ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 666 โจรปล้นสะดมเผ่าหมาน

ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชาผ่านไป ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทาถึงวางโอสถลงในตลับอย่างเสียดาย

“เป็นโอสถแฝงจิตวิญญาณขั้นธรรมดาจริงๆ ด้วย! โอสถนี้มูลค่าสองล้านหินจิตวิญญาณ ไม่ทราบว่าท่านยินดีขายให้ร้านเราหรือไม่ ยังคงขึ้นราคาได้หนึ่งส่วน” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทายังคงจ้องมองโอสถในตลับหยกอย่างไม่วางตา

“ราคาก็นับว่าสมเหตุสมผล ในเมื่อผู้อาวุโสมีความจริงใจเช่นนี้ ข้าจะขายโอสถในมือออกไปพร้อมกันเลย” หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเพียงเล็กน้อย ก็ตกปากรับคำทันที

ดูๆ แล้วร้านนี้คงมีที่มาอยู่บ้าง เช่นนี้ล่ะก็คงสามารถซื้อโอสถในมือเขาเหล่านี้ได้

เทียบกับการขายโอสถแฝงจิตวิญญาณในมือออกไปทีละนิดๆ แล้ว การขายออกไปในครั้งเดียวย่อมเป็นเรื่องที่ประหยัดเวลากว่า

อีกอย่างด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ ย่อมไม่กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีความคิดไม่ดีอะไร

ตามราคาที่เถ้าแก่ผู้นี้เสนอมา โอสถแฝงจิตวิญญาณในมือเขาคงขายได้มากถึงยี่สิบล้านหินจิตวิญญาณ มีหินจิตวิญญาณจำนวนนี้ คงเพียงพอสำหรับใช้เข้าร่วมงานประมูลแล้ว

“อ้อ? ไม่……ไม่ทราบว่าในมือท่านมีโอสถแฝงจิตวิญญาณจำนวนกี่เม็ด ร้านเราจะได้ตกลงราคาแล้วซื้อทีเดียว หากมีจำนวนมาก……ร้านเรายังสามารถเพิ่มราคาได้อีกเล็กน้อย” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทาได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกอึ้งไปทันที แต่ก็ถามด้วยความดีใจ

หลิ่วหมิงนำยันต์เก็บของออกจากแหวนย่อส่วนมาหลายผืน และขยี้มันพร้อมกัน ทันใดนั้น ตลับหยกแวววาวจำนวนมากกับตลับหยกสีเขียวสองใบก็วางเต็มโต๊ะหิน

พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อเบาๆ ตลับหยกบนโต๊ะก็ส่งเสียงดัง “ฟู่!” และเปิดออกมาพร้อมกัน

ห้องลึกลับที่ดูกว้างขวาง ถูกแสงทรงกลดสีขาวส่องสว่างขึ้นมา ปรานจิตวิญญาณหนาแน่นลอยวนเวียนอยู่ในห้องลับ และค่ายกลสีเทาขนาดใหญ่บนห้องลับก็เปล่งประกายในทันที และกั้นปราณจิตวิญญาณไว้ด้านใน

“หรือว่าสหายจะเป็นปรมาจารย์ปรุงโอสถ!” ผู้อาวุโสชุดเทาเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกตกตะลึงจนปากอ้าตาค้างขึ้นมาจริงๆ

“เฮ่อๆ! ข้ามีสถานะใดนั้น ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องบอก หากไม่ใช่ว่าช่วงนี้ข้าต้องใช้หินจิตวิญญาณเร่งด่วนล่ะก็ คงไม่นำโอสถแฝงจิตวิญญาณมาขายเป็นจำนวนมาก เพราะโอสถที่สามารถเพิ่มทวีพลังเวทระดับผลึกได้นี้ เดิมทีก็เป็นสิ่งของมีมูลค่าที่หาไม่ได้ในตลาดอยู่แล้ว” หลิ่วหมิงไม่ปริปากบอกว่าใช่หรือไม่ใช่

“ข้าพูดจาบุ่มบ่ามไปหน่อย ขอท่านโปรดรอสักครู่ รอข้านับจำนวนโอสถเหล่านี้ก่อน” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทายิ้มแก้เขิน จากนั้นก็ทำการตรวจสอบโอสถเหล่านี้ทีละเม็ด

ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทาถึงนำโอสถแฝงจิตวิญญาณใส่ลงไปในตลับหยก

“โอสถระดับกลางเจ็ดสิบห้าเม็ด รวมทั้งหมดเป็นสิบหกล้านห้าแสนหินจิตวิญญาณ โอสถขั้นธรรมดาสองเม็ด สี่ล้านสี่แสนหินจิตวิญญาณ ทั้งหมดยี่สิบสองล้านหินจิตวิญญาณเป็นเป็นไง?” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทาใช้นิ้วนับอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงเงยหน้ากล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย

สำหรับหลิ่วหมิงแล้ว เขารู้สึกพอใจกับราคานี้มาก จึงพยักหน้าเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

“ขอท่านโปรดรอสักครู่” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทาเห็นหลิ่วหมิงตอบตกลงเช่นนี้ ก็แอบโล่งใจไปเปราะหนึ่ง จากนั้นก็รีบเดินไปยังประตูด้านหลังห้องลับ

พอเขาปล่อยพลังใส่ประตูบานนี้ แสงสีขาวก็เปล่งประกายบนประตู และร่างของเขาก็หายไปจากห้องลับ

หลิ่วหมิงนั่งรออยู่ที่เดิมเงียบๆ ด้วยสีหน้าสงบ ตอนที่เขาเข้ามาในร้านแห่งนี้ ได้ปล่อยจิตสำรวจดูจนทั่วแล้ว ไม่ค้นพบว่ามีผู้ฝึกฝนระดับผลึกขึ้นไปอยู่เลย จึงไม่ต้องกังวลอะไรมาก

ครู่ต่อมา แสงสีขาวเปล่งประกายบนประตูอีกครั้ง ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทาถือถุงที่ใส่หินจิตวิญญาณจนเต็มมาปรากฏตัวในห้องลับ

หลิ่วหมิงรับถุงผ้ามา พอใช้จิตกวาดดูและมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว ก็พยักหน้าก่อนเก็บมันเข้าไปในแหวนย่อส่วนอย่างไม่ลังเล

“หากท่านยังมีโอสถชนิดนี้ หวังว่าจะนำมาขายให้กับร้านเราอีก ร้านเราจะรับซื้อทั้งหมด และยังสามารถช่วยท่านซื้อวัตถุดิบจำนวนหนึ่งที่ใช้ปรุงโอสถได้ ราคาก็ต้องพิเศษกว่าร้านอื่นอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสชุดคลุมสีทองเก็บโอสถทั้งหมดอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นก็มองหลิ่วหมิงด้วยสายตาแวววาว และกล่าวด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

“เถ้าแก่ล้อข้าเล่นแล้ว โอสถแฝงจิตวิญญาณเหล่านี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทุ่มเทพลังไปตั้งเท่าไหร่ถึงค่อยๆ หลอมมันออกมาได้ แต่หากภายหลังข้ามีอีกล่ะก็ จะต้องมาเยือนร้านท่านอย่างแน่นอน” หลิ่วหมิงหัวเราะฮ่าๆ! แล้วกล่าวอย่างคลุมเครือ

แม้ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทาจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ได้ยินเช่นนี้ แต่ก็ไม่อาจถามอะไรมากได้ หลังจากพูดจากับหลิ่วหมิงอย่างเป็นพิธีรีตองอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ก็ส่งเขาออกจากร้าน

หลังจากหลิ่วหมิงเดินออกจากร้านแล้ว ก็ถอนหายใจเบาๆ แต่พอกวาดจิตดูยี่สิบล้านหินจิตวิญญาณในแหวนย่อส่วนแล้ว ก็ยังคงรู้สึกเบิกบานใจอยู่พักหนึ่ง

เท้าของเขาไม่หยุดเดินเลยแม้แต่น้อย ไม่นานก็หายไปบนท้องถนน

ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป ในตรอกเล็กๆ ที่ไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง พลันมีเสียงข้อต่อกระดูกดังเปรี๊ยะๆ

ไม่นาน ชายฉกรรจ์หน้าดำผู้หนึ่งก็เดินอกผายออกมา หลังจากเลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่ครู่หนึ่ง ก็มาถึงบริเวณทางออกตลาด

เขาสะบัดแขนเสื้อปล่อยเรือหยกแวววาวออกมา และกระโดดขึ้นไปบนนั้น

หลังจากพายุบ้าระห่ำก่อตัวด้านข้างเรือเหาะแล้ว มันก็กลายเป็นกลุ่มแสงแวววาวพุ่งออกไป

เรือเหาะนี้ก็คือเรือเหาะหยกจันทราที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดชิ้นนั้น ชายฉกรรจ์หน้าดำก็คือหลิ่วหมิงที่ปลอมตัวมานั่นเอง

ครึ่งเดือนต่อมา หลิ่วหมิงซื้อของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงจากร้านค้าสองสามร้านในตลาดเหมียวจงมายี่สิบกว่าขวด และซื้อวัสดุเสริมจากร้านค้าต่างๆ จากนั้นก็กลับไปเก็บตัวปรุงโอสถในห้องลับที่เช่าอยู่ในโรงเตี๊ยม

หนึ่งปีต่อมา เขาปรุงโอสถแฝงจิตวิญญาณออกมาได้หนึ่งร้อยกว่าเม็ด ในนั้นยังคงมีโอสถขั้นธรรมดาแค่สองเม็ด เม็ดอื่นๆ ล้วนเป็นโอสถระดับกลางหมด

โอสถที่ปรุงออกมาในครั้งนี้ ส่วนมากหลิ่วหมิงจะเก็บไว้ทานเอง เหลือส่วนน้อยไว้ขายแลกหินจิตวิญญาณเพื่อซื้อวัตถุดิบมาปรุงโอสถต่อเท่านั้น

ส่วนโอสถระดับสูงสองเม็ดนั้น เขาเก็บไว้เองทั้งหมด

ประการแรกเป็นเพราะว่าโอสถแฝงจิตวิญญาณระดับสูงมีมูลค่ามากเกินไป ทำให้เป็นจุดสนใจได้ง่าย ประการที่สองโอสถระดับสูงมีผลในการเพิ่มพลังเวท ทะลวงคอขวดแตกต่างจากโอสถระดับกลางราวฟ้ากับเหว

เขาวางแผนเก็บมันไว้ใช้ในตอนที่เผชิญกับปัญหาคอขวด

สิบกว่าวันต่อมา ท่ามกลางหุบเขาแคบยาวแห่งหนึ่ง หลิ่วหมิงปลอมตัวเป็นบัณฑิตสุภาพ และกำลังขี่เมฆดำเหินเวหาอยู่

ขณะนี้ เขาได้ใช้โอสถแฝงจิตวิญญาณสามสิบกว่าเม็ดแลกของเหลวห้าแสงกับวัตถุดิบเสริมจากตลาดอีกแห่งที่อยู่บริเวณนี้มาจำนวนหนึ่ง และกำลังเดินทางกลับไปยังตลาดเหมียวจง

ขณะนั้นเอง พลันมีเงาร่างคนสามคนปรากฏตัวตรงด้านหลังป่าหินระเกะระกะสีเทาในหุบเขา “ฟู่ๆ!”

ทั้งสามต่างก็สวมชุดหนังอสูร สวมปีกนกอยู่บนหัว มองดูก็รู้ว่าเป็นผู้ฝึกฝนเผ่าหมานในท้องที่ กลิ่นไอที่แผ่ออกมาก็ไม่เบา และผู้ที่เป็นหัวหน้าก็มีการฝึกฝนระดับผลึก

“เจ้าเด็กน้อย หากรู้จักเอาตัวรอด ก็รีบนำหินจิตวิญญาณบนตัวกับสิ่งของที่มีค่าออกมาให้หมด! พวกเราจะไม่สังหารเรียบ บางทีอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้” ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้ากล่าวด้วยสีหน้าเฉียบขาด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา คิดไม่ว่าถึงผู้ฝึกฝนเผ่าหมานในสถานที่แห่งนี้ จะมีการฝึกฝนระดับผลึกแล้ว ทั้งยังสมคบคิดกันทำการปล้นสะดมด้วย

“ข้าก็แค่ผ่านทางมาเท่านั้น ไม่ได้พกหินจิตวิญญาณติดตัวมาก มีแค่ไม่กี่พัน เกรงว่าคงไม่พอให้ทั้งสามไปดื่มชาจิตวิญญาณ” ในที่สุดหลิ่วหมิงก็กล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“พี่ใหญ่ คนผู้นี้เพิ่งออกจากตลาดมาเมื่อครู่ แต่กลับบอกว่ามีหินจิตวิญญาณไม่กี่พัน เห็นได้ชัดว่าจงใจหลอกพวกเรา ยังจะฟังเขาพูดจาไร้สาระอยู่ทำไม เพียงแค่ฆ่าเขาได้ หินจิตวิญญาณกับสมบัติบนตัวทั้งหมด ก็จะเป็นของพวกเราทั้งสามเอง” ผู้ฝึกฝนเผ่าหมานที่มีแผลเป็นเต็มตัวกล่าวด้วยท่าทีประสงค์ร้าย

“ฮึ! ในเมื่อไม่รู้จักที่ตาย ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”

ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมทันที พอตบถุงหนังบนเอว ไอหมอกสีขาวสองกลุ่มก็ม้วนตัวออกมา หลังจากหมุนติ้วๆ รวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นหมาป่าสีขาวหิมะสองตัว มันแผ่กลิ่นไอระดับของเหลวขั้นปลายสมบูรณ์แบบอยู่

หมาป่าสีขาวหิมะทั้งสองตัวนี้ยาวหนึ่งจั้งกว่า สูงครึ่งจั้ง ขนสีขาวหิมะบนตัวตั้งตรงขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่มีแสงสีทองจางๆ เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ปากของมันก็พ่นไอหมอกสีขาวเทาออกมา

และผู้ฝึกฝนเผ่าหมานที่มีแผลเป็นเต็มตัวผู้นั้น ก็ตบถุงหนังบนเอวเบาๆ แมลงปีกแข็งสีดำฝูงหนึ่งบินออกมาเสียงดัง “หวึ่งๆ!”

แมลงปีกแข็งเหล่านี้มีเกือบจะร้อยตัว แต่ละตัวมีขนาดหนึ่งชุ่นกว่าๆ รูปร่างเป็นสีดำแวววาว มีคมเขี้ยวแหลมคมโผล่ออกมา

สุดท้ายผู้ฝึกฝนเผ่าหมานที่มีรูปร่างค่อนข้างผอม ก็ทำท่ามือแปลกประหลาดบนหน้าอก และร่ายคาถาออกมา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เผยรอยยิ้มที่ดูเหมือนกับยิ้ม แต่ก็ไม่ได้รีบลงมือแต่อย่างใด

ด้วยพลังระดับเขา ผู้ฝึกฝนเผ่าหมานสามคนตรงหน้า ไหนเลยจะอยู่ในสายตาของเขา แต่ได้ยินมาว่า เผ่าหมานที่เป็นคนท้องถิ่นนี้ มีเคล็ดวิชาเฉพาะบางอย่างที่มหัศจรรย์มาก เขาจึงอยากเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง

ขณะนั้นเอง ภายใต้การโบกมือของขายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้า หมาป่าทั้งสองก็ค่อยๆ พ่นเปลวไฟสีขาวเทาออกมา และกระโจนเข้าหาหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงเพ่งสายตามองออกไป พอขยับแขน ไอสีดำบนกำปั้นทั้งสองก็กลายเป็นหมอกพยัคฆ์สองตัวพุ่งออกมาพร้อมเสียงร้อง และกัดหัวของหมาป่าทั้งสอง

หมาป่าระดับของเหลวขั้นปลายสมบูรณ์แบบ ถูกพยัคฆ์หมอกดำที่หลิ่วหมิงแสดงออกมาสังหารในพริบตา ทำให้ผู้ฝึกฝนเผ่าหมานทั้งสามรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

และหลิ่วหมิงก็รู้สึกอึ้งกับอานุภาพของเคล็ดมังกรพยัคฆ์ทมิฬที่แสดงออกมาเล็กน้อย

หลังจากเข้าสู่ระดับผลึกแล้ว วิชานี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเท่าตัว

“เจ้ากล้า…”

ในที่สุดชายฉกรรจ์เผ่าหมานที่เป็นหัวหน้าก็ได้สติกลับมา หลังจากส่งเสียงคำรามด้วยความโมโหแล้ว ก็อ้าปากพ่นกระบองฟันหมาป่าออกมา หลังจากมันขยายใหญ่ตามแรงลม และกระตุ้นพลังเวทแล้ว ก็กลายเป็นไอหมอกสีเหลืองพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง

ขณะเดียวกันแมลงเมฆาสีดำก็หมุนวนหนึ่งรอบ จากนั้นก็มาปรากฏตัวด้านหลังหลิ่วหมิงพร้อมเสียงดัง “หวึ่งๆ!”

สุดท้ายชายหนุ่มเผ่าหมานที่มีรูปร่างผอมบาง ก็ขยี้ยันต์ในมือจนแตกกระจาย แสงสีฟ้าเปล่งประกายบนตัว จากนั้นก็หายวับมาปรากฏตัวข้างหลิ่วหมิง และทำท่ามือแปลกประหลาดผ่านอากาศ

วิชาท่าร่างของเขารวดเร็วและแปลกประหลาดมาก ซึ่งเหนือความคาดคิดของหลิ่วหมิงเล็กน้อย

………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset