ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 1171 ศึกตัดสิน (5)

ฝนพิษโปรยผ่านที่ใด แมลงระดับล่างที่พลังต่ำกว่าระดับผลึกนับไม่ถ้วนล้วนบาดเจ็บล้มตายภายในเวลาเพียงชั่วครู่

พริบตาเดียวจุดที่พวกหลิ่วหมิง ฉิวหลงจื่อกับผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ร้อยกว่าคนเหาะผ่านก็มีซากศพแมลงระดับล่างหลากสีหลายรูปแบบกองพะเนินอยู่บนพื้น

แต่จำนวนเท่านี้สำหรับกองทัพแมลงมากมายหลายล้านเรียกได้ว่าเป็นเพียงขนวัวเส้นหนึ่ง ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นถูกแมลงฝูงใหญ่ที่ตามมาด้านหลังเติมจนเต็มในครู่เดียว

ศพของแมลงระดับล่างจำนวนมากย่อมดึงดูดแมลงที่เพิ่งมาถึงรอบด้านให้กัดกินอย่างตะกละตะกลาม

แต่การเลื่อนระดับที่พวกมันจินตนาการไว้กลับไม่เกิดขึ้น ตรงกันข้ามหลังจากแมลงระดับกลางและระดับล่างเหล่านี้กัดกินศพแมลงระดับล่างที่ต้องพิษตาย พวกมันก็ชักกระแด่วล้มลงกับพื้นในพริบตาตามด้วย ยังไม่ทันตายสนิทก็ถูกแมลงที่มาใหม่รุมเข้ามาแย่งกันกัดกินจนไม่เหลือซากอีกหน

นับตั้งแต่พวกหลิ่วหมิงเริ่มกระจายพิษร้าย เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งก้านธูปแมลงระดับล่างที่กัดกินพวกเดียวกันจนต้องพิษตายก็มากกว่าจำนวนเผ่าหนอนผีเสื้อที่ต้องพิษตายโดยตรงก่อนหน้านี้ไกลโพ้น จำนวนมากมายมหาศาลถึงสองสามแสนตัว นอกจากนี้แมลงที่ล้มตายอยู่บนพื้นก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่ออาณาเขตที่แมลงระดับล่างล้มตายขยายกว้างขึ้น แมลงระดับสูงที่สู้ติดพันอยู่กับผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ในที่สุดก็เข้าใจความหนักหนาของสถานการณ์

แมลงระดับแก่นแท้ขึ้นไปเปล่งเสียงร้องประหลาดสั้นยาวไม่เท่ากันออกมาทันที!

แมลงระดับล่างด้านล่างได้ยินเสียงพลันหยุดชะงักคล้ายได้รับคำสั่งอะไรบางอย่าง พวกมันเผยสีหน้าหวาดผวาแล้วพากันมองเมินพรรคพวกที่ต้องพิษตายตรงหน้า จากนั้นโถมเข้าใส่จุดที่พวกหลิ่วหมิงอยู่อีกครั้ง

ในตอนนี้เองท้องนภาพลันบิดเบี้ยว แสงสีเทาสว่างขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้นเงาร่างสีเทาร่างหนึ่งก็ปรากฏตัว

เงาร่างค่อยๆ ชัดขึ้นจนเผยให้เห็นใบหน้าสี่เหลี่ยมดูธรรมดาสามัญ เขาก็คือปรมาจารย์เสวียนอวี๋หนึ่งในสี่ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ของนิกายยอดบริสุทธิ์ที่ซ่อนเร้นกายไม่ปรากฏตัวมาตลอดนั่นเอง

เขาไม่คิดสักนิดก็ยกมือขึ้น แสงสีขาวสายหนึ่งก่อตัวกลางฝ่ามือ จากนั้นแตรกระดูกสีขาวนวลชิ้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา

แตรกระดูกแลดูประณีตวิจิตร ด้านบนสลักยันต์มากมายถี่ยิบไว้นับไม่ถ้วน บนผิวทอแสงสีดำลึกล้ำไหลวนไม่หยุด เหมือนกับว่าหากเหลือบมองมันสักแวบจะถูกมันสูบวิญญาณไปทันที

ของสิ่งนี้ก็คือแตรเสียงมายาที่สร้างจากกระดูกกะโหลกของร่างแยกราชินีหนอนผีเสื้อร่างหนึ่ง

ปรมาจารย์เสวียนอวี๋สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มือขวายกแตรเสียงมายาจรดริมฝีปากแผ่วเบา จากนั้นส่งลมหายใจหนักแน่นที่สอดแทรกด้วยพลังเวทบริสุทธิ์เข้าไปที่แตรในมืออย่างบ้าคลั่ง

“ฮูม”

เสียงแตรทุ้มนุ่มนวลดังชัดบนฟากฟ้า คลื่นเสียงล่องหนวงแล้ววงเล่ากลายเป็นคลื่นยักษ์ถาโถมออกไปสี่ด้านแปดทิศโดยมีปรมาจารย์เสวียนอวี๋เป็นศูนย์กลาง

อาวุธเวทที่สร้างจากกระดูกของแมลงระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ เมื่อได้ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ใช้ พลังเยี่ยมยอดปานใด พริบตาเดียวครอบคลุมไกลพันลี้

แม้เสียงนี้จะไม่ก้องกังวานสักเท่าใด แต่เสียงคำรามของเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงกลับถูกมันกลบหายไปอย่างแปลกประหลาด จนไม่ได้ยินแม้แต่น้อย

เมื่อเสียงของแตรเสียงมายาดังลอยไปไกล ดวงตาของแมลงระดับล่างเหล่านั้นก็เผยแววตากระหายเลือดออกมาอีกครั้ง พวกมันหลุดจากการควบคุมของแมลงระดับสูงแล้วโถมเข้ากัดกินศพแมลงที่เห็นต่อ

ยาพิษแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว กองทัพแมลงทั้งหมดตกสู่ความโกลาหลอีกครั้ง

แมลงระดับแก่นแท้เห็นสถานการณ์แต่ไร้หนทางจัดการปรมาจารย์เสวียนอวี๋ผู้เหาะสูงอยู่บนฟ้าจนเอื้อมไม่ถึง พวกมันจึงได้พุ่งเข้าใส่หน่วยวางยาพิษอย่างโกรธแค้น พยายามจะหยุดกลุ่มผู้ฝึกฝนที่กำลังวางยาพิษ

การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ หน่วยวางยาพิษล้มตายมากขึ้นทุกที

ลึกเข้าไปในกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อ แสงสีดำสายหนึ่งส่องสว่าง เงาดำสี่ร่างกลุ้มรุมเผ่ามนุษย์ร่างกำยำคนหนึ่งไม่หยุด

เงาดำสี่ร่างนี้ก็คือแมลงร่างกึ่งมนุษย์ที่แผ่ลมปราณระดับแก่นแท้ขั้นปลายสี่ตัว

ตัวหนึ่งมีดวงตาสีแดงก่ำสามดวง อีกตัวหนึ่งมีเขายาวสีดำสนิทงอกอยู่บนหัว ส่วนสองตัวสุดท้ายคือแมลงท้องโตเปลือกสีเขียวที่มีหนามแหลมคมงอกอยู่รอบตัว

แมลงยักษ์เผ่าหนอนผีเสื้อสี่ตัวนี้ว่องไวนิ่งนัก เมื่อประสานงานกันก็ยิ่งลงมือได้โหดเหี้ยม

แต่มนุษย์ร่างกำยำที่ถูกรุมโจมตีอยู่ก็ใช้กระบี่บินสีทองในมือได้ล้ำเลิศ เขาสร้างม่านกระบี่สีทองขมุกขมัวผืนหนึ่งปกป้องรอบร่าง แลดูจัดการแมลงสี่ตัวที่ล้อมอยู่ได้อย่างสบายๆ ไม่ตกเป็นรองสักนิด

เขาผู้นี้มิใช่ใครอื่น เขาก็คือฉิวหลงจื่อศิษย์ลับแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์นั่นเอง!

เมื่อเห็นว่าไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้ แมลงสามตาจึงโกรธจัด ดวงตาข้างที่สามบนหน้าผากเปิดออกแล้วยิงลำแสงสีแดงฉานหนาเท่าชามข้าวสายหนึ่งเข้าใส่ม่านแสงสีทอง

ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ เคล็ดวิชากระบี่ที่มือจึงเปลี่ยนทันทีเหมือนเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว กระบี่ยาวในมือฉับพลันกลายเป็นแสงกระบี่สีทองขนาดมหึมาสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า

ชั่วขณะที่ลำแสงสีแดงฉานกับแสงกระบี่สีทองกำลังจะสัมผัสกัน

แสงกระบี่สีทองก็สั่นสะท้านแผ่วเบาแล้วกลายเป็นเงากระบี่อันน่าตกตะลึงสิบกว่าสายในพริบตาส่วนน้อยในนั้นพุ่งลงบนลำแสงสีแดงฉาน ทำให้พวกมันเปล่งแสงสีดำวูบหนึ่งแล้วหายไปทันที

เงากระบี่ส่วนใหญ่ที่เหลือเลี้ยวเปลี่ยนทิศฟันเข้าใส่แมลงสามตา ทั้งยังรวมตัวกันระหว่างทางกลายเป็นอสรพิษยักษ์สีทองประหนึ่งมีชีวิตตัวหนึ่งกลางอากาศอย่างฉับพลัน

เสียงประดุจโลหะถูกกรีดขาดดังขึ้นตามมาด้วยเสียง “พรึ่บ!”

ร่างกายของแมลงสามตาถูกอสรพิษสีทองทะลวงผ่านประหนึ่งกระดาษ ฝนโลหิตสาดกระจายเต็มท้องฟ้า

แมลงเปลือกสีเขียวอีกตัวหนึ่งคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ไม่รู้มันใช้วิชาประหลาดอันใดขยับตัวหายวับจากที่เดิมมาปรากฏตัวใกล้ด้านหลังของฉิวหลงจื่อราวกับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา

ฉึบ! เกิดเสียงดังสนั่น

หนามแหลมบนเปลือกสีเขียวพุ่งพรวดออกมา วาดผ่านอากาศเป็นเส้นสีดำเส้นแล้วเส้นเล่าทิ่มแทงเข้าใส่ฉิวหลงจื่ออย่างโหดเหี้ยม

ฉิวหลงจื่อไม่ทันป้องกัน เมื่อคิดจะหลบก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว เขาหน้าเสียแล้วทำได้เพียงเร่งเร้าแสงจิตวิญญาณรอบร่างเตรียมฝืนรับการโจมตีครั้งนี้

ในตอนนี้เอง ด้านหลังพลันเกิดเรื่องไม่คาดคิด!

ได้ยินเสียง “วิ้ง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง จากนั้นแสงเรืองรองสีเขียวครามแถบใหญ่ก็ครอบแมลงเปลือกสีเขียวด้านหลังเอาไว้แล้วล้อมทั้งร่างของมันไว้ด้านใน

วัวสีน้ำเงินขนาดมหึมาหน้าตาดุร้ายที่ราวกับมีร่างจริงตัวหนึ่งเหาะมาถึงอย่างเงียบเชียบ!

พริบตาเดียวร่างของเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเขียวที่ถูกแสงสีน้ำเงินห่อหุ้มก็มีควันสีดำสายแล้วสายเล่าลอยขึ้นมา เสียงกรีดร้องแหลมสูงฟังทุกข์ทรมานดังขึ้นไม่ขาดหู

กีบเท้ายักษ์ของวัวสีน้ำเงินกระทืบมาด้านหน้า เสียงทึบหนักดังขึ้นครั้งหนึ่ง เผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกเขียวตัวนั้นก็ถูกวัวสีน้ำเงินเหยียบตายใต้เท้าทันที

หลังจากนั้นวัวสีน้ำเงินจึงอ้าปากแล้วเริ่มฉีกกระชากร่างกายของเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเขียวขนาดมหึมาตัวนั้น…

“จู๋เสิน?”

เมื่อเผ่าหนอนผีเสื้อเขาสีดำอีกตัวที่เหลือมองเห็นวัวสีน้ำเงินชัดกลับหน้าถอดสี ตะโกนออกมาได้คำเดียวก็หมุนตัวหนีในทันใด

ทว่าอึดใจต่อมาลำแสงสีเหลืองทองก็สว่างขึ้นกลางอากาศ หญิงสาวผู้สวมอาภรณ์ตาข่ายสีดำคนหนึ่งปรากฏตัวด้านบน แขนเสื้อยาวสะบัด แสงเรืองรองสีเหลืองเข้มผืนหนึ่งสาดมาถึง นางก็คือเซียเอ๋อร์ที่ไม่รู้ว่าซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไรนั่นเอง

ทันทีที่ร่างกายมหึมาของเผ่าหนอนผีเสื้อเขาสีดำถูกแสงเรืองรองสีทองนี้สัมผัส ร่างกายพลันส่งเสียงดังชี่ มันกรีดร้องเสียงประหลาดรีบพุ่งถอยในทันใด

หญิงสาวชุดตาข่ายสีดำเห็นเช่นนี้ย่อมทะยานร่างไล่ตาม

แทบจะในเวลาเดียวกัน หลิ่วหมิงก็พุ่งพรวดออกมาจากฝูงแมลงอันแน่นขนัด แล้วขวางหน้าเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกเขียวตัวสุดท้ายเอาไว้

เขายกมือข้างขวาขึ้นเพียงข้างเดียว กระบี่ขู่หลุนก็พุ่งออกมา แสงกระบี่สีม่วงพาเสียงหวีดแหลมดังยาวฟันเฉียงลงบนร่างเผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเขียว

เผ่าหนอนผีเสื้อเปลือกสีเขียวกรีดร้องเสียงประหลาด ผิวบนร่างปรากฏเกล็ดที่ไม่ทราบว่าทำจากสิ่งใดชั้นหนึ่ง แต่เมื่อกระบี่ยักษ์สีม่วงที่เปล่งแสงอสนีบาตฟันลงมากลับเสมือนไม่มีสิ่งใดอยู่ แสงสีม่วงสว่างวาบตรงบั่นเอววูบหนึ่ง ร่างกายพลันกลายเป็นสองท่อนล้มหงายลงบนพื้น ฝนโลหิตผืนใหญ่โปรยปรายลงเบื้องล่าง

นับตั้งแต่วัวสีน้ำเงินปรากฏตัวจนกระทั่งหลิ่วหมิงลงมือ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า

ฉิวหลงจื่อเห็นเช่นนี้ทั้งตกตะลึงทั้งยินดี!

แม้เขาเคยได้ยินมานานแล้วว่าพลังของหลิ่วหมิงต่อสู้กับแมลงระดับดาราพยากรณ์ได้ แต่ยังไม่เคยประจักษ์กับตามาก่อน ในใจย่อมไม่อาจเชื่อได้เต็มที่มาตลอด แต่วันนี้ได้เห็นเขากับอสูรเลี้ยงลงมือเองกับตาตน ในใจย่อมไม่เหลือข้อสงสัยสักเท่าใดแล้ว

แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลาสนทนาปราศรัยกัน เขาพยักหน้าให้หลิ่วหมิง จากนั้นมือข้างหนึ่งก็กวักเรียกกระบี่ยาวสีทองที่อยู่ไกลๆ กลับมา แล้วพุ่งเข้าไปสังหารเผ่าหนอนผีเสื้อต่อ

“นายท่าน กองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อมากมายเหลือเกิน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่า…”

แสงสีเหลืองสว่างวูบข้างกายหลิ่วหมิงก่อนที่ร่างมนุษย์ของเซียเอ๋อร์จะปรากฏตัวขึ้นด้านข้าง นางโยนหัวแมลงยักษ์หัวหนึ่งที่ถือไว้ในมือทิ้ง

“ไม่ต้องกังวล เผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงใกล้ๆ มีแต่ระดับแก่นแท้เท่านั้น ตอนนี้พวกเราอยู่ลึกเข้ามาในกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อ เจ้าอย่าอยู่ห่างจากข้านักก็พอ” หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ

เซียเอ๋อร์รับคำแผ่วเบา จากนั้นเรือนร่างอรชรพลันเปล่งแสงสีเหลืองเข้มวูบหนึ่งแล้วเร้นกายหายอีกครั้ง

หลังจากหลิ่วหมิงมองรอบด้าน ร่างกายก็เลือนหาย เหาะไปยังอีกจุดหนึ่งที่แมลงอยู่กันหนาแน่น

เขาพลิกฝ่ามือครั้งหนึ่ง ถุงผ้าสีเหลืองตุงนูนถุงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นเขาก็ยกมันขึ้นกลางอากาศ ผงสีเหลืองแถบหนึ่งฉับพลันล่อยละล่องบนท้องฟ้าแล้วแผ่ปกคลุมแมลงชั้นล่างเผ่าหนอนผีเสื้อกลุ่มหนึ่งข้างตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเรื่องที่น่าตกตะลึงก็เกิดขึ้น

ผงเหล่านี้ราวกับมีจิตวิญญาณ พวกมันกระจายตัวแล่นเข้าไปหาแมลงเผ่าหนอนผีเสื้อที่อยู่ด้านหน้า

ทันทีที่แมลงระดับล่างของเผ่าหนอนผีเสื้อสัมผัสถูกผงเหล่านี้ สองตาพลันแดงก่ำ แยกเขี้ยวตวัดกรงเล็บพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างฉับพลัน

หลิ่วหมิงเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว เขาไม่สู้พัวพันนานนัก ร่างกายเปล่งแสงสีดำวูบเดียวก็พาผงสีเหลืองสายหนึ่งเหาะหนีไปยังอีกจุดหนึ่งของกองทัพแมลงที่ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง

เมื่อเป้าหมายที่จะโจมตีหายไป แมลงระดับล่างก็พากันเผยสีหน้าดุร้าย หมุนตัวมาขย้ำพวกเดียวกันที่อยู่ใกล้ๆ อย่างไม่สนใจชีวิต

เวลานี้ศิษย์ลับที่บุกเข้ามาในกองทัพแมลงล้มตายไปเกือบครึ่งแล้ว คนที่เหลือเริ่มปล่อยผงที่ทำให้แมลงเหล่านี้คลุ้มคลั่ง ในเวลาเดียวกันก็ร่วมมือกันสังหารแมลงระดับแก่นแท้ตัวใดก็ตามที่ต้องการจะควบคุมแมลงระดับล่างเพื่อหยุดความโกลาหล

ผงยาคลุ้มคลั่งส่งเสริมฤทธิ์ของยาพิษได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ยาพิษแพร่ลามไปในกองทัพแมลงอีกครั้ง แมลงระดับล่างที่ล้มตายเป็นเบือและความโกลาหลทำให้กองทัพแมลงเสียหายอย่างหนัก แมลงส่วนหนึ่งกลายเป็นซากศพเย็นชืด อีกส่วนหนึ่งกัดขย้ำกันเองอย่างคลุ้มคลั่ง เวลาผ่านไปเพียงไม่นานแมลงระดับกลางกับระดับล่างในกองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อก็สูญเสียกำลังพลไปมากมายนับล้านตัว

เห็นชัดอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ของสงครามเอนเอียงมายังแนวทางที่เบื้องบนของพันธมิตรจงเทียนคาดการณ์เอาไว้…

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ
Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset