ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 373 เคราะห์ของระดับผลึก

ได้ยินชิงฉินกับชื่อลี่กล่าวเช่นนี้ แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป แน่นอนว่ามีคนจำนวนไม่น้อยรู้สึกแค้นเคืองยิ่งกว่าเดิม

ราชาปีศาจสมุทรโบกมือไปทางด้านหลังแล้วกล่าวอย่างราบเรียบ

“วางใจเถอะ! หนึ่งฝ่ามือที่ข้าพูดถึงใช้พลังเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเจ้ายังรับฝ่ามือข้าไม่ได้ล่ะก็ ข้าจะเก็บพวกเจ้าไว้ทำไม”

พอคำพูดนี้ออกจากปาก ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกส่วนมากต่างก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง

และพออู่เหยียนได้ยินเช่น ก็หรี่ตาทั้งคู่แล้วกล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้ข้าเป็นคนรับฝ่ามือของท่านก่อนเถอะ!”

กล่าวยังไม่ทันจบ อู่เหยียนก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสอง และปล่อยอักขระสีดำออกมา มันกระพริบเข้าไปในร่างหุ่นวิหคยักษ์ที่อยู่ใต้เท้า

เมื่ออักขระทะลักเข้าไป กลิ่นไอก็ประทุออกจากร่างหุ่นวิหคยักษ์อย่างบ้าคลั่ง ซึ่งมันไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งระดับผลึกเลย

พอมันกระพือปีกทั้งสอง จะเห็นว่าขนที่อยู่บนนั้นแหลมคมราวกับลูกธนู และยังแผ่แสงทรงกลดออกมาจางๆ

เกิดเสียงดังขึ้นเบาๆ!

สายรุ้งยาวสีดำที่กลายร่างมาจากหุ่นวิหคยักษ์ พุ่งเข้าใส่ราชาปีศาจสมุทร

ราชาปีศาจสมุทรเห็นอู่เหยียนมีความเด็ดขาดเช่นนี้ ก็แสดงความชื่นชมออกมาทางแววตา ทันทีที่หุ่นวิหคยักษ์เข้าใกล้นั้น เขาก็โบกมือขวาไปทางอากาศ พริบตาเดียวปราณจิตวิญญาณก็ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์ร้อยจั้งคว้าไปทางหุ่นวิหคยักษ์

พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แววตาของอู่เหยียนก็ดูเฉียบขาดขึ้นมา เขาเปลี่ยนท่ามือและตะโกนออกมาทันที “ระเบิด!”

พริบตาที่ฝ่ามือจั้งปะทะกับหุ่นวิหคยักษ์ คลื่นสั่นสะเทือนอันน่าหวาดกลัวก็พุ่งออกจากร่างของหุ่นวิหคยักษ์ มันระเบิดตัวกลางอากาศทันที ก่อให้เกิดคลื่นอากาศจำนวนมาก กดดันจนฝ่ามือยักษ์ค่อยๆ หยุดชะงักลง

พริบตาที่ฝ่ามือยักษ์หยุดชะงักกลางอากาศ ก็มีง่ามยักษ์ยาวหลายจั้งปรากฏขึ้นในมือของอู่เหยียน พอดวงตาทั้งคู่ของเขาเคร่งขรึมขึ้นมา พลังเวทย์ก็พุ่งใส่ง่ามยักษ์อย่างบ้าคลั่ง

ง่ามยักษ์แผ่ลำแสงสีทองออกมาเป็นวงๆ ท่ามกลางลำแสงมีอักขระจำนวนมากหมุนวนไม่หยุด

“สกัดกั้น!”

อู่เหยียนตะโกนออกมาด้วยความโมโห น้ำเสียงราวกับเสียงฟ้าร้อง ขณะเดียวกันก็โบกแขนทั้งสองไปยังด้านหน้า ปราณจิตวิญญาณกลางอากาศค่อยๆ ทะลักเข้าไปในง่ามยักษ์ และกลายเป็นระลอกคลื่นหมุนวนไปรอบๆ

ระลอกคลื่นหมุนวนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ลำแสงสีทองบนง่ามยักษ์สว่างขึ้นกว่าเดิม สุดท้ายก็ก่อตัวเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว พุ่งโจมตีฝ่ามือยักษ์ร้อยจั้ง

แสงโค้งๆ เปล่งประกายลำแสงแสบตาออกมา อากาศบริเวณที่มันเคลื่อนตัวผ่านมีเสียงระเบิดดังออกมา

และฝ่ามือยักษ์ไม่ได้หลบหลีกเลยแม้แต่น้อย มันหันเข้าหาแสงโค้งๆ โดยตรง เมื่อทั้งสองอยู่ห่างกันไม่กี่จั้ง นิ้วมือของมันที่ยาวเกินสองสามจั้ง ก็ค่อยๆ กำเข้าหากัน

“กรอบแกรบ!”

พอเกิดเสียงดังขึ้น ฝ่ามือยักษ์ก็แผ่ลำแสงสีฟ้าจางๆ ออกมา มันกำแสงโค้งๆ สีทองไว้แน่น ทันใดนั้นลำแสงสีทองและสีฟ้าแต่ละลำ ก็บดบังท้องฟ้าจนเป็นสีเดียวกัน

หลิ่วหมิงจ้องมองกลางอากาศด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พอรับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่ง ก็รู้สึกหวาดผวาอย่างอดไม่ได้

ขณะนี้สีหน้าอู่เหยียนกลับค่อยๆ หน้าเสียขึ้นมา

เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า แสงสีทองที่แผ่ออกมาถูกฝ่ามือยักษ์ปกคลุมอย่างรวดเร็ว แต่ที่ทำให้เขาดีใจเล็กน้อยก็คือ กลิ่นไอที่ฝ่ามือยักษ์แผ่ออกมาอ่อนแอกว่าก่อนหน้านั้นมาก

ขณะที่แสงโค้งๆ กำลังจะถูกฝ่ามือยักษ์ขยี้จนแหลกละเอียดนั้น ดวงตาอู่เหยียนก็เปล่งประกายออกมาอย่างเยือกเย็น เขาอ้าปากพ่นลูกศรโลหิตออกมาภายในพริบตา จากนั้นมันก็ส่งเสียงดัง “โพล๊ะ!” แล้วกลายสภาพเป็นหมอกลอยอยู่บริเวณหน้าอกของเขา

เขาทำท่ามือด้วยมือทั้งสอง และปล่อยอักขระสีทองออกมา อักขระสีทองจมเข้าไปในหมอกโลหิต ทำให้หมอกโลหิตพวยพุ่งขึ้นมา พอเขาโบกแขนเสื้อ พายุบ้าระห่ำปะปนด้วยหมอกโลหิตก็ม้วนเข้าหาฝ่ามือยักษ์กลางอากาศ

“ระเบิด!”

อู่เหยียนที่มีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อยยืนอยู่กลางอากาศ เสื้อผ้าโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง แม้จะรู้สึกโมโหแต่ใบหน้าก็ยังน่าเกรงขาม เขายกแขนขวาขึ้นมาแล้วชี้ไปทางฝ่ามือยักษ์เบาๆ

ทันใดนั้น หมอกโลหิตที่ตลบอวลอยู่ก็ก่อตัวขึ้นมา มันแผ่คลื่นสั่นสะเทือนปกคลุมลำแสงสีฟ้าไว้

ฝ่ามือยักษ์ถูกบีบด้วยพลังมหาศาลเช่นนี้ ในที่สุดก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ และกลายเป็นจุดแสงก่อนหายไปในอากาศ

พออู่เหยียนเห็นฝ่ามือยักษ์ถูกทำลาย จิตใจของเขาก็สงบขึ้นมามาก เขาสมกับเป็นผู้นำหนึ่งในสามกลุ่มอิทธิพลใหญ่จริงๆ

ขณะนี้นอกจากจะหายใจหอบเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลย

หลังจากเขากลืนโอสถลงไปหนึ่งเม็ด ก็ยิ่งดูเหมือนไม่เป็นอะไรเลย

เห็นอู่เหยียนไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ ราชาปีศาจสมุทรก็ยิ่งแสดงแววตาชื่นชมมากกว่าเดิม

พอคนอื่นๆ เห็นอู่เหยียนทำลายฝ่ามือยักษ์ได้ ก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

ต่อมาผู้แข็งแกร่งระดับผลึกต่างเผ่าคนหนึ่ง ก็หายวับมาปรากฏต่อหน้าผู้คน และเอ่ยปากกล่าวกับราชาปีศาจสมุทรอย่างนอบน้อม

“ข้าน้อยยินดีรับฝ่ามือของราชาปีศาจสมุทรผู้ยิ่งใหญ่ หวังว่าท่านจะเมตตา!”

ราชาปีศาจสมุทรเห็นเช่นนี้ก็ตาเป็นประกาย รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย เขาโบกแขนเสื้อไปทางอากาศอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น ฝ่ามือยักษ์ร้อยจั้งที่มีแสงสีฟ้าเปล่งประกาย ก็ปรากฏเหนือศีรษะคนผู้นี้

พอเขารับรู้ถึงแรงบีบอัดที่ถาโถมมาจากรอบด้าน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าราชาปีศาจสมุทรคิดจะลงมือก็ลงมือเลย ทำให้เขารับมือไม่ทัน!

ดวงตาของเขาฉายแววเด็ดเดี่ยว จากนั้นก็อ้าปากพ่นลำแสงสีเงินออกมา มันสั่นไหวตามแรงลมจนกลายเป็นล้อเงินขนาดใหญ่ที่สูงสิบกว่าจั้ง และหมุนขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ปะทะใส่ฝ่ามือยักษ์

ล้อเงินระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยเสียงแหลมดัง พลังของฝ่ามือยักษ์ที่ร่วงลงมาไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเพิ่มมากขึ้น

แต่ขณะที่เขาคิดจะกระตุ้นพลังเวทย์ทั่วร่างด้วยความรีบร้อน เพื่อนำอาวุธจิตวิญญาณออกมาป้องกันนั้น สีหน้าหลับซีดขาวขึ้นมา

เพราะเขาค้นพบว่า ภายใต้แรงกดดันของฝ่ามือยักษ์ เขาไม่สามารถกระดิกตัวได้เลยแม้แต่น้อย!

“อย่า!”

เขาเบิกตาจ้องมองฝ่ามือยักษ์ที่โจมตีลงมาอย่างสิ้นหวังและไม่ยินยอม แต่ก็ทำได้แค่พยายามส่งพลังเวทย์ทั่วร่างใส่ปราณแกร่งที่ปกป้องร่างของเขาอยู่ จนกลายเป็นม่านแสงสีเงินคุ้มกันเขาไว้

แต่บรรดากลุ่มคนที่อยู่ที่นั่น ต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย ตอนนี้ถึงเข้าใจว่าพลังเวทย์ส่วนหนึ่งของฝ่ามือยักษ์ ไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ!

“โพล๊ะ!”

ชั่วอึดใจที่ฝ่ามือยักษ์หล่นลงมา ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกผู้นี้ ก็กลายเป็นเนื้อเละๆ ทันที เขาตายอย่างน่าเวทนายิ่งนัก

บรรยากาศรอบด้านเงียบสงบขึ้นมาทันที ทุกคนกลั้นหายใจมองไปยังจุดที่ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกผู้นั้นเสียชีวิต และรู้สึกเย็นยะเยือกในใจ

“ต่อไปใครจะมารับฝ่ามือของข้า?”

น้ำเสียงราบเรียบของชายหนุ่มชุดขาวทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบทันที

ไม่มีใครกล้าก้าวออกไปด้านหน้า สายตาที่มองไปยังชายหนุ่มชุดขาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ชายหนุ่มชุดขาวยังคงมีสีหน้าปกติ ราวกับว่าไม่มีเรื่องใดๆ สามารถทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงได้

หลังจากเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ราชาปีศาจสมุทรเห็นว่ายังไม่มีใครก้าวออกมา กลิ่นไอบนตัวของเขาก็ค่อยๆ เยือกเย็นขึ้น และเขาก็กล่าวออกมาอีกครั้ง

“ในเมื่อไม่มีใครกล้าออกมารับฝ่ามือของข้า ถ้าอย่างนั้นคนที่เหลือก็ไปตายซะเถอะ!”

ได้ยินชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวกล่าวเช่นนี้ หนึ่งในผู้อาวุโสวังเพลิงดำที่เหลืออีกสองคน ก็ก้าวออกไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง เขาโบกแขนเสื้อโดยไม่พูดไม่จา จากนั้นกระจกทองแดงก็ลอยออกมาอยู่บริเวณหน้าอก มันขยายตัวจนมีขนาดใหญ่เจ็ดแปดจั้ง และเปล่งแสงสีน้ำตาลแก่ออกมาปกป้องร่างของเขาไว้

จากนั้นก็มีแสงอัคคีกระพริบออกมา กระบี่ยาวสามฉื่อที่ดูเหมือนไม้แต่ไม่ใช่ไม้ และมีเปลวไฟลุกไฟไหม้อยู่ ก็พุ่งออกจากแขนเสื้ออีกข้าง มันกลายเป็นแสงสีแดงยาวหลายจั้ง และฟันใส่ราชาปีศาจสมุทรอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ

ราชาปีศาจสมุทรจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยแววตาเยือกเย็น สีหน้าของเขายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย เมื่อกระบี่ที่มีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ห่างจากเขาไม่กี่ชุ่น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายออกมา พลังไร้รูปบางอย่างทะลักออกจากร่างของเขาทันที

แสงสีแดงหยุดชะงักอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มชุดคลุมสีขาว และเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่ก็ดับไปจนหมดสิ้น เผยให้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของมัน

ต่อมาเขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น หลังจากโบกมือเบาๆ กระบี่ก็ตกลงในมือของเขา

“เจ้าคิดว่าอาศัยแค่กระบี่เล่มนี้ ก็สามารถต้านทานฝ่ามือของข้าได้หรือ?”

ราชาปีศาจสมุทรพูดพึมพำออกมา นิ้วทั้งห้าขย้ำกระบี่อย่างไม่ใส่ใจ

“พลั่ก!”

กระบี่ในมือถูกเขาขย้ำจนแตกกระจายราวกับเป็นเศษไม้

พริบตาที่กระบี่ถูกขย้ำจนแตกละเอียด ร่างของผู้แข็งแกร่งระดับผลึกผู้นั้นก็โงนเงนไปมา สีหน้าแดงก่ำราวกับเมาหนัก เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บไม่เบา

ราชาปีศาจสมุทรจ้องมองเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็ยกแขนไปทางเขา

แสงสีฟ้าพุ่งออกจากแขนเสื้อราชาปีศาจสมุทร และม้วนตัวไปหาผู้แข็งแกร่งระดับผลึกราวกับสายฟ้าแลบ พริบตาเดียวก็เจาะทะลุแสงที่ปกป้องร่างของเขา และจมเข้าไปบนหน้าผาก

“โพล๊ะ!”

ศีรษะคนผู้นี้ระเบิดตัวกลายเป็นหมอกโลหิตกระเซ็นไปในอากาศ

จากนั้นร่างไร้ศีรษะก็ร่วงหล่นลงไป

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หดรูม่านตาลง

“สหายผู้นี้ ถึงตาเจ้าแล้ว!”

หลิ่วหมิงยังไม่ทันหายจากอาการตกใจ ก็พลันได้ยินน้ำเสียงราบเรียบของราชาปีศาจสมุทรดังขึ้นข้างหู จากนั้นก็เห็นเขาชี้ไปทางผู้อาวุโสระดับผลึกต่างเผ่าอีกคน

หงซาน ลี่คุน และคนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณที่อยู่บริเวณนั้น ต่างก็ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แต่ทุกคนดูหน้าเสียอย่างถึงขีดสุด

พอผู้แข็งแกร่งระดับผลึกผู้นั้น ได้ยินราชาปีศาจบอกให้เขาออกไป บวกกับที่ได้สบสายตาอันเยือกเย็นของราชาปีศาจสมุทรเข้าพอดี ทำให้เขาใจเต้นขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะพุ่งยิงออกไปโดยไม่คิด

“ข้าจะสู้อย่างสุดชีวิต!”

คนผู้นี้ตะโกนด้วยความโมโห จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นเงาร่างจำนวนมากพุ่งใส่ราชาปีศาจสมุทร

ราชาปีศาจสมุทรทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ ฝ่ามือซ้ายตบออกไปในพริบตา จากนั้นฝ่ามือยักษ์ร้อยจั้งที่เปล่งแสงสีฟ้าจางๆ ก็ปรากฏออกมา มันพุ่งออกไปด้วยอานุภาพอันน่าหวาดกลัวพร้อมกับพายุบ้าระห่ำ

พอคนผู้นี้เห็นเช่นนี้ พลังทั่งร่างก็ประทุออกมาอีกครั้ง ครู่ต่อมาลำแสงจำนวนมากก็พุ่งออกจากแขนเสื้อของเขา ลำแสงแต่ละลำต่างก็ห่อหุ้มอาวุธจิตวิญญาณที่แผ่คลื่นสั่นสะเทือนอันทรงพลัง

“ระเบิด!”

พริบตาที่ลำแสงจำนวนมากปะทะกับฝ่ามือยักษ์ คนผู้นี้ก็ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่าเขาสู้อย่างสุดชีวิตจริงๆ

……………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset