ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 736 ร้านค้าใต้ดิน

ผู้อาวุโสชุดขาวโบกมือให้พนักงานร่างเตี้ยผู้นั้นถอยออกไป จากนั้นก็เดินไปด้านหน้าหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว เพื่อนำทางให้กับเขา

หลังจากเดินผ่านทางเดินสีดำที่ไม่ค่อยยาวมากนัก หลิ่วหมิงก็ตามผู้อาวุโสชุดขาวเข้าไปในห้องลับใจกลางภูเขา

ที่แตกต่างจากห้องลับในถ้ำทั่วไปก็คือ ภายในห้องลับที่มีขนาดแค่สิบกว่าจั้งนี้ มีไอหมอกสีขาวบางๆ ปกคลุมอยู่รอบด้าน คิดว่าคงมีผลในการปิดกั้นจิตรับรู้ กลางห้องมีโต๊ะหินหนึ่งตัวกับเก้าอี้หินสองตัวจัดวางอยู่ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีสิ่งของอื่นๆ อีก

“เชิญนั่ง” ผู้อาวุโสชุดขาวทำท่าเชื้อเชิญให้หลิ่วหมิงนั่ง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลิ่วหมิงเองก็เดินไปหน้าเก้าอี้อย่างไม่เกรงใจ หลังจากเลิกชายเสื้อขึ้นแล้วก็นั่งลงไป

“ที่สหายมาในครั้งนี้ ต้องการขายสิ่งของอันใดหรือ?” ผู้อาวุโสชุดขาวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม และถามหยั่งเชิงดู

หลิ่วหมิงได้ยินก็สะบัดแขนเสื้อด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก หลังจากมีเสียงดัง “ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!” กล่องหยกแวววาวแต่ละใบก็วางเรียงอยู่บนโต๊ะหินอย่างครบครัน ซึ่งมีทั้งหมดสิบกว่าใบ จากนั้นถึงกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“ช่วงนี้ข้าค่อนข้างร้อนหินจิตวิญญาณมาก ดังนั้นจึงคิดจะขายสมบัติจำนวนหนึ่ง เพื่อแลกกับหินจิตวิญญาณ”

ผู้อาวุโสชุดคลุมสีขาวได้ยินก็พยักหน้าทันที พอโบกมือข้างหนึ่ง กล่องหยกก็ลอยขึ้นมา และค่อยๆ ร่วงลงในมือของเขา

เขาใช้มือข้างหนึ่งแตะกล่องหยกเบาๆ “ฟู่!” ลำแสงสีม่วงพุ่งออกมา หลังจากหมุนติ้วๆ กลางอากาศแล้ว ก็เผยให้เห็นรูปร่างที่แท้จริงของมัน ซึ่งก็คือดาบประหลาดสีม่วงที่หลิ่วหมิงได้มาจากผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวที่สังหารในแดนลึกลับบนเขาเหลยฉือผู้นั้น

“ต้นแบบอาวุธเวท ทั้งยังหลอมขึ้นมาจากวัสดุจิตวิญญาณที่เป็นหยกผลึกม่วงด้วย!” ผู้อาวุโสชุดขาวหลุดปากออกมาอย่างอดไม่ได้ ดวงตาทั้งคู่ฉายแววดีใจออกมาเล็กน้อย

หลิ่วหมิงกลับมองดูผู้อาวุโสด้วยสีหน้าสงบ

“หากสหายจะขายอาวุธจิตวิญญาณนี้ ทางร้านเรายินดีใช้หกล้านหินจิตวิญญาณซื้อ ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” ผู้อาวุโสชุดขาวถามเบาๆ

“หกล้านหินจิตวิญญาณ นับว่าราคายุติธรรมดี แต่ว่ายังมีอีกมากที่ท่านยังไม่ได้ดู ลองดูให้หมดแล้วค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย” หลิ่วหมิงไม่มีท่าทีตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย ยังคงกล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

ผู้อาวุโสชุดขาวย่อมไม่เกรงใจแต่อย่างใด เขาเปิดกล่องหยกใบที่สอง ในนั้นมีมุกสีเหลืองกลมๆ อยู่หนึ่งเม็ด ซึ่งได้มาจากปีศาจผู้ฝึกฝนหน้ายาวเช่นกัน

การเดินทางบนเขาเหลยฉือในวันนั้น สิ่งที่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกหงุดหงิดที่สุดก็คือ ต้นแบบอาวุธเวทที่ได้มานั้น ส่วนมากเป็นประเภทที่ใช้ในการโจมตี ไม่มีที่ใช้สำหรับป้องกันตัวเลยสักชิ้น หลังจากโล่เก้ากะโหลกได้รับความเสียหาย ตอนนี้เขากำลังต้องการต้นแบบอาวุธเวทที่ใช้ในการป้องกันชิ้นหนึ่งพอดี ภายใต้สถานการณ์วิกฤตยังพอจะนำมาออกมาต้านทานได้บ้าง

ขณะนี้ ผู้อาวุโสชุดขาวมีสีหน้าหวั่นไหวขึ้นมา ดวงตาฉายแววเร่าร้อน และจ้องมองกล่องหยกในมือตาไม่กะพริบ

“มีต้นแบบอาวุธถึงหกชิ้น ชิ้นอื่นๆ ก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด สหายคงไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธหรอกนะ?” ผู้อาวุโสชุดขาวสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ลองถามหยั่งเชิงดู

หลิ่วหมิงได้ยินก็แค่หัวเราะเบาๆ และไม่ได้ให้คำตอบแต่อย่างใด

ผู้อาวุโสเห็นเช่นนี้ ก็กระแอมไอออกมา และไม่ได้สอบถามอะไรต่อ แต่เห็นได้ชัดว่านอบน้อมกับหลิ่วหมิงมากกว่าเดิมเล็กน้อย

ผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วยาม ผู้อาวุโสชุดขาวถึงดูสิ่งของในกล่องหยกเหล่านี้จนหมด และวางกลับไปบนโต๊ะ

“ต้นแบบอาวุธเวทกับอาวุธจิตวิญญาณสิบกว่าชิ้นนี้ ข้าลองคำนวณดูคร่าวๆ แล้ว มูลค่าประมาณสามสิบแปดล้านหินจิตวิญญาณ ไม่ทราบสหายคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง? แต่ว่าร้านเราไม่อาจเตรียมหินจิตวิญญาณจำนวนมากในครั้งเดียวเช่นนี้ได้ คาดว่ายังขาดอีกสิบล้านกว่าหินจิตวิญญาณ หากสหายคิดว่าราคาพอใช้ได้ล่ะก็ เกรงว่ายังต้องรออีกสองสามชั่วยามแล้ว ข้าจะให้คนจะให้คนจัดหินจิตวิญญาณมาให้จำนวนหนึ่ง” ในที่สุดผู้อาวุโสชุดขาวก็กล่าวกับหลิ่วหมิง

“ไม่รีบร้อน! ที่ข้ามาในครั้งนี้ เดิมทียังคิดที่จะซื้อสิ่งของจำนวนหนึ่งด้วย” หลิ่วหมิงเลิกคิ้วแล้วกล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“อ๋อ? ไม่ทราบว่าสหายต้องการซื้อสิ่งของอันใด บอกมาได้เลย”

“ในร้านอาจจะมีอาวุธจิตวิญญาณป้องกันขาย แต่ว่าหากไม่ใช่ระดับต้นแบบอาวุธเวทขึ้นไป ก็ไม่ต้องนำออกมาแล้ว” หลิ่วหมิงค่อยๆ กล่าวออกมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย

“สหายมาได้เวลาพอดี หลายวันก่อนร้านเราเพิ่งได้ต้นแบบอาวุธเวทธาตุดินมาชิ้นหนึ่ง ‘โล่พสุธา’ เดิมทีกะนำไปประมูลในอีกสองเดือนให้หลัง หากสหายต้องการล่ะก็สามารถให้สหายก่อนได้” ผู้อาวุโสขุดขาวหัวเราะก่อนกล่าวออกมา

หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา แต่กลับพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ผู้อาวุโสชุดขาวเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้ไปเอาอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้จากสถานที่อื่น แต่กลับพลิกฝ่ามือหยิบกล่องหยกที่เปล่งแสงสีเขียวสลัวๆ ออกมายื่นให้หลิ่วหมิง

เถ้าแก่ผู้นี้พกสมบัติชิ้นนี้ติดตัวไว้ ทำให้หลิ่วหมิงต้องเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อย

เขารับกล่องหยกจากมือผู้อาวุโสชุดขาว พอเลื่อนฝากล่องเบาๆ กลิ่นหินดินทรายก็ปะทะใส่หน้าเขา แสงสีเหลืองเปล่งประกายออกมา และลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง

พอแสงสีเหลืองดับลง เผยให้เห็นโล่เล็กสีเหลืองที่อยู่ในนั้น

บนผิวของมันมีภาพภูเขาลูกเล็กๆ ที่ดูราวกับของจริงประทับอยู่ บริเวณขอบของมันมีแสงสีเหลืองเปล่งประกาย ทำให้รู้สึกถึงความหนาและหนักผิดปกติ

“ฟิ้ว!”

พอหลิ่วหมิงชี้มือข้างหนึ่งออกไป ปราณกระบี่รูปเกลียวสายหนึ่งก็พุ่งยิงใส่โล่เล็กสีเหลืองทันที

แต่ทว่าพอปราณกระบี่สัมผัสกับผิวโล่ ภาพภูเขาลูกเล็กบนโล่เล็กสีเหลืองก็เปล่งแสงสีทอง และหลุดออกมา พอปราณกระบี่โจมตีลงบนเงาภูเขา มันก็กระเด็นกลับมาอย่างน่าประหลาดใจ แต่ว่าปราณกระบี่ก็ดูเหมือนจะอ่อนลงกว่าก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ดูท่าโล่ชิ้นนี้ยังสามารถดูดเอาพลังส่วนหนึ่งได้ด้วย

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกอึ้งไปทันที จากนั้นก็รีบทำท่ามือปล่อยดรรชนีกระบี่ออกไปอีกครั้ง

“เต๊ง!” ปรานกระบี่สองสายต่างก็หักล้างกันจนสลายไป

อานุภาพของดรรชนีกระบี่นี้ หลิ่วหมิงรู้อยู่แก่ใจดี และภายใต้สถานการณ์ที่โล่นี้ยังไม่ได้ทำการปรับแต่ง มันไม่เพียงดูดซับความเสียหายบางส่วนเท่านั้น ยังสามารถทำให้การโจมตีสะท้อนกลับได้ หากใช้ในการต่อสู้อย่างฉลาดหลักแหลมล่ะก็ เห็นได้ชัดว่าจะได้รับผลดีอย่างคาดไม่ถึง ส่วนการใช้งานอื่นๆ ยังต้องรอให้ทำการปรับแต่งด้วยตัวเองก่อน ถึงจะรู้ได้

“สมบัติชิ้นนี้ข้าเอา ไม่ทราบว่าต้องการราคาเท่าใด?” หลิ่วหมิงโบกมือเรียกโล่เล็กกลับมาใส่ไว้ในกล่องหยก หลังจากมองดูผู้อาวุโสชุดขาวทีหนึ่งแล้ว ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“โล่นี้เป็นต้นแบบอาวุธเวทสำหรับป้องกันที่มีไม่มาก หากสหายต้องการล่ะก็ คิดราคาที่แปดล้านหินจิตวิญญาณก็พอแล้ว หากนำโล่นี้ไปประมูล เกรงว่าคงจะแพงขึ้นอีกไม่น้อย” ผู้อาวุโสชุดขาวพูดออกมาเบาๆ ในแววตายังคงแฝงด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย

ผู้อาวุโสชุดขาวผู้นี้สมกับเป็นเถ้าแก่ที่เฉลียวฉลาดและมีประสบการณ์มานาน ต้นแบบอาวุธเวทที่หลิ่วหมิงขายออกไปในก่อนหน้า เขาให้ราคาแค่หกล้านหินจิตวิญญาณ แต่ ‘โล่พสุธา’ นี้ กลับราคาสูงถึงแปดล้านหินจิตวิญญาณ

แต่ที่ผู้อาวุโสผู้นี้กล่าวไว้ก็ไม่มีผิด หากนำโล่นี้ออกไปประมูล คาดว่าราคาคงเริ่มต้นที่ห้าล้านหินจิตวิญญาณขึ้นไป สุดท้ายอาจจะราคาสูงถึงสิบกว่าล้านก็เป็นไปได้

“เอาเถอะ! แปดล้านก็แปดล้าน” หลังจากหลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ก็กล่าวออกมาอย่างไม่หนักหนาสาหัสอะไร

“สหายเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ” ผู้อาวุโสชุดขาวกล่าวออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ

“เถ้าแก่ ไม่ทราบว่าที่นี่มีของเหลวห้าแสงคุณภาพสุดยอดขายหรือไม่?” หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกาย ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามออกไปอย่างราบเรียบ

“ของเหลวห้าแสงคุณภาพสุดยอด? มันเป็นสิ่งที่พบเจอได้น้อยมาก แต่ว่าร้านเราก็มีอยู่พอดี แต่มีไม่มาก มีแค่สองขวดเท่านั้น ขวดละสิบสองล้านหินจิตวิญญาณ” ผู้อาวุโสชุดขาวมองดูหลิ่วหมิงแล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ

หินจิตวิญญาณสิบสองล้านนี้ แพงกว่าที่หลิ่วหมิงเคยประมูลมาเล็กน้อย มันดูอุกอาจไปหน่อย

แม้ว่าหลิ่วหมิงจะมีกำลังทรัพย์มาก แต่พอได้ยินราคาที่สูงเช่นนี้ ก็ค่อนข้างรู้สึดปวดใจมาก เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสชุดขาวผู้นี้เห็นว่าหลิ่วหมิงไม่ขาดแคลนกำลังทรัพย์ จึงจงใจยกราคาให้สูงขึ้น แต่หากรอไปประมูลด้วยราคาที่สูงในงานประมูลล่ะก็ ไหนเลยจะไม่นำพาความยุ่งยากมาให้

เขาขมวดคิ้ว และเงียบไปทันที

“หากสหายต้องการจริงๆ ของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงทั้งสองขวดนั้น จะขายให้แก่ท่านยี่สิบล้านหินจิตวิญญาณก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสชุดขาวมองออกถึงความลังเลบนใบหน้าของหลิ่วหมิง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

“ได้! แต่ข้าต้องการตรวจสอบสิ่งของก่อน” ในที่สุดหลิ่วหมิงก็ตัดสินใจได้

“ย่อมไม่มีปัญหา” ผู้อาวุโสตกปากรับคำทันที หลังจากมีเสียงดัง “แปะๆ!” หญิงรับใช้สองคนที่อยู่ด้านนอก ก็ถูกเรียกให้ไปเอาของมา

ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป ขวดเล็กสีเขียวมรกตสองใบก็อยู่วางอยู่บนโต๊ะ

หลิ่วหมิงโบกมือดูดขวดหยกใบหนึ่งเข้ามาในมืออย่างไม่เกรงใจ หลังจากชี้นิ้วผ่านอากาศ กลิ่นหอมหวานก็ปะทะใส่หน้า

“ไม่เลว! เป็นของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงจริงๆ ด้วย” หลังจากหลิ่วหมิงพูดพึมพำออกมาแล้ว ก็ปล่อยจิตออกไปตรวจสอบทันที

ผ่านไปไม่นาน เขาก็สำรวจของเหลวห้าแสงคุณภาพสุดยอดไปหนึ่งรอบ หลังจากมั่นใจว่าคุณภาพถูกต้องแล้ว ก็เก็บของเหลวห้าแสงกับกล่องหยกที่ใส่โล่พสุธาเข้าไปในแหวนย่อส่วน

“สหายยังต้องการสิ่งของอย่างอื่นอีกหรือไม่ ร้านเราจะต้องทำให้ท่านพอใจอย่างแน่นอน” พริบตาเดียว ผู้อาวุโสชุดขาวก็ทำการค้าใหญ่สำเร็จ จึงยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิม

“ไม่ต้องการแล้ว” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างเยือกเย็น

“ถ้าอย่างนั้นร้านเราจะจ่ายให้ท่านสิบล้านหินจิตวิญญาณ” ผู้อาวุโสชุดขาวทำท่านับนิ้วอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ควักถุงใส่หินจิตวิญญาณมามอบให้หลิ่วหมิง และเก็บกล่องหยกบนโต๊ะเข้าไปอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงไม่ได้พูดอะไร หลังจากใช้จิตกวาดดูหินจิตวิญญาณในถุง และนับดูว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้ว ก็เก็บมันเข้าไปในแหวนย่อส่วน และหมุนตัวเดินจากไป

ครั้งนี้สามารถขายต้นแบบอาวุธเวทจำนวนมากออกไปอย่างราบรื่นในทีเดียวเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่าโชคดีมากแล้ว ตอนนี้ยังซื้อของเหลวห้าแสงคุณภาพสุดยอดกับโล่พสุธามาได้โดยไม่ตั้งใจ นับว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่ได้ผลผลิตมาก แม้ว่าจะราคาสูงไปหน่อย แต่ก็ต่างกันไม่กี่ล้านหินจิตวิญญาณ

พอออกไปจากร้านค้าแห่งนี้ และมั่นใจว่าไม่มีคนตามมาแล้ว หลิ่วหมิงก็เลี้ยวเข้าไปในถนนเล็กๆ ที่ไม่มีคน และปลอมตัวเป็นบัณฑิตหนุ่มคนหนึ่ง จากนั้นก็ออกจากตลาดแล้วพุ่งกลับไปยังถ้ำที่พักอย่างรวดเร็ว

ขณะนี้ ภายในห้องลับในร้านค้าเร้นลับแห่งหนึ่ง ผู้อาวุโสชุดขาวกำลังมองดูกล่องหยกหลายใบในมือด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก และตรงหน้าของเขาก็มีคนสวมชุดดำปิดหน้ายืนอยู่สามคน

“พวกเจ้าไปสืบมาหน่อย ช่วงนี้มีผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธที่มีชื่อเสียงมาบริเวณนี้หรือไม่ นอกจากนี้คนผู้นี้อาจจะปรุงโอสถเป็นด้วย คิดว่าคงหาตัวได้ไม่ยาก แต่ว่าการฝึกฝนของคนผู้นี้คงไม่ต่ำกว่าระดับแก่นแท้ขั้นต้น พวกเจ้าแค่สืบดูก็พอ อย่าไปก่อกวนคนผู้นี้ จะได้มีชีวิตรอดกลับมา เรื่องอื่นๆ ข้าไปจะรายงานเบื้องบนเอง” ผู้อาวุโสชุดขาวสั่งอย่างราบเรียบ

พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง คนสวมชุดดำทั้งสามก็กะพริบหายไปจากห้องลับอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวท่ามกลางภูเขาที่อยู่ห่างออกไปพันลี้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้ก็ได้ปลอมตัวเป็นผู้อาวุโสผมขาวคนหนึ่ง

………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset