ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 298 บุพเพเจ็ดชาติ

หลายวันต่อมา ริมแม่น้ำที่ไหลซัดสาด หญิงมีแผลเป็นบนใบหน้าโยนจดหมายในมือลงแม่น้ำด้วยสีหน้าซึมกระทือ ขณะเดียวกันก็พูดพึมพำออกมา

“ผู้ฝึกฝนอะไรกัน! โลกมายาที่แมลงพิษสร้างขึ้นอะไรกัน! ที่แท้ท่านพี่ก็เป็นบ้าตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ หลิงเอ๋อร์ก็จะไม่โทษท่าน ข้าจะไปอยู่เป็นเพื่อนท่านเดี๋ยวนี้”

พอกล่าวจบก็มีเสียงดัง “ตู๊ม!”

หญิงวัยกลางคนกระโดดลงแม่น้ำอันขุ่นข้น

……

หลิ่วหมิงกับจางซิ่วเหนียงผ่านการเกิดใหม่ในพื้นที่สลัวๆ อยู่หลายครั้ง

ในระหว่างเวลานั้น จางซิ่วเหนียงเกิดเป็นเจ้าหญิง ขอทาน หญิงตกระกรำลำบากและสถานะอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป

ทุกครั้งหลิ่วหมิงจะเกิดเป็นคนที่สนิทกับนางเป็นอย่างมาก นอกจากเป็นสามีภรรยาแล้ว ยังเป็นพ่อลูก พี่น้องเป็นต้น

ทุกครั้งที่หลิ่วหมิงอายุยี่สิบปี จะระลึกเกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองเป็นผู้ฝึกฝนได้

ด้วยเหตุนี้ เขาย่อมใช้วิธีการต่างๆ กระตุ้นจางซิ่วเหนียง เพื่อหวังว่านางจะจำสถานะที่แท้จริงของตนเองได้

ในระหว่างนี้ มีสองครั้งที่หลิ่วหมิงเกือบทำสำเร็จ

แต่น่าเสียดายที่ถูกเงาร่างแมลงพิษยักษ์ตนนั้น ใช้พายุเย็นสะท้านลบเลือนความจำของจางซิ่วเหนียงกับหลิ่วหมิงจนหมดสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงล้มเหลวมาโดยตลอด

แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกหงุดหงิด แต่ดีที่เงาร่างแมลงยักษ์ไม่สามารถปรากฏออกมาได้โดยง่าย ทุกครั้งที่มันปรากฏออกมา เงาร่างของมันก็จะลางเลือนลงไปมาก

ครั้งที่สามที่มันปรากฏตัวออกมา มันดูลางเลือนไปทั้งตัว และก็ไม่เคยปรากฏออกมาอีกเลย

……

ชาติที่เจ็ด

แม่ทัพหญิงสวมเกราะสีเงินกับชายหนุ่มสวมเกราะสีดำ ต่างก็ปักกระบี่และดาบยาวไว้ตรงจุดตายของฝ่ายตรงข้าม ทั้งสองโอบกอดกัน และกลิ้งลงจากหน้าผาที่สูงชะโงกเงื้อม

ทั้งสองตกลงบนกองหญ้าแห้งหนาๆ มือเท้าทั้งสี่คลายตัวออกจากฝ่ายตรงข้าม

แม้ว่าชายหนุ่มจะถูกฝ่ายตรงข้ามแทงหน้าอก แต่เขากลับจ้องมองแม่ทัพหญิงองอาจที่อยู่ไม่ไกลด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม

ส่วนหญิงสาว แม้จะหายใจรวยริน แต่สายตาที่จ้องมองชายหนุ่มกลับเต็มไปด้วยความแปลกใจ ขณะที่กำลังขยับปากจะพูดอะไรออกมานั้น ท้องฟ้าก็พลันมืดลง น้ำเสียงแหลมเศร้ากำสรดดังมาจากท้องฟ้า

จากนั้นฝนโลหิตไร้ขอบเขตก็สาดลงมา จนดูเหมือนจะปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของโลกใบนี้

แต่ที่ไม่คาดคิดก็คือ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ พอสัมผัสโดนฝนโลหิตก็ละลายไปในพริบตา

แต่แสงสีขาวปรากฏออกมาปกคลุมร่างของแม่ทัพหญิงกับชายหนุ่มเกราะดำไว้ ทำให้ฝนโลหิตตกลงบนนั้น และไหลลงไปด้านข้าง

“สหายหลิ่ว ครั้งนี้ต้องชื่นชมเจ้าแล้ว” แม่ทัพหญิงเกราะเงินเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่มีสีหน้าประหลาดใจเลย แต่กลับเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมาอย่างสงบ

“ในที่สุดสหายจางก็ฟื้นขึ้นมาสักที ยินดีด้วย! ตอนนี้แมลงพิษตัวนั้นคงโดนทำลายไปแล้ว อีกไม่นานพวกเราคงจะได้ออกไป” ชายหนุ่มเกราะดำตรงหน้าหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา

“อืม! วันที่ข้าฟื้นขึ้นมา คือวันตายของแมลงตัวนี้” หญิงเกราะเงินจ้องมองหลิ่วหมิงแล้วกล่าวด้วยตาที่เป็นประกายเล็กน้อย

ชายหนุ่มเกราะดำหัวเราะฮ่าๆ! และขณะที่กำลังจะถามอะไรบางอย่างนั้น ร่างของทั้งสองก็พร่าวมัวกลายเป็นจุดแสงสีขาวและสลายไป

……

กลางค่ายกลที่อยู่ในห้องโถงใหญ่

จางซิ่วเหนียงที่อยู่บนแท่นหยกร้องครวญครางออกมา เปลือกตาขยับสองสามที และค่อยๆ ลืมขึ้นมา

“สุดยอดไปเลย ศิษย์หลานจางฟื้นแล้ว” พอเหลิ่งเยวี่ยซือไท่และคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ต่างก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

หญิงชุดม่วงที่แสดงวิชาอยู่ ก็ยิ้มออกมาพร้อมเก็บพลังเวทย์เข้าไป ทำให้แผ่นเก้าวัฏจักรจิตวิญญาณที่หมุนวนอยู่เหนือค่ายกลค่อยๆ หยุดลง

หยวนหมัวยิ้มบางๆ แล้วชี้มือข้างหนึ่งไปทางค่ายกล

ทันใดนั้นค่ายกลที่ส่งเสียงดังหวึ่งๆ ก็หยุดชะงักลง แสงทั้งหมดดับลงทันที

เงาร่างสะพานโค้งสีทองที่พาดระหว่างแท่นหยกทั้งสองแตกกระจายไปในพริบตา

ขณะนี้ ศิษย์หญิงนิกายจันทราสวรรค์สองคนก็รีบเข้าไปในค่ายกล คนหนึ่งหยิบโอสถใส่ปากจางซิ่วเหนียง อีกคนก็แปะยันต์เจ็ดแปดผืนลงบนตัวนางท่ามกลางแสงที่เปล่งประกาย

แม้จางซิ่วเหนียงจะหลุดออกจากโลกที่แมลงพิษสร้างขึ้นได้ แต่เวลานานเช่นนี้ ทำให้จิตของนางอ่อนระโหยโรยแรงเป็นอย่างมาก ทั้งยังสูญเสียพลังต้นกำเนิดไปไม่ใช่น้อย ถ้าไม่รีบช่วยเหลือล่ะก็ คงมีผลกระทบตามมาไม่ใช่น้อย

อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหมิงค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากแท่นหยก และหยิบโอสถสีแดงมาทานอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเวลาจริงๆ ผ่านไปแค่ครึ่งวัน แต่สำหรับเขาแล้ว มันเหมือนกับว่าผ่านไปหลายร้อยปีจริงๆ พอสายตากวาดมองผู้คนในห้องแล้ว ก็รู้สึกใจลอยเล็กน้อย

“ครั้งนี้ศิษย์หลานหลิ่วทำได้ดีมาก ช่วยจางซิ่วเหนียงออกมาได้นับว่ามีความดีความชอบเป็นอย่างมาก วางใจเถอะ! เรื่องที่ข้ารับปากเจ้า จะต้องไม่คืนคำอย่างแน่นอน” เย่เทียนเหมยเดินมาทางหลิ่วหมิง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ผู้อาวุโสเย่ชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่ทำอย่างสุดความสามารถเท่านั้น” เพราะหลิ่วหมิงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ต่อให้สภาพจิตใจจะยังไม่ปกติ แต่ก็รีบกระโดดลงจากแท่นหยก และทำการโค้งคารวะ

เย่เทียนเหมยพยักหน้า จากนั้นก็จากไปโดยไม่กล่าวอะไรออกมาเลย

ขณะนี้ อาจารย์อาเยี่ยนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม ขณะเดียวกันก็กล่าวชื่นชมออกมา

หลิ่วหมิงตอบกลับอย่างนอบน้อม จากนั้นก็มองไปทางจางซิ่วเหนียงอย่างอดไม่ได้

นางลุกจากแท่นหยกด้วยใบหน้าซีดขาว และมองมาทางหลิ่วหมิงด้วยเช่นกัน

ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลบสายตาด้วยใจที่สั่นสะท้าน

แม้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกมายาจะเป็นแค่สิ่งว่างเปล่าเลือนลาง แต่ประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตมาด้วยกันเจ็ดชาติ ยังคงติดตาราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

แล้วจะไม่ให้ทั้งสองรู้สึกแปลกๆ ได้อย่างไร

“ดูท่าศิษย์หลานหลิ่วกับเจ้าหนูจางคงผ่านอะไรในโลกมายามาด้วยกันไม่ใช่น้อย” อาจารย์อาเยี่ยนเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม

“ศิษย์เพียงแค่พยายามปลุกศิษย์พี่จางให้ฟื้นอย่างสุดความสามารถเท่านั้น” หลิ่วหมิงตอบด้วยความเคอะเขิน

“เจ้าจะกลัวอะไรกันล่ะ! ข้ากลับคิดว่าเจ้าเด็กจางซิ่วเหนียงเหมาะสมกับเจ้ามาก ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน เป็นเพราะต้องเผชิญหน้าศัตรูอย่างเผ่าเจ้าสมุทร ศิษย์แกนนำของแต่ละนิกายสามารถแต่งงานกันได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี” อาจารย์อาเยี่ยนฟั่นหนวดกล่าว

“อาจารย์อาล้อข้าเล่นแล้ว” หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกใจมาก แต่พอเห็นว่าไม่มีใครได้ยินคำพูดนี้ ถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

“เฮ่อๆ! ศิษย์หลานหลิ่วรู้ไหมว่า แม้ไม่พูดถึงการตอบแทนที่นิกายจันทราสวรรค์ให้สัญญาไว้กับเจ้า แต่การที่ผ่านโลกมายาของแมลงพิษมาได้ถึงเจ็ดชาติ มันมีข้อดีต่อตัวเจ้าเองมาก” อาจารย์อาเยี่ยนกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูลึกลับ

“อาจารย์อาหมายถึง……” หลิ่วหมิงได้ยินก็ใจเต้นขึ้นมา

“ฮึ! ยังต้องให้ข้าพูดละเอียดอีกหรือ! เจ้าผ่านประสบการณ์มาเช่นนี้ ค้นพบว่าพลังจิตของตนเองมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?” อาจารย์อาเยี่ยนกล่าว

”พลังจิต? เอ๋! พลังจิตของข้าแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก” หลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึงในตอนแรก แต่หลังจากตรวจสอบดูแล้ว ก็ต้องกล่าวออกมาด้วยความดีใจ

พลังจิตของเขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนราวๆ หนึ่งในสี่ส่วน

“นี่เป็นเรื่องปกติ! ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลที่สหายหยวนหมัวตั้งวางไว้ แมลงหลงฝัน หรือแผ่นเก้าวัฏจักรจิตวิญญาณ ล้วนเป็นของล้ำค่ามาก เมื่อนำมันทั้งสามมารวมกัน จะส่งผลดีต่อผู้ที่เข้าไป มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด มิเช่นนั้นข้าจะบอกให้เจ้ามาทั้งๆ ที่รู้ว่าโลกมายาอันตรายเป็นอย่างมากได้อย่างไร” อาจารย์อาเยี่ยนกล่าวอย่างราบเรียบ

“ศิษย์ขอบคุณอาจารย์อาที่ส่งเสริม!” หลิ่วหมิงโค้งตัวกล่าวขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อายุขัยของข้ามีไม่มากแล้ว ต่อไปนิกายปีศาจคงต้องอาศัยพวกเจ้า” อาจารย์อาเยี่ยนเพียงแค่ตบบ่าหลิ่วหมิง หลังจากขยับปากส่งเสียงออกไปสองประโยคแล้ว ก็หันหลังเดินจากไป

“อายุขัยมีไม่มากแล้ว” หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกตกตะลึง

ในเมื่อจางซิ่วเหนียงฟื้นขึ้นมาแล้ว ผู้อาวุโสระดับผลึกของนิกายอื่นๆ ก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป พวกเขาค่อยๆ ทยอยกล่าวลา

หลิ่วหมิงย่อมตามอาจารย์อาเยี่ยนกลับไปที่พักของตนเอง

หลังจากกลับถึงที่พัก เรื่องแรกที่เขาทำคือขึ้นไปนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

ผ่านประสบการณ์ในโลกมายามาหนึ่งรอบ ทำให้จิตใจเขาเหนื่อยล้ามาก จำต้องรีบพักผ่อนอย่างแท้จริงโดยเร็ว

หลิ่วหมิงหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืน

หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา ก็รีบกระโดดลงเตียงแสดงวิชาปล่อยหยดน้ำออกมาเพื่อล้างหน้า หลังจากรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาแล้ว ก็นั่งขัดสมาธิลงบนเบาะกลมๆ

หลิ่วหมิงไม่ได้ปรับแต่งอาวุธจิตวิญญาณของตนเองต่อในทันที แต่กลับทำท่ามือด้วยมือทั้งสอง และเข้าฌานอย่างเงียบๆ

หลังจากที่เขาผ่านโลกมายามาหลายชาติ แม้ว่าพลังจิตจะเพิ่มขึ้นมามาก แต่สภาพจิตใจยังไม่ค่อยมั่นคง จำต้องทำให้มันมั่นคงถึงจะได้

สามวันต่อมา ขณะที่หลิ่วหมิงลืมตาทั้งสองขึ้นนั้น ดวงตาทั้งคู่ก็ใสแจ๋วเป็นอย่างมาก

เวลาต่อมา เขาก็ปรับแต่งกระบี่จันทราทองคำกับมุกสีดำอยู่ในห้อง

ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกฝนระดับสูงของนิกายปีศาจ หยวนหมัว และผู้แข็งแกร่งในอวิ๋นชวนกลับรวมตัวกัน ดูเหมือนว่ากำลังหารือเรื่องสำคัญอะไรอยู่

ครึ่งเดือนต่อมา กองกำลังใหญ่ของแต่ละนิกายในเมืองยักษ์ ต่างก็กล่าวลาและทำการเคลื่อนพล เหลือทิ้งไว้แค่ศิษย์ที่แต่ละนิกายนัดหมายไว้เท่านั้น

ในวันนี้ ประมุขนิกายปีศาจเริ่มเรียกรวมตัวบรรดาศิษย์ เพื่อเตรียมกลับนิกายของตนเอง

หลิ่วหมิง เกาชง หยางเฉียน และคนอื่นๆ ต่างก็กลับนิกาย

ครึ่งวันต่อมา เรือเหาะจำนวนมากก็พุ่งขึ้นจากเมืองยักษ์ ประมุขนิกายปีศาจ และคนจำนวนมาก ต่างก็พากันพุ่งกลับไปยังทิศทางที่จากมาในตอนแรก

สามเดือนต่อมา หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ก็กลับถึงนิกายปีศาจ

พอศิษย์ที่ดูแลนิกายอยู่ทราบข่าว ก็เปิดผนึกที่ปกคลุมนิกายไว้ เพื่อต้อนรับกองกำลังที่ได้รับชัยชนะกลับมา

มีพิธีเฉลิมฉลองใหญ่โตติดต่อกันนานหลายวัน เพื่อให้ศิษย์ทั้งหมดได้เฉลิมฉลองกันซักพักหนึ่ง จากนั้นถึงได้สิ้นสุดลง

สิบกว่าวันต่อมา นิกายปีศาจก็กลับมาสงบเช่นเดิม

………………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset