หลิ่วหมิงกวักมือข้างหนึ่งเรียกกระบี่ขู่หลุนกลับมา สายตาเฉยชากลอกมองไปอีกด้านหนึ่ง
ผีแม่ทัพอาภรณ์สีดำที่อยู่ไม่ไกลอ้าปากค้างลิ้นพันกัน สีหน้าเหมือนยังตามไม่ทัน
เมื่อสายตาเย็นยะเยือกของหลิ่วหมิงจับบนร่างของเขา เขาจึงได้สติกลับมา แววตาหวาดกลัวในดวงตาฉับพลันเปลี่ยนเป็นแววตาโหดเหี้ยม ร่มสีดำในมือกางออกดังพรึ่บแล้วหมุน เส้นไหมสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากใบร่ม ล้อมหลิ่วหมิงกับแมงป่องกระดูกไว้ข้างใน
พริบตาที่เส้นไหมสีดำปรากฏ เขาพลันหมุนตัว ปราณสีดำหนารอบร่างม้วนตัวเขาเข้าไปไว้ด้านในก่อนจะเหาะหนีออกไปไกล
ดวงตาของหลิ่วหมิงทอประกายเย็นเยียบ สิบนิ้วที่สองมือดีดไม่กี่หน เกลียวปราณกระบี่สีม่วงหลายสายก็พลันดีดออกไปจากปลายนิ้ว แสงสีม่วงส่องสว่างวูบหนึ่ง สายฟ้าหลายสิบเส้นก็เต้นระริกดีดออกมา พริบตาเดียวก่อตัวเป็นตาข่ายแสงอสนีบาตสีม่วงผืนหนึ่ง
อึดใจต่อมา เส้นสีดำเต็มท้องนภาพลันทยอยชนบนตาข่ายสายฟ้า
“เปรี๊ยะ!” เสียงดังลั่น
สายฟ้าสีม่วงทำให้เส้นไหมสีดำสลายกลายเป็นควันดำนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมาจากในตาข่าย
หลิ่วหมิงขยับวูบหนึ่ง ทั้งร่างพลันทะลวงออกมาจากหมู่เส้นไหมสีดำราวกับวิญญาณ แล้วปรากฏตัวหลังผีแม่ทัพอาภรณ์ดำห่างไปสิบกว่าจั้ง มือข้างหนึ่งจี้ดัชนี กระบี่ขู่หลุนพุ่งเร็วจี๋ออกไป แสงกระบี่สีม่วงสว่างวูบวาบกลายเป็นแสงกระบี่ขนาดยี่สิบกว่าจั้งเส้นหนึ่งเหนือศีรษะผีแม่ทัพอาภรณ์สีดำราวกับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา
“สะบั้น!”
เสียงตวาดเหี้ยมดังขึ้น กระบี่ขู่หลุนพาอสนีบาตสีม่วงฟันลงมาอย่างรุนแรง
ผีแม่ทัพอาภรณ์สีดำหน้าถอดสี เขาเงยหน้าอ้าปากพ่นอาวุธจิตวิญญาณทรงกระสวยสีน้ำตาลหม่นชิ้นหนึ่งออกมา ผิวของมันวาวดุจกระจก ไม่รู้ว่าสร้างจากวัสดุชนิดใด
“เคร้ง” แสงกระบี่ขู่หลุนกับอาวุธจิตวิญญาณทรงกระสวยชนกัน มันสั่นไหวเล็กน้อยแล้วถูกดีดออกมา
แต่จังหวะที่เสียเวลาชั่วครู่นี้ก็ทำให้ร่างกายของผีแม่ทัพอาภรณ์ดำช้าลง
ในตอนนี้เองเงาดำก็ปรากฏตัวขึ้น หลิ่วหมิงหายตัวมาขวางอยู่ด้านหน้า แขนสองข้างสะบัด มังกรหมอกสีดำสนิทดุจหมึกสองตัวคำรามพุ่งเร็วรี่เข้าใส่เขา
ผีแม่ทัพอาภรณ์สีดำหน้าซีดเผือด ขณะที่กำลังจะควบคุมร่มสีดำในมือต่อต้าน เหตุพลิกผันก็บังเกิด!
ได้ยินเสียง “วิ้ง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง แสงสีทองระยิบระยับแถบหนึ่งก็ระเบิดมาจากด้านหลังของเขา ครอบคลุมอาณาเขตสิบจั้ง
เซียเอ๋อร์นั่นเองที่เหาะมาถึงอย่างเงียบเชียบ!
ชั่วพริบตาร่างกายของแม่ทัพผีร้ายที่ถูกแสงสีทองสาดส่องพลันมีไอควันสีดำลอยออกมาดังชี่ ใบหน้าเผยสีหน้าทุกข์ทรมาน
ในตอนนี้เองมังกรหมอกสองตัวที่เพิ่งมาถึงก็ระเบิดตัวเองพร้อมกันกลายเป็นแสงสีดำแถบหนึ่งกลบแม่ทัพผีร้ายจมหายเข้าไปด้านใน ก่อนที่แสงกระบี่สีม่วงเส้นหนึ่งจะพุ่งตามเข้าไปในแสงสีดำ…
ไม่กี่ลมหายใจให้หลัง ลำแสงสีดำสายหนึ่งก็เหาะเร็วรี่ออกจากท้องฟ้าเหนือภูเขาเตี้ยมุ่งไปทางเมืองจินกวัง
นอกจากหลิ่วหมิง ศิษย์จากอีกสามนิกายที่เหลือต่างก็กำลังเหาะกลับเมืองของนิกายตน ทุกคนล้วนทยอยพบการซุ่มโจมตีบ้างในที่แจ้งบ้างในที่ลับ
แต่พวกเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งในหมู่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ พลังแข็งแกร่งเหนือกว่าที่ผีแม่ทัพเหล่านั้นจินตนาการ อีกทั้งเวลานี้เผชิญวิกฤติได้รับคำสั่งจึงล้วนแสดงฝีมือออกมา บ้างสังหาร บ้างหาวิธีสลัดหลุดจากกองทัพผีร้ายที่ขวางทาง
ครึ่งวันให้หลังนอกเมืองจินกวัง
กองทัพผีร้ายยังคงจู่โจมเมืองจินกวังอย่างต่อเนื่อง แต่พลังอ่อนแอลงแล้ว กองทัพผีร้ายส่วนใหญ่เพียงล้อมเมืองเอาไว้เท่านั้นไม่ได้บุกโจมตี
ในเวลานี้เองลำแสงสีดำสองสายพลันปรากฏบนท้องฟ้าทิศตะวันตกแล้วเหาะมาอย่างรวดเร็ว
ผีแม่ทัพเขาเดี่ยวตนหนึ่งในกองทัพผีร้ายฝั่งตะวันตกของเมืองจินหวังเหาะขึ้นไปประจันหน้า
ลำแสงสีดำที่เหาเร็วรี่มาถึงสลายแสงรัศมีลงช้าๆ เผยให้เห็นเงาด้านใน พวกเขาก็คือผีแม่ทัพร่างกำยำกับผีแม่ทัพอาภรณ์สีดำที่ถูกหลิ่วหมิงสังหารไปก่อนหน้านี้
“ฮ่ะๆ ทั้งสองท่านกลับมาเร็วเช่นนี้ สังหารเด็กเผ่ามนุษย์คนนั้นที่ผู้อาวุโสเซ่อเทียนสั่งแล้วหรือ” แม่ทัพเขาเดี่ยวกวาดสายตามองบนร่างแม่ทัพร่างกำยำกับแม่ทัพอาภรณ์ดำแล้วหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้น
“ผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนกระจอกงอกง่อยคนเดียว พวกเราสองคนลงมือจะพลาดได้อย่างไร? ดูสิ นี่คือของที่พวกเราได้มา” บุรุษร่างกำยำเอ่ยอย่างได้ใจ ขณะที่แสงสีม่วงสว่างขึ้นบนมือของเขาก่อนจะปรากฏกระบี่บินสีม่วงเล่มหนึ่ง
แม่ทัพอาภรณ์สีดำด้านข้างกลับไม่พูดจา
“นายท่านทั้งหลายตอนนี้อยู่ที่ใด? เรื่องนี้รายงานพวกเขาสักหน่อยดีกว่า” บุรุษร่างกำยำกวาดสายตามองรอบด้านแล้วจับจ้องหมู่เมฆดำบนท้องฟ้าเหนือประตูใหญ่เมืองจินกวัง รูม่านตาหดเล็กลงเล็กน้อย
“นายท่านทั้งสองกำลังบัญชาการศึกอยู่ที่เมืองฝั่งใต้ ข้าว่าอีกสักพักเจ้าค่อยไปรายงานเถอะ” แม่ทัพเขาเดี่ยวโบกมือเอ่ยตอบ
แม่ทัพร่างกำยำกับแม่ทัพอาภรณ์ดำพยักหน้าส่งๆ ครั้งหนึ่งก็ขยับร่างเหาะไปทางเมืองจินกวัง
แม่ทัพเขาเดี่ยวคิ้วขมวดเล็กน้อย เงาร่างทั้งสองตรงหน้าเหมือนจะเชื่องช้าแต่กลับรวดเร็ว พริบตาเดียวเหาะออกไปหลายสิบจั้ง ดูเหมือนรีบร้อนอยู่เล็กน้อย…
“เดี๋ยวก่อน หยุดนะ!” ทันใดนั้นแม่ทัพเขาเดี่ยวก็นึกบางสิ่งขึ้นได้ เขาหน้าถอดสี ตวาดเสียงเหี้ยมทันที
ทว่าแม่ทัพร่างกำยำกับแม่ทัพอาภรณ์ดำไม่เพียงไม่หยุด แต่ร่างกายเลือนราง เพิ่มความเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว
กองทัพผีร้ายรอบด้านเห็นชัดว่าตามเรื่องราวไม่ทัน พวกเขาส่วนใหญ่นิ่งอึ้งมองแม่ทัพร่างกำยำกับแม่ทัพอาภรณ์ดำที่อยู่ด้านข้าง
“อึ้งทำอะไร พวกเขาสองคนเป็นตัวปลอม รีบขวางพวกเขาไว้!” แม่ทัพเขาเดี่ยวตวาดเกรี้ยวกราด เสียงดังออกไปไกล
ในเวลาเดียวกันนี้ร่างกายของเขาก็ขยับตัวเร่งไล่ตาม
เมื่อแม่ทัพเขาเดี่ยวตะโกนออกมาเช่นนี้ กองทัพผีร้ายที่อยู่รอบด้านก็มีปฏิกิริยาทันที เนื่องจากที่นี่คือที่ตั้งค่ายทหารของกองทัพผีร้าย จึงไม่มีใครส่งการโจมตีที่ทรงพลังออกมา พวกเขาต่างพากันโถมเข้าใส่พวกบุรุษร่างกำยำ
สถานการณ์โกลาหลขึ้นมาในทันใด
“เจ้าพวกโง่ อย่ารุมเข้าไปสิ!” แม่ทัพเขาเดี่ยวเห็นภาพตรงหน้าก็ตวาดอย่างเดือดดาล
บุรุษร่างกำยำย่อมคือหลิ่วหมิงที่ใช้ผ้าคลุมพันเปลี่ยนแปลงกายมา
เวลานี้ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มประหลาด แสงสีดำรอบร่างสว่างวูบหนึ่งพลันกลายเป็นเงาคนสี่ร่างที่เหมือนกันทุกประการ พา “แม่ทัพอาภรณ์สีดำ” ที่อยู่ด้านข้าง เหาะแยกกันเข้าไปในกองทัพผีร้ายรอบด้าน หายไปไร้ร่องรอย
เป้าหมายหายไปกะทันหัน ทำให้กองทัพผีร้ายที่โถมเข้ามาตกตะลึงกันถ้วนหน้า
แม่ทัพเขาเดี่ยวแค่นเสียงหยัน ร่างกายฉับพลันพุ่งจากพื้นเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วกวาดสายตาลงไปด้านล่าง
กองทัพผีร้ายที่อยู่ด้านล่างยังโกลาหลอยู่นิดๆ ภูตผีจำนวนไม่น้อยวิ่งวุ่นไปรอบด้าน ชั่วขณะหนึ่งแยกไม่ออกอย่างสิ้นเชิงว่าตนไหนคือแม่ทัพร่างกำยำกับแม่ทัพอาภรณ์ดำตัวปลอมที่ปะปนเข้ามาในกลุ่มภูตผี
แต่ไม่นานแม่ทัพเขาเดี่ยวก็ไม่ต้องปวดหัวกับปัญหานี้แล้ว ริมขอบของความวุ่นวาย เงาชุดดำร่างหนึ่งพุ่งเร็วจี๋ออกมา มุ่งไปทางเมืองจินกวังอย่างเร็วไว
แม่ทัพเขาเดี่ยวคำรามโกรธเกรี้ยว เขาพ่นลำแสงสีดำสนิทสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่เงาดำร่างนั้นอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เอง บึ๊ม!
แสงหลากสีจากวิชา อาวุเวทและอาวุธจิตวิญญาณหลายสิบสายกระหน่ำระเบิดเงาดำร่างนั้นพร้อมกัน
ผีรองแม่ทัพที่ปฏิกิริยาว่องไวจำนวนไม่น้อยต่างโจมตีมาจากระยะไกล ในเมื่อเงาดำร่างนั้นออกจากกองทัพผีร้ายไปแล้วย่อมไม่ต้องกังวลว่าจะพลาดถูกผู้อื่น
แสงจากวิชาและอาวุธหลายสิบสายท่วมกลบเงาคนสีดำเอาไว้ด้านใน เสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้นต่อเนื่อง
กองทัพผีร้ายฝั่งตะวันตกเกิดความโกลาหล การโจมตีเมืองย่อมช้าลงอย่างมาก มีคนบนกำแพงเมืองฝั่งตะวันตกสังเกตเห็นสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” บนกำแพงเมืองของเมืองจินกวัง เมื่อหัวหน้าหน่วยระดับแก่นแท้คนหนึ่งมองเห็นสถานการณ์ด้านนอก สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“เหมือนจะมีใครก่อกวนกองทัพผีร้ายอยู่!” ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้อีกคนหนึ่งเอ่ยต่อ
“ศัตรูของกองทัพผีร้ายย่อมเป็นผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์แน่ เร็วรีบไปแจ้งผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์ทั้งสอง บางทีอาจเป็นคนส่งข่าวที่เมืองอื่นส่งมา!”
สิ้นเสียงก็มีคนเหาะไปที่หอสูงในเมืองทันที
ในเวลาเดียวกันนี้ เสียงระเบิดที่ดังต่อเนื่องทางฝั่งตะวันตกของเมืองจินกวังก็เงียบลง หลุมบ่อมากมายปรากฏอยู่บนพื้น
“ตายหรือยัง?” ผีรองแม่ทัพตนหนึ่งเอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก
“เหอะ ถูกพวกเราหลายสิบตนร่วมมือกันโจมตี ต่อให้เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ก็ไม่อาจปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน!” ผีรองแม่ทัพอีกตนหนึ่งตะโกนขึ้นมาทันที
ระหว่างที่พูดกัน หมอกควันจากการระเบิดก็สลายไปจนเห็นเงาสีดำร่างหนึ่งฟุบอยู่บนพื้น แต่ยามนี้ร่างกายเขาฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ดูน่าอนาถอย่างยิ่ง แลดูไม่รอดแล้ว
“ฟู่…” แม่ทัพเขาเดี่ยวเห็นสถานการณ์ก็ถอนหายใจโล่งอก
ในตอนนี้เอง สายลมสีดำหอบหนึ่งพลันพัดมายังท้องนภาบริเวณใกล้ๆ เงาร่างสูงใหญ่ผิดปกติที่สวมชุดเกราะสีเงินคลุมผ้าคลุมสีแดงร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า เขาก็คือผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์ตนหนึ่งที่บัญชาการโจมตีเมืองจินกวังนั่นเอง
หลังจากผีแม่ทัพใหญ่เกราะสีเงินตนนี้ปรากฏตัวแล้วเห็นสถานการณ์โกลาหลเบื้องล่างอย่างชัดเจน แรกสุดเขาสีหน้าเคร่งขรึม แต่จากนั้นจู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไป สายตาหมุนไปจ้องพื้นที่ว่างตำแหน่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
เขาตวาดลั่นแล้วยกแขนขึ้นข้างหนึ่ง ฝ่ามือปราณดำใหญ่ยักษ์ขนาดหนึ่งหมู่กว่าปรากฏขึ้นตรงที่ว่างด้านนั้นแล้วตบพรวดลงมาเบื้องล่างทันที
วิ้ง! บริเวณที่ฝ่ามือยักษ์ทาบทับ อากาศสั่นสะเทือนเป็นระลอกคลื่น
บนที่ว่างอันว่างเปล่าฉับพลันเกิดคลื่นสั่นสะเทือน เงาคนสีดำร่างหนึ่งโผล่ออกมา แม้ต้องเผชิญหน้ากับฝ่ามือยักษ์เหนือศีรษะก็ยังพุ่งเร็วรี่จนร่างกลายเป็นเงาเลือนรางมุ่งไปยังเมืองจินกวังต่ออย่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
เงาคนนี่ย่อมคือหลิ่วหมิง!
“ยังคิดหนีอีก!”
ผีแม่ทัพใหญ่ระดับดาราพยากรณ์แววตาเย็นเยียบ ฝ่ามือปราณดำยักษ์มีอักขระสีแดงสดขนาดมหึมาตัวหนึ่งปรากฏใจกลางฝ่ามือ ทำให้เงาฝ่ามือยักษ์ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า อากาศถูกบดขยี้ดังเปรี๊ยะ ยังไม่ทันสัมผัสถูกพื้น แผ่นดินก็สะเทือนจนเกิดระลอกคลื่น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันหน้าถอดสี แสงสีเงินผุดรอบร่างกลายเป็นชุดเกราะเนื้อสีเงินสวมอยู่บนร่างในพริบตา จากนั้นเขาจึงแหงนหน้าโจมตีสองหมัดเข้าใส่มือยักษ์ที่ตบลงมา
เสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำรามดังก้องท้องนภา!
ปราณสีดำบนร่างหลิ่วหมิงพุ่งออกไปตามสองแขน กลายเป็นมังกรหมอกห้าตัวและพยัคฆ์หมอกห้าตัวในพริบตา
มังกรหมอกและพยัคฆ์หมอกแต่ละตัวล้วนยาวสิบกว่าจั้ง เกล็ดและเส้นขนรอบร่างชัดเจนยิ่งนักดุจมีชีวิต มังกรห้าตัวและพยัคฆ์ห้าตัวโผออกมารวมตัวกันกลายเป็นเงาหมัดสีดำสนิทขนาดหลายสิบจั้งข้างหนึ่งพุ่งตรงไปด้านบน
บึ๊ม!
ฝ่ามือปราณดำยักษ์กับเงาหมัดสีดำสนิทปะทะกัน อากาศรอบด้านสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เงาหมัดสีดำแตกกระจายเสียงดังสนั่น มือปราณดำยักษ์หยุดชะงักเล็กน้อยจากนั้นร่วงลงมาต่อ พลังมหาศาลสายหนึ่งท่วมโถมมาถึง
เสี้ยววินาทีสุดท้ายหลิ่วหมิงเบี่ยงกายเล็กน้อย ทั้งร่างปลิวเฉออกไปราวกับว่าวสายขาด
ผีแม่ทัพใหญ่บนท้องฟ้าแค่นเสียงหยันเบาๆ ขณะที่ร่างกายสะท้านถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ใจกลางฝ่ามือปราณดำยักษ์ทะลุเป็นรูขนาดใหญ่รูหนึ่งแล้วสลายดัง “ปัง”
Related