ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 545 บรรลุข้อตกลง

ผ่านไปอีกซักพัก หนอนน้อยก็หยุดกลืนกินของเหลวในที่สุด ร่างสีทองโปร่งแสงของมัน ดูชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อย

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็โบกมือข้างหนึ่งทันที หนอนน้อยสีทองจางๆ พุ่งออกจากถ้วย และตกลงบนฝ่ามือของเขา จากนั้นก็สำรวจดูอย่างละเอียด

จะเห็นว่าหนอนพลังจิตที่ฟักออกมามีลักษณะคล้ายๆ กับหนอนตัวไหม มีดวงตาข้างเดียวที่มีขนาดเท่าเม็ดข้าวสารอยู่บนหัว ลำตัวเป็นสีทองทั้งหมด พอมันเข้าไปในมือหลิ่วหมิง ก็เลื้อยขยุกขยิกไม่หยุด และยังพ่นของเหลวสีเขียวจางๆ จำนวนหนึ่งออกมาตลอดเวลา

ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงนึกขึ้นได้ว่าหนอนตัวนี้ยังไม่รู้จักเจ้าของ พอเขายกแขนเสื้อขึ้นมา ก็มีเสียงดัง “ฟิ้วๆ!” ธงค่ายกลสีเขียวจำนวนมากพุ่งออกไปรอบด้าน และจมหายไปบนพื้นอย่างไร้ร่องรอย

พอทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง ค่ายกลสีเขียวขนาดจั้งกว่าๆ ก็ปรากฏตรงใต้เท้าของเขา

เขานำตัวหนอนวางลงใจกลางค่ายกลเบาๆ จากนั้นก็กัดนิ้วของตนเอง และหยดโลหิตลงบนร่างของตัวหนอนสีทอง ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา

ครู่ต่อมา มีคลื่นจิตวิญญาณสีเขียวขนาดเท่าปากถ้วยพุ่งออกจากใจกลางค่ายกลเป็นจำนวนมาก และก่อตัวเป็นม่านแสงสีเขียวปกคลุมตัวหนอนไว้ ขณะเดียวกัน อักขระสีเขียวแต่ละตัวก็ค่อยๆ ลอยออกมาจากค่ายกล และค่อยๆ จมลงไปในร่างของตัวหนอน

ผ่านไปไม่นาน ตัวหนอนที่เลื้อยขยุกขยิกอยู่ท่ามกลางม่านแสงก็ค่อยๆ สงบลง และนอนหมอบอยู่นิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อน

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ยื่นนิ้วสีขาวออกไปแตะบนตัวมันเบาๆ เพื่อจะใช้วิชาเชื่อมจิตสื่อสารกับมัน

สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ พอนิ้วมือสัมผัสกับตัวหนอน พลังจิตอ่อนๆ ที่ไม่คุ้นเคยก็พุ่งผ่านนิ้วของเขา และแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ร่ายคาถากระตุ้นอักขระสีเขียวในค่ายกลให้พุ่งเข้าไปในร่างของตัวหนอนอย่างต่อเนื่อง

ครึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดพลังจิตที่ตัวหนอนส่งเข้ามาก็ค่อยๆ ดูคุ้นเคยมากขึ้น เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป ก็ยังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

หลิ่วหมิงสื่อสารกับมันอย่างง่ายๆ ในที่สุดก็มั่นใจว่าหนอนตัวนี้ยอมรับเขาเป็นเจ้าของแล้ว และการสัมผัสในก่อนหน้านั้น มันก็ได้เลียนแบบพลังจิตของเจ้าของแล้ว

เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นก็เริ่มกระตุ้นพลังจิตอย่างต่อเนื่อง และทำการแลกเปลี่ยนกับมันอยู่ไม่หยุด

หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน พลังจิตของหนอนตัวนี้ก็เหมือนกับของหลิ่วหมิงไม่มีผิด

ตอนนี้เขาถึงรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง จากนั้นก็เก็บค่ายกล และดูดตัวหนอนเข้ามาในมืออีกครั้ง เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว เพื่อค่อยๆ ส่งพลังเวทเข้าไปในศิลาหุนเทียน

พอดวงตาทั้งคู่ดับมืดลง เขาก็เข้าไปในห้องว่างเปล่าลึกลับอีกครั้ง

ครั้งนี้ภายในห้องว่างเปล่าสีเทาสลัวๆ กลับไม่มีแม้แต่เงาร่างของหลัวโหว

หลิ่วหมิงเคยชินกับการปรากฏตัวแบบลึกลับซับซ้อนของหลัวโหวตั้งนานแล้ว

ทันใดนั้น เขาก็ก้าวไปหน้าศิลาหุนเทียนโดยไม่คิดอะไรมาก หลังจากใช้จิตสื่อสารกับตัวหนอนบนมือเล็กน้อยแล้ว ก็สั่งให้มันปล่อยพลังจิตใส่ดวงตามายาปีศาจตรงหน้า

จะเห็นว่าภายใต้สถานการณ์ที่ตัวหนอนหลับตาข้างเดียวของมันลง พลังจิตอันแข็งแกร่งก็ถูกปล่อยออกจากตัว และจมหายไปในดวงตามายาปีศาจ

“หวึ่ง!”

ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงได้ยินเสียงหวึ่งดังขึ้นในทะเลจิตรับรู้ จากนั้นภาพตรงหน้าก็พร่ามัว และตัวเขาก็เข้าไปในแดนมายาอีกครั้ง

ปีศาจหลานสี่ที่อยู่ไม่ไกลกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว……

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป หลิ่วหมิงกับปีศาจหลานสี่ก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือด หลังจากตายตกไปพร้อมกันแล้ว ในที่สุดหลิ่วหมิงก็กลับมาที่ห้องลับด้วยสีหน้าพอใจ

หลิ่วหมิงมองดูหนอนพลังจิตในมือ ดูเหมือนว่ามันจะสูญเสียพลังจิตไปมาก จึงเริ่มเข้าสู่สภาวะจำศีลแล้ว เขาเก็บมันเข้าไปในถุงด้วยรอยยิ้ม และพกไว้กับตัว

หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ เขาก็ถอนหายใจยาวออกมา พอกวาดสายตามองไปในห้องอย่างไม่ใส่ใจ ก็ค้นพบว่าของเหลวสีน้ำตาลทองที่อยู่ในถ้วยบนโต๊ะหิน ยังคงแผ่ไออุ่นออกมาอยู่ ประจักษ์ชัดว่ามันยังมีพลังเหลืออยู่เล็กน้อย

ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงไข่ปีศาจสมุทรแปดขาที่ไม่อาจฟักออกมาได้

ตอนนั้นไข่ใบนี้ก็มีกลิ่นไอเปราะบาง พลังชีวิตแทบจะไม่มี ด้วยเหตุนี้จึงไม่อาจฟักออกมาได้ บางทีหากนำมันไปแช่ในของเหลวจิตวิญญาณนี้ ก็อาจจะมีผลลัพธ์เช่นเดียวกับตัวหนอนก็ได้

ขณะที่หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ ก็นำไข่ใบนั้นออกจากหอยสังข์ย่อส่วนทันที และวางลงในของเหลวจิตวิญญาณเบาๆ

เป็นดังที่คาดหมายเอาไว้ ไอน้ำสีทองค่อยๆ ซึมเข้าไปในไข่ แสงสีฟ้าเปล่งประกายออกจากพื้นผิว และพลังชีวิตก็ค่อยๆ แผ่ออกมา เพียงแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นช้ากว่าไข่หนอนในก่อนหน้านั้นหลายเท่า

ดูท่าหากจะฟื้นฟูไข่ใบนี้จริงๆ ยังไม่รู้เลยว่าจะใช้เวลานานเท่าใด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยังคงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก หลังจากคิดไตร่ตรองเล็กน้อยแล้ว ก็นำน้ำเต้าที่บรรจุโลหิตบริสุทธิ์ออกมา พอทำท่ามือ น้ำเต้าก็สั่นสะท้านเบาๆ และปล่อยแสงสีขาวออกมา จากนั้นก็ม้วนเอาไข่ปีศาจสมุทรแปดขาพร้อมกับของเหลวจิตวิญญาณเข้าไปข้างในน้ำเต้า

พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ น้ำเต้าในมือก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาลูบแหวนย่อส่วนที่สวมอยู่บนนิ้ว และเผยสีหน้าพอใจออกมา

จากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิหลับตาเข้าฌานอีกครั้ง

……

ครึ่งเดือนต่อมา ผลกระทบจากงานประมูลใหญ่ก็ค่อยๆ หายไป

ในช่วงเวลานี้ หลิ่วหมิงใช้พลังจิตของหนอนพลังจิตเข้าแดนมายาในห้องว่างเปล่าลึกลับทุกวัน เพื่อทำการต่อสู้กับหลานสี่ จากนั้นก็เจียดเวลาไปดูสถานการณ์ในหอร้อยหลอม และเขากับผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธทั้งสอง ก็ค่อยๆ สนิทกันมากขึ้น

วันนี้หลิ่วหมิงปลอมตัวเป็นชายฉกรรจ์หน้าดำมาที่ร้านค้าของมนุษย์เผ่าค้างคาวอีกครั้ง

พอเห็นหลิ่วหมิงเข้ามาในร้าน เถ้าแก่ชุดดำก็เดินมารับด้วยรอยยิ้ม

“สหายเย่ เชิญท่านไปนั่งรอที่ชั้นสามสักครู่ คุณหนูกำชับว่าหากสหายมาถึง ก็ให้ไปแจ้งนาง นางจะมาถึงในไม่ช้า” เถ้าแก่ชุดดำกล่าวอย่างนอบน้อม

หลิ่วหมิงพยักหน้าเล็กน้อย และไม่พูดอะไรออกมา จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนชั้นสามอย่างคุ้นเคย

ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชาผ่านไป ภายในห้องรับรองห้องหนึ่งบนชั้นสาม หลิ่วหมิงกำลังนั่งอยู่ในนั้น และค่อยๆ จิบชาจิตวิญญาณที่มีรสชาติขมหวานเล็กน้อย

ขณะนั้นเอง ประตูห้องรับรองก็ถูกผลักเบาๆ ฮูหยินวั่นที่ปิดหน้าด้วยผ้ามุ้งสีดำค่อยๆ เดินเข้ามา

“ทำให้สหายเย่ต้องรอนานแล้ว” หญิงชุดดำค่อยๆ นั่งลงตรงหน้าหลิ่วหมิง และกล่าวอย่างอบอุ่น

“ฮูหยินไม่ต้องมากพิธี” หลิ่วหมิงตอบกลับอย่างสุภาพ

“ที่สหายเย่มาในครั้งนี้ ไม่ทราบว่าได้พิจารณาข้อเสนอที่ข้าพูดไปในครั้งนั้นอย่างไรบ้าง?” หญิงชุดดำหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา

“ในเมื่อฮูหยินพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ข้าก็จะพูดตามตรง หลังจากที่ข้าพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็รู้สึกว่าข้อเสนอของฮูหยินเที่ยงตรงและชอบธรรมดี ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าต่อไปจะขายโอสถผลึกเย็นให้กับร้านของท่าน เพื่อแลกกับผลผลึกเขียวและหินจิตวิญญาณ แต่ท่านต้องตอบรับเงื่อนไขของข้าสองข้อ” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

“เพียงแค่สหายเสนอโอสถผลึกเย็นให้เผ่าค้างคาวเรา มีข้อเรียกร้องอะไรก็พูดมาได้เลย เพียงแค่ข้าสามารถทำได้ จะต้องทำอย่างสุดความสามารถ” หญิงชุดดำได้ยินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ประการแรก การแลกเปลี่ยนของข้ากับร้านของท่านจะต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามให้มีข่าวลือใดๆ เล็ดลอดออกไปอย่างเด็ดขาด หากมีข่าวลือเล็ดลอดออกไปเพียงน้อยนิด การแลกเปลี่ยนระหว่างเราจะสิ้นสุดลงทันที ประการที่สอง ในระหว่างการปรุงโอสถอาจจะต้องใช้วัตถุดิบเสริมอื่นๆ หวังว่าทางท่านจะช่วยรวบรวมมาให้ได้” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าสงบ

“สหายเย่ยอมเชื่อใจขายโอสถผลึกเย็นให้กับร้านเรา นับว่าเป็นความโชคดีของร้านเราเป็นอย่างยิ่ง เงื่อนไขสองข้อนี้ไม่มีปัญหา” หญิงชุดดำตกปากรับคำทันที

“ดีมาก! ที่ข้ามาในครั้งนี้ยังหวังจะแลกผลผลึกเขียวที่โตได้ที่จำนวนหนึ่งด้วย” ขณะที่พูด หลิ่วหมิงก็หยิบกล่องหยกสีขาวหิมะออกจากแขนเสื้อมาใบหนึ่ง และวางลงบนโต๊ะหน้าหญิงชุดดำ

หญิงชุดดำดีดนิ้วเบาๆ พอเปิดฝากล่องหยกออกมา ก็เผยให้เห็นถึงโอสถสีเขียวสองเม็ดวางอยู่ในนั้น มันเป็นโอสถระดับพสุธาที่มีลายโอสถห้าเส้นกับสี่เส้น

หลังจากหญิงชุดดำตรวจสอบโอสถอย่างละเอียดก็รู้สึกดีใจมาก แต่กลับขมวดคิ้วขึ้นมา และเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง

“สหายเย่ ผลผลึกเขียวคุณภาพดีสุดที่เรามีอยู่ในตอนนี้ มีอายุอยู่ที่ราวๆ แปดร้อยปีเท่านั้น ไม่รู้ว่าสหายจะถูกใจหรือไม่ หากต้องการคุณภาพที่สูงกว่านี้ ข้าน้อยจะสั่งคนไปเก็บ แต่เกรงว่าสหายคงต้องรอหลายวันหน่อย”

“แปดร้อยปี…… ก็ได้” หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วตัดสินใจทันที

แม้ผลลัพธ์ของโอสถที่ปรุงขึ้นจากผลผลึกเขียวแปดร้อยปีจะสู้พันปีไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาเพียงแค่อยากใช้เวลาปรุงโอสถเล็กน้อย เพื่อแลกหินจิตวิญญาณมาชดเชยจากที่เสียไปในงานประมูล

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือในมือเขาตอนนี้ นอกจากจะมีโอสถผลึกเย็นระดับพสุธาไม่กี่เม็ดแล้ว โอสถระดับต่ำอื่นๆ ก็ถูกขายไปก่อนงานประมูลจนหมดสิ้น และตัวเขาเองก็ต้องการโอสถธรรมดามาเพิ่มพลังเวทด้วย

“ขอบคุณสหายเย่ที่เข้าใจ ครั้งหน้าร้านเราจะเตรียมผลผลึกเขียวพันปีไว้ให้” ดูเหมือนหญิงชุดดำจะเตรียมการไว้ก่อนแล้ว หลังจากหัวเราะเฮ่อๆ และพลิกฝ่ามือข้างขึ้นมา กล่องไม้สีเขียวก็ปรากฏบนมือ

“สหายเย่ ผลผลึกเขียวแปดร้อยปีทั้งหกลูกนี้ คงพอที่จะแลกโอสถพสุธาทั้งสองเม็ดของสหายได้!” หญิงชุดดำเปิดกล่องไม้ออก และวางไว้ตรงหน้าหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงเปิดกล่องหยิบผลผลึกเขียวขึ้นมาหนึ่งลูกด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก และครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ตามที่เขาคาดการณ์ไว้ ผลผลึกเขียวแปดร้อยปีนี้มีมูลค่าอย่างน้อยเกือบสองแสนหินจิตวิญญาณ ใช้หกลูกแลกกับโอสถระดับพสุธาสองเม็ดก็เหลือเฟือแล้ว

“ตกลงตามนี้! นี่คือวัตถุดิบจำนวนหนึ่งที่อาจารย์ข้าต้องการ ต้องรบกวนร้านท่านแล้ว”

ขณะที่พูดหลิ่วหมิงก็ลุกขึ้นเก็บกล่องไม้ และหยิบแผ่นหยกยื่นให้หญิงผู้นี้ ในนั้นบันทึกเกี่ยวกับวัตถุดิบเสริมที่เขาต้องการ และยังมีวัสดุจำนวนหนึ่งที่ต้องใช้ในการหลอมอาวุธ

“สหายเย่ไม่ต้องเกรงใจ สิ่งของเหล่านี้ข้าจะส่งคนรวบรวมให้โดยไว” หญิงชุดดำเก็บแผ่นหยกเข้าไปโดยไม่ดูแม้แต่น้อย จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

“เช่นนี้ก็ต้องขอบคุณฮูหยินมาก ข้ายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ ต้องขอตัวก่อน” หลิ่วหมิงประสานมือคารวะ และกล่าวออกมา

…………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset