ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 1156 รบกับแมลง

ศิษย์ผู้นั้นเห็นสถานการณ์พลันมีสีหน้าตกตะลึง ในเวลาเดียวกันก็สะบัดแขนเสื้อ กระบี่บินสีฟ้าหลายเล่มแหวกว่ายประหนึ่งมัจฉาออกมาจากแขนเสื้อของเขากลายเป็นม่านกระบี่สีฟ้าผืนหนึ่งขวางอยู่เบื้องหน้า

ปรากฏว่าหนวดเนื้อหลายสิบเส้นบนร่างแมลงสีเทาเข้มกวาดเพียงครั้งเดียวก็ยืดยาวขึ้นหลายเท่าทะลวงผ่านม่านกระบี่ ใช้ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อรัดศิษย์ยอดเขากระบี่สวรรค์ผู้นั้นเข้าปากไปในทันใด

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากปากแมลงสีเทาเข้ม แล้วเงียบหายไปในทันใด

“ศิษย์น้องฉิน!”

บนท้องฟ้าห่างออกไป บุรุษวัยกลางคนจากยอดเขากระบี่สวรรค์อีกคนหนึ่งคำรามเกรี้ยวกราด ทว่าเผชิญหน้ากับแมลงระดับดาราพยากรณ์ตัวหนึ่ง เขาย่อมไม่กล้าพุ่งเข้าไปรนหาที่ตาย

ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์คนอื่นเห็นสถานการณ์นี้ต่างตกตะลึงหน้าถอดสี

เจียหลานสีหน้าซีดเผือด!

ยามนี้นางอยู่ห่างจากไส้เดือนตัวนี้ไม่ถึงยี่สิบสามสิบกว่าจั้ง

ลมปราณที่ซัดสาดจากบนร่างแมลงโถมเข้ากดดันทำให้สตรีผู้นี้หนาวยะเยือกในใจอย่างห้ามไม่ได้ ทำได้เพียงยกแขนเสื้อเรียกผ้าแพรสีฟ้าผืนหนึ่งออกมาล้อมรอบร่างแล้วถอยห่างอย่างรวดเร็ว

ไส้เดือนหันหัวมามองเจียหลานที่กำลังเหาะออกไปไกลแล้วอ้าปากกว้าง พายุหมุนสีดำลูกหนึ่งฉับพลันปรากฏขึ้นในปาก แรงสูบที่มิอาจต่อต้านสายหนึ่งพัดออกมาจากด้านใน

ลำแสงของเจียหลานหยุดอยู่กลางท้องฟ้า แม้นางจะกัดฟันกรอดกระตุ้นพลังเวททั่วร่าง แต่ร่างกายก็ยังคงลอยเข้าไปหาปากของไส้เดือนอย่างมิอาจควบคุมได้ นางหลุดร้องหวาดผวาออกมาอย่างมิอาจห้ามตัวเองได้

ในตอนนี้เองแสงสีดำพลันโฉบเข้ามา ร่างของหลิ่วหมิงเหาะตัดผ่านหน้าไส้เดือนอย่างรวดเร็ว แขนขวาที่มีปราณสีดำวนเวียนโอบเรือนร่างอรชรของเจียหลานจากนั้นหายตัวไปปรากฏกายห่างออกไปหลายสิบจั้ง

แรงดูดอันน่าหวาดหวั่นที่ออกมาจากปากของไส้เดือนระดับดาราพยากรณ์แทบจะไม่มีผลกับเขาเลยแม้แต่น้อย!

เดิมทีดวงเนตรงามของเจียหลานฉายแววสิ้นหวัง อึดใจต่อมากลับถูกหลิ่วหมิงโอบไว้ในอ้อมแขน เรือนร่างอรชรสั่นระริกแล้วอ่อนยวบไปเล็กน้อยทันที

กี๊ซ!

ไส้เดือนระดับดาราพยากรณ์คำรามเกรี้ยวกราด มีคนฉกอาหารที่มาถึงปากไปใต้หนังตาของมัน แล้วอีกฝ่ายยังเป็นเพียงผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้กระจอกๆ คนหนึ่ง เรื่องนี้มันยอมรับไม่ได้เด็ดขาด ร่างกายมหึมาเลือนหายไปทันที ก่อนจะโผล่ออกมาด้านหลังหลิ่วหมิงห่างไปเพียงสิบกว่าจั้ง ความเร็วว่องไวจนน่าเหลือเชื่อ

“ฟึบ ฟึบ!”

หนวดเนื้อสีเทาหลายสิบเส้นรอบร่างของแมลงยักษ์ฉับพลันดีดยืดยาวออกมาหลายเท่า ทำท่าจะทะลุผ่านร่างของหลิ่วหมิงขณะที่เขาไม่ทันตั้งตัว

“ปัง!” เสียงดังสนั่นดังขึ้นครั้งหนึ่ง

มุกยักษ์สีเหลืองเข้มขนาดเท่าตึกปรากฏขึ้นหลังร่างของหลิ่วหมิง ผิวของมันเปล่งแสงสว่างจ้าทำให้ความเร็วของหนวดเนื้อสีเทาเชื่องช้าลงก่อนที่พวกมันจะทยอยหวดลงมา มุกบรรพตธารานั่นเอง

พลังมหาศาลสายหนึ่งส่งผ่านมาจากมุกบรรพตธารา ร่างของหลิ่วหมิงสะท้านแผ่วเบา แต่กายเนื้อยามนี้ของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่งจึงไม่ได้รับผลกระทบเท่าใด เขาหันกลับไปมองไส้เดือนระดับดาราพยากรณ์แล้วโบกมือข้างหนึ่ง

“บึ๊ม!”

ผิวของมุกบรรพตธาราระเบิดไอหมอกสีเหลืองเข้มสายหนึ่งออกมาล้อมร่างกายของเขากับเจียหลานเอาไว้ ไอหมอกสีเหลืองปั่นป่วนอยู่ครู่หนึ่งก็หายไปไร้ร่องรอย ก่อนที่อึดใจต่อมาจะปรากฏห่างออกไปร้อยจั้ง

ไส้เดือนดวงตาทอประกายดุร้าย กำลังจะโจมตีหลิ่วหมิงอีกครั้ง ทว่าทันใดนั้นอากาศเหนือหัวของมันก็สั่นไหว วงล้อกลมสีทองวงหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วหมุนเร็วไวร่วงลงมาพร้อมกับคมดาบแสงสีทองนับไม่ถ้วนฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง

วิ้ง!

ไส้เดือนอ้าปากพ่นลำแสงสีเทาหนาเส้นหนึ่งออกมาอีกครั้ง มันปะทะกับวงล้อสีทองเกิดเสียงดังกัมปนาท

วงล้อสีทองครวญครางครั้งหนึ่งก็ถูกโจมตีปลิวออกไปในครั้งเดียว

คุนอวี้ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าไม่ไกลหน้าซีด จากนั้นเขาจึงแค่นเสียงหยัน อ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งผสานเข้าไปในวงล้อสีทอง พร้อมกับที่มือส่งเคล็ดวิชาหลายสายออกมาปานสายฟ้าแลบ

วงล้อสีทองส่งเสียงอื้ออึงพร้อมกับเปล่งแสงสว่างจ้าทันที มันเปล่งแสงวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นวิหคยักษ์สีทองขนาดสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งกางปีกสองข้างพาคมดาบแสงสีทองนับไม่ถ้วนโถมเข้าใส่ไส้เดือนอย่างดุดันทรงพลัง

พวกซ่างกวนเยียนอวี่ที่อยู่ห่างออกไปในที่สุดก็ได้สติ หลังจากทยอยตั้งหลักได้ก็ส่งการโจมตีมาจากไกลๆ

ห่วงพยัคฆ์คำรามในมือซ่างกวนเยี่ยนอวี่เปล่งแสงสีแดงฉาน คลื่นเสียงสีแดงฉานหนาหนึ่งจั้งกว่าลูกหนึ่งพุ่งเข้าโจมตีไส้เดือนเสียงดังสนั่น

หลิงอีอีไม่ได้ใช้พลังเรียกเส้นไหมเรียวเล็กสีฟ้าออกมาอีก แต่เรียกอาวุธเวททรงดอกบัวสีฟ้าสองดอกออกมา กลีบบุปผานับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากด้านในพร้อมกับแผ่ไอเย็นที่ชวนให้คนหวาดหวั่น

หลงเหยียนเฟยสะบัดแขนเสื้อ แสงกระบี่สีเงินอันดุดันสายหนึ่งซัดออกมาแล้วหายวับไป ชั่วอึดใจต่อมาก็เกิดระลอกคลื่นไม่ไกลด้านหน้าของไส้เดือน จากนั้นเส้นสีเงินเส้นหนึ่งพลันปรากฏขึ้น กระบี่บินยาวเรียวสีเงินเล่มหนึ่งเผยโฉมพร้อมแผ่ไอจิตวิญญาณอันน่าตกตะลึง ก่อนจะฟันลงมาอย่างรุนแรง

เผชิญหน้ากับการโจมตีมากมายเช่นนี้ ไส้เดือนกลับไม่หวาดกลัว แสงสีเทาบนร่างเปล่งแสงสว่างจ้า ฉับพลันก่อตัวเป็นเงาไส้เดือนสีเทาขนาดหลายสิบจั้งเป็นทิวแถวอ้าปากพ่นเมฆสีเทาขมุกขมัวผืนหนึ่งออกมา

ทันทีที่การโจมตีของทุกคนสัมผัสถูกเมฆสีเทาก็คล้ายจมลงในบึงโคลน พวกมันเชื่องช้าลงอย่างรวดเร็ว

ทุกคนเห็นเช่นนี้ต่างสูดลมหายใจดังเฮือก

คลื่นเสียงที่ซ่างกวนเยี่ยนอวี่ส่งมากับกลีบบุปผาสีฟ้าของหลิงอีอีจมหายเข้าไปในเมฆสีเทาราวกับถูกเมฆสีเทากลืนกิน ไม่เกิดคลื่นสั่นไหวใดทั้งสิ้น การโจมตีของศิษย์คนอื่นยิ่งไม่ได้ผลเสียยิ่งกว่า

วิหคยักษ์ที่วงล้อสีทองของคุนอวี้สร้างขึ้นมากับกระบี่บินพลังจิตวิญญาณของหลงเหยียนเฟยยังพุ่งตัดเมฆสีเทาไปได้ ทว่าความเร็วช้าลงเรื่อยๆ

“ระวังเมฆสีเทาพวกนี้ มันดูดกลืนพลังเวทที่แฝงอยู่ในอาวุธเวทได้” เงาดำปรากฏตัวขึ้น ร่างของหลิ่วหมิงโผล่มาเบื้องหน้าทุกคนแล้วเอ่ยอย่างเร็วไว

เขาส่งเจียหลานไว้ตรงจุดที่ค่อนข้างปลอดภัยไกลออกมาจุดหนึ่ง จากนั้นเหาะขึ้นฟ้ามาช่วยเสริมกำลังทันที

พวกคุนอวี้เองก็รู้สึกถึงความผิดปกติอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำเตือนของหลิ่วหมิงก็เข้าใจทันที

ทั้งสองรีบใช้เคล็ดวิชา หวังจะเรียกอาวุธเวทของตนกลับมา คิดไม่ถึงยามนี้ก้อนเมฆสีเทากลับเริ่มเคลื่อนวน พลังเวทในอาวุธของทั้งสองคนถูกกลืนกินเข้าไปจำนวนมาก การเคลื่อนไหวที่เดิมทีเชื่องช้าอยู่บ้าง เวลานี้กลายเป็นหมุนคว้างอย่างไร้การควบคุมอยู่ท่ามกลางกลุ่มเมฆ

ไส้เดือนอ้าปากกว้าง สูบกลุ่มเมฆสีเทาลงไปในท้องประหนึ่งวาฬสูบน้ำ

หลงเหยียนเฟยสีหน้าซีดเผือดในพริบตา กระบี่บินพลังจิตวิญญาณเล่มนี้เป็นอาวุธประจำกายที่นางทุ่มเทความตั้งใจลงไปนับไม่ถ้วน หากเสียไปเช่นนี้มิต่างจากตัดแขนนางไปข้างหนึ่ง

คุนอวี้ก็หน้าเขียวเล็กน้อย เห็นชัดว่าวงล้อสีทองชิ้นนั้นเป็นอาวุธที่สำคัญยิ่งยวดต่อเขาเช่นกัน!

หลังจากไส้เดือนสูบอาวุธทั้งสองไปแล้ว มันจึงหันหน้าไปมองหลิ่วหมิงแล้วคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ร่างกายมหึมาลอยขึ้นฟ้าโถมเข้ามาอย่างฉับพลัน

หลิ่วหมิงสีหน้าถมึงทึง ปลายเท้าสะกิดส่งร่างพุ่งถอย คนอื่นก็สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลันด้วย พวกเขาต่างหนีกระเจิงไปรอบด้านทันที

ทันใดนั้นหนวดเนื้อที่เรียงรายเป็นแถวบนแผ่นหลังของไส้เดือนก็ตั้งตรงประหนึ่งหนามแหลมแท่งแล้วเท่งเล่า จากนั้นเสียงแหวกอากาศพลันดังสนั่น เส้นใยสีเทานับไม่ถ้วนพุ่งพรวดออกมาจากในนั้นแล้วล้อมบริเวณรัศมีร้อยจั้ง ครอบพวกหลิ่วหมิงไว้ด้านในทั้งหมด

ต่อจากนั้นเสียงฟู่ก็ดังขึ้นติดกัน!

เส้นใยเรียวเล็กทั่วท้องฟ้ารัดทุกคนไว้ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

พวกคุนอวี้หน้าถอดสี เส้นใยเรียวสีเทาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะโคจรพลังเวททั่วร่างอย่างไรก็ไม่อาจสลัดหลุดได้แม้แต่น้อย

สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือเงามืดที่ฉับพลันพาดทับเหนือศีรษะของทุกคน ร่างกายมหึมาของไส้เดือนโถมมาถึงตรงหน้าแล้ว

ดวงตาของคุนอวี้ทอประกายเด็ดเดี่ยว เขาพลิกมือเรียกพัดขนนกสีแดงเล่มหนึ่งออกมาสะบัดอย่างว่องไวหลายครั้ง เปลวเพลิงสีแดงฉานสิบกว่าลูกพุ่งออกมาต่อกันเป็นสาย ในเวลาเดียวกันมืออีกข้างพลันคว้ากำอากาศ กระบี่ยาวสีแดงฉานเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วฟันผ่านอากาศ ฟาดฟันปราณกระบี่อัคคีสีแดงฉานสิบกว่าเส้นสะบั้นเส้นใยสีเทาที่รัดพันอยู่บนร่าง

การโจมตีธาตุไฟน่าจะข่มปราณธาตุหยินที่แมลงระดับดาราพยากรณ์ตัวนี้แผ่ออกมาได้

ซ่างกวนเยี่ยนอวี หลิงอีอี หลงเหยียนเฟยสามคนต่างเอาอย่างเขา รีบเรียกการโจมตีนานาชนิดออกมาหมายช่วยเหลือตนเอง

ภาพประหลาดพลันบังเกิด!

ไม่ว่าลูกบอลเพลิงหรือปราณกระบี่ หรือการโจมตีอื่นใด ทันทีที่สัมผัสถูกเส้นใยเรียวสีเทาเหล่านี้ พลังเวทกลับถูกดูดกลืนสิ้นในพริบตาจนสลายไปกลางอากาศ

พวกเขาเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมาในทันใด

ในตอนนี้เองประกายแสงสีน้ำเงินก็ปรากฏ สัตว์ประหลาดสีน้ำเงินที่มีร่างกึ่งจริงกึ่งร่างเงาขนาดหลายจั้งตัวหนึ่งปรากฏตัวเบื้องหน้าทุกคน จากนั้นกลายเป็นแสงสีน้ำเงินเส้นหนึ่งพุ่งเข้าใส่ไส้เดือน

ร่างกายสองร่างที่ขนาดเทียบกันไม่ได้อย่างสิ้นเชิงปะทะกันดังสนั่น

“ตึง!” เสียงหนักๆ ดังขึ้นหนึ่งครั้ง

ร่างกายของวัวสีน้ำเงินประหลาดสั่นสะท้านถอยตึงๆ ไปข้างหลังหลายก้าวกว่าจะทรงตัวได้

ส่วนไส้เดือนเพียงชะงักไปชั่ววูบ ร่างกายที่ดิ่งลงมาหยุดลงกะทันหัน ร่างกายมหึมาสะบัดไปมาครั้งเดียวก็ตั้งหลักได้

ในตอนนี้เองอากาศด้านหลังร่างมันพลันสั่นไหว ร่างกายของหลิ่วหมิงปรากฏตัวขึ้นดุจภูตพราย ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ มือข้างหนึ่งยกขึ้นโบก แสงสีเหลืองส่องสว่าง มุกกลมสีเหลืองเข้มสิบสองเม็ดปรากฏออกมาทั้งหมด จากนั้นนิ้วจึงจี้ดรรชนีอย่างรวดเร็ว แรงกดอากาศหนักอึ้งโถมทับไส้เดือน

ดวงตาของไส้เดือนฉายแววตกตะลึง แม้ไม่รู้ว่ามนุษย์ผู้นี้หนีรอดจากพันธการของเส้นใยสีเทาที่มันพ่นออกมาได้อย่างไร แต่แรงกดดันจิตวิญญาณที่แผ่ออกมาจากมุกบรรพตธาราทำให้มันรู้สึกอันตรายอย่างยิ่ง

มันคำรามลั่นในทันใด หนวดเนื้อบนแผ่นหลังเปล่งแสงสีเทาแล้วยิงเส้นใยสีเทาเรียวเล็กออกมาอีกผืนใหญ่ ถักทอเป็นตาข่ายสีเทาขนาดยักษ์ผืนหนึ่งม้วนรวบเข้าหาหลิ่วหมิงกับมุกกลมสีเหลืองเข้มสิบสองลูก หางสะบัดครั้งเดียวกลายเป็นเงาแส้พร่าเลือนไม่ชัดจำนวนหนึ่งหวดเข้าใส่วัวสีน้ำเงินประหลาดตรงหน้าอย่างรุนแรง

วัวสีน้ำเงินร่างกายไม่ใหญ่โต แต่มันรู้สึกถึงภัยคุกคามที่เหนือกว่าหลิ่วหมิงและมุกเหล่านั้น

หลังจากเงาแส้สีดำที่ฟาดออกมาทีหลังหวดลงบนร่างวัวสีน้ำเงินก่อน ร่างกายของมันก็ส่งเสียงดังบึ๊มระเบิดกลายเป็นไอหมอกสีน้ำเงินมากมายในทันที

ตอนนี้เองมุมปากของหลิ่วหมิงจึงยกขึ้นน้อยๆ แล้วสะบัดมือข้างหนึ่ง ไอหมอกสีน้ำเงินทั่วท้องฟ้าลอยม้วนเข้ามาประหนึ่งมีจิตวิญญาณ

ทันทีที่เส้นใยสีเทาสัมผัสถูกไอหมอกสีน้ำเงินก็ละลายอย่างเร็วไวประหนึ่งหิมะต้องแสงตะวันฤดูใบไม้ผลิ

นิ้วของหลิ่วหมิงเคลื่อนไหวประหนึ่งกงล้อส่งเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกไป มุกบรรพตธาราทั้งสิบสองลูกเปล่งแสงสว่างจ้า บดขยี้แสงสีเทาที่ปกป้องรอบร่างไส้เดือนอย่างหนักหน่วง

เหตุการณ์พลิกผันไวยิ่งนัก แม้ไส้เดือนอยากหลบก็สายไปเสียแล้ว มุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดร่วงลงมาตามต่อกันพร้อมเสียงดังสนั่น

ไส้เดือนกรีดร้องโหยหวน ร่างกายมโหฬารถูกอัดร่วงจากท้องฟ้า กระแทกพื้นดินอย่างหนักหน่วงจนเกิดหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่งในทันใด

พลังโจมตีของมุกบรรพตธาราทรงพลังปานใด แล้วยังโจมตีต่อเนื่องสิบสองลูกในคราเดียว!

ผิวยับย่นที่แข็งแกร่งประหนึ่งเหล็กกล้าของแมลงยักษ์ฉีกขาดหลายแห่งทันที หนวดเนื้อถูกกระแทกขาดด้วนไม่น้อย เลือดสีเขียวพ่นออกจากปากหลายครั้งติดกัน ดูแล้วบาดเจ็บไม่เบา

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ
Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset