ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 647 ฝึกฝนในแดนมายา

หลังจากแสงสีเงินกระพริบผ่านไป เนินเขาสีดำก็ถูกลูกสายฟ้าขนาดใหญ่ปกคลุมไว้ และถูกบดละเอียดเป็นจุนท่ามกลางสายฟ้าจำนวนมากที่ประสานกันไปมา พริบตาเดียวมันก็หายไป และเหลือทิ้งไว้เพียงหลุมลึกขนาดหลายหมู่

หลุมยักษ์เป็นสีดำเกรียม และตรงขอบก็เรียบผิดปกติราวกับถูกตัดด้วยมีดอันแหลมคม

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

การโจมตีเมื่อครู่ กระตุ้นอานุภาพของวิชาสายฟ้าสวรรค์แค่หนึ่งถึงสองส่วนเท่านั้น

หากเขาโจมตีด้วยพลังทั้งหมดล่ะก็ เกรงว่าผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ก็ไม่อาจรับการโจมตีนี้ได้ อีกอย่างเมื่อระดับการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้น และพลังในการควบคุมสายฟ้าสวรรค์ยิ่งมาก อานุภาพของมันยังคงเพิ่มขึ้นได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือ นอกจากจะพบเจอกับพายุฝนฟ้าคะนองแล้ว หากจะแสดงการโจมตีอันน่าตกใจเช่นนี้ ก็มีเพียงแค่การกักเก็บพลังสายฟ้าจำนวนมากไว้ก่อน ถึงจะมีความหวังขึ้นมา

ในเมื่อวิชาสายฟ้าสวรรค์เข้าสู่ระดับลึกซึ้งแล้ว หลิ่วหมิงก็หยุดฝึกฝนวิชานี้ในทันที และอาศัยดวงตามายาไปฝึกฝนประสบการณ์ต่อสู้อีกแบบในแดนมายา

ครึ่งปีต่อมา ในแดนมายา

ท่ามกลางทะเลเพลิงสีดำในห้องโถงแห่งหนึ่ง หญิงสาวครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจที่มีขนสีดำปกคลุมเต็มตัวก็คือเซียนหงส์ดำนั่นเอง

ภายใต้พลังระดับผลึกของหลิ่วหมิงที่เหนือกว่า นางเปิดศึกได้ไม่นานก็มีสถาพเป็นแบบนี้แล้ว

เซียนหงส์ดำกระพือปีกบินเข้าหาหลิ่วหมิง กรงเล็บสีดำอันแหลมคมกลายเป็นเงากรงเล็บยักษ์วาดตัวผ่านไป

หลิ่วหมิงก็กระตุ้นพลังเวทอย่างไม่รีบร้อน ไอดำพวยพุ่งรอบตัว พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์สีดำสองข้าง และพุ่งออกไปรับมือ

พริบตาที่เงากรงเล็บยักษ์ปะทะกับมือยักษ์ มันก็ระเบิดออกมา เซียนหงส์ดำกระเด็นกลับไปในทะเลเพลิงท่ามกลางพลังอันมหาศาล

แต่นางกระพือปีกทั้งคู่ในทันที ร่างของนางหมุนวนกลับมาด้วยแววตาเยือกเย็น จากนั้นก็อ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีดำใส่หลิ่วหมิง

ทันใดนั้น มีกลิ่นไหม้เกรียมโชยออกมาจากกลางอากาศ

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ก้าวขาข้างหนึ่งไปด้านหลัง และกลายเป็นแสงสีดำพุ่งออกไปยี่สิบกว่าจั้ง

ครู่ต่อมา เกิดเสียงดังกังวานดังเข้ามา เงาร่างวิหคยักษ์ตัวหนึ่งกำลังพุ่งออกจากทะเลเพลิงสีดำ และแผดเสียงพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงท่ามกลางไอดำอันพวยพุ่ง

“ฟู่!”

วิหคยักษ์พ่นเปลวไฟสีทองขนาดเท่าปากถ้วยออกมา

หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่งบริเวณหน้าอก สายฟ้าแต่ละเส้นก่อตัวขึ้นบนมือ พริบตาเดียวก็กลายเป็นลูกสายฟ้าสีเงินขนาดเท่ากำปั้นหนึ่งลูก

“ไป!”

พอหลิ่วหมิงกระตุกข้อมือ สายฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยเส้นหนึ่งก็พุ่งไปรับมือกับเปลวไฟสีทอง

เกิดเสียงดังกลางอากาศในทันที

สายฟ้าสีเงินพุ่งทะลุเปลวไฟสีทอง และพุ่งเข้าเซียนหงส์ดำ

“วิชาสายฟ้าสวรรค์นี้มีอานุภาพไม่ธรรมดาจริงๆ!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็แอบอุทานออกมาอดไม่ได้ และการแสดงวิชาสายฟ้าสวรรค์ในครั้งนี้ เขาใช้พลังเวทแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น

ขณะนั้น ดูเหมือนว่าเซียนหงส์ดำจะรับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่ค่อยปลอดภัย หลังจากดวงตาทั้งคู่เป็นประกายแวววาวอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กระพือปีกทั้งคู่อย่างรุนแรง พายุบ้าระห่ำพัดเข้ามา จากนั้นร่างของนางก็พร่ามัว

แต่ครู่ต่อมา เกิดเสียงสายฟ้าดังเปรี๊ยะๆ สายฟ้าสีเงินเปล่งประกายผ่านเศษเงาร่างของเซียนหงส์ดำ ส่วนร่างแท้จริงของนางกลับหายไปจากห้องโถงในพริบตา

แต่หลิ่วหมิงกลับทำท่ามือด้วยมือทั้งสองโดยไม่รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย

“ฟู่!”

ทางเดินหลายแห่งมีม่านทรายสีทองจางๆ ปรากฏออกมา มันคือทรายทองคำร่วงที่หลิ่วหมิงเตรียมไว้ตั้งแต่แรกนั่นเอง

หน้าม่านทรายแห่งหนึ่งพลันสั่นสะท้านเบาๆ “ตู๊ม!” จากนั้นก็มีรูขนาดใหญ่ปรากฏออกมา

“หาเจ้าเจอแล้ว!”

มุมปากหลิ่วหมิงยกขึ้นเล็กน้อย พอสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล็กสีเขียวเล่มหนึ่งก็พุ่งยิงออกมา พอกระตุ้นเคล็ดกระบี่อีกครั้ง เขาก็ใช้วิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งกลายสายรุ้งกระบี่สีเขียวพุ่งตามไป

ไม่นานก็มีเสียงร้องอย่างน่าเวทนาท่ามกลางระเบียงทางเดินยาวๆ แห่งหนึ่ง “อ๊ากกกก!”

……

สองปีต่อมา

ยังคงอยู่ในห้องโถงมืดๆ ภายในแดนมายา เงาร่างสีเลือดกำลังปะทะกับเงาร่างสีดำอย่างดุเดือด ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงกับราชาโลหิตที่กลืนมนุษย์โลหิตเข้าไปนั่นเอง

ช่วงเวลาในก่อนหน้านั้น หลิ่วหมิงเคยใช้ร่างแปลงปีศาจไปจัดการกับราชาโลหิตแล้ว ด้วยพลังของเขาที่เพิ่มขึ้นเป็นทวี ไม่กี่รอบก็สังหารราชาโลหิตได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้เขากลับไม่ได้ใช้ร่างแปลงปีศาจอย่างในก่อนหน้า และกำลังต่อสู้กับราชาโลหิตอย่างดุเดือด

“ฟู่!”

เงาฝ่ามือโลหิตกดลงบนศีรษะหลิ่วหมิง

ไอดำบนตัวหลิ่วหมิงพวยพุ่งกลายเป็นเงาสองเงา และแยกออกไปซ้ายขวา ทำให้หลบฝ่ามือโลหิตไปได้ จากนั้นก็ผสานกลับมาดังเดิม และไปปรากฏตัวอยู่ห่างจากด้านข้างของราชาโลหิตหลายจั้ง

พอหลิ่วหมิงทำท่าเคล็ดกระบี่ด้วยมือข้างหนึ่ง ปราณกระบี่รูปเกลียวสามสายก็พุ่งเข้ามาถึงในพริบตา และโจมตีจนทะเลโลหิตรอบตัวราชาโลหิตแตกกระจาย

ราชาโลหิตส่งเสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็น และอ้าปากพ่นมุกสีเลือดออกมาหนึ่งเม็ด แต่ปราณกระบี่สามสายที่หลิ่วหมิงปล่อยออกมา กลับถูกดูดเข้าไปในมุกกลมๆ อย่างน่าประหลาดใจ

หลิ่วหมิงขมวดคิ้วในทันที จากนั้นก็ยกแขนปล่อยสายฟ้าเส้นหนึ่งออกจากฝ่ามือ และมันก็แทงทะลุทะเลหมอกโลหิตก่อนพุ่งเข้าหาราชาโลหิตอย่างรวดเร็ว

ราชาโลหิตส่งเสียงร้องแปลกประหลาด และพ่นลำแสงสีเลือดออกไปรับมือ

หลิ่วหมิงย่อมรู้ดีว่า นี่เป็นแสงโลหิตของราชาโลหิตที่มีอานุภาพไม่จำกัด แต่เขายังคงอยากจะทดสอบดูว่า วิชาสายฟ้าสวรรค์ขึ้นลึกซึ้งนี้มีอานุภาพแค่ไหนกัน ดังนั้นเขาจึงใส่พลังเวทเข้าไปในฝ่ามืออย่างบ้าคลั่ง และสายฟ้าที่เขาปล่อยออกมาก็ขยายใหญ่หลายเท่า ซึ่งเขาได้ใช้พลังเวททั้งหมดแล้ว

“ตู๊ม!”

เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นกลางอากาศ ลำแสงสีเลือดถูกวิชาสายฟ้าสวรรค์ของหลิ่วหมิงโจมตีทะลุ

แต่เขายังไม่ทันได้แสดงสีหน้าดีใจ ก็มีกลิ่นคาวเลือดโชยมาจากด้านหลัง

“แย่แล้ว!”

หลิ่วหมิงอุทานออกมา ขณะเดียวกันพอบิดตัวไปด้านข้างเล็กน้อย ถึงมองเห็นอย่างชัดเจนว่ามีเงาร่างสีเลือดพร่ามัวมาปรากฏตรงด้านหลัง และคว้ามาทางหน้าอกของเขาอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงคำรามด้วยความโมโห หลังจากพายุบ้าระห่ำม้วนออกจากตัว เกราะหนังสีเงินก็ปรากฏออกมา ขณะเดียวกันแขนของเขาก็ขยายใหญ่ และทุบไปทางเงาร่างสีเลือดอย่างบ้าคลั่ง

“ตู๊ม!” กำปั้นหลิ่วหมิงแทงทะลุเงาโลหิตไป หลังจากนิ้วทั้งห้าของฝ่ายตรงข้ามวาดตัวผ่านหน้าอกของเขา กลับทิ้งไว้เพียงรอยเล็บจางๆ ห้าเส้นเท่านั้น

หลิ่วหมิงอ้าปากด้วยสีหน้าเฉียบขาด และสายฟ้าสีเงินอีกเส้นก็พุ่งออกไปโดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันได้ระมัดระวัง…

ภาพรอบด้านหลิ่วหมิงเริ่มพร่ามัว จากนั้นเขาก็มาปรากฏตัวในห้องว่างเปล่าลึกลับอีกครั้ง

แม้เขาจะเข้าสู่ระดับผลึกแล้ว แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีร่างแปลงปีศาจ หากจะสังหารราชาโลหิตที่ถูกยกระดับการฝึกฝนจนถึงระดับผลึกขั้นกลาง ทั้งยังมีพลังไม่ธรรมดานี้ เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง

โดยพื้นฐานทั่วไปแล้ว ภายใต้พลังเสริมของเกราะอสูรและวิชาสายฟ้าสวรรค์ สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้หนึ่งถึงสองครั้งในทุกๆ สิบครั้งเท่านั้น ที่เหลือถ้าไม่ตายไปพร้อมกับฝ่ายตรงข้าม ก็ยอมให้ราชาโลหิตกลายเป็นแสงสีเลือดแล้วหลบหนีไป

เวลาต่อมา หลิ่วหมิงทำศึกใหญ่กับราชาโลหิตไปหลายร้อยรอบ ในที่สุดก็เข้าใจและคุ้นเคยกับพลังของราชาโลหิตแล้ว และจำนวนครั้งในการสังหารก็เพิ่มขึ้นมามาก

สี่ปีต่อมา เขาต่อสู้กับราชาโลหิตจนสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้แปดถึงเก้าในสิบครั้ง

หลิ่วหมิงย่อมค่อนข้างพอใจเป็นอย่างมาก เพราะขณะนี้เขามีการฝึกฝนแค่ระดับผลึกขั้นต้นเท่านั้น พอการฝึกฝนถูกเพิ่มระดับขึ้น คิดว่าน่าจะขยี้ราชาโลหิตได้อย่างแน่นอน

เวลาที่เหลือ เขามีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงแดนมายาอีกครั้ง และลองท้าสู้จินเลี่ยหยางที่เคยปรากฏตัวในวังมายานภาหยก

ก่อนหน้านั้น เขาก็เคยเข้าไปในแดนมายาจำลองสถานการณ์ต่อสู้กับจินเลี่ยหยางมาแล้ว แต่ตอนนี้เพื่อที่จะฝึกฝนวิชาเงาร่างสามส่วน จึงไม่ได้เผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามโดยตรง เพียงแค่เคลื่อนไหวหลบหลีกไปมาอย่างรวดเร็วเท่านั้น

ขณะนี้ หลิ่วหมิงไม่เพียงแต่มีการฝึกฝนระดับผลึกเท่านั้น พลังเวทยังเพิ่มขึ้นเป็นทวี กายเนื้อก็แข็งแกร่งจนน่าตกใจ ประกอบกับมีเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สามและวิชาสายฟ้าสวรรค์ขั้นลึกซึ้งด้วยแล้ว ย่อมอยากหาเงาร่างมายาของจินเลี่ยหยางมาแลกมือดูสักครั้ง

หลังจากคิดไตร่ตรองเช่นนี้ไปหนึ่งรอบ เขาก็แตะไปที่ระหว่างคิ้วอีกครั้ง อาศัยพลังจิตที่หนอนพลังจิตปล่อยออกมากระตุ้นดวงตามายาปีศาจ และเข้าไปในแดนมายาอีกครั้ง

พอหลิ่วหมิงลืมตาขึ้นมา ไอเย็นสะท้านก็ปะทะเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันคือแสงกระบี่ที่เปล่งประกายอยู่ห่างจากเขาไปสองสามจั้ง

เขารีบกระตุ้นพลังเวทด้วยความตกใจ หลังจากบิดตัวไปหนึ่งทีถึงหลบแสงกระบี่ไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ชุดคลุมบนตัวยังคงถูกปราณกระบี่ตัดเป็นรอยหนึ่งเส้น

หลิ่วหมิงร่นถอยออกไปสองสามก้าวอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสองทันที และไอดำบนตัวก็พวยพุ่งขึ้นมา เงาร่างพยัคฆ์สามตัวปรากฏอย่างชัดเจนบนแขนของเขา และมังกรหมอกดำสามตัวที่อยู่ด้านหลังของเขา ก็จ้องมองเงามนุษย์สีทองที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าดุร้าย

พอเขาส่งเสียงคำรามออกมา ก็ปล่อยกำปั้นออกไปทันที หลังจากพายุบ้าระห่ำผ่านพ้นไป พยัคฆ์สีดำขนาดใหญ่สามตัวก็กระโจนออกมา และมังกรหมอกดำสามตัวก็พุ่งยิงออกไปด้วยเช่นกัน

เงาร่างมนุษย์สีทองฟันกระบี่ออกไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก พอพยัคฆ์หมอกสามตัวและมังกรหมอกสามตัวปะทะกับแสงกระบี่สีทอง มันก็ไม่อาจต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย และระเบิดตัวสลายไปทันที

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขายังคงทำท่ามือด้วยสีหน้าสงบ ไอหมอกดำที่สลายตัวไปกลายเป็นแสงสีดำก่อนม้วนตัวเข้าหาชายหนุ่มชุดคลุมสีทอง

หลังจากเปลี่ยนท่ามืออีกครั้ง เงามนุษย์สีทองก็จมเข้าไปในคุกมืดสีดำที่ไม่มีที่สิ้นสุด

แต่ที่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกคาดไม่ถึงก็คือ เวลาผ่านไปแค่อึดใจเดียว ปราณกระบี่สีทองก็พุ่งออกจากแสงสีดำไปทั่วทิศ

เขายังไม่ทันได้เปลี่ยนไปใช้วิธีการอื่น ก็มีเสียงดังขึ้นมา คุกมืดระเบิดตัวกลายเป็นจุดแสงสีดำก่อนสลายไปในพริบตา

ในขณะเดียวกัน แสงกระบี่สีทองก็พุ่งเข้ามาถึงตรงหน้า และฟันลงมา

พอหลิ่วหมิงยกแขนข้างหนึ่งขึ้น สายฟ้าสีเงินขนาดเท่าปากถ้วยก็ก่อตัวขึ้นมา ทันใดนั้น มันก็พุ่งยิงออกจากฝ่ามือของเขา และไปรับมือกับแสงกระบี่เหนือศีรษะโดยตรง

“เต๊ง!”

ภายใต้การถูกสายฟ้าสีเงินปะทะอย่างรุนแรง แสงกระบี่สีทองก็ต้านทานได้เพียงครู่หนึ่ง จากนั้นก็แตกกระจายเป็นจุดแสงสีทอง

สายฟ้าสีเงินเองก็หมดซึ่งอานุภาพและหายตัวไปกลางอากาศ ทำให้อากาศบริเวณรอบๆ เกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่หลิ่วหมิงเอาชนะแสงกระบี่ของจินเลี่ยหยางได้อย่างสมบูรณ์ เขามองดูฉากตรงหน้าด้วยแววตาตื่นเต้น

ขณะนั้นเอง เงามนุษย์สีทองตรงหน้าก็สะบัดแขนเบาๆ สองสามที จากนั้นก็ฟันเงากระบี่สีทองออกมาจำนวนมาก ทำให้หลิ่วหมิงมือไม้ยุ่งเป็นพัลวัน

เงามนุษย์สีทองเคลื่อนไหวสองที ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าหลิ่วหมิงราวกับปีศาจ

………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset