ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 801 การต่อสู้อันดุเดือด

เสียงหนักหน่วงดังขึ้นหลายหน!

เด็กน้อยแปดในเก้าคนถูกประกายแสงโจมตีสลายไปในทันใด เหลือเด็กน้อยเพียงคนเดียวพุ่งถอยออกมาจากเปลวเพลิงร้อนแรง หลังเขาสะบัดศีรษะ เส้นผมสีเขียวมากมายก็พุ่งเร็วรี่ออกมาโจมตีประกายแสงมากมายที่พุ่งเข้ามาหยุดไปชั่วครู่ เขาจึงฉวยโอกาสหลบพ้นการโจมตีอันตรายถึงชีวิตไป

ทว่าหญิงสาวกลับหัวเราะหยัน ประกายสีแดงฉานในดวงตาส่องสว่างอีกครั้ง

เสียงฟู่ดังขึ้นทีหนึ่ง

เหนือร่างเด็กน้อยชุดเขียวเปลวเพลิงลุกโหมเคลื่อนม้วน ลูกบอลเพลิงเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งจั้งกว่าลูกหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า มันพุ่งลงมาเสียงดังสนั่น เร็วจนเด็กน้อยไม่อาจหลบหลีกได้เลย

เวลานี้เองเสียงเปรี้ยงก็ดังขึ้น

ด้านข้างลูกบอลสีแดงมหึมาเงาคนสีน้ำเงินโผล่ออกมา แขนข้างหนึ่งขยับต่อยหนึ่งหมัดออกมาพร้อมเสียงพยัคฆ์คำราม

เงาหมัดหัวพยัคฆ์สีดำขนาดเท่าอ่างล้างหน้าฉับพลันทะลวงผ่านลูกบอลเพลิง โจมตีมันจนระเบิด

หญิงสาวหัวใจสั่นสะท้าน พู่กันหยกในมือขยับจะโจมตีต่อเนื่องใส่หลิ่วหมิงที่ปรากฏตัว ทว่าในเวลานี้เองเสียงคำรามพลันดังขึ้นจากแสงสีดำสี่ด้านแปดทิศ มังกรหมอกสีดำยาวสิบกว่าจั้งห้าตัวพุ่งโถมเข้ามาพร้อมกัน

หญิงสาวสีหน้าเย็นเยียบฉับพลันอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมา หลังจิ้มพู่กันหยกในมือนิดหนึ่งก็วาดกลางอากาศอีกครั้ง แสงโลหิตส่องประกาย วงแหวนแสงรูปวงกลมสีแดงสดวงหนึ่งซัดออกไปสี่ด้านแปดทิศประหนึ่งดาบคมกริบในทันที

เสียงฟึบๆ ดังขึ้น

มังกรหมอกห้าตัวชั่วพริบตาถูกวงแหวนแสงสีโลหิตสะบั้นทีเดียวเป็นสองท่อน ทว่าเมื่อมันพุ่งมาถึงเบื้องหน้าหลิ่วหมิงกลับถูกหนึ่งหมัดของเขาต่อยกระจายด้วยใบหน้าเรียบเฉย

สตรีชุดเขียวในใจสะท้าน มือข้างหนึ่งใช้เคล็ดวิชา ในดวงตาปรากฏแสงแดงฉานวูบวาบอีกครั้ง

ในเวลานี้เองบนหน้าหลิ่วหมิงกลับเผยสีหน้าประหลาดเล็กน้อยออกมากะทันหัน

แทบจะในเวลาเดียวกันตรงใต้เท้าของหญิงสาวเสียงชือๆ ก็ดังขึ้น หนวดสีดำหลายเส้นพุ่งออกมาจากความว่างเปล่าประหนึ่งสายฟ้าแลบ พวกมันโอบพันรัดครึ่งท่อนล่างของหญิงสาวไว้อย่างแน่นหนา หลังแสงรัศมีส่องประกายวูบหนึ่งก็กลายเป็นงูยักษ์สีดำหลายตัวพุ่งเข้ากัดศีรษะและลำคอของหญิงสาว

หญิงสาวตระหนก ดวงตาสีแดงฉานฉับพลันกวาดไปหางูยักษ์เหล่านั้นแทบจะโดยสัญชาติญาณ

เสียงเปรี้ยงๆ ดังขึ้น

หัวของูยักษ์สีดำเหล่านี้อยู่ดีๆ พลันมีเปลวเพลิงร้อนแรงลุกท่วมจากนั้นระเบิดออก ร่างงูที่เดิมทีรัดหญิงสาวไว้แน่นชั่วพริบตากลายเป็นแสงสีดำจุดแล้วจุดเล่าดับวูบหายไปกับความว่างเปล่า

“วิชามายา”

สตรีชุดเขียวตอนนี้ถึงเข้าใจ ร้องออกมาคำหนึ่งอย่างโกรธเกรี้ยว

หลิ่วหมิงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับใช้โอกาสนี้พลิกมือคว้าทีหนึ่งหิ้วเด็กน้อยชุดเขียวขึ้นมาขว้างไปข้างหน้าอย่างแรง จากนั้นขาข้างหนึ่งพลันกระทืบความว่างเปล่า ร่างกายพุ่งออกไปประหนึ่งศร

สตรีชุดเขียวรู้สึกเพียงเบื้องหน้ามีเสียงลมดังขึ้น เด็กน้อยกลืนคืนร่างต้นกลายเป็นศีรษะมหึมาเข้ามาใกล้ตรงหน้า เสียงหัวเราะประหลาดดังขึ้น เขาอ้าปากพ่นเปลวเพลิงดวงใหญ่ออกมา จากนั้นเส้นผมยาวทั้งศีรษะก็สะบัด เส้นผมสีเขียวมากมายถี่ยิบพุ่งเร็วรี่ตามออกมาติดๆ

หญิงสาวชุดเขียวคิดจะใช้วิชาเนตรต้านอีกครั้งแต่เห็นชัดว่าไม่ทันกาล นางได้แต่ยกพู่กันในมือขวางหน้าร่างด้วยความจนปัญญา พู่กันหยกหมุนติ้วจากนั้นม่านแสงสีดำชั้นหนึ่งพลันปรากฏออกมาขวางเบื้องหน้าไว้

เสียงเปรี้ยงดังขึ้นหนึ่งหน

เปลวเพลิงชั่วพริบตาก็ระเบิดออก เปลวเพลิงสีเทาโถมชนม่านแสงสีดำส่องแสงวูบวาบไม่หยุด ร่างกายของหญิงสาวสั่นสะท้านจากนั้นถอยหลังครึ่งก้าวอย่างเลี่ยงไม่ได้

ตอนนี้เองเส้นผมสีเขียวที่ตามมาทีหลังก็ปักรัวลงบนม่านแสงสีดำประหนึ่งฝนกระหน่ำ

ม่านแสงสีดำส่งเสียงครวญครางทีหนึ่งแล้วโงนเงนคล้ายจะล้มในทันใด

ทว่าอาศัยโอกาสนี้ ในที่สุดหญิงสาวก็ตั้งตัวได้ นางสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ยันต์สีแดงฉานแผ่นหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมา มันส่งเสียงดังเปรี้ยงแล้วระเบิดกลายเป็นเมฆสีแดง คลื่นสีแดงฉานซัดทีหนึ่งโถมกลบหัวบินที่อยู่ด้านหน้าจนหมดสิ้น

เวลานี้เองเสียง “มอ” พลันดังขึ้น วัวสีน้ำเงินมหึมาตัวหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าเบื้องหน้าหัวบิน เมื่อมันอ้าปากกว้างหมอกแสงผืนใหญ่พลันพุ่งม้วนออกมา ชั่วพริบตาดูดเมฆอัคคีทั้งหมดเข้าไปเกลี้ยงในคราวเดียว

หญิงสาวตระหนกหน้าถอดสี นางกำลังคิดจะเรียกสมบัติอื่นออกมาอีก เงาวัวสีน้ำเงินมหึมากลับส่งเสียงดังเปรี้ยงแล้วพังทลายหายไป ร่างของหลิ่วหมิงปรากฏออกมาที่เดิม

หลิ่วหมิงพุ่งเข้ามาใกล้หญิงสาวเพียงเอื้อมมือแล้วแย้มยิ้มน้อยๆ ปราณดำบนร่างลุกโชนพุ่งออกมา ในร่างเสียงเปรี๊ยะดังระรัวพักหนึ่ง ร่างกายชั่วพริบตาขยายใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว พร้อมกันนั้นใต้ชายโครงแสงสีน้ำเงินก็ส่องสว่างในทันใด แขนสีเงินอีกสองข้างงอกเพิ่มขึ้นมา

แขนสี่ข้างพร่าเลือนวูบหนึ่งพร้อมกัน ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังกึกก้อง เงาหมัดสีดำมากมายถี่ยิบโถมคลั่งออกมาพุ่งเข้าใส่ฝั่งตรงข้ามประหนึ่งน้ำหลาก

เสียงเปรี้ยงดังสนั่น

ม่านแสงสีดำถูกเงาหมัดมากมายเช่นนี้กระหน่ำโจมตีเพียงเวลาหนึ่งถึงสองลมหายใจชั่วพริบตาก็ปริร้าวแตกกระจายประหนึ่งกระดาษ

“ข้ายอมแพ้”

เมื่อเห็นว่าเงาหมัดมากมายไม่มีสิ่งใดต้านทานอีกต่อไปและกำลังจะบดขยี้หญิงสาวแหลกไปด้วย สตรีชุดเขียวพลันหน้าซีดเผือดตะโกนเสียงดังว่า “ยอมแพ้”

คำว่า “แพ้” เพิ่งหลุดออกจากปาก แสงลี้ลับสีเขียวครามพลันปรากฏออกมาจากพื้นล้อมสตรีชุดเขียวไว้ จากนั้นร่างของนางก็หายวับไปจากที่เดิม

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในใจก็ตะลึงเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์เช่นนี้สตรีผู้นี้จะยังคงรักษาสติผละถอยอย่างปลอดภัยได้

ความมุ่งมั่นเช่นนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ!

ในใจหลิ่วหมิงคิดเช่นนี้ จากนั้นมือข้างหนึ่งก็กวักเรียก คุกมืดสีดำค่อยๆ พังทลายเปิดออก กลายเป็นปราณดำพลุ่งพล่านหวนกลับเข้าไปในร่างเขาอีกครั้ง พร้อมกันนั้นหัวบินก็ส่งเสียงดังปุ้งกลายเป็นปราณดำสายหนึ่งมุดเข้าไปในถุงหนังข้างเอวเขาเช่นกัน

เขากวาดสายตามอง เมื่อแน่ใจแล้วว่าบนแท่นทองแดงเหลือเขาเพียงคนเดียวถึงหันหน้ามองไปยังแท่นทองแดงอีกสองแท่น

บุรุษรถเงินของนิกายเทียนกงเห็นหลิ่วหมิงบีบสตรีชุดเขียวให้ยอมแพ้ได้ก็ค่อนข้างประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด หลังเขายิ้มน้อยๆ ให้หลิ่วหมิงก็มองไปยังแท่นทองแดงที่บุรุษผมม่วงกับหลัวเทียนเฉิง

บนแท่นทองแดงอีกแท่นหนึ่ง

การต่อสู้ของบุรุษผมม่วงแห่งหอเป๋ยโต่วกับหลัวเทียนเฉิงเข้าสู่ช่วงดุเดือดแล้วเช่นกัน

สายตาของหลิ่วหมิงจ้องมอง ดูจากสถานการณ์แล้วบุรุษผมม่วงผู้นี้ครองความได้เปรียบอยู่อย่างเห็นได้ชัด

เส้นผมสีม่วงทั้งศีรษะของเขาปลิวสะบัด ลวดลายจิตวิญญาณสีดำเขียวทั่วร่างกะพริบไม่หยุด ต่อยหมัดแล้วหมัดเล่าเข้าใส่หลัวเทียนเฉิง ทุกหมัดล้วนได้เปรียบ บีบให้อีกฝ่ายถอยร่นไม่หยุด

ทว่าหลัวเทียนเฉิงอาศัยร่างจิตวิญญาณตูเทียนซึ่งมีคุณสมบัติฟื้นฟูในชั่วพริบตาจึงไม่หวาดกลัวการโจมตีของบุรุษผมมม่วงสักนิด แสงสีเงินขาวทั่วทั้งร่างส่องสว่างระลอกแล้วระลอกเล่าไม่หยุด บาดแผลบนร่างประสานกันอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นสองแขนก็เหวี่ยงสะบัด กระตุ้นไอหมอกสีเงินให้แปลงเป็นเงามังกรพยัคฆ์สีเงินตัวแล้วตัวเล่าปะทะกับหมัดแล้วหมัดเล่าของบุรุษผมม่วง ดันทุรังกระหน่ำโจมตีต้านไว้ได้อย่างน่าตะลึง

หลังหลิ่วหมิงมองมา บุรุษผมม่วงก็พบว่าหลิ่วหมิงกับหญิงสาวชุดเขียวตัดสินแพ้ชนะกันได้แล้ว บนหน้าจึงปรากฏสีหน้ารำคาญเล็กน้อยในทันใด เขาตวาดโกรธเกรี้ยวคำหนึ่ง ทันใดนั้นแขนก็หนาขึ้น พลังมหาศาลที่โถมออกมาจากกำปั้นฉับพลันเพิ่มพรวดขึ้นหลายเท่าต่อยเข้าใส่หลัวเทียนเฉิง

เสียงปังดังสนั่นขึ้นทีหนึ่ง!

หลัวเทียนเฉิงรีบใช้พยัคฆ์หมอกสีเงินสองตัวปะทะกับหนึ่งหมัดของบุรุษผมม่วง

มังกรหมอกสองตัวส่งเสียงกรีดร้องทีหนึ่งก็สลายไปพร้อมเสียงดังสนั่น บุรุษผมม่วงกลับยืมแรงทะยานร่างถอยหลัง ส่วนหลัวเทียนเฉิงถูกพลังมหาศาลที่เหลืออยู่ซัดปลิวไปถึงขอบม่านแสง จากนั้นถูกดีดกลับมาในทันที

หน้าอกของเขาถูกอัดจนยุบจมเข้าไป มุมปากเลือดสายหนึ่งไหลลงมา หลังแสงสีเงินสว่างวาบบนหน้าอก รอยยุบก็ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา

“จิ๊ๆ ร่างจิตวิญญาณตูเทียนช่างสมคำร่ำลือจริงๆ! พลังแค่ระดับผลึกขั้นต้นกระจอกๆ ก็ต้านทานหมัดร้อยทลายชุดนี้ของข้าที่กระทั่งระดับแก่นแท้ก็ไม่กล้าฝืนรับตรงๆ ได้ ตอนนี้เจ้ายอมแพ้ยังไม่สาย มิเช่นนั้นการโจมตีต่อไปของข้า หากยั้งมือไม่ไหวสังหารเจ้าไป นั่นคงไม่ดีแล้ว ฮ่าๆ!” บุรุษผมม่วงในดวงตาประกายสีม่วงฉายวูบวาบ ขณะที่ยืนอยู่กลางอากาศหัวเราะเต็มที่ใส่หลัวเทียนเฉิง

“ไม่ต้องพูดถ้อยคำไร้ประโยชน์เหล่านี้แล้ว มีความสามารถก็ใจกล้าเข้ามา ทุกคนเปลืองแรงต่อไปเรื่อยๆ ใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่แน่หรอก!” หลัวเทียนเฉิงกลืนโอสถเม็ดหนึ่งลงไปอย่างว่องไว เขายืนยืดอกอย่างหยิ่งทะนง แค่นเสียงหยันเอ่ยกับบุรุษผมม่วงอย่างเย็นชา

จากการประมือก่อนหน้านี้เขารู้แล้วว่ากายเนื้อของอีกฝ่ายแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาเสียอีก แต่เขามีพลังฟื้นฟูอันแข็งแกร่งของร่างจิตวิญญาณตูเทียนอยู่ เขาจึงมั่นใจว่าจะยังคงเป็นผู้ที่หัวเราะคนสุดท้ายได้

บุรุษผมม่วงได้ยินพลันโกรธจัด แววตาเย็นเยียบ ใบหน้าถมึงทึงขึ้นหลายส่วน

เขาพลันตวาดคำหนึ่ง แสงสว่างที่เปล่งออกมาจากลวดลายจิตวิญญาณสีดำเขียวทั่วร่างฉับพลันส่องสว่างขึ้น จากนั้นเริ่มโถมพันรอบกำปั้นสีดำของบุรุษผมม่วง

ครู่ต่อมาแขนขวาของบุรุษผมม่วงพลันส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ เส้นเอ็นที่พาดตัดยุ่งเหยิงบนนั้นหนาขึ้นในทันใดจากนั้นเหวี่ยงออกมาสุดกำลัง เงาหมัดสีดำเขียวขนาดถึงสิบจั้งหมัดหนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้าโจมตีเข้าใส่หลัวเทียนเฉิง

หลัวเทียนเฉิงเห็นเช่นนี้พลันหน้าถอดสี สองมือเปลี่ยนแปลงไม่หยุด ทำท่ามืออันลี้ลับท่าแล้วท่าเล่า พร้อมกันนั้นปากก็เอ่ยท่องมนตร์

หมอกหนาพลุ่งพล่านสีขาวลอยขึ้นจากบนร่างเขาไม่หยุด

“โฮก” เสียงพยัคฆ์คำรามมังกรกู่ร้องดังออกมา มังกรหมอกสีเงินยาวสามสิบจั้งสี่ตัวกับพยัคฆ์หมอกสีเงินสี่ตัวปรากฏตัวขึ้นตามมา

“ไป!”

หลัวเทียนเฉิงตวาดเสียงเข้มคำหนึ่ง สองหมัดก็โจมตีออกไป มังกรหมอกสีเงินสี่ตัวกับพยัคฆ์ร้ายสีเงินสี่ตัวแยกย้ายกันพุ่งออกไปจากบนแขนทั้งสองข้างมุ่งไปหาเงาหมัดสีดำเขียวมโหฬารที่แทบจะปิดนภาบังตะวันได้พร้อมกัน

เสียงเปรี้ยงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดังขึ้นหนึ่งหน!

บนอากาศระหว่างคนทั้งสอง สีดำ สีเขียว สีเงินฉับพลันผสมปนเปเข้าด้วยกันโรมรันกันอย่างรุนแรง!

ยื้อยุดอยู่เพียงชั่วครู่ เงาหมัดสีดำเขียวก็ประหนึ่งผ่าท่อนไผ่ทยอยบดขยี้มังกรกับพยัคฆ์สีเงินกลายเป็นหมอกหนาสีเงินก้อนแล้วก้อนเล่ากระจายไปทั่วไม่หยุด

“ระเบิด!”

เวลานี้เองหลัวเทียนเฉิงก็ตวาดเกรี้ยวกราด สองมือพลันเปลี่ยนท่าเคล็ดวิชา ปากท่องมนตร์ไม่หยุด หมอกหนาสีเงินโอบกระจายตลบอบอวลอย่างเร็วไวรวมตัวเป็นคุกมืดสีเงินขาวอันแข็งแกร่งแห่งหนึ่งหุ้มเงาหมัดมหึมาทั้งหมดรวมถึงร่างบุรุษผมม่วงไว้ข้างใน กลายเป็นลูกบอลกลมสีเงินมโหฬารอย่างยิ่งลูกหนึ่ง

หลิ่วหมิงเห็นหลัวเทียนเฉิงปล่อยคุกมืดออกมากลับส่ายศีรษะเล็กน้อย เห็นชัดว่าไม่ได้คาดหวังกับท่านี้!

คุกมืดไม่ได้ผลกับคู่ต่อสู้ที่พลังเหนือกว่าตนเองเท่าไรนัก

เป็นอย่างที่คาดยังไม่ทันที่หลัวเทียนเฉิงจะเคลื่อนไหวท่าต่อไป บนผิวหน้าของลูกบอลกลมสีเงินมโหฬาร แสงรัศมีสีเหลืองดำสายแล้วสายเล่าพลันพุ่งกระจายออกมา

ในคุกมืดสีเงิน

พร้อมกับที่บุรุษผมม่วงท่องมนตร์งึมงำออกมาไม่หยุด ลวดลายจิตวิญญาณสีดำเหลืองสองสีน่าหวาดหวั่นอย่างที่สุดสายแล้วสายเล่าก็ค่อยๆ ปรากฏชัดบนใบหน้า

ลวดลายจิตวิญญาณสีดำเหลืองเหล่านี้กะพริบไม่หยุด วาดเป็นภาพสัญลักษณ์ผีร้ายโหดเหี้ยมภาพหนึ่งออกมา ในเวลาเดียวกันใบหน้าของเขาฉับพลันก็เหี้ยมเกรียมขึ้น

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset