หญิงชุดแดงเห็นเช่นนี้ก็ตรวจสอบถุงหนังใบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากมั่นใจว่ามีหินจิตวิญญาณระดับสูงอยู่ในนั้นหนึ่งร้อยก้อนแล้ว ก็หยิบกล่องหยกขึ้นมาเปิดดู โอสถสี่เม็ดที่เปล่งแสงสีเขียวถูกวางอยู่ในนั้น
“นี่คือ……โอสถผลึกเย็น ทั้งยังเป็นโอสถพสุธาทั้งหมด!” หญิงชุดแดงเป็นผู้ดูแลเรื่องการประมูล ย่อมเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวาง หลังจากตรวจสอบดูเล็กน้อย ก็รู้ที่มาของโอสถนี้
บนผิวโอสถสีเขียวหยกเหล่านี้ ต่างก็มีลายโอสถสี่เส้นปรากฏอยู่อย่างชัดเจน และยังส่งกลิ่นหอมจรุงใจออกมา ย่อมเป็นโอสถผลึกเย็นระดับพสุธาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่ผิด! เป็นโอสถผลึกเย็นจริงๆ” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก บนตัวเขามีหินจิตวิญญาณไม่เพียงพอ จึงได้แต่นำโอสถผลึกเย็นเหล่านี้ออกมาแทนแล้ว
หญิงชุดแดงเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ดูเหมือนจะนึกถึงข่าวลือในตลาดขึ้นมาได้
“ทำไมล่ะ! โอสถเหล่านี้ไม่พอหรือ? ตามที่ข้าทราบมา โอสถผลึกเย็นระดับพสุธาหนึ่งเม็ด มีมูลค่าอย่างน้อยห้าแสนหินจิตวิญญาณ สี่เม็ดก็เท่ากับสองล้านพอดี” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วแล้วกล่าวออกมา
“ขอสหายอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ มูลค่าของโอสถสี่เม็ดนี้ย่อมเพียงพออย่างแน่นอน” หญิงชุดแดงได้ยินก็เรียกสติกลับมา และกล่าวด้วยรอยยิ้มในเชิงขอโทษ
“ดี! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าสะสางกันเรียบร้อย ข้าก็จะนำโลหิตบริสุทธิ์ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีไปแล้ว” ขณะที่พูดหลิ่วหมิงก็เก็บน้ำเต้าเข้าไปในแขนเสื้อ ขณะเดียวก็ลุกขึ้นมา และเตรียมจะเดินออกไป
“ขอสหายช้าก่อน ไม่ทราบว่าโอสถผลึกเย็นเหล่านี้……ท่านได้มาจากที่ใด?” พอหญิงชุดแดงเห็นหลิ่วหมิงกำลังจะไป นางก็รีบวิ่งมาถาม
“อะไรกัน การเก็บของค้ำประกันของพวกท่านยังต้องถามแหล่งที่มาด้วยหรือ?” หลิ่วหมิงหันมาเล็กน้อย และกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
“ไม่! ข้าก็แค่ถามเฉยๆ” หญิงชุดแดงยิ้มออกมา
“ข้าซื้อโอสถเหล่านี้มาจากร้านค้าแห่งหนึ่ง ส่วนเรื่องอื่นๆ ข้าไม่สามารถบอกได้” หลิ่วหมิงทิ้งคำพูดไว้หนึ่งประโยค จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่หันมามองอีก
ท่าทีไม่ใส่ใจใยดีเช่นนี้ ทำให้หญิงชุดแดงรู้สึกเดือดดาลอยู่ในใจไม่หยุด เมื่อหลิ่วหมิงเดินออกไปแล้ว จิตใจของนางถึงค่อยๆ สงบขึ้นมา
หลังจากยืนเหม่ออยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง หญิงชุดแดงก็เก็บถุงหนังกับกล่องหยกที่อยู่บนโต๊ะไม้ และหมุนตัวเดินไปยังอีกด้านหนึ่งของห้องโถง
หลิ่วหมิงเดินออกจากห้องด้านข้างห้องโถง และยืนอยู่กลางทางเดินที่มุ่งไปสู่ห้องประมูล หลังจากเห็นว่าไม่มีใครตามหลังมาแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง และยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ดูจากท่าทีของหญิงชุดแดง เขารู้ว่าหอการค้าเชียนเหมิงจะต้องสืบเรื่องโอสถผลึกเย็นในตลาดเช่นกัน
และการขายโอสถผลึกเย็นระดับพสุธาออกไปสี่เม็ดเช่นนี้ จะต้องทำให้พวกเขาสงสัยอย่างแน่นอน แต่เพื่อโลหิตบริสุทธิ์ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปี เขาก็ไม่อาจคำนึงอะไรได้มากนัก
อีกอย่างด้วยกำลังของหอการค้าเชียนเหมิง ไม่รู้ว่าบ่มเพาะผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถไว้ตั้งเท่าไหร่ แม้ว่าโอสถผลึกเย็นจะไม่ค่อยเป็นที่นิยม แต่คงไม่ถึงกับทำให้ฝ่ายตรงข้ามทำเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงของตนเองได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาปลอมตัวเข้ามาทำการประมูล ดังนั้นจึงช่วยลดความกังวลใจลงไปอีกเล็กน้อย
ขณะที่กำลังคิดไตร่ตรองอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามารบกวนความคิดของหลิ่วหมิง
“ผู้อาวุโส ทำการมอบของเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ?” คนที่เดินเข้ามาก็คือคนรับใช้ชุดดำคนนั้น พอเห็นหลิ่วหมิงเขาก็รีบคารวะทันที
“อืม! งานประมูลสิ้นสุดแล้วหรือ?” หลิ่วหมิงถามด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนี้กำลังทำการประมูลชิ้นสุดท้าย……” พอคนใช้ชุดดำกล่าวถึงตรงนี้ ก็มีน้ำเสียงเด็ดขาดดังออกมาจากห้องประมูล
“แปดล้านหินจิตวิญญาณ!” เสียงนี้ก็คือเสียงของหญิงสาวชุดม่วงนั่นเอง
หลิ่วหมิงพยักหน้าให้กับคนรับใช้ จากนั้นก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องประมูล หญิงสาวชุดม่วงตระกูลโอวหยางกำลังแข่งประมูลกับผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ที่มีชื่อว่าชิงจวีซื่ออย่างดุเดือด จนราคาสูงถึงแปดล้านแล้ว
หลิ่วหมิงมีเรื่องในใจ จึงไม่ได้สนใจบรรยากาศในห้องประมูล พอเงยหน้ามองตรงทางออกห้องประมูล ก็พบว่าประตูใหญ่กำลังปิดสนิท ดูท่าคงต้องรอให้งานประมูลสิ้นสุดลง ถึงจะเปิดออกมาได้
หลิ่วหมิงถือโอกาสในขณะที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจกับการประมูลอยู่นั้น เดินไปยังบริเวณประตูอย่างเงียบๆ และหาที่นั่งรอคอยให้งานประมูลสิ้นสุดลง
ผ่านไปหนึ่งเค่อ งานประมูลก็ปิดฉากลงในสุด หญิงสาวชุดม่วงตระกูลโอวหยางใช้เก้าล้านสามแสนหินจิตวิญญาณ เอาชนะการประมูลจากชิงจวีซื่อ ชายหนุ่มชุดเขียว และคนอื่นๆ ได้ และในที่สุดก็ได้มีดปีกตาข่ายที่เป็นต้นแบบอาวุธเวทมา
ชายผิวขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฮึกเหิม จากนั้นถึงประกาศให้งานประมูลสิ้นสุดลง
ขณะที่ประตูใหญ่ค่อยๆ เปิดออกมา หลิ่วหมิงก็รีบเดินเข้าไปปะปนกับฝูงชน และออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทาง เขาเดินลัดเลาะตามตรอกต่างๆ ในตลาด และปลอมตัวเป็นชายฉกรรจ์เดินออกมาจากตลาด
หลังจากหลิ่วหมิงมั่นใจว่าไม่มีใครตามมาแล้ว เขาถึงหาสถานที่ที่ไม่มีคน เพื่อคืนร่างเดิมของตัวเอง จากนั้นก็เดินอ้อมไปเข้าตลาดจากประตูใหญ่อีกด้าน และกลับไปยังหอร้อยหลอมอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องลับบนชั้นสาม หลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลมๆ สีเหลือง และกำลังสังเกตดูน้ำเต้ากึ่งโปรงแสงที่สูงชุ่นกว่าๆ อย่างละเอียด
มีอักขระสีม่วงโบราณแปลกประหลาดสลักอยู่บนน้ำเต้า ด้านในมีของเหลวสีทองบรรจุอยู่ครึ่งหนึ่ง มันคือโลหิตบริสุทธิ์ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีจำนวนสิบหยด ที่เขาใช้หินจิตวิญญาณกับโอสถระดับพสุธาแลกมาจากงานประมูล
เขาสำรวจดูอยู่พักหนึ่ง ก็ควักกล่องหยกใบหนึ่งออกมาจากอก และหยิบไข่หนอนพลังจิตใบนั้นออกมา หลังจากนำมาวางบนมือเบาๆ แล้ว ก็หลับตาทั้งคู่ลง และส่งพลังเวทเข้าไปในศิลาหุนเทียน
ครู่ต่อมา มีเสียงดังหวึ่งๆ อยู่ข้างหู เมื่อภาพตรงหน้าดับมืดลง เขาก็มาปรากฏตัวในห้องว่างเปล่าลึกลับอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสหลัวโหว” ชายหนุ่มชุดดำยืนอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าสงบ
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะได้โลหิตบริสุทธิ์ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีมาเร็วเช่นนี้ ทั้งยังมีมากถึงสิบหยด ดูท่าการฟักไข่หนอนพลังจิตคงไม่ใช่ปัญหาอะไรแล้ว” หลัวโหวกล่าวอย่างราบเรียบ
“ขอผู้อาวุโสบอกวิธีการผสมโลหิตบริสุทธิ์ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีนี้ด้วย” หลิ่วหมิงโค้งตัวเล็กน้อย และถามออกมาตามตรง
หลัวโหวได้ยินก็ไม่ตอบอะไร แต่กลับยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมา จากนั้นแผ่นหยกก็พุ่งออกจากแขนเสื้อไปหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงยื่นมือออกไปรับไว้ และนำมาวางไว้บนหน้าผากโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
หญ้าเซี่ยหลิง วารีสีฟ้า หญ้าร้อยบุปผา ผลแปลงหยิน……
สิ่งที่บันทึกอยู่ในแผ่นหยกคือวัตถุดิบเสริมของน้ำเสริมพลังชีวิตนี้ ส่วนมากพบเจอได้บ่อยในตลาด รวบรวมได้ไม่ยาก
“หากไม่มีเรื่องอื่นแล้วเชิญกลับไปเถิด!” ขณะที่พูด หลัวโหวก็ค่อยๆ โบกมือเพื่อไล่หลิ่วหมิงให้ออกไปจากห้องว่างเปล่าลึกลับ
“ผู้อาวุโสรอสักครู่ ไอปีศาจบนตัวหนอนพลังจิตนี้ ขอผู้อาวุโสขับไล่อีกรอบ” หลิ่วหมิงรีบกล่าวออกมา เขากลัวว่าจะถูกหลัวโหวไล่ออกไปอีก
ขณะนี้หลัวโหวถึงลืมตาทั้งคู่แล้วลุกขึ้นมา
“เจ้าไม่บอกข้าคงลืมไปแล้ว การดูดซับไอปีศาจในครั้งก่อนก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว ไอปีศาจบนไข่หนอนพลังจิตคงฟื้นฟูมาแล้วทั้งหมด เอามาเถอะ!” หลัวโหวมองหลิ่วหมิงทีหนึ่ง และกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
หลิ่วหมิงได้ยินก็ยื่นแขนข้างหนึ่งออกไป และคลายนิ้วทั้งห้าออก เผยให้เห็นไข่หนอนที่อยู่กลางฝ่ามือ
หลัวโหวเพียงแค่ขยับนิ้วเล็กน้อย ไข่หนอนก็ลอยออกจากมือของหลิ่วหมิง และค่อยๆ ตกลงในมือของตนเองอย่างมั่นคง
จากนั้นเขาก็แสดงเคล็ดวิชาบางอย่างออกมาเหมือนกับตอนนั้น และเก็บไอปีศาจบนตัวไข่หนอนเข้าไปในแขนเสื้อ
“เอาล่ะ! เจ้านำไปได้แล้ว” นิ้วของหลัวโหวสั่นสะท้านเบาๆ จากนั้นไข่หนอนก็ค่อยๆ ลอยกลับเข้าไปในมือของหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็รู้สึกว่ามีพายุบ้าระห่ำโจมตีเข้ามา จากนั้นภาพตรงหน้าก็พร่ามัว และเขาก็กลับมาในห้องลับอีกครั้ง
“หลัวโหวผู้นี้ช่างเข้าใจยากจริงๆ” หลิ่วหมิงพูดพึมพำไปหนึ่งประโยค จากนั้นก็เก็บชั้นจำกัดในห้องลับ และเดินออกไป
ตอนนี้เพียงแค่รวบรวมวัตถุดิบเสริมมาให้ครบ ก็สามารถผสมเป็นของเหลวจิตวิญญาณที่ช่วยเสริมพลังชีวิตได้แล้ว
เวลาสั้นๆ แค่หนึ่งวัน หลิ่วหมิงก็รวบรวมวัตถุดิบเสริมจากร้านค้าสองสามแห่งจนครบ จากนั้นก็กลับไปยังห้องลับบนชั้นสามของหอร้อยหลอม
หลังจากเตรียมการไปรอบหนึ่งแล้ว หลิ่วหมิงก็นั่งขัดสมาธิ และผสมของเหลวเสริมพลังชีวิตตามที่บรรยายไว้ในแผ่นหยก
เขานำวัตถุดิบมาบดละเอียด และใส่ไว้ในถ้วยเล็กๆ จากนั้นก็เทของเหลววารีสีฟ้าลงไปเล็กน้อยเพื่อเสริมประสิทธิภาพ ทำให้กลายเป็นของเหลวสีน้ำตาลปนฟ้า สุดท้ายถึงนำน้ำเต้าสีม่วงเล็กๆ ออกมา และค่อยๆ หยดโลหิตบริสุทธิ์ตะพาบน้ำจิตวิญญาณหมื่นปีลงไป
“ตึ๋ง!”
พอโลหิตบริสุทธิ์สีทองหยดลงไปในถ้วยหนึ่งหยด ของเหลวสีน้ำตาลฟ้าที่เงียบสงบ ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นมา และเปล่งแสงสีทองออกมา
ขณะที่โลหิตบริสุทธิ์หยดลงไปสิบหยดนั้น ของเหลวสีน้ำตาลปนฟ้าก็กลายเป็นสีน้ำตาลทอง แสงสีทองที่เปล่งออกมาก็ดูเจิดจ้ามากขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันกระแสไออุ่นก็พุ่งออกจากพื้นผิวของเหลวจิตวิญญาณ
หลิ่วหมิงใช้นิ้วมือแตะด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้น กระแสไออุ่นก็ซึมเข้าปลายนิ้ว และพุ่งไปตามเส้นลมปราณอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายและแขนขาทั้งสี่รู้สึกสบายขึ้นมา
หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจมาก เขารีบกระตุ้นพลังเวทให้ไหลวนหนึ่งรอบ ผ่านไปซักพักไออุ่นถึงค่อยๆ สลายไป ร่างกายภายในก็กลับมาสงบดังเดิม
ขณะนี้ดูเหมือนว่าพลังเวทของเขาจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่าเพิ่งจะทานของเสริมพลังเข้าไปเป็นจำนวนมาก
ของเหลวนี้ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ เพียงแค่สัมผัสเล็กน้อย ก็ให้ผลลัพธ์ถึงเพียงนี้
หลิ่วหมิงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เขารีบนำไข่หนอนพลังจิตออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และแช่ลงในถ้วยอย่างระมัดระวัง
พอไข่หนอนจมเข้าไปในของเหลวสีน้ำตาลทอง ไอน้ำสีทองเป็นสายๆ ก็ทะลักเข้าไปในตัวไข่ ทันใดนั้นก็ดูเหมือนกับว่าไข่หนอนจะมีชีวิตขึ้นมา และค่อยๆ ขยายออกอย่างรวดเร็ว
ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นราวๆ เวลาครึ่งถ้วยชา ในที่สุดไข่หนอนก็หยุดดูดซับไอน้ำ และดูบวมเปล่งเล็กน้อย มันลอยอยู่ในของเหลวอย่างเงียบๆ
หลิ่วหมิงไม่ได้ไปจากห้องลับแต่อย่างใด แต่กลับนั่งรอคอยอยู่ด้านข้าง และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของไข่หนอนในถ้วย
สองสามวันผ่านไป แม้ไข่หนอนจะไม่ดูดซับไอน้ำอีก แต่ภายใต้ไออุ่นของของเหลวจิตวิญญาณ สีบนเปลือกไข่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเขียวจางๆ มาเป็นสีทองจางๆ
ผ่านไปอีกหลายวัน
ขณะที่มีเสียง “เปรี๊ยะๆ!” ดังออกมาอย่างชัดเจน
ด้านหนึ่งของไข่หนอนในถ้วยก็ปรากฏรอยร้าวออกมา จากนั้นหนอนโปร่งแสงสีทองจางๆ ขนาดเท่าหัวแม่มือ ก็ค่อยๆ ปีนออกมาจากรอยร้าว และดูดกลืนกินของเหลวสีทองที่อยู่ในถ้วย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เผยสีหน้าดีใจออกมา และสังเกตดูตัวหนอนอย่างเงียบๆ
…………………………………