ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 892 กวาดประกาศลี้ลับ

สามเดือนให้หลัง ลึกเข้าไปในเขตหนานไห่ที่อยู่ติดกับแผ่นดินจงเทียน

ณ ก้นสมุทรลึกหมื่นจั้ง ทอดสายตาไปที่ใดล้วนมองเห็นหมู่ปะการังหน้าตาประหลาด บางส่วนเหมือนโม่ บางส่วนเหมือนเถาวัลย์เกี่ยวกระหวัดกัน สีสันหลากหลายสารพัด

มีปลาหน้าตาสวยงามรูปร่างประหลาดตัวแล้วตัวเล่าว่ายมุดไปมาในหมู่ปะการังเป็นระยะ ทันใดนั้นแสงสว่างรอบหมู่ปะการังก็มืดลง เงาดำแถบหนึ่งที่มีแสงสีเงินทอประกายระยิบระยับอยู่ด้านในร่างหนึ่งก็ว่ายผ่านไปด้านบน

 เขาก็คือหลิ่วหมิงที่มีปีกสีเงินมหึมาคู่หนึ่งติดอยู่กับลำตัวนั่นเอง

ปีกทั้งสองข้างบนแผ่นหลังของเขากระพือเบาๆ ทั้งร่างก็แหวกว่ายผ่านไปด้านหน้าเป็นระยะทางสิบกว่าจั้งแล้ว แลดูว่องไวปราดเปรียวเสียยิ่งกว่าปลาตัวใดที่ก้นสมุทร

ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เคลื่อนไปจับอยู่ที่ร่องลึกก้นสมุทรแห่งหนึ่ง

ด้านในมีแสงสีเงินอ่อนดวงหนึ่งส่องแสงอยู่ เมื่ออยู่ตรงก้นสมุทรอันมืดมนแห่งนี้ค่อนข้างสะดุดตา มันก็คือแมงกะพรุนที่มีหน้าตาเหมือนดอกทานตะวันทั้งร่างเกือบจะโปร่งใสขนาดหนึ่งจั้งกว่าตัวหนึ่งที่กำลังเกาะปะการังนอนอยู่นั่นเอง

เวลานี้ครึ่งค่อนร่างของแมงกะพรุนตัวนี้ซ่อนอยู่ด้านหลังหมู่ปะการังมหึมาผืนหนึ่ง มีเพียงหนวดสีเงินอ่อนไม่กี่เส้นเท่านั้นที่ยื่นออกมา

ใบหน้าของหลิ่วหมิงเผยรอยยิ้ม ปีกเนื้อสะบัดแผ่วเบา ร่างกายก็หยุดอยู่ที่เดิม จากนั้นเขาจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้น วาดผ่านด้านหน้า เสกหอกน้ำแข็งสีขาวห้าหกเล่มขึ้นมาในพริบตา พวกมันสั่นเบาๆ แล้วทะลวงผ่านน้ำพุ่งเร็วรี่เข้าใส่แมงกะพรุนสีเงิน

แมงกะพรุนสีเงินปฏิกิริยาโต้ตอบค่อนข้างฉับไว เมื่อสัมผัสคลื่นพลังเวทได้ ร่างกายก็หดเป็นก้อนทันที พร้อมกันนั้นบนหนวดก็มีของเหลวสีดำสนิทสายหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงยกมือขึ้นใช้เคล็ดวิชา ปราณดำบนร่างพุ่งทะลัก พริบตาเดียวก็กลายเป็นมังกรหมอกสีดำยาวหนึ่งจั้งกว่าตัวหนึ่งโถมออกไปอย่างรวดเร็ว พุ่งผ่านน้ำพิษที่แมงกะพรุนปล่อยออกมาจนมันกระจายไป จากนั้นจึงพุ่งเร็วรี่เข้าใส่เบื้องหน้าต่อไปติดๆ

หลังปราณสีดำพุ่งดุดันผ่านไป นอกจากหมู่ปะการังที่สั่นไหวน้อยๆ เหล่านั้น เบื้องหน้าก็ไม่เหลือเงาแมงกะพรุนอยู่ที่ไหนอีก

แต่มุมปากของหลิ่วหมิงกลับยกยิ้มน้อยๆ ปราณดำในมือวนเป็นวงแล้วล้วงเข้าไปตรงมุมหนึ่งของหมู่ปะการังยักษ์ในทันที

เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นทีหนึ่ง!

น้ำทะเลรอบด้านปั่นป่วนรุนแรงระลอกแล้วระลอกเล่า ทรายก้นสมุทรปะปนอยู่ด้านใน หมอกทรายสีเหลืองฟุ้งกระจาย

ชั่วครู่หลังจากนั้นน้ำทะเลรอบด้านถึงสงบลง ศพของแมงกะพรุนทานตะวันสีเงินอ่อนลอยอยู่ที่ก้นทะเล เลือดสีเงินอ่อนสายแล้วสายเล่าลอยออกมาจากด้านใน กระเพื่อมกระจายออกมาช้าๆ

ในมือหลิ่วหมิงกลับมีมุกที่ทอแสงสีเงินขนาดเท่าแกนลูกท้อเม็ดหนึ่งเพิ่มขึ้นมา บนใบหน้าเผยสีหน้ายินดี

ทันใดนั้นหูสองข้างของเขาก็ขยับเล็กน้อย หลังจากเก็บมุกทานตะวันสมุทรไป ปีกเนื้อสีเงินบนแผ่นหลังพลันกระพืออย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง ออกไปจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

เงาร่างของหลิ่วหมิงเพิ่งหายไปได้ไม่นาน เสียงประหลาดหลายสิบสายก็ดังขึ้นพร้อมกันจากที่ไกลๆ เงาร่างขมุกขมัวของบางสิ่งที่เป็นฝูงใหญ่โผล่ออกมาแล้วโถมเข้าใส่จุดที่รอยเลือดกระจายไปถึงอย่างดุร้าย

กลางเงาดำนั่นคืออสูรสมุทรดุร้ายหน้าตาประหลาด จากปราณปีศาจที่แผ่กระจายออกมา พวกมันล้วนเป็นปีศาจอสูรแล้วยังเป็นพวกที่บรรลุถึงระดับของเหลวจิตวิญญาณอีกด้วย

เหมือนโลหิตจะกระตุ้นสัญชาตญาณดุร้ายในตัวของพวกมัน แต่ละตัวดวงตาจึงทอแสงสีแดงก่ำ โถมเข้าใส่ศพของแมงกะพรุนดอกทานตะวัน อ้าปากกว้างพยายามกัดขย้ำร่างของแมงกะพรุนที่ตายแล้ว

น้ำทะเลเกิดกระแสน้ำปั่นป่วนรุนแรงในทันที อสูรสมุทรมากมายขยับตัวพุ่งชน ทำให้น้ำทะเลบริเวณนั้นโกลาหล ทรายก้นสมุทรถูกพัดขึ้นมาจนทำให้คนตาพร่าสับสน

ทว่าเพียงครู่เดียว แมงกะพรุนมหึมาตัวหนึ่งก็ถูกกัดกินจนหมดสิ้น กระทั่งเศษซากก็ไม่เหลือสักนิด

ด้านหลังหมู่ปะการังยักษ์ผืนหนึ่งไกลออกไป หลิ่วหมิงยืนนิ่งสงบอยู่ตรงนั้น หลังจากมองดูอสูรสมุทรกินเสร็จแล้วแยกย้ายจากไปอย่างรวดเร็ว ในดวงตาก็ทอประกายประหลาดแวบหนึ่ง

เมื่อเทียบกับปีศาจอสูรบนแผ่นดิน ปีศาจอสูรที่ก้นสมุทรลึกหมื่นจั้งคล้ายจะปัญญาทึบกว่า

หลายวันนี้เขาพบอสูรสมุทรระดับผลึกที่ก้นสมุทรอยู่เพียงไม่กี่ตัว แม้พวกมันจะดุร้ายยิ่งนัก แต่พวกมันรู้จักเพียงต่อสู้และเข่นฆ่า แทนที่จะเรียกว่าปีศาจอสูร ไม่สู้เรียกสัตว์ร้ายจะใกล้เคียงกว่า

“โลกกว้างใหญ่ สิ่งมีชีวิตในแต่ละที่ไม่เหมือนกันจริงๆ” หลิ่วหมิงส่ายหน้า จากนั้นร่างกายพลันขยับทีหนึ่งแล้วหนีออกไปไกล ค้นหาแมงกะพรุนทานตะวันที่โตเต็มวัยต่อ

……

ครึ่งปีให้หลัง ลำแสงสีดำเส้นหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้ามาถึงบนชั้นสองของหอลี้ลับแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์ หลังจากกะพริบสองทีมันก็กลายเป็นร่างของบุรุษชุดสีน้ำเงินผู้หนึ่ง หลิ่วหมิงนั่นเอง

ที่แห่งนี้คือจุดส่งมอบภารกิจของหอลี้ลับใน ในหอมีผู้อาวุโสที่ดูแลสี่ห้าคนนั่งอยู่หลังแท่นศิลาแท่นหนึ่ง

ด้านในหอหลังใหญ่เวลานี้มีศิษย์สายในยืนอยู่ห้าหกคน แลดูครึกครื้นน้อยกว่าห้องโถงชั้นหนึ่งมากนัก

หลิ่วหมิงเดินมาถึงหน้าแท่นศิลาแล้วส่งป้ายประจำตัวของศิษย์สายในไปให้ผู้ดูแลวัยกลางคนที่ว่างอยู่คนหนึ่ง

ผู้ดูแลวัยกลางคนรับไปอย่างคล่องแคล่ว หลังจากนั้นก็ลูบป้ายหยกแผ่นนั้นในมือเล็กน้อย ลำแสงเจิดจ้าแทรกเข้าไปในป้ายประจำตัวของหลิ่วหมิง

“เจ้าคือหลิ่วหมิง แห่งยอดเขาลั่วโยว…” ผู้ดูแลวัยกลางคนสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที จากนั้นก็มองหลิ่วหมิงอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

ผู้คนที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินคำว่า ‘หลิ่วหมิง’ ก็พากันหยุดสิ่งที่ทำอยู่ในมือแล้วหันศีรษะมองมาเช่นกัน

“มีปัญหาหรือ?” หลิ่วหมิงสังเกตเห็นสภาพรอบด้านจึงขมวดคิ้ว

“ไม่มี ไม่มี…” ผู้ดูแลวัยกลางคนรีบร้อนส่ายหน้าแล้วเริ่มจัดการตามกฎ

“ศิษย์พี่หลิ่วรับภารกิจตามหาแก่นปีศาจของอสูรเพลิงมายา เก็บดอกภูตสวรรค์กับรวบรวมมุกทานตะวันสมุทร ทั้งหมดสามภารกิจ…” ผู้ดูแลวัยกลางคนยิ่งอ่าน ใบหน้ายิ่งมีสีหน้าตกตะลึงมากขึ้นทุกที

ภารกิจทั้งสามนี้ล้วนอยู่บนป้ายประกาศของหอลี้ลับใน เป็นภารกิจที่ความเสี่ยงค่อนข้างสูง ประกาศมาเป็นเวลานานมากแล้วก็ไม่มีผู้ใดทำสำเร็จ แต่วันนี้หลิ่วหมิงกลับรับสามภารกิจในเวลาเดียวกัน

เวลานี้เอง หลิ่วหมิงฉับพลันพลิกมือข้างหนึ่ง ของหลายสิ่งปรากฏขึ้นบนแท่นศิลาเบื้องหน้า

แก่นปีศาจสีแดงเพลิงลูกหนึ่ง ดอกไม้ประหลาดที่งดงามแต่แลดูเศร้าสร้อยสีขาวดุจกระดูกห้าดอก สุดท้ายคือยันต์เก็บของสีเหลืองอ่อนแผ่นหนึ่ง

ผู้ดูแลวัยกลางคนสำรวจสิ่งของทั้งสามสิ่งบนแท่นศิลาเพียงครู่เดียว สีหน้าที่มองมาทางหลิ่วหมิงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“ศิษย์พี่หลิ่วไม่ผิดไปจากคำร่ำลือจริงๆ ! ยอดเยี่ยม ภารกิจทั้งสามนี้ล้วนทำสำเร็จแล้ว ค่าตอบแทนคือแต้มคุณูปการสี่หมื่นสามพันแต้ม” ผู้ดูแลวัยกลางคนมองหลิ่วหมิงนิ่งนาน จากนั้นพู่กันหยกในมือก็ตวัดจิ้มบนป้ายประจำตัวศิษย์ของหลิ่วหมิงเบาๆ

แสงจิตวิญญาณเคลื่อนบนป้ายประจำตัววูบหนึ่ง แต้มคุณูปการก็เพิ่มมาอีกสี่หมื่นสามพันแต้มทันที

หลังจากหลิ่วหมิงรับป้ายกลับไปห้อยตรงเอวด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาก็พยักหน้าน้อยๆ จากนั้นหมุนตัวเดินออกจากหอหลังใหญ่ไป

“คนผู้นั้นคือหลิ่วหมิงหรือ? ข่าวลือเหล่านั้นของเขา ข้าเคยได้ยินมาก่อน แต่เพิ่งเคยเห็นเจ้าตัวด้วยตาตนเองเป็นครั้งแรก!”

ศิษย์สายในอายุน้อยคนหนึ่งด้านข้างสายตาจับจ้องอยู่บนแผ่นหลังของหลิ่วหมิงอยู่ตลอด จนกระทั่งเขาเดินออกจากหอไปแล้วถึงรั้งสายตากลับมาอย่างอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นนิดๆ

คนที่เหลือพากันพยักหน้าบ้างก็พูดคุยเสียงเบา

“คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ! ประมาณช่วงนี้ของปีก่อน ศิษย์พี่เยวี่ยจากยอดเขากระบี่สวรรค์ร่วมมือกับศิษย์ยอดเขาอื่นอีกหลายคนหมายจะไปเก็บดอกภูตสวรรค์ที่เทือกเขาศพมืด ผลปรากฏว่าล้มเหลวไม่เป็นท่ากลับมา คนหนึ่งในนั้นยังบาดเจ็บหนักอีกด้วย คิดไม่ถึงว่าลำพังเขาคนเดียวกลับทำสำเร็จ น่าเหลือเชื่อจริง!” บุรุษชุดเหลืองผู้แลดูเอาการเอางานคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางหมู่คนท่าทางสงบยิ่งนัก สายตาเขามองไปทางประตูหอครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเอง

คนที่เหลือได้ยินเข้าก็หุบปากทันที เห็นชัดว่าบุรุษชุดเหลืองผู้นี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่คนทีเดียว

“เอาล่ะ พวกเราก็ไปเถอะ ไปดูชั้นหนึ่งของหอลี้ลับในกันบ้าง” บุรุษชุดเหลืองสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยจากนั้นเดินเร็วไวออกไป คนที่เหลือได้ยินแล้วก็รีบติดตามไปด้วย

เมื่อหลิ่วหมิงออกมาจากชั้นสองของหอลี้ลับ เขายังไม่ได้ไปจากหอลี้ลับแต่มายังหอลี้ลับในอีกครั้ง

สายตาของเขามองบนกำแพงหยกของป้ายประกาศลี้ลับสองสามครั้งก็หยิบป้ายประจำตัวข้างเอวขึ้นมาอีกหน หลังจากแสงแวววาวสว่างขึ้นสองครั้งก็รับภารกิจที่ค่อนข้างยากไปอีกสองภารกิจ

ทว่าตอนเขาจะออกไป บุรุษชุดเหลืองที่ปรากฏตัวบนชั้นสองก่อนหน้านี้ผู้นั้นกลับเดินเข้ามาหา ใบหน้าเขาเผยรอยยิ้มอบอุ่น ประสานมือคำนับครั้งหนึ่งแต่ไกล

“ท่านคือศิษย์พี่หลิ่วแห่งยอดเขาลั่วโยวใช่ไหม? ข้าคือหยวนเซิ่งแห่งยอดเขาทองคำ ชื่นชมชื่อเสียงของพี่หลิ่วมานาน ได้คารวะสักที!”

ศิษย์คนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินก็ฮือฮาขึ้นมา ทุกสายตาต่างพากันจับจ้องอยู่บนร่างของหลิ่วหมิง

“อ้อ ศิษย์พี่หยวนนี่เอง มีธุระอะไรหรือ?” หลิ่วหมิงเพียงประสานมือให้จากไกลๆ แล้วเอ่ยขึ้นโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด

“เรื่องเป็นเช่นนี้ ข้าได้ยินว่าพักนี้พี่หลิ่วกำลังรับภารกิจบนประกาศอยู่ตลอด ไม่ทราบพี่หลิ่วสนใจรวมกลุ่มกับพวกเราหรือไม่ ภารกิจมากมายบนประกาศของหอลี้ลับใน หากร่วมมือกันหลายคน มีโอกาสที่จะทำสำเร็จเร็วขึ้นไม่น้อย” บุรุษชุดเหลืองไม่พูดจาเสแสร้งอ้อมค้อมแต่เอ่ยตรงเข้าประเด็น

“เกรงว่าคงจะทำให้พี่หยวนผิดหวังแล้ว ข้าเดินทางลำพังคนเดียวจนเคยชิน ตอนนี้ยังไม่คิดจับกลุ่มกับผู้อื่น” หลิ่วหมิงได้ฟัง ดวงตาพลันเป็นประกายแต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า

“ถ้าเช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ หากหลังจากนี้พี่หลิ่วรับภารกิจที่ต้องการคนจำนวนมากก็ติดต่อข้าที่ยอดเขาทองคำได้ทุกเมื่อ” ดวงตาของบุรุษชุดเหลืองฉายแววผิดหวังอยู่บ้าง แต่ใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มไว้ขณะเอ่ยตอบ

“เรื่องนี้แน่นอน”

หลิ่วหมิงประสานมืออย่างแบ่งรับแบ่งสู้แล้วก้าวเร็วไวเดินออกจากหอลี้ลับไป

ครู่หนึ่งหลังจากนั้นแสงสีดำสายหนึ่งก็ลอยขึ้นฟ้า หายไปยังที่ไกลๆ อย่างรวดเร็ว

บุรุษชุดเหลืองมองแสงสีดำที่ค่อยๆ หายลับไปตรงขอบฟ้า ขณะที่ดวงตาทอแสงไหววูบอยู่พักหนึ่ง

สามเดือนให้หลังหลิ่วหมิงก็กลับมายังห้องโถงผู้ดูแลบนชั้นสองของหอลี้ลับอีกครั้ง

เวลานี้บนใบหน้าของเขามีสีหน้าเหนื่อยล้าอยู่เล็กน้อย แต่ในดวงตากลับแฝงแววยินดีอยู่จางๆ เห็นชัดว่าทำภารกิจทั้งสองสำเร็จแล้ว

หลิ่วหมิงทำภารกิจบนป้ายประกาศของหอลี้ลับในสำเร็จหลายชิ้นติดต่อกันในเวลาสั้นๆ เช่นนี้จึงทำให้เป็นที่เลื่องลืออย่างมากในนิกายสายในอีกครั้งหนึ่ง

เขาย่อมไม่สนใจเรื่องนี้สักนิด เป้าหมายของเขาตั้งแต่ต้นจนจบมีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือสะสมแต้มคุณูปการให้มากพอ เตรียมพร้อมเข้าสู่ทางปีศาจร้ายเพื่อเข้าสู่ระดับแก่นแท้ให้ได้ไวที่สุด!

ภายในเวลาหนึ่งปีกว่าหลังจากนั้น หลิ่วหมิงเข้าๆ ออกๆ หอลี้ลับไม่หยุด แน่นอนว่าเขาทำภารกิจที่แต้มคุณูปการสูงสำเร็จไปอีกไม่น้อย

ในช่วงเวลานี้เขาตกอยู่ในอันตรายอยู่หลายครั้ง แต่อาศัยไหวพริบที่เหนือกว่าผู้อื่นกับวิชาลับที่ตัวจึงคลี่คลายอันตรายไปได้

ขณะที่หลิ่วหมิงลงแรงทุ่มเท แต้มคุณูปการของเขาก็สะสมเพิ่มขึ้นมาอย่างเร็วไว จนห่างจากเป้าหมายหนึ่งล้านห้าแสนแต้มอีกไม่เท่าไรแล้ว

และพร้อมกับที่เขาเดินทางโลดแล่นบนแผ่นดินจงเทียน นาม ‘หลิ่วหมิง’ ศิษย์ใหม่ฝีมือเยี่ยมแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์นี้ก็เล่าลือกระจายไปบนแผ่นดินจงเทียนมากขึ้นทุกที

ขณะที่หลิ่วหมิงวิ่งวุ่นไปทั่วทุกสารทิศเพื่อเอาแต้มคุณูปการมานี้เอง เหตุการณ์ที่เพียงพอจะสะเทือนทั้งแผ่นดินจงเทียนก็เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างเงียบเชียบ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset