ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 601 ต่อสู้กับอสูรสิงโตพยัคฆ์ (1)

ภายในห้องโถงบนเจดีย์ซวีหลิงชั้นที่สามสิบหก

สถานที่แห่งนี้จัดรูปแบบได้คล้ายคลึงกับห้องโถงในก่อนหน้านั้น มีพื้นที่ขนาดร้อยหมู่ บนพื้นห้องโถงมีอักขระสีเขียวประทับอยู่ทุกๆ สองสามจั้ง ประจักษ์ชัดว่าเป็นชั้นจำกัดพิเศษบางอย่าง

“ฟู่!” เกิดเสียงดังขึ้นทำลายความเงียบภายในห้อง

คลื่นสั่นสะเทือนกลางอากาศกระเพื่อมออกไป แสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งม้วนตัวออกมา เผยให้เห็นชายหนุ่มชุดเขียวที่มือถือกระบี่เล็กสีเทาอยู่

เขาก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง

สำหรับสภาพของชั้นที่สามสิบหกนี้ ก่อนการท้าสู้กับเจดีย์ซวีหลิง เขาเคยหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาจำนวนหนึ่งแล้ว และยังสอบถามคนอื่นๆ มาแล้วด้วย

แต่ศิษย์สายนอกในตอนนี้ ไม่มีใครรู้ว่ารูปร่างหน้าตาปีศาจอสูรระดับของเหลวขั้นปลายทั้งสี่มีเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ แม้ว่าเยี่ยนหมิงจะเป็นผู้ที่มีความรอบรู้มาก ก็รู้แค่ว่าพลังของปีศาจอสูรแต่ละตัวในชั้นที่สามสิบหก ต่างก็พอจะเทียบกับระดับผลึกได้เท่านั้น นอกจากนี้แล้วก็ไม่รู้เรื่องอย่างอื่นอีก

ขณะนี้ มือซ้ายของหลิ่วหมิงจับมุกพลังวารีที่รวมตัวกันแล้ว และพริบตาที่กระบี่เล็กสีเทาปรากฏบนมือซ้าย มันก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ ไม่หยุด

ขณะที่เขาปล่อยพลังจิตอันแข็งแกร่งออกไปกวาดดูรอบด้านนั้น พลันมีแรงกดดันอันน่าตกใจตรงด้านหลัง เสาวารีสีฟ้ากับลูกเปลวไฟสีแดงพุ่งเข้ามาถึงพร้อมกัน

หลิ่วหมิงพุ่งขึ้นด้านบนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทำให้หลบเสาวารีกับลูกเปลวไฟไปได้

ครู่ต่อมา ได้เกิดฉากอันน่าประหลาดใจขึ้น!

เสาวารีกับลูกเปลวไฟดูราวกับมีชีวิต ขณะที่หลิ่วหมิงกระโดดขึ้นมานั้น มันก็หมุนวนแล้วพุ่งขึ้นไปหาหลิ่วหมิงทันที

“ฟัน!”

หลิ่วหมิงรู้สึกใจเย็นสะท้าน กระบี่จิตวิญญาณในมือสั่นไหว แสงกระบี่ที่ยาวเจ็ดแปดจั้งม้วนตัวออกมา

“โครมคราม!”

เสาวารีสีฟ้ากับลูกไฟสีแดงถูกแสงกระบี่ฟันในทันที

หลิ่วหมิงหมุนตัวกลับมาและหรี่ตามองปีศาจอสูรสีฟ้าและสีแดงที่อยู่ไม่ไกล มันคือปีศาจอสูรพยัคฆ์คู่หนึ่งที่มีขนาดยาวสามจั้ง

หนึ่งในนั้นมีแสงสีฟ้าปกคลุมรอบตัว ดูเหมือนจะมีไอหมอกวารีห่อหุ้มร่างไว้ ทั้งยังแผ่ไอเย็นสะท้านออกมา และอีกตัวก็ถูกเปลวเพลิงอันคุโชนห่อหุ้มไว้ และพ่นเปลวเพลิงออกมาตลอดเวลา

“ชั้นสามสิบหกควรจะมีปีศาจอสูรสี่ตัว ถ้าอย่างนั้นอีกสองตัวที่เหลือ……”

ขณะที่หลิ่วหมิงแบ่งจิตส่วนหนึ่งตามหาปีศาจอสูรอีกสองตัวนั้น พลันมีเสียงคำรามดังขึ้นกลางอากาศตรงหน้า พายุบ้าระห่ำไร้รูปปรากฏออกมาในพริบตา จากนั้นก็กลายเป็นคมวายุจำนวนมากพุ่งมาหาเขา

หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว พอโบกมือขวา มุกพลังวารีก็เปล่งประกาย ม่านวารีสีฟ้าปรากฏบนพื้นผิว และต้านทานคมวายุทั้งหมดไว้

ในขณะเดียวกัน พายุบ้าระห่ำก็ม้วนตัวออกไปด้านข้าง และก่อตัวเป็นสิงโตยักษ์สีขาวขนาดใหญ่

“ฟิ้ว!” สายฟ้าสีทองขนาดเท่าปากถ้วยผ่าลงมากลางอากาศ

หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อโดยไม่ต้องคิด แสงกระบี่สีเทาพุ่งขึ้นฟ้า พริบตาเดียวก็ฟันสายฟ้าสีเงินจนดับไป

แต่ขณะนั้นเอง พลันมีคลื่นจางๆ ก่อตัวตรงใต้เท้า พยัคฆ์สีแดงและฟ้าปรากฏออกมา ขณะเดียวกันก็อ้าปากพ่นเปลวเพลิงกับแท่งวารีออกมา

หลิ่วหมิงขยับตัวด้วยสีหน้าอึมครึม จากนั้นก็หายไปจากที่เดิม แต่กลับถูกแทนที่ด้วยเงาภูเขาสีเหลืองลูกเล็กๆ  ที่กดทับลงมา ขณะที่มันยังลงมาไม่ถึง ลูกเปลวไฟกับแท่งวารีก็ถูกสั่นสะเทือนจนแตกกระจุย

พยัคฆ์ทั้งสองรีบกระโดดหลบด้วยความตกใจ

ขณะนั้นเอง มีเสียงดัง “ฟิ้ว!”

หลิ่วหมิงปรากฏตัวกลางอากาศ และชกกำปั้นไปยังสายฟ้า

หลังจากพลังมหาศาลม้วนตัวผ่านไปอย่างบ้าคลั่ง ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมา!

กลุ่มหมอกสีทองปรากฏตัวกลางอากาศที่ดูว่างเปล่า สายฟ้าสีทองจำนวนมากพวยพุ่งออกมาผ่าสายรุ้งสีเทาอย่างบ้าคลั่ง

สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที พอทำท่ามือด้วยมือเดียว ก็มีเสียงดังเปรี๊ยะๆ ภายในร่าง จากนั้นร่างของเขาก็ขยายใหญ่หนึ่งจั้งกว่าๆ ในพริบตา มีไอดำพวยพุ่งอยู่บนพื้นผิว

มีเสียงมังกรร้องดังก้องขอบฟ้า!

มังกรหมอกดำที่ยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งพุ่งออกจากสายฟ้า และกระโจนเข้าหาเมฆอัสนี

เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา!

เมฆอัสนีสีทองเปล่งประกาย สายฟ้าขนาดใหญ่เส้นหนึ่งพุ่งยิงออกไป หลังจากกระพริบไม่กี่ที ก็มาปรากฏตัวข้างสิงโตยักษ์สีขาว และก่อตัวเป็นสิงโตยักษ์สีทองตัวหนึ่ง

คิดไม่ถึงว่าปีศาจอสูรบนเจดีย์ซวีหลิงชั้นที่สามสิบหก จะเป็นสิงโตกับพยัคฆ์อย่างละคู่ที่มีคุณสมบัติสี่ประการ

“ฟู่!” มังกรหมอกดำกระโจนใส่เมฆอัสนีที่เหลือจนแตกกระจาย จากนั้นตัวมันเองก็สลายตัวไปด้วยเช่นกัน

หลังจากไอดำม้วนเข้าไปในร่างหลิ่วหมิง ร่างของเขาก็ปรากฏออกมา เพียงแต่ว่าบนตัวยังมีเศษสายฟ้าสีทองจำนวนหนึ่งดีดดิ้นอยู่ไม่หยุด ชุดคลุมสีเขียวบนตัวถูกโจมตีจนเกิดเป็นรูขนาดต่างๆ

หลิ่วหมิงก้มมองเสื้อผ้าของตนเองทีหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองปีศาจอสูรทั้งสี่ด้วยแววตาที่เคร่งขรึมกว่าเดิม

เทียบกับโครงกระดูกยักษ์ทั้งสี่แล้ว อสูรวายุ สายฟ้า วารี และอัคคีทั้งสี่ตัวน่ากลัวกว่าสองสามเท่าขึ้นไป

หลังจากสิงโตยักษ์ตรงหน้าส่งเสียงคำรามออกมาแล้ว หลิ่วหมิงก็ถอนใจยาวออกมา พอสะบัดข้อมือ ปราณกระบี่สีเทาสิบกว่าสายก็ม้วนตัวเข้าปีศาจอสูรทั้งสี่อย่างบ้าคลั่ง……

ครึ่งชั่วยามต่อมา นอกเจดีย์ซวีหลิง เจียหลานจ้องมองอักขระที่เปล่งแสงบนชั้นที่สามสิบหกด้วยตาที่เป็นประกาย

“ศิษย์พี่ คนผู้นั้นมีการฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายจริงๆ หรือ?” เจียหลานหันไปถามหญิงชุดขาวที่อยู่ด้านข้าง

“ย่อมเป็นเช่นนั้นไม่มีผิด เดิมทีข้าคิดว่าคนผู้นี้จะเสียแรงเปล่าที่ไปบุกเจดีย์ คิดไม่ถึงว่าเวลาแค่ครึ่งวัน ก็ไปถึงชั้นที่สามสิบหกแล้ว ดูเหมือนว่าจะเร็วกว่าศิษย์น้องด้วย” หญิงชุดขาวตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ทางด้านซาทงเทียนกับหลงเหยียนเฟยก็ยังไม่จากไปไหน พวกเขาต่างก็จ้องมองเจดีย์ซวีหลิงชั้นที่สามสิบหกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

……

หลิ่วหมิงที่อยู่ในเจดีย์ย่อมไม่รู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก ยิ่งไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นไม่นาน เจียหลานก็เคยบุกถึงชั้นที่สามสิบหกด้วย

ภายใต้การช่วยเหลือของเคล็ดวิชาสามเงา เขาก็สร้างเงาร่างขึ้นมาสองเงา และอาศัยวิชาท่าร่างแปลกประหลาดประกอบกับกระบี่เล็กสีเทา และดัชนีกระบี่ในการต่อสู้กับปีศาจอสูรทั้งสี่

สถานการณ์ที่ไม่เหมือนกับการต่อสู้กับโครงกระดูกยักษ์ในก่อนหน้านั้นก็คือ ปีศาจอสูรทั้งสี่ต่างก็มีร่างที่มีคุณสมบัติต่างๆ พอเข้าใกล้มันในระยะเวลาจั้งกว่าๆ ก็จะได้รับผลกระทบจากปราณแกร่งคุ้มร่างที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน

หลิ่วหมิงในตอนนี้ เสื้อผ้าถูกคมวายุตัดขาดจนไม่มีชิ้นดี บนหน้าก็มีรอยแผลจางๆ จำนวนหนึ่ง แขนทั้งสองก็มีรอยไหม้และรอยบาดเจ็บจากความเย็น

และเวลาในขณะนั้น ก็ห่างจากที่หลิ่วหมิงเข้าเจดีย์ซวีหลิงชั้นสามสิบหกเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว

แม้ว่าเขาจะมีบาดแผลเต็มตัว แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ปีศาจอสูรทั้งสี่ถูกโจมตีด้วยรูปร่างแปลกประหลาดกับดัชนีกระบี่ของหลิ่วหมิง มันก็ได้รับบาดแผลเต็มตัวเช่นกัน กลิ่นไอก็อ่อนลงไปมาก ถ้ายืนหยัดอีกสักระยะหนึ่ง ก็มีโอกาสเป็นอย่างมากที่จะโจมตีพวกมันจนพ่ายแพ้ได้

พอหลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองถึงจุดนี้ ก็หยิบหินจิตวิญญาณระดับสูงออกจากแหวนย่อส่วนมาก้อนหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็รับประทานโอสถจินหยวนไปหนึ่งเม็ด

สำหรับเขาในตอนนี้ หากสามารถฟื้นฟูพลังเวทได้จำนวนหนึ่ง โอกาสชนะก็จะมีมากขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นย่อมไม่เสียดายโอสถที่มีมูลค่าหลายแสนอย่างแน่นอน

พอเขาเพิ่งจะทำทุกอย่างนี้เสร็จ คมวายุโปร่งแสงตามด้วยเปลวเพลิงจำนวนมาก ก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง

มันคือพยัคฆ์สองตัวที่คำรามอยู่ไม่ไกล

เนื่องจากปีศาจอสูรทั้งสี่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บ มันจึงรวมตัวกัน ทำให้หลิ่วหมิงโจมตียากขึ้นกว่าเดิม

หลิ่วหมิงส่งเสียงคำรามในทันที เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงพื้นในฉับพลัน ไอดำพวยพุ่งออกจากตัว “ฟู่!” พอไอดำม้วนตัว ร่างของเขาก็หายไปจากที่เดิม ทำให้คมวายุกับเปลวเพลิงโจมตีกับความว่างเปล่า

ครู่ต่อมา มีเงาร่างสองเงาเปล่งประกายบนอากาศเหนือหัวพยัคฆ์สีฟ้า และเงากระบี่สีเทาจำนวนมากก็ม้วนตัวลงมา

พยัคฆ์ธาตุไฟส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห ลวดลายจิตวิญญาณสีฟ้าบนตัวเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง ไอเย็นสะท้านก่อตัวขึ้นบนอากาศรอบๆ ตัว และก่อตัวเป็นม่านน้ำแข็งสีฟ้าแวววาว

เงากระบี่โจมตีลงบนนั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงดังราวกับฝนตกกระทบรั้วไม้ไผ่ดังขึ้นมา หลังจากมีเสียงดัง “เพล้ง!” ม่านน้ำแข็งก็แตกสลายเป็นแสงสีฟ้า

แต่ขณะนั้นเอง เสาเพลิงขนาดเท่าปากถ้วยก็กวาดเข้ามาจากด้านข้าง และทำลายเงากระบี่จำนวนมากที่ร่วงลงมาจนสลายไป

มันคือสิ่งที่พยัคฆ์สีแดงที่อยู่บริเวณนั้น อ้าปากพ่นออกมา

พอสิงโตสายฟ้าสีทองอีกตัวก้มตัวลง เสียงสายฟ้าบนตัวก็ดังขึ้นมา สายฟ้าขนาดใหญ่จำนวนมากฟาดฟันไปกลางอากาศ

เงาร่างสองเงาบนอากาศบิดเอวแค่ทีเดียว ก็พร่ามัวหายไปท่ามกลางสายฟ้า

ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงกลายเป็นเงาร่างสองเงา และมาปรากฏตัวข้างพยัคฆ์สีแดง หลังจากตะคอกเสียงออกมา มือทั้งสองต่างก็กำมุกพลังวารีไว้ข้างละหนึ่งเม็ด มีเกล็ดสีแดงปรากฏบนกำปั้นที่ทุบออกไปอย่างรุนแรง

มีเสียงคำรามแหลมดังออกมา!

ปราณแกร่งคุ้มร่างของพยัคฆ์เพลิงแตกกระจายในทันที ร่างของมันกระเด็นออกไปราวกับลูกหนังกลมๆ

ขณะเดียวกัน มีเสียงดังขึ้นกลางอากาศ สิงโตยักษ์สีขาวปล่อยคมวายุออกมาสิบกว่าเส้น

หลิ่วหมิงได้แต่ละทิ้งความคิดที่จะตามโจมตีไป ร่างของเขาพุ่งถอยออกมาสิบกว่าจั้ง และค่อยๆ ร่อนลงพื้น

ขณะนั้นเอง ปีศาจอสูรทั้งสี่ที่อยู่ไกลๆ ก็กระโดดเข้ามาอีกครั้ง และแหงนหน้าแผดเสียงออกมาพร้อมกัน ลวดลายจิตวิญญาณสีต่างๆ ที่อยู่บนตัวเปล่งประกายไม่หยุด และยังมีไอปีศาจม้วนตัวออกมา จากนั้นก็ก่อตัวเป็นพายุบ้าระห่ำสีเทาม้วนเอาปีศาจอสูรทั้งหมดไว้ด้านใน และบดบังไว้อย่างมิดชิด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หดรูม่านตาลง พอทำท่ามือด้วยมือเดียว พลังมหาศาลก็ม้วนตัวไปตรงหน้า พอมันสัมผัสกับพายุบ้าระห่ำ กลับถูกพลังไร้รูปบางอย่างดีดกระเด็นออกมา โดยที่ไม่สามารถเข้าไปด้านในได้เลยแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงยกแขนข้างหนึ่งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง คมวายุยักษ์ขนาดจั้งกว่าๆ ก่อตัวขึ้นตรงหน้าในพริบตา และหลังจากสั่นสะท้าน มันก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งยิงออกไป

เกิดเรื่องประหลาดขึ้น!

คมวายุยักษ์โจมตีลงบนพายุบ้าระห่ำในพริบตา และจมหายไปในนั้นราวกับดินเลนที่จมในทะเลโดยไม่มีสุ้มเสียงใดๆ

หลิ่วหมิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก พอทำท่ามือด้วยมือเดียว ลูกเปลวไฟสิบกว่าลูกก็ปรากฏออกมาพร้อมกัน และพุ่งยิงออกไปตรงหน้า

เกิดฉากอันน่าประหลาดใจขึ้นเช่นกัน!

ลูกเปลวไฟสิบกว่าลูกที่โจมตีลงบนพายุบ้าระห่ำจมหายไปในนั้นเช่นกัน โดยที่ไม่มีแม้แต่คลื่นสั่นสะเทือนเลยแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมทันที เขาถอนหายใจยาวออกมา พอสะบัดแขนเสื้อ มุกพลังวารีสองเม็ดก็ถูกโยนออกไป หลังจากหมุนตัวติ้วๆ กลางอากาศ มันก็รวมกันเป็นหนึ่ง และกลายเป็นภูเขาสีเหลืองที่สูงสิบกว่าจั้ง หลังจากพร่ามัวทีหนึ่งแล้ว ก็มาปรากฏตัวบนอากาศเหนือพายุบ้าระห่ำ และกดทับลงมาอย่างหนักหน่วง

………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset