ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 1155 ยอดเขาหยก

“คนของนิกายยอดบริสุทธิ์!”

“รอดแล้ว!”

ผู้ฝึกฝนของป้อมปราการตระกูลเยี่ยในม่านแสงสีม่วงครามมองเห็นสัญลักษณ์ของนิกายยอดบริสุทธิ์บนร่างผู้ฝึกฝนที่โผล่มากะทันหันด้านนอกชัดเจนอย่างรวดเร็ว พวกเขาดีใจเหลือล้นจนตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดีในทันที บางคนถึงขั้นดีใจจนร่ำไห้

หัวหน้าตระกูลเยี่ยเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าโล่งอก แต่ตัวเขาในฐานะหัวหน้าตระกูล จิตใจย่อมแตกต่างจากคนทั่วไปในตระกูล เขามิได้เสียกระบวนเพราะเรื่องนี้ แต่โบกธงผืนใหญ่เสริมความแข็งแกร่งให้ค่ายกลต่อ พร้อมกับออกคำสั่งอีกหลายประโยค

กี๊ซ กี๊ซ กี๊ซ!

เสียงแมลงกรีดร้องดังแสบแก้วหู แสงสีแดงส่องสว่าง แมลงระดับแก่นแท้ที่หน้าตาคล้ายแมลงเต่าทองขนาดยักษ์ตัวหนึ่งบินออกมาจากกลางกองทัพแมลงมาขวางหน้าพวกหลิ่วหมิงอีกครั้ง

ฟู่!

แต้มสีขาวบนเปลือกทรงกลมสีแดงบนหลังของมันฉับพลันฉายแสงจิตวิญญาณ แล้วพ่นไอหมอกสีม่วงหนาทึบแถบแล้วแถบเล่าออกมาล้อมพวกหลิ่วหมิงเอาไว้

“ระวังไอหมอกมีพิษ!”

คุนอวี้ที่เหาะอยู่ด้านหน้าสุดตะโกนเสียงดัง ขณะที่เขากำลังจะลงมือทำบางอย่าง หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านข้างพลันโบกมือ เงาวัวสีน้ำเงินตัวหนึ่งพุ่งออกมาอ้าปากกว้าง แสงเรืองรองสีน้ำเงินแถบหนึ่งกวาดออกมา ก่อนจะเกิดแรงดูดสูบเอาไอหมอกสีม่วงโถมเข้าไป

ตั้งแต่ต้นจนจบกินเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ไอหมอกพิษที่พ่นออกมาจากเปลือกของแมลงหน้าตาคล้ายแมลงเต่าทองก็ถูกวัวสีน้ำเงินสูบลงท้องไปหมดสิ้น

แมลงเต่าทองเห็นเช่นนี้พลันตะลึงงัน!

ไอหมอกเหล่านี้เป็นพิษประจำตัวของมัน ไม่เพียงพิษรุนแรงยิ่งนัก ยังมีฤทธิ์กัดกร่อนอันน่าหวาดกลัวอย่างยิ่งด้วย แต่อีกฝ่ายกลับสูดเข้าไปในคำเดียว

คุนอวี้กวาดสายตามองหลิ่วหมิงอย่างมีความนัยแวบหนึ่ง จากนั้นจึงขยับร่างพุ่งเข้าไปหาแมลงสีม่วง หนึ่งนิ้วจี้ดรรชนีเรียกวงล้อสีทองวงหนึ่งออกมา

วงล้อวงนี้ขอบคมกริบประหนึ่งมีดดาบ พริบตาเดียวมันก็ขยายจนใหญ่หลายจั้ง หมุนพลางส่งเสียงดังอื้ออึงก่อนจะฟันลงใส่หัวของแมลงที่หน้าตาคล้ายแมลงเต่าทอง

แมลงเต่าทองคำรามเสียงดัง ขาหน้าที่ใหญ่มหึมาสองข้างยกขึ้นขวางเหนือหัว

ทว่าอึดใจต่อมา “เปรี๊ยะ” วงล้อสีทองกลับฟันขาหน้าสองข้างของมันขาดอย่างง่ายดาย จากนั้นสะบั้นร่างของมันเป็นสองซีกโดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย หยาดโลหิตสีเทากระจายว่อนทั่วท้องฟ้า

วงล้อสีทองโจมตีครั้งเดียวก็สังหารแมลงระดับแก่นแท้ขั้นต้นตัวนี้สำเร็จ แต่มันไม่หยุดเท่านั้น มันพร่าเลือนแล้วบินหายเข้าไปท่ามกลางฝูงแมลงรอบด้าน ขณะที่หมุนวนเร็วจี๋ คมดาบแสงสีทองนับไม่ถ้วนก็ซัดกวาดออกไปรอบทิศ

แมลงระดับล่างในระยะหลายสิบจั้งถูกกวาดจนเกลี้ยงในทันใด

เห็นคุนอวี้เปิดฉากสำแดงพลัง ศิษย์ระดับผลึกทั้งหลายด้านหลังก็อุทานตกตะลึงอย่างพร้อมเพรียง ไฟสู้ในใจยิ่งลุกโชติช่วง

กลางฝ่ามือของซ่างกวนเยี่ยนอวี่เกิดเสียงดังหวีดหวิวครู่หนึ่ง อาวุธเวทวงแหวนทองแดงสีแดงฉานวงหนึ่งก็ปรากฏ จากนั้นเสียงพยัคฆ์คำรามก็ดังขึ้นตามมา คลื่นสีแดงฉานขนาดหนึ่งจั้งกว่าสายหนึ่งแผ่ขยายไปรอบด้าน บริเวณที่คลื่นเสียงแผ่ไปถึง ร่างกายของแมลงทั้งหมดสั่นสะท้านแล้วพลันสลายเป็นผุยผง

ร่างกายของหลิงอีอีเคลื่อนตามซ่างกวนเยี่ยนอวี่ไปติดๆ เบื้องหน้าแสงสีฟ้าสว่างขึ้นวูบหนึ่ง เส้นไหมเรียวเล็กสีฟ้านับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของนาง พริบตาเดียวโอบรัดแมลงสิบกว่าตัวรอบด้านที่กำลังเข้ามาใกล้เอาไว้ จากนั้นสองมือของนางพลันกระตุกแผ่วเบา เส้นไหมเรียวเล็กสีฟ้ารัดแน่น เฉือดแมลงสิบกว่าตัวนี้กลายเป็นท่อนๆ ในพริบตา

ส่วนหลงเหยียนเฟยมิได้แสดงลีลาโดดเด่นอันใด นางเพียงปล่อยแสงกระบี่สีน้ำเงินสายหนึ่งที่ว่องไวดุจอสรพิษออกมาฟาดฟันแมลงที่ขวางหน้าอยู่ไปทีละตัว

สายตาของหลิ่วหมิงจับจ้องห่วงทองแดงสีแดงฉานในมือซ่างกวนเยี่ยนอวี่ แววตาวูบไหวเล็กน้อย ของสิ่งนี้คล้ายห่วงเขี้ยวพยัคฆ์ที่เขาได้มาจากตระกูลไป๋เมื่อตอนที่เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่โลกแห่งการฝึกฝน ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกหรือวิธีการโจมตีล้วนคล้ายคลึงกันทีเดียว

แน่นอนพลังของห่วงเขี้ยวพยัคฆ์ด้อยกว่าอาวุธชิ้นนี้อยู่ไกล

หลังจากหลิ่วหมิงครุ่นคิดจบก็ยกมือกวักเรียกเงาเชอฮ่วนกลับมา จากนั้นมือทำท่าเคล็ดวิชากระบี่ ปล่อยกระบี่ขู่หลุนออกมาอีกครั้ง

กระบี่เล่มนี้พลังปราณเสียหายเล็กน้อยจากศึกที่ยอดเขาแสงอัสดง แต่หลายวันนี้เขาบำรุงจนมันไม่มีปัญหาใหญ่ที่ใดแล้ว กระบี่ขู่หลุนพลันกลายเป็นเงากระบี่ทั่วท้องฟ้า จากนั้นกลายเป็นแสงกระบี่มหึมาขนาดหลายสิบจั้ง แมลงนับไม่ถ้วนถูกกวาดเข้าไปโดยไม่มีกำลังต่อต้านแม้แต่น้อย

แม้จำนวนแมลงที่ล้อมโจมตีป้อมปราการตระกูลเยี่ยมีจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นแมลงระดับล่าง พลังมีจำกัด แมลงระดับแก่นแท้ที่เป็นหัวหน้าห้าตัวก็ถูกหลิ่วหมิงกับคุนอวี้ไล่สังหารไปทีละตัว ไม่นานกองทัพแมลงก็ถูกนิกายยอดบริสุทธิ์ถล่มแตกกระเจิง

บึ๊ม! เสียงทุ้มต่ำดังก้อง

มหาค่ายกลเพลิงอสนีบาตหม่อนเขียวของป้อมปราการตระกูลเยี่ยเกิดรอยแยกเส้นหนึ่งพร้อมเสียงดังกัมปนาท หัวหน้าตระกูลเยี่ยนำผู้ฝึกฝนตระกูลเยี่ยหลายสิบคนเหาะออกมาจากด้านในพุ่งเข้าไปสังหารเหล่าแมลง

เสียงกรีดร้องคำรามดังขึ้นท่ามกลางกองทัพแมลง เหล่าแมลงที่แตกพ่ายไม่เป็นกระบวนได้ยินเสียงนี้ก็หนีไปไกลในทันที

“ศิษย์พี่คุน พวกเราต้องฉวยโอกาสไล่ตามไปสังหารกวาดล้างแมลงกลุ่มนี้ให้สิ้นซากหรือไม่?” ซ่างกวนเยียนอวี่มองแมลงที่หนีไปไกลแล้วเอ่ยอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ

หลิ่วหมิงดวงตาทอประกายวูบหนึ่งแล้วมองคุนอวี้เช่นเดียวกัน

“ตอนนี้ยังก่อน ยามนี้พวกเรายังไม่รู้สถานการณ์ของแมลงกลุ่มนี้ ไม่ไล่ตามศัตรูที่จนตรอก หลักการข้อนี้แม้ข้าไม่พูดเจ้าก็คงเข้าใจ” คุนอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เอ่ยเช่นนี้

แม้ซ่างกวนเยียนอวี่ยังมีสีหน้าไม่ยินยอม แต่ก็ไม่พูดสิ่งใดอีก

“ขอบคุณสหายจากนิกายยอดบริสุทธิ์ทุกท่านยิ่งนักที่เดินทางมาไกลเพื่อช่วยแก้วิกฤติให้แก่ป้อมปราการตระกูลเยี่ยของข้า ข้าเยี่ยเจิ้งหัวหน้าตระกูลเยี่ย หากทุกท่านไม่รังเกียจ มิสู้มาพักผ่อนในป้อมปราการสักหน่อย” ยามนี้บุรุษวัยกลางคนชุดเขียวได้พาผู้ฝึกฝนตระกูลเยี่ยเหาะเข้ามา ประสานมือเอ่ยเชื้อเชิญพวกหลิ่วหมิง

“ข้าคุนอวี้รับคำสั่งท่านประมุขเทียนเกอเดินทางมากวาดล้างแมลงเหล่านี้ นั่งพักให้เสียเวลาคงไม่จำเป็น หัวหน้าตระกูลเยี่ย เชิญท่านบอกเล่าเรื่องของแมลงเหล่านี้ให้พวกเราฟังโดยละเอียดด้วย” คุนอวี้ขมวดคิ้วคำนับคืน จากนั้นถามเปลี่ยนประเด็น

หลิ่วหมิงยืนอยู่ข้างกายคุนอวี้ ฟังจบก็มองมาเช่นกัน

“ไม่ปิดบังสหายทุกท่าน พวกเราตระกูลเยี่ยก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของแมลงกลุ่มนี้ละเอียดนัก แม้ก่อนหน้านี้ได้ยินเรื่องเผ่าหนอนผีเสื้อรุกรานแผ่นดินมาบ้าง แต่เนื่องจากยังไม่เคยพบกับตัว เดิมทีจึงมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่เมื่อเจ็ดแปดวันก่อน จู่ๆ แมลงกลุ่มนี้ก็ปรากฏตัวรอบเทือกเขาหม่อนเขียว หลังจากพบสถานการณ์ผิดปกตินี้ ข้าก็รวบรวมคนทั้งหมดถอยมาปกป้องป้อมปราการทันที ในเวลาเดียวกันก็ส่งข่าวไปขอความช่วยเหลือจากนิกายยอดบริสุทธิ์ ผู้ใดจะรู้ว่าแมลงกลุ่มนี้กลับบุกมาถึงหน้าประตู หากมิใช่ทุกท่านรีบเร่งเดินทางมาทันเวลา ตระกูลเยี่ยของเราคงพินาศในมือแมลงเหล่านี้แล้ว” หัวหน้าตระกูลเยี่ยเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าแข็งทื่อ

คุนอวี้ฟังจบพลันขมวดคิ้ว เดิมเขาต้องการฟังข้อมูลเกี่ยวกับแมลงกลุ่มนี้จากตระกูลเยี่ยเพื่อตัดสินใจว่าจะอยู่หรือไป ใครจะคิดว่าถามอันใดไปตระกูลเยี่ยกลับไม่รู้สักอย่าง เช่นนี้ย่อมจัดการยากอยู่บ้างแล้ว

“ขอถามหัวหน้าตระกูลเยี่ย แมลงที่บุกโจมตีป้อมปราการวันนี้เป็นแมลงทั้งหมดที่อยู่ในเทือกเขาหม่อนเขียวแล้วหรือไม่?” หลิ่วหมิงพลันเอ่ยปากถามขึ้นมา

หัวหน้าตระกูลเยี่ยฟังจบก็อึ้งไปชั่วครู่ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยตอบออกมาอย่างลังเล

“น่าจะไม่ใช่ ครั้งแรกที่เผ่าหนอนผีเสื้อกลุ่มนี้ปรากฏตัวที่เขาหม่อนเขียวแล้วปะทะกับคนตระกูลเยี่ยของพวกเรา ยามนั้นข้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ต่อมาได้ยินผู้อาวุโสคนหนึ่งที่หนีกลับมาถึงป้อมปราการเล่าว่าจำนวนของแมลงกลุ่มนี้น่าจะมีมากถึงหมื่นกว่าตัว”

หลิ่วหมิงฟังแล้วดวงตาทอประกายวูบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดต่อ

“ไม่ทราบว่าแรกเริ่มพบพวกมันที่ใดของเขาหม่อนเขียว?” คุนอวี้เอ่ยปากถาม

“น่าจะอยู่แถบยอดเขาหยกห่างจากที่นี่ไปพันลี้ ที่นั่นมีสายแร่ที่ขุดเป็นเหมืองอยู่หลายแห่ง” หัวหน้าตระกูลเยี่ยเอ่ยเช่นนี้

“ศิษย์พี่คุน พวกเราเดินทางไปกวาดล้างพวกมันให้สิ้นซากดีกว่า หากปล่อยให้แมลงเหล่านี้รวมพลได้อีกครั้งแล้วก่อเรื่องหลังพวกเราจากไปคงไม่ดีนัก” หลิ่วหมิงมองคุนอวี้แล้วเอ่ยขึ้นมา

“หัวหน้าตระกูลเยี่ยโปรดนำทางพวกเราสักหน่อย” คุนอวี้พยักหน้า จากนั้นจึงเอ่ยกับหัวหน้าตระกูลเยี่ย

หัวหน้าตระกูลเยี่ยเผยสีหน้าลังเลออกมาเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับปากอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นหัวหน้าตระกูลเยี่ยจึงนำกลุ่มคณะเดินทางจากนิกายยอดบริสุทธิ์กับผู้ฝึกฝนยี่สิบสามสิบคนของตระกูลเยี่ยไล่ตามแมลงที่หนีไปยังทิศทางของยอดเขาหยก

เกือบครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ทุกคนก็มาถึงบริเวณยอดเขาหลายลูกที่มีสีเขียวหยก บนยอดเขามีไอหมอกสีดำจางๆ ลอยล่องอยู่

หลิ่วหมิงที่ต่อสู้กับเหล่าแมลงมาหลายครั้งเห็นเช่นนี้ก็รู้ทันทีว่านี่เป็นปรากฏการณ์พิเศษที่จะเกิดขึ้นหลังจากแมลงจำนวนมากมารวมตัวกัน

ดูท่าพวกเขาจะมาตามหาถูกที่จริงๆ!

คณะเดินทางหยุดอยู่บนเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่งห่างออกมาหลายสิบลี้

“ศิษย์พี่คุน เหตุใดไม่บุกเข้าไปตรงๆ?” ซ่างกวนเยี่ยนอวี่เอ่ยขึ้น น้ำเสียงแฝงแววไม่พอใจเล็กน้อย

เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบจนรู้ชัดแล้วว่าในถ้ำเหมืองใต้ยอดเขาสีเขียวหยกซึ่งอยู่ไม่ไกลมีแมลงรวมตัวกันอยู่ราวสี่ห้าพันตัว แต่เวลานี้เหมือนยังสับสนไม่เลิก เป็นโอกาสดีในการสังหารพวกมันในคราวเดียว

“ศิษย์น้องอย่าผลีผลาม ระวังไว้หน่อยเป็นดี” คุนอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้เหตุใด ในใจเขาจึงมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง

หลิ่วหมิงมองคุนอวี้แวบหนึ่ง สีหน้าฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงยกดรรชนีนิ้วหนึ่งแตะตรงหว่างคิ้ว พริบตาเดียวหนอนพลังจิตบนร่างก็ส่งพลังจิตบริสุทธิ์สายแล้วสายเล่าผสานเข้ากับจิตสัมผัสในสมอง

ครืน!

จิตสัมผัสของเขาแข็งแกร่งขึ้นหนึ่งเท่าแทบจะในพริบตา จากนั้นแผ่ขยายออกไปสี่ทิศแปดทาง

“ระวังด้านล่าง มีกับดัก!” ชั่วครู่ให้หลังหลิ่วหมิงพลันหน้าถอดสีตะโกนเสียงดังออกมา

เพิ่งสิ้นเสียง ภูเขาเตี้ยใต้เท้าทุกคนก็ระเบิดอย่างกะทันหัน แรงกดดันจิตวิญญาณท่วมฟ้าสายหนึ่งปะทุออกอย่างฉับพลัน ก้อนศิลานับไม่ถ้วนพุ่งออกไปรอบด้าน บนพื้นดินมีหัวแมลงดุร้ายสีเทาดำขนาดเท่าบ้านหัวหนึ่งโผล่อออกมา

ผู้คนจากนิกายยอดบริสุทธิ์ล้วนเป็นผู้ผ่านศึกมานับร้อย เดิมทีปฏิกิริยาตอบสนองก็ว่องไวอย่างที่สุด เมื่อเสียงของหลิ่วหมิงดังขึ้น ทุกคนก็แยกย้ายกันหนีโดยสัญชาตญาณทันที

ทว่าผู้ฝึกฝนจากป้อมปราการตระกูลเยี่ยปฏิกิริยาช้ากว่าเล็กน้อย ผู้ฝึกฝนส่วนหนึ่งถูกก้อนศิลาที่พุ่งพรวดมาอัดกระแทกจนร่างระเบิดกระจายประหนึ่งดอกไม้ไฟในทันที

หัวหน้าตระกูลเยี่ยเห็นเช่นนี้ทั้งตกตะลึงทั้งโกรธเกรี้ยว แต่ทำได้เพียงปล่อยแสงสีเขียวสายหนึ่งเข้าปกป้องสมาชิกคนสำคัญของตระกูลไม่กี่คนที่อยู่ข้างกายแล้วเหาะถอยออกไปไกลอย่างรวดเร็ว

“แมลงระดับดาราพยากรณ์!”

ร่างกายของคุนอวี้โฉบหายวับสองสามครั้งก็มาปรากฏตัวบนท้องฟ้าห่างออกไปหลายสิบจั้ง จากนั้นหันไปมองแมลงสีเทาดำขนาดยักษ์ที่โผล่ออกมาจากพื้นดิน ใบหน้าฉับพลันมีสีหน้าตกตะลึง

ยามนี้แมลงตัวนี้ยื่นตัวออกมาจากพื้นดินเพียงส่วนหนึ่งแต่ลำตัวยาวยิ่งนักคล้ายไส้เดือนยักษ์ แต่บนผิวมีหนวดเนื้อสีเทายั้วเยี้ยที่สะบัดบ้าคลั่งไม่หยุด บนหัวของมันไร้ดวงตามีเพียงปากมหึมาหนึ่งปากที่ด้านในมีเขี้ยวโง้งงอกเต็มแน่นชวนให้คนขนหัวลุก

ฟึบ!

ร่างกายมโหฬารของแมลงสีเทาเข้มลากเงาเลือนรางยาวเฟื้อยพุ่งออกมาจากใต้ดิน ไล่ตามศิษย์จากยอดเขากระบี่สวรรค์ที่หนีค่อนข้างช้าคนหนึ่งทันในชั่วอึดใจ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ
Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset