ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 1080 สิบสามทวาร

สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าร้อยจั้ง ลมปราณหลากหลายสีฉับพลันทะลักมารวมกันกลายเป็นพายุหมุนลมปราณทรงกรวยขนาดมหึมาลูกแล้วลูกเล่า

ละอองแสงแสบตานับไม่ถ้วนปรากฏ แสงสว่างหลากหลายสีเหล่านี้เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างประดุจดั่งดวงดาราบนนภาร่วงหล่นลงมา

ท่ามกลางเมฆดาราเหล่านี้มีแสงสว่างสิบสองจุดที่สุกใสเป็นพิเศษ และแผ่วงแหวนแสงแสบตาวงแล้ววงเล่าออกมา

หากมีคนอยู่ที่นี่คงมองออกว่านี่คือปรากฏการณ์แสงทวาราที่จะเกิดขึ้นยามผู้ฝึกฝนเข้าสู่ระดับแก่นแท้ อีกทั้งสิ่งที่ผนึกขึ้นมาได้ยังเป็นแก่นแท้ระดับสุดยอดสิบสองทวารที่พันปียากจะพบสักครั้งอีกด้วย!

พลังปราณแห่งฟ้าดินในบริเวณร้อยลี้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง คลื่นพลังเวทพุ่งสู่ท้องนภาตรงขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเก้าเสมือนหนึ่งขุนเขากู่ร้องมหาสมุทรคำราม อสูรแห่งความมืดบริเวณแม่น้ำมืดที่เดิมทีหวาดหวั่นตื่นตระหนกอยู่แล้วฟุบหมอบอยู่กับที่เนื้อตัวสั่นเทา

ปรากฏการณ์ดวงดาวร่วงสู่ดินเช่นนี้ดำเนินอยู่เป็นเวลาหนึ่งก้านธูปเต็มๆ ก่อนจะสลายไปอย่างเชื่องช้า

บนท้องฟ้าแสงสีขาวดำสองสีที่ล้อมร่างของหลิ่วหมิงอยู่สลายไปรวดเร็วยิ่งนักแล้วเผยร่างกายออกมา แสงบริสุทธิ์จางๆ ชั้นหนึ่งสลายจากบนร่างของเขา

แม้ภาพลักษณ์ภายนอกของหลิ่วหมิงยามนี้จะไม่เปลี่ยนไปสักนิด แต่เพียงแค่ขยับมือขยับเท้าก็ราวกับมีพลังอันยิ่งใหญ่ แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

หลิ่วหมิงลืมตา บนใบหน้าสีหน้านิ่งสงบอย่างยิ่ง เขาสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง หลังจากนั้นจึงยื่นสองมือออกมาแล้วมองกลางฝ่ามือ อึดใจต่อมาใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าปิติยินดีออกมาทันที

เวลานี้ในทะเลจิตวิญญาณของเขา “แก่นเสมือน” ดวงนั้นที่ประกอบมาจากผลึกสีม่วงหนึ่งร้อยสี่สิบสี่เม็ดกับผลึกสีขาวเก้าเม็ดหายไปไร้ร่องรอยแล้ว สิ่งที่มาแทนคือแก่นแท้อันแปลกประหลาดที่มีสองสีคือสีขาวกับสีดำและกำลังหมุนวนอยู่อย่างเชื่องช้า

บนผิวของแก่นแท้เห็นช่องเว้าขนาดเท่าเมล็ดถั่วช่องแล้วช่องเล่า มีมากถึงสิบสองช่อง!

ในที่สุดก็เข้าสู่ระดับแก่นแท้แล้ว นอกจากนี้สิ่งที่ผนึกขึ้นมาได้ยังเป็นแก่นแท้สิบสองทวารอีกด้วย!

ภาพของสิ่งที่เคยผ่านในวันวานผุดขึ้นในสมองของหลิ่วหมิงทันที วัยเยาว์บนเกาะมฤตยูที่ตื่น เช้ามาอาจไม่รอดถึงค่ำ ความคาดหวังยามก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนโดยบังเอิญ ความสับสนไร้ทางออกยามตรากตรำฝึกฝน และความอกสั่นขวัญแขวนยามต่อสู้ระหว่างความเป็นความตายครั้งแล้วครั้งเล่า

ข้ามผ่านอันตรายและความยากลำบากมานานัปการ ในที่สุดก็ผนึกแก่นแท้สำเร็จแล้ว!

ครั้งนั้นที่เขตทะเลชังไห่ ท่ามกลางผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์กับปีศาจนับไม่ถ้วน มีเพียงราชาปีศาจสมุทรเพียงตนเดียวที่เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ แล้วยังเป็นแก่นแท้สามทวารระดับล่างสุดอีก แต่นั่นกลับเพียงพอยิ้มเย้ยเหล่าผู้กล้า ไม่เพียงบีบให้กองทัพเผ่าสมุทรหวั่นเกรงจนถอยออกจากอวิ๋นโจว แต่ยังผลักดันให้ก่อตั้งพันธมิตรเผ่ามนุษย์ เสียทรัพยากรมหาศาลเฟ้นหาสามแก่นหกศิษย์หวังจะอบรมบ่มเพาะให้เป็นระดับแก่นแท้แห่งเผ่ามนุษย์

แม้แผ่นดินจงเทียนจะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนต้นกำเนิดแห่งเผ่ามนุษย์ แต่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ชั้นยอดก็ครองตำแหน่งอันสูงส่ง

พร้อมกับที่หลิ่วหมิงดีใจ ในใจเขาก็ผ่อนคลายลงด้วย

ตอนนั้นหลัวโหวเคยเตือนเขาว่าต้องผนึกแก่นแท้ให้สำเร็จภายในเวลาหกสิบปี มิเช่นนั้นยามกลายร่างเป็นปีศาจครั้งต่อไปจะร่วงหล่นเป็นมนุษย์ปีศาจอย่างสมบูรณ์เนื่องจากผลกระทบจากโลหิตปีศาจสวรรค์

บากบั่นตรากตรำฝึกฝนมานานหลายปี ในที่สุดก็บรรลุเป้าหมายนี้ โลหิตปีศาจสวรรค์ที่ผ่านการกลั่นให้บริสุทธิ์ระหว่างกระบวนการสร้างกายเนื้อใหม่ ยามนี้ผสานอยู่ในสายเลือดอย่างสมบูรณ์ กล่าวได้ว่าทำให้เขาสืบทอดพลังของปีศาจสวรรค์อย่างแท้จริงแล้ว

ชั่วลมหายใจเข้าออกแก่นแท้ขาวดำสองสีในทะเลจิตวิญญาณก็กระตุ้นให้พลังเวททั้งร่างเคลื่อนไหว ฟื้นพลังเวทที่แห้งเหือดอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว ใบหน้ามีสีหน้าแปลกประหลาดปรากฏออกมาจางๆ

เขาเห็นใจกลางแก่นแท้สีขาวดำมียันต์ห้าสีรูปสายฟ้าอยู่ตัวหนึ่ง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็ฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้

เมื่อครั้งนั้นเพื่อสะกดความเป็นปีศาจในดวงจิต เขาผนึกสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าห้าสีสายหนึ่งไว้ในผลึกพลังเวทด้านในทะเลจิตวิญญาณ ตอนที่เขาผนึกแก่นแท้ไม่รู้เกิดความเปลี่ยนแปลงอันใดขึ้น มันจึงกลายเป็นยันต์รูปสายฟ้าในตอนนี้

หลิ่วหมิงเพ่งจิต เค้นพลังเวทบริสุทธิ์สายหนึ่งออกมาจากแก่นแท้ก่อนจะส่งไปสัมผัสยันต์สายฟ้าห้าสีตรงกลาง

เปรี้ยง!

อสนีบาตห้าสีเส้นหนึ่งผุดออกมารอบแก่นแท้ของเขาแล้วแล่นไปตามเส้นลมปราณของเขาทันที

แสงอสนีบาตห้าสีสว่างขึ้นในมือของหลิ่วหมิง ฝ่ามือข้างขวาทั้งหมดถูกสายฟ้าห้าสีเรียวเล็กเส้นแล้วเส้นเล่าหุ้มเอาไว้ เสียงแหลมสูงของอสนีบาตดังลั่น

“นี่…” ใบหน้าของเขาเผยสีหน้าตะลึงงันออกมา

เปรี้ยง!

ในตอนนี้เองท้องนภาที่เดิมทีฟื้นกลับมาสงบแล้ว ฉับพลันก็มีเมฆดำผืนใหญ่ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง พายุหมุนสีดำมหึมาลูกหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วหมุนวนอย่างรวดเร็ว

ใจกลางพายุหมุนมีอสนีบาตห้าสีหลายสายพุ่งไปมา

“เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าจะมีด่านเคราะห์สายฟ้าอีกครั้ง! แล้วยังเป็นสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ขั้นฟ้าห้าสีอีก!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้พลันหน้าถอดสี แม้เวลานี้เขาเข้าสู่ระดับแก่นแท้แล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเผชิญหน้ากับสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าห้าสีมากมายเช่นนี้ตรงๆ ได้

“หรือ…” เขาหันขวับไปมองอสนีบาตห้าสีที่กำลังเปล่งแสงวูบวาบไม่หยุดอยู่ในมือ

สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันทีคล้ายกับเข้าใจบางอย่าง เขาสะบัดมือสลายสายฟ้าเทพห้าสีในมือ

แต่สายไปแล้ว!

“เปรี้ยง!”

เสียงอสนีบาตดังเลือนลั่น ใจกลางพายุหมุนสีดำเกิดแสงอสนีบาตวูบวาบ อสนีบาตห้าสีเรียวเล็กหลายเส้นพุ่งออกมาจากด้านใน พวกมันถักทอประสานกันกลางท้องฟ้ากลายเป็นแสงอสนีบาตห้าสีรูปร่างดั่งอสรพิษตัวหนาเท่าแขนฟาดลงมาใส่หลิ่วหมิงอย่างรุนแรง

หลิ่วหมิงหน้าถอดสีอีกครั้ง การโจมตีของอสนีบาตครานี้รวดเร็วนัก นับตั้งแต่เมฆอสนีบาตปรากฏจนกระทั่งอสนีบาตห้าสีฟาดลงมาแทบจะในชั่วพริบตา

แต่ดีที่ยามนี้เขาเข้าสู่ระดับแก่นแท้แล้ว ประสาทสัมผัสรวมถึงปฏิกิริยาจึงไวกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย อีกทั้งเมื่อครู่พลังเวทในร่างก็ฟื้นฟูกลับมาได้ไม่น้อยแล้ว

เขาเพ่งจิต แสงสีเหลืองเข้มผืนหนึ่งปรากฏออกมาบนร่างอีกครั้ง

ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะเรียกมุกบรรพตธาราออกมา สายฟ้าห้าสีรูปอสรพิษกลางอากาศฉับพลันเพิ่มความเร็ว อึดใจเดียวมาโผล่เหนือศีรษะของหลิ่วหมิง กำลังจะฟาดลงมาตอนนี้แล้ว!

ชั่วเส้นยาแดงผ่าแปด ฝ่ามือขวาของหลิ่วหมิงก็พลิกหมุน สายฟ้าห้าสีหดเข้ามาตรงกลางกลายเป็นตาข่ายสายฟ้าห้าสีผืนหนึ่งขวางอยู่เหนือศีรษะในพริบตา

เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้า!

สายฟ้าห้าสีสองสายปะทะกันกลางอากาศแล้วระเบิดพร้อมกัน!

พายุหมุนห้าสีล้อมหลิ่วหมิงเอาไว้ตรงกลางก่อนจะกวาดออกไปรอบทิศ

ร่างกายของหลิ่วหมิงฉับพลันถูกแสงอสนีบาตห้าสีกลืนเข้าไป ก่อนที่มันจะหายไปอย่างรวดเร็ว บนร่างของเขามีควันสีดำลอยโขมงขึ้นมาในทันใด ทั้งร่างหล่นกระแทกแม่น้ำมืดเบื้องล่างอย่างหนักหน่วงราวกับอุกกาบาตก้อนหนึ่ง

เมฆอสนีบาตสีดำที่ปรากฏกลางท้องฟ้าอย่างกะทันหันคล้ายผลาญพลังงานไปกับการโจมตีด้วยสายฟ้าเทพห้าสีครั้งนี้จนหมดสิ้นจึงสลายไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก

นับตั้งแต่มันปรากฏจนกระทั่งส่งสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าลงมาจวบจนสลายไป ทั้งหมดเพียงสองสามลมหายใจเท่านั้น

มาเร็ว ไปเร็วอย่างแท้จริง

ท้องนภาเหนือแม่น้ำมืดกลับคืนมาสงบอย่างเร็วไว ราวกับว่าไม่เคยเกิดสิ่งใดมาก่อน

หลังจากนั้นเนิ่นนานลำแสงสีดำสองสายก็เหาะเร็วรี่มาจากไกลๆ แล้วลอยออยู่กลางท้องฟ้า

เมื่อแสงสีดำดับลงก็ปรากฏว่าเป็นเผ่ายมโลกสองตน

บุรุษสวมชุดยาวสีดำ ดูอายุราวสี่สิบห้าสิบปี โหนกแก้มสูงปูดนูน แล้วยังมีอีกตนหนึ่งคลุมผ้าคลุมสีเทาตัวโคร่งไว้ทั้งตัวมองไม่เห็นใบหน้า

จากคลื่นลมปราณที่แผ่ออกมาจากร่างของทั้งสองตนเห็นชัดว่าล้วนพลังระดับแก่นแท้ พวกเขาอยู่บนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำมืดที่เย็นเยียบเสียดแทงกระดูกแห่งนี้กลับไม่มีท่าทางอึดอัดแม้แต่น้อย

“สัมผัสได้จากไกลๆ ว่าบริเวณนี้มีคลื่นพลังเวทอันแข็งแกร่ง ไม่รู้ที่แท้เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่?” เผ่ายมโลกวัยกลางคนกวาดสายตาไปรอบด้านพร้อมกับแผ่จิตสัมผัสออกมา

“สัมผัสพลังอสนีบาตที่หลงเหลืออยู่รอบด้านได้นิดหน่อย ดูท่าน่าจะมีคนผนึกแก่นแท้เรียกด่านเคราะห์สายฟ้ามาที่นี่ หรืออาจเป็นอสูรแห่งความมืดบางตัวในแม่น้ำมืดแห่งนี้เลื่อนระดับดึงด่านเคราะห์สายฟ้ามากลายร่าง” เสียงใสกังวานเสียงหนึ่งดังออกมาจากใต้ผ้าคลุมสีเทา เป็นเสียงสตรี

“เขตแม่น้ำมืดแห่งนี้อันตรายรอบด้าน ไม่น่าจะใช่เผ่ายมโลกมาผ่านด่านเคราะห์สายฟ้าที่นี่ น่าจะเป็นอสูรแห่งความมืดเลื่อนระดับกระมัง เฮ้อ มาช้าไปก้าวหนึ่ง ตอนนี้มันหลบลงแม่น้ำมืดอันกว้างใหญ่แห่งนี้ย่อมหาร่องรอยไม่พบแล้ว จะว่าไปแล้วอสูรแห่งความมืดที่เพิ่งผ่านด่านเคราะห์สายฟ้าคงอ่อนแอเป็นแน่ หากจับไปยังเมืองปี้โยวได้ อย่างน้อยก็แลกหินยมโลกได้หลายหมื่น” เผ่ายมโลกวัยกลางคนเอ่ยอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย

สตรีใต้ผ้าคลุมสีเทาเหมือนจะไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง

หลังจากทั้งสองตนคุยเรื่อยเปื่อยต่ออีกหลายประโยคก็ไม่ได้รั้งอยู่ที่นี่นาน แต่จากไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก

ในเวลาเดียวกันที่ใจกลางชั้นจำกัดวังน้ำวนสีดำก้นแม่น้ำมืด หลิ่วหมิงถอนหายใจแผ่วเบา โชคดีที่เขาหลบอยู่ที่นี่ อาศัยพลังปิดกั้นจิตสัมผัสของแม่น้ำมืดซ่อนตัว มิเช่นนั้นอาจถูกเผ่ายมโลกระดับแก่นแท้สองตนนั้นหาพบจริงๆ

ยามปกติก็ช่างเถิด แต่สภาพของเขาตอนนี้อเนจอนาถอย่างที่สุดจริงๆ

หลังจากเขาถูกพลังที่เหลือของสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าฟาดตกลงมาในแม่น้ำมืด ทั้งตัวก็กระดิกไม่ได้แม้แต่น้อยไปชั่วขณะ โชคดีเซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ที่เฝ้าอยู่ใกล้ๆ ตลอดลากเขาเข้ามาในชั้นจำกัดก้นแม่น้ำ

ตอนนี้เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นใจกลางชั้นจำกัด ร่างครึ่งท่อนบนดำเกรียม จนถึงตอนนี้ก็ยังมีควันดำลอยอ้อยอิ่งออกมาอยู่ ร่างกายมีรอยแผลยาวหลายเส้น บาดแผลปลิ้นเปิดจนเห็นกระดูกสีทองอ่อนด้านใน โดยเฉพาะแผลเส้นที่ลากยาวจากหน้าอกด้านขวาลงมา หวิดนิดเดียวก็จะลากไปถึงตำแหน่งหัวใจแล้ว

แต่เมื่อโลหิตที่ทอประกายแสงสีขาวไหลออกมาสร้างหมอกโลหิตชั้นหนึ่ง ตำแหน่งที่บาดเจ็บทุกตำแหน่งก็มีก้อนเนื้อขยับดุกดิกอยู่กลางหมอกโลหิตไม่หยุด กำลังฟื้นคืนสภาพอย่างรวดเร็ว

“ความสามารถในการฟื้นฟูของสายเลือดปีศาจสวรรค์นี่ช่างน่าทึ่ง!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ดวงตาก็ฉายแววเหลือเชื่ออกมาเล็กน้อย

“นายท่าน ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ?”

เซียเอ๋อร์กับเฟยเอ๋อร์ทรุดนั่งข้างกายหลิ่วหมิงแล้วเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ

“เมื่อครู่โชคดีที่มีพวกเจ้า ข้าไม่เป็นไร พักผ่อนสักครู่ก็หาย” หลิ่วหมิงเอ่ยเบาๆ

ครั้งนี้เรียกได้ว่าบาดเจ็บหนักที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เขาเข้าสู่โลกแห่งการฝึกฝน หวิดจะสิ้นใจอยู่ที่นี่เสียแล้ว ในใจยังหวาดผวาไม่หาย!

หากไม่ใช่เขาใช้สายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าชนิดเดียวกันสลายสายฟ้าเทพที่ร่วงลงมาไว้ส่วนหนึ่งแล้วเบี่ยงกายได้ทันเวลาจนไม่ถูกสายฟ้าเทพเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าโจมตีศีรษะตรงๆ เวลานี้เขาก็คงสลายกลายเป็นควันไปแล้ว

แก่นแท้สีขาวดำที่เพิ่งผนึกสำเร็จในทะเลจิตวิญญาณของเขา ยามนี้แสงรัศมีหม่นหมองลงไปมาก นี่ย่อมเป็นเพราะการโจมตีที่ทำให้เขาบาดเจ็บหนักเมื่อครู่

“นี่มัน?” หลิ่วหมิงเพ่งมองแก่นแท้ภายในร่างของตนอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วก็ตกตะลึง

เขาเห็นบนผิวของแก่นแท้สองสีดวงนั้น นอกจากช่องว่างสิบสองช่องตอนเริ่มแรก ตอนนี้มีช่องเพิ่มขึ้นมาอีกช่องหนึ่ง

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ
Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset