ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 678 เสาแห่งภาพสัญลักษณ์

“ไม่ถูกต้อง! สหายฮวาบอกว่าช่วงเวลาหลายวันนี้ ราชินีผึ้งเพิ่งวางไข่เสร็จคงจะอ่อนแอเป็นพิเศษ ระดับการฝึกฝนจะลดลงสู่ขั้นกลางชั่วคราวไม่ใช่หรอกหรือ? ดูจากสภาพในตอนนี้ ทำไมถึงดูเหมือนระดับแก่นแท้ขั้นปลายสมบูรณ์แบบล่ะ ข้ารู้สึกว่าภารกิจในครั้งนี้ไม่ได้ปลอดภัยมากนัก จำเป็นต้องวางแผนระยะยาวกันสักรอบจะดีกว่า” น้ำเสียงตกใจระคนโมโหดังมาจากเบื้องหลังหน้ากากหัวโค

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าราชินีปีศาจจะยังไม่ได้วางไข่ หรืออาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพิเศษในขณะวางไข่?” น้ำเสียงของฮวาชิงอิ่งก็ดูเจ็บปวดขึ้นมา และเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

แต่ครั้งนี้อู๋ขุยเพียงแค่ทำเสียงฮึดฮัด แต่กลับไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมา

หลิ่วหมิงหรี่ตามองไปด้านหน้าไกลๆ โดยไม่กะพริบตา

เพราะว่าในขณะนี้ กลิ่นไออันน่าหวาดกลัวของราชินีผึ้งได้แผ่ออกมาแล้ว

ร่างขนาดมหึมาของราชินีผึ้งเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มาปรากฏตัวด้านหลังผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนเผ่าปีศาจผู้นั้น หนามแหลมตรงก้นของมันพร่ามัวแค่ทีเดียว ก็เจาะทะลุหน้าผากของผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจระดับแก่นเสมือนไป

แขนทั้งคู่ของคนผู้นี้ที่กำลังยกขึ้นมาเพื่อกระตุ้นพลัง ก็ร่วงลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง และร่างของเขาก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็กลายเป็นศพแห้งๆ ศพหนึ่ง

ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนผู้หนึ่ง กลับถูกโจมตีโดยที่ไม่มีแรงต้านทานเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังถูกดูดจนแห้งไปทั้งตัว

หลิ่วหมิงสูดหายใจด้วยความรู้สึกเย็นสะท้าน

พลังของราชินีผึ้งแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้จะบอกว่าระดับแก่นเสมือนกับแก่นแท้ขั้นสมบูรณ์แบบมีความแตกต่างกันมาก แต่การถูกสังหารในช่วงเวลาเทียบเท่ากับการยกแขนยกขานั้น มันช่างเป็นเรื่องสยดสยองยิ่งนัก

พอเห็นฉากเช่นนี้ ใบหน้าของอู๋ขุยก็กระตุกอยู่ครู่หนึ่ง

“แย่แล้ว รีบหนีเร็ว!”

ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจที่มีปีกสีน้ำตาลเห็นเช่นนี้ ก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ขณะเดียวกัน ภายใต้การเปล่งประกายของแสงบนตัว แท่งแหลมๆ จำนวนมากก็พุ่งยิงออกมา

จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลายเป็นลำแสงแวววาวพุ่งหนีไปทางยอดเขาแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว เพียแค่อึดใจเดียวก็พุ่งออกไปร้อยกว่าจั้งแล้ว

และผู้ฝึกฝนปีศาจอีกคนที่มีหูแคบยาวก็สะบัดแขนเสื้อปล่อยหมอกสีขาวออกมาอย่างหนาแน่น ขณะเดียวกันก็กลายเป็นแสงสีเหลืองกลุ่มหนึ่งพุ่งออกไปอีกทิศทางหนึ่ง

ราชินีผึ้งห้าแสงเห็นเช่นนี้ก็ส่งเสียงร้องแปลกประหลาด ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงบนตัวเปล่งประกาย จากนั้นก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม ทำให้แท่งแหลมๆ เหล่านั้นร่วงลงบนความว่างเปล่า

ครู่ต่อมา แสงสีม่วงก็เปล่งประกายบนร่างขนาดมหึมาของราชินีผึ้ง ทันใดนั้นมันก็มาปรากฏตัวตรงหน้าผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจที่มีหูยาวอย่างรวดเร็ว พอมีคลื่นสั่นสะเทือนด้านหลังของเขา ลำแสงอีกสองลำก็พุ่งมาถึง

มันคือผึ้งงานระดับแก่นแท้สองตัวนั่นเอง ปีศาจผึ้งทั้งสามปิดกั้นเขาไว้

เนื่องจากอยู่ห่างกันค่อนข้างไกล ทำให้หลิ่วหมิงไม่อาจมองเห็นสถานการณ์การต่อสู้ทางด้านนั้นอย่างชัดเจน รู้สึกเพียงแค่ว่ามีคลื่นพลังเวทสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และแสงหลากสีจำนวนมากก็พุ่งขึ้นฟ้า

ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจหูยาวผู้นั้นกลายร่างเป็นหนูยักษ์ตัวหนึ่ง และพยายามดิ้นรนภายใต้การโจมตีของปีศาจผึ้งทั้งสาม

“หากทั้งสองจะหนีไปด้วยกันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดูท่าคงจะรอดชีวิตแค่คนเดียวแล้ว น่าเสียดายที่คนเผ่าปีศาจที่มีหูยาวผู้นี้ เป็นผู้ที่มีระดับการฝึกฝนสูงสุดในบรรดาทั้งสามภถ้ผ/ แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอยู่ที่นี่” ชายฉกรรจ์ที่อยู่บริเวณนั้นพลันกล่าวออกมาเบาๆ

“สหายอู๋ ตามความเห็นของท่าน ท่าน/คิดว่าพวกเราทั้งหกรวมกับธูปวิญญาณไม้จันทน์แล้ว สามารถจัดการราชินีผึ้งตัวนี้ได้หรือไม่?” ฮวาชิงอิ่งถามด้วยตาที่เป็นประกาย

“ต่อให้จะมีธูปวิญญาณไม้จันทน์คอยช่วย แต่หากจะสังหารปีศาจผึ้งระดับแก่นแท้ขั้นปลายสมบูรณ์แบบ ก็ใช่ว่าจะสามารถทำสำเร็จในระยะเวลาสั้นๆ ได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้างตัวของมันยังมีผึ้งทรงพลังระดับแก่นแท้อยู่สองตัว หากเผชิญหน้ากับมันโดยตรง ยังไม่สามารถบอกได้ว่าฝ่ายใดจะชนะ” อู๋ขุยมองหลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ทีหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างรางเรียบด้วยท่าทีหยิ่งยโสเช่นเดิม

และในระหว่างที่เขาพูดออกมานั้น ผู้ฝึกฝนหูยาวที่กลายร่างเป็นหนูยักษ์ก็คำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น

“ไปตายซะเถอะ!”

จากนั้นแสงสีเทาก็พุ่งออกจากร่างของเขาเป็นจำนวนมาก!

เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วขอบฟ้า “ตู๊ม!” กลุ่มแสงสีเทาเจิดจ้าปกคลุมปีศาจผึ้งทั้งสามไว้ในพริบตา

คิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจระดับแก่นแท้ผู้นี้ จะเลือกระเบิดแก่นแท้ของตนเอง!

จากนั้นพื้นดินที่อยู่ไกลๆ ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ยอดเขาเล็กๆ ลูกนั้นก็ระเบิดจนหลุดไปส่วนหนึ่ง

ชั่วเวลานั้นเศษหินดินทรายปลิวว่อนจนไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ในนั้นได้อย่างชัดเจน

“คิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจจะแกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นนี้ ด้วยระยะห่างเช่นนี้ หากสามาถทำร้ายราชินีผึ้งตัวนั้นได้ จะเป็นการช่วยพวกเราได้เป็นอย่างมาก” หญิงที่สวมหมวกคลุมเห็นเช่นนี้ ก็พูดพึมพำด้วยความแปลกใจ

หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งคู่จ้องมองจุดระเบิดตรงตีนเขาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

“สหายผู้นี้คิดมากไปแล้ว แม้ว่าการระเบิดแก่นแท้จะมีอานุภาพไม่เบา แต่เห็นได้ชัดว่ากลิ่นไอของราชินีผึ้งห้าแสงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย คงจะใช้วิธีการบางอย่างหลบหนีไปได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าหนึ่งในผึ้งทรงพลังจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย กลิ่นไอลดลงอย่างเห็นได้ชัด” อู๋ขุยปราดตามองหญิงที่สวมหมวกคลุม และทำเสียงฮึดฮัดเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา

ขณะนั้นเอง เงาสีม่วงก็พุ่งออกจากกลุ่มแสงสีเทาที่อยู่ไกลๆ ซึ่งก็คือราชินีผึ้งที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย มันหยุดอยู่บริเวณปากถ้ำครู่หนึ่ง หลังจากมองไปรอบๆ แล้ว ก็อ้าปากกินอาหารเลือดจนหมดเกลี้ยง จากนั้นก็ส่งเสียงร้องด้วยความเบิกบานใจ และบินกลับเข้าไปในรัง

พอทุกคนเห็นเช่นนี้ก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา

ขณะนี้กลุ่มแสงสีเทาที่เกิดจากการระเบิดตัวของแก่นแท้ค่อยๆ ดับลง เผยให้เห็นร่างของผึ้งงานสองตัวที่กำลังบินไปทางปากถ้ำอย่างช้าๆ

ตัวหนึ่งในนั้นปีกขาดไปครึ่งหนึ่ง บนตัวก็มีรูสีดำขนาดใหญ่ มีของเหลวสีม่วงซึมออกมาอยู่รำไร

ผึ้งงานทั้งสองลาดตระเวนหน้าปากถ้ำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นตัวหนึ่งก็บินเข้าไปด้านใน

ผึ้งงานอีกตัวหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบ จากนั้นก็หุบปีกพุ่งลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว และหายไปจากสายตาของพวกเขา

ไม่นาน ขณะที่มันบินขึ้นมาอีกครั้ง เท้าทั้งหกของมันก็หิ้วศพหนูยักษ์สีเทาขึ้นมา และกระพือปีกบินเข้าไปในถ้ำ

“ดูท่าผึ้งงานตัวที่ได้รับบาดเจ็บคงจะต้านทานการระเบิดแก่นแท้ให้กับราชินีผึ้ง” ฮวาชิงอิ่งเห็นเช่นนี้ก็ละสายตากลับมา และปรากฏตัวท่ามกลางเมฆหมอกบริเวณนั้น จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ ก่อนกล่าว

“ในเมื่อราชินีผึ้งตัวนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ดูท่าพวกเราจำเป็นต้องวางแผนกันใหม่แล้ว” ชายชุดเขียวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นก็พากันปรากฏตัวออกมา ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันไป

ขณะนี้ฮวาชิงอิ่งกลับหันไปมองอู๋ขุย

“สหายฮวา กระบวนการในครั้งนี้เจ้าเป็นคนเรียกคนมา จะมองข้าทำไม?” อู๋ขุยแบมือทั้งสองออก และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

“สหายอู๋ หากท่านมีวิธีการอะไรในการจัดการราชินีผึ้งได้ล่ะก็ ลองพูดออกมาเถอะ เคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ต่างๆ ของเผ่าหมานของพวกท่าน ข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง อย่างมากก็แค่เพิ่มผลประโยชน์ให้ท่านอีกส่วนหลังจากเสร็จเรื่องเท่านั้น” ฮวาชิงอิ่งพลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เฮ่อๆ! ในเมื่อสหายฮวากล่าวเช่นนี้แล้ว ข้าก็ไม่อาจปิดบังได้อีก มันมีวิธีการหนึ่งจริงๆ แต่ต้องให้สหายผู้นี้คอยช่วยถึงจะได้” อู๋ขุยเอามือลูบคาง และมองชายฉกรรจ์ทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าแปลกๆ

“หรือว่าที่สหายอู๋พูดจะหมายถึง…” ชายฉกรรจ์ได้ยินก็กล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที

“ไม่ผิด เป็นเสาแห่งภาพสัญลักษณ์จริงๆ สหายก็เป็นคนเผ่าหมาน ไม่ต้องให้ข้าพูดอะไรมากแล้ว ภาพสัญลักษณ์ของข้าก็มีวิชาชนิดนี้พอดี ภายในพื้นที่ควบคุมของเสานี้ สามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างมาก เมื่อเสริมด้วยธูปวิญญาณไม้จันทน์แล้ว คงจัดการกับราชินีผึ้งได้อย่างไม่มีปัญหามากนัก แต่ว่าหากจะกระตุ้นพลังที่แท้จริงของเสาแห่งภาพสัญลักษณ์นี้ ยังต้องวางค่ายกลไว้รอบๆ เสานี้ชุดหนึ่งด้วย พอถึงเวลานั้นข้าจะลงมือก่อกวนราชินีผึ้งเอง ค่ายกลนี้ต้องให้สหายควบคุมแทนแล้ว” อู๋ขุยค่อยๆ กล่าวกับชายฉกรรจ์

“ในเมื่อสหายอู๋มีความมั่นใจเช่นนี้ ข้าน้อยก็สามารถช่วยควบคุมค่ายกลนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา” ชายฉกรรจ์ขมวดคิ้วลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าตกลง

หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ย่อมไม่มีข้อคัดค้านใดๆ

“ในเมื่อไม่มีข้อคัดค้านใดๆ แล้ว เรื่องนี้ไม่อาจชักช้าได้ พวกเราวางเสาแห่งภาพสัญลักษณ์และค่ายกลก่อน จากนั้นก็ลงมือในทันที” อู๋ขุยเห็นเช่นนี้ก็กล่าวโดยไม่ต้องคิด

ดังนั้นหลังจากพวกเขามองหน้ากันทีหนึ่งแล้ว ก็ร่อนลงไปยังป่าที่อยู่ด้านล่าง

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป พวกเขาก็ร่อนลงบนทุ่งหญ้าโล่งๆ แห่งหนึ่ง

“เอาที่นี่ก็แล้วกัน สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากรังผึ้งระยะหนึ่ง เวลาที่ต่อสู้กันคงไม่สั่นสะเทือนถึงปีศาจผึ้งตัวอื่นๆ” ฮวาชิงอิ่งกวาดสายตามองดูรอบด้าน และตัดสินใจทันที

อู๋ขุยได้ยินก็พยักหน้า พอสะบัดแขนเสื้อ เสาสีเขียวขนาดยาวแค่นิ้วชี้ก็พุ่งออกจากแขนเสื้อ หลังจากหมุนติ้วๆ กลางอากาศแล้ว ก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว

อู๋ขุยปล่อยพลังใส่อากาศติดต่อกันสามสี่สาย แสงสีเขียวเปล่งประกายบนเสาเล็กสีเขียวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขยายใหญ่ตามลมจนมีขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ และหล่นลงพื้นหญ้าตรงหน้าอย่างรุนแรง “โครม!”

หลิ่วหมิงสังเกตเสากลมๆ ขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที

จะเห็นว่าพื้นผิวของเสาต้นนี้มีลวดลายจิตวิญญาณสีเขียวสลัวๆ ประทับอยู่ ส่วนบนของมันมีปีศาจอสูรรูปพยัคฆ์ที่ดูราวกับมีชีวิตนอนหมอบอยู่

จากนั้นอู๋ขุยก็ทำท่ามืออยู่ไม่หยุด ระลอกคลื่นสีเขียวจางๆ ปรากฏขึ้นรอบๆ เสาแห่งภาพสัญลักษณ์ และขยายกว้างออกไปจนปกคลุมพื้นที่ในระยะหลายสิบจั้งไว้

พอหลิ่วหมิงใช้จิตกวาดดู ก็รับรู้ได้ถึงพลังของชั้นจำกัดในนั้นลางๆ

“เสาแห่งภาพสัญลักษณ์ของสหายอู๋ช่างมหัศจรรย์เสียจริงๆ” ฮวาชิงอิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม

อู๋ขุยไม่พูดอะไรออกมา แต่กลับนำธงค่ายกลสีเหลืองแปดทิศชุดหนึ่งออกมา และโยนไปในอากาศ

“แยก!”

แสงสีเหลืองแวววาวเปล่งประกายกลางอากาศอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พุ่งออกไปรอบด้าน และร่วงลงรอบๆ เสาแห่งภาพสัญลักษณ์อย่างมั่นคงจนก่อตัวเป็นค่ายกลที่มีพื้นที่หนึ่งหมู่กว่าๆ

หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ อู๋ขุยก็พลิกฝ่ามือนำแผ่นค่ายกลสีเหลืองออกมา และปล่อยพลังใส่เข้าไปสองสามสาย

แผ่นค่ายกลส่งเสียงดังหวึ่งๆ ไอหมอกสีเหลืองกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกจากธงค่ายกลสีเหลืองที่อยู่รอบๆ และตลบอบอวลอยู่ในค่ายกลทั้งหลัง

………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset