ง ทั้งร่างสีม่วงคราม ตรงเอวนุ่งกระโปรงหนังสัตว์สีแดงหยาบๆ ผืนหนึ่ง ท่อนบนเปลือยเปล่า

แม้ร่างของมันจะรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่ศีรษะกลับเป็นหัวอสูรดุร้าย ดูเหมือนหัวหนู บนศีรษะมีเขาสีม่วงงอกอยู่เขาหนึ่ง

ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์พันกว่าคนเห็นภาพนี้ก็ส่งเสียงฮือฮาทันที

หลิ่วหมิงเห็นภาพประหลาดตั้งแต่ไกล บนใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาเล็กน้อย

ยักษ์ร่างมนุษย์ใบหน้าอสูรที่ปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันตนนี้ บนร่างแผ่ปราณวิญญาณเย็นยะเยือกประหลาดออกมา แม้ลมปราณเทียบกับมนุษย์ทองคำยักษ์ไม่ได้ แต่ก็พลังก็บรรลุถึงจุดสูงสุดของระดับดาราพยากรณ์

“ภูตยักษ์รากษส!” พวกผู้เฒ่าจมูกแดงบนท้องฟ้าสีหน้าเปลี่ยนไปกันถ้วนหน้า

ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง เสียงฝีเท้าหนักอึ้งดังครืนๆ ด้านหลังกองทัพผีร้ายก็ทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

เงามหึมาร่างแล้วร่างเล่าปรากฏตัวตามกันมาติดๆ เงาพร่ามัวเรียงรายมากถึงสิบสองตน

แต่ละตนล้วนสูงหกเจ็ดสิบจั้ง ใต้ส่วนหัวลงมาเหมือนกับยักษ์หน้าหนูตนนั้นก่อนหน้านี้แทบจะทุกประการ แต่เหนือลำคอขึ้นไปกลับแปลกประหลาด มีกระต่าย มีเสือไปจนถึงมังกร งู วัวและม้า

“นี่มัน…ภูตยักษ์สิบสองรากษส!” ผู้อาวุโสเว่ยแห่งกองทัพแสงทองที่อยู่ด้านบนของมนุษย์ทองคำยักษ์เผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา

แต่พวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินในกองทัพผีร้ายเมื่อเห็นภูตยักษ์ร่างมนุษย์สิบสองตนนี้ปรากฏตัวต่างพากันเผยสีหน้ายินดี

บุรุษชุดดำกวาดสายตามองกองทัพผีร้ายเบื้องล่างแล้วขมวดคิ้วเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม

“กองทัพใหญ่หลายหมื่น ตอนนี้เหลือภูตผีเท่านี้หรือ?”

ผีแม่ทัพใหญ่ทั้งหลายเบื้องล่างได้ยินก็อดไม่ได้มองหน้ากัน แต่ละตนไม่ส่งเสียง

“ช่างเถิด รอจบศึกใหญ่ครั้งนี้ ทุกสิ่งล้วนให้นายท่านจัดการก็แล้วกัน ข้าจะควบคุมสิบสองรากษส พวกเจ้านำกองทัพ จะต้องสังหารผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์เหล่านี้ให้สิ้นซาก สักคนก็ไม่เหลือ!” บุรุษชุดดำเอ่ยเสียงเย็นชา แสงสีม่วงสว่างวาบขึ้นในมือ ทันใดนั้นวงล้อสีม่วงวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา

“เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน!” พวกผู้เฒ่าใบหน้าสีน้ำเงินถอนหายใจ

บุรุษชุดดำท่องมนตร์แผ่วเบาอยู่พักหนึ่งพลันอ้าปากพ่นแสงเรืองรองสีม่วงที่มีอักขระวิ่งวนอยู่ดวงหนึ่งร่วงลงบนวงล้อในมือ

วงล้อเปล่งแสงสีม่วงสว่างจ้าทันที

อึดใจต่อมาร่างกายของสิบสองภูตยักษ์รากษสพลันสั่นสะท้าน เงยศีรษะกรีดร้องโหยหวน!

Related

Comment

Options

not work with dark mode
Reset