ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 967 พลังแห่งธงวารี

หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด บุรุษจมูกอินทรีเล็งจังหวะโจมตีได้ดีเกินไป เวลานี้หลบไม่พ้นแล้ว

ในห้วงวิกฤติเขาครุ่นคิดเร็วไว ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งก็ทำท่าเคล็ดวิชา ธงคำสั่งสีฟ้าลอยมาอยู่ตรงหน้าก่อนจะหมุนอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง

พริบตานั้นน้ำทะเลรอบด้านพลันม้วนโถมออกมาปะทะกับคมดาบสายลม เกิดเสียงดังซู่ ซู่

แม้บุรุษจมูกอินทรีจะฉวยจังหวะได้เปรียบไปได้ แต่สภาพรอบด้านยังอำนวยประโยชน์ให้หลิ่วหมิง คลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดสาดเพียงไม่กี่ลมหายใจคมดาบสายลมมากมายก็ถูกซัดมลายหายไปจนหมด

หลังจากนั้นปีกเนื้อบนแผ่นหลังหลิ่วหมิงจึงขยับ ทั้งร่างหายวับไปปรากฏตัวไกลๆ

“ดูท่าจะประมาทไป”

เขาลอบเป่าลมหายใจ เดิมทีคิดว่าอาศัยข้อได้เปรียบของปีศาจสมุทรแปดขา แม้เอาชนะบุรุษจมูกอินทรีอาจเป็นไปไม่ได้นัก แต่ปกป้องตนเองคงไม่มีปัญหาแน่นอน ใครจะรู้ว่าบุรุษจมูกอินทรีกลับมองวิชาหลบหนีของเขาออกจนเขาเกือบจะบาดเจ็บจากคมดาบสายลมเหล่านั้น

“ไป!”

เขาเพิ่งยืนตั้งหลักได้ก็เอ่ยท่องมนตร์พร้อมกับเหวี่ยงธงคำสั่ง กระแสน้ำรอบด้านถูกชักนำให้โถมเข้าใส่บุรุษจมูกอินทรี ปีกทั้งสองของตนกระพือครั้งเดียวก็พาร่างหายไปท่ามกลางผืนน้ำอีกครั้ง

บุรุษจมูกอินทรีสีหน้าเคร่งขรึม แขนทั้งสองข้างกระหน่ำตะปบส่งแสงกรงเล็บสีดำออกมาตะปบคลื่นน้ำที่โถมเข้ามาจนกระจุย

ในเวลานี้เองแสงสีเงินพลันส่องสว่างขึ้นวูบหนึ่ง เงาร่างของหลิ่วหมิงปรากฏด้านหลังบุรุษจมูกอินทรีพร้อมกับที่กำปั้นซึ่งถูกปราณสีดำหุ้มอยู่สองข้างต่อยออกมาอย่างรุนแรง

บุรุษจมูกอินทรีไม่หันศีรษะกลับมา ทว่าพริบตานั้นจิตสัมผัสรับรู้ทุกสิ่งที่อยู่ด้านหลัง เขาตวาดเบาๆ ปราณปีศาจบนร่างเพิ่มพูนก่อนที่ทั้งร่างจะกลายเป็นเงาสีน้ำเงินสายหนึ่งพุ่งตรงขึ้นไปด้านบน

แม้รอบด้านจะมีคลื่นน้ำรบกวน ทว่าสำหรับเขาแล้วไม่มีผลกระทบมากนัก

“คิดหนี ไม่ง่ายปานนั้นหรอก!”

หลิ่วหมิงหัวเราะหยันครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นธงควบคุมวารีข้างกายพลันส่องแสง น้ำทะเลรอบด้านก่อตัวเป็นวังน้ำวนหมุนเร็วไวลูกหนึ่งซึ่งมีแรงดึงมหาศาล ทำให้ลำแสงที่พุ่งขึ้นฟ้าหยุดชะงักในทันใด

บุรุษจมูกอินทรีที่อยู่กลางแสงสีน้ำเงินสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

ทันใดนั้นเสียงเปรี้ยงพลันดังขึ้น หลิ่วหมิงต่อยโค้งหนึ่งหมัด พลังมหาศาลสายหนึ่งพุ่งผ่านอากาศโจมตีลงบนหัวไหล่ของบุรุษจมูกอินทรี

บุรุษจมูกอินทรีอ้าปากพ่นเลือดคำหนึ่งออกมา ร่างกายปลิวถอยออกไปอย่างห้ามไม่ได้

หนึ่งหมัดนี้โจมตีลงบนร่างปีศาจอย่างที่เขาไม่คาดคิด พลังมหาศาลที่บรรจุอยู่ด้านในทำให้พลังปีศาจซึ่งปกป้องร่างกายมันสะเทือนอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บภายในไม่น้อย

ผู้ที่ชมการต่อสู้ทั้งหมดเห็นสถานการณ์นี้ บนใบหน้าล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

ฝั่งเผ่าปีศาจส่วนใหญ่สีหน้าย่ำแย่!

เผ่าปีศาจระดับแก่นแท้ผู้มีชื่อด้านความเร็วดันถูกเผ่ามนุษย์ระดับแก่นเสมือนตัวเล็กๆ คนหนึ่งโจมตีโดน เดิมทีก็เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ

“จิ๊ๆ ไม่เสียทีได้ฉายาว่าศิษย์สายในอันดับหนึ่งแห่งนิกายยอดบริสุทธิ์ ถึงขั้นทำร้ายผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจจำพวกวิหคจนบาดเจ็บได้” ฝั่งเผ่ามนุษย์ อู่หงหญิงสาวผิวดำเอ่ยชมด้วยแววตาเป็นประกาย

“เหอะ ก็แค่โจมตีโดนครั้งเดียวเท่านั้น ต่อจากนี้ถึงจะเป็นการต่อสู้ที่แท้จริง” ในกลุ่มมีคนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมรับทันที

ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเห็นเช่นนี้ก็อึ้งไปเล็กน้อยเช่นกัน ลึกลงไปในดวงตาประกายแสงสีเลือดสายหนึ่งทอแสงขึ้นวูบหนึ่งก่อนจะหายไป

“เผ่ามนุษย์สมควรตาย กล้าทำร้ายข้า!”

บุรุษจมูกอินทรีหน้าเขียว อาการบาดเจ็บเท่านี้สำหรับเขาไม่นับว่าเป็นอันใด แต่ถูกเผ่ามนุษย์ที่ดูแคลนมาตลอดทำร้ายทำให้เขาผู้หยิ่งยโสเสมอรับไม่ได้อย่างยิ่ง

เสียงเปรี้ยงดังสนั่น!

เสื้อผ้าทั้งร่างเขาบวมพอง พลังปีศาจบนร่างฉับพลันเพิ่มพรวด ปราณสีน้ำเงินระเบิดขึ้นสู่ท้องนภา กระแสน้ำหลายสิบจั้งรอบด้านถูกผลักออกในทันใด พื้นที่ว่างรอบตัวเขาเกิดเสียงดังอื้ออึง

หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้ก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้ เขายิงเคล็ดวิชาหลายสายออกมาอย่างต่อเนื่อง ธงควบคุมวารีกะพริบแสงสีฟ้ารัว ดินแดนแห่งผืนน้ำรอบด้านเกิดวังน้ำวนหน้าตาดั่งพายุหมุนสิบกว่าลูกขวางระหว่างเขากับบุรุษจมูกอินทรีไว้

ในเวลาเดียวกันนี้แสงสีน้ำเงินที่ระเบิดออกมาจากร่างบุรุษจมูกอินทรีก็ค่อยๆ สงบลง เมื่อแสงสว่างดับหาย เขาก็เผยร่างออกมาอีกครั้ง

หลิ่วหมิงหรี่ตามอง หัวใจสั่นสะท้าน

บุรุษจมูกอินทรียามนี้หน้าตาเปลี่ยนไปมาก ดวงตากลายเป็นสีทองอร่ามทั้งดวง บนร่างมีขนนกสีดำแวววาวมากมายงอกออกมาปกคลุมร่างกายทั้งหมดไว้ จมูกที่งองุ้มเล็กน้อยกลายเป็นจงอยปากอินทรีสีน้ำเงินเข้ม รอบปีกเปล่งสีน้ำเงินครามชั้นหนึ่ง พลังปีศาจน่าหวาดกลัวสายแล้วสายเล่าไหลวนเลือนรางอยู่ระหว่างสองปีกไม่หยุด

ทว่ามือเท้าของเขาดูเหมือนจะยังคงเค้าโครงลักษณะของมนุษย์ไว้

หลิ่วหมิงคุ้นเคยดีกับสภาวะเช่นนี้ นี่คือสภาวะกลายร่างเป็นครึ่งปีศาจ บางครั้งสำหรับผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจบางตนสภาพนี้เหมาะกับการต่อสู้มากกว่าร่างปีศาจเต็มตัว

เขาท่องมนตร์แผ่วเบาหลายประโยคออกมาจากปากทันที ปราณดำบนร่างทะลักออกมาก่อตัวเป็นพยัคฆ์สีดำขนาดสิบกว่าจั้งห้าตัวเบื้องหน้า พวกมันคำรามใส่บุรุษจมูกอินทรี

“เด็กน้อยเผ่ามนุษย์ เจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าจะฉีกศพเจ้าเป็นหมื่นชิ้น!”

บุรุษจมูกอินทรีเมินพยัคฆ์ที่โถมเข้ามาหา เขาตวาดลั่นแล้วพลิกฝ่ามือ กลางฝ่ามือส่องแสงสีน้ำเงิน ทันใดนั้นกรงเล็บสีน้ำเงินเข้มปลอดยาวราวหนึ่งจั้งกว่าก็งอกออกมา ปลายด้านบนของเล็บคมสี่นิ้วทอประกายเย็นเยียบ ดูคมกริบยิ่งนัก

“ฉึบ!”

แขนเขาขยับวูบเดียว กรงเล็บสีน้ำเงินพลันสะบัดรุนแรงออกมาด้านหน้า เสียงระเบิดดังก้อง อากาศเบื้องหน้าเกิดเส้นแสงโค้งสีดำยาวยี่สิบกว่าจั้งเส้นหนึ่ง

เส้นแสงโค้งทรงพระจันทร์เสี้ยวประจันหน้ากับพยัคฆ์ห้าตัวที่กระโจนเข้ามาอย่างเงียบเชียบ จุดที่มันพุ่งผ่าน กระแสน้ำปั่นป่วนรอบด้านไม่อาจทำอันใดมันได้ ตรงกันข้ามทันทีที่สายน้ำสัมผัสถูกมันกลับทยอยสลายหายไปราวกับถูกกลืนกิน

เสียงทุ้มต่ำหลายครั้งดังขึ้นตามมาติดๆ เงาพยัคฆ์ห้าตัวพุ่งชนเส้นแสงโค้งสีดำอย่างดุดัน ผลปรากฏว่าพวกมันกลับเหมือนตุ๊กตาวัวโคลนจมลงในมหาสมุทร หายไปด้านในทันที

“รอยแยกมิติ!”

หลิ่วหมิงหน้าถอดสี ปีกเนื้อบนแผ่นหลังกระพือส่งคนถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว

เส้นแสงโค้งสีดำสว่างวูบแล้วเฉียดผ่านร่างหลิ่วหมิงไปอย่างหวุดหวิด มันกะพริบวูบวาบอีกสองสามหนก็หายไปไร้ร่องรอยหลังออกห่างไปหลายสิบจั้ง

“ทะลวงมิติจนกลายเป็นรอยแยกได้…” ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์ที่ชมการต่อสู้อยู่ล้วนมีสีหน้าตะลึงงัน พวกเขามองทุกสิ่งตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“พลังประจำกายของเผ่าอินทรีทะลวงก็คือสายลม เมื่อฝึกฝนจนบรรลุขั้นปลายทะลวงรอยแยกมิติได้ก็จริง แต่พลังของผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจอินทรีตนนี้ยังไม่พอ เหตุที่ทำได้น่าจะเพราะอาศัยสิ่งของในมือเขามากกว่า” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนวิเคราะห์อย่างเยือกเย็น

“ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง!” คนที่เหลือได้ฟังจึงเข้าใจ ทว่าแววตาที่มองไปยังกรงเล็บสีน้ำเงินข้างนั้นล้วนเต็มไปด้วยแววตาหวาดหวั่น

“ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจอินทรีตนนั้นมีอาวุธพิสดารที่ร้ายกาจเช่นนี้ สหายหลิ่วคงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดีแล้ว” บางคนเอ่ยออกมาอย่างกังวลใจอยู่บ้าง

“สหายหลิ่วเป็นคนที่ตัดสินใจได้ดี หากสู้ไม่ได้จริงๆ เขาย่อมออกปากยอมแพ้” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนยกแขนซ้ายขึ้นช้าๆ ประกายแสงอ่อนจางปรากฏขึ้นบนมือจากนั้นป้ายหยกแผ่นหนึ่งก็ปรากฏออกมา

บนป้ายหยกมีภาพดวงดาวอยู่เจ็ดดวง ดาวดวงหนึ่งในนั้นส่องแสงวิบวับ ส่วนอีกหกดวงที่เหลือยังคงหม่นแสง

ในตอนนี้เองภาพดวงดาราอีกดวงหนึ่งก็เริ่มส่องแสง

ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเห็นเช่นนี้จึงพรูลมหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเก็บมันไป

หลิ่วหมิงรู้สึกว่าป้ายหยกที่เอวแตกสลายแล้วจึงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งด้วย ธงคำสั่งสีฟ้าในมือสะบัด น้ำทะเลท่วมฟ้าฉับพลันเกิดเสาวารีหนาเท่าไหหลายสิบต้นพุ่งเข้าใส่บุรุษจมูกอินทรีจากทั่วทุกสารทิศอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวเขาฉวยจังหวะนี้กลายร่างเป็นแสงสีดำเส้นหนึ่งหนีไปทางด้านหลัง

“ไม่ต้องคิดหนี เอาชีวิตมาเสีย!”

บุรุษจมูกอินทรีเห็นเช่นนี้ก็โกรธจัด แสงสีน้ำเงินบนร่างส่องสว่าง ร่างกายพุ่งทะลวงครั้งเดียวก็ฝ่าเสาวารีออกมา พริบตาเดียวไล่ตามทันหลังร่างหลิ่วหมิง

เขาสะบัดกรงเล็บอสูรทันที เส้นแสงโค้งสีดำยาวหนึ่งจั้งกว่าพุ่งไล่ตามหลิ่วหมิงมา

หลิ่วหมิงตวาดเบาๆ ครั้งหนึ่ง แสงสีดำบนร่างพลันส่องสว่าง ร่างกายเลือนหายกลายเป็นเงาคนสี่ร่างที่เหมือนกันทุกประกายพุ่งเร็วรี่ไปสี่ด้านแปดทิศ

“เอ๋ วิชาร่างแยกหรือ?” บุรุษจมูกอินทรีแค่นเสียงหยันครั้งหนึ่ง กรงเล็บสีน้ำเงินที่มือสะบัดไปสี่ด้านอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เส้นแสงโค้งสีดำฉับพลันจากหนึ่งแยกเป็นสี่ไล่โจมตีเงาทั้งสี่ร่างไป

“ฉึก!”

เงาสองร่างที่ถูกรอยแยกมิติไล่ตามทันถูกกลืนเข้าไปในพริบตา ร่างแยกที่เหลืออีกสองนับว่าหนีว่องไว เส้นแสงโค้งสีดำจึงเฉียดผ่านไปอย่างหวุดหวิด หลบพ้นไปได้

เวลานี้ดินแดนแห่งผืนน้ำถูกรอยแยกมิติมากมายกลืนกินจนขนาดหดเล็กลงมาเกือบครึ่ง

“ซู่” “ซู่” ตำแหน่งหนึ่งบนผิวน้ำเกิดคลื่นน้ำแยกไปสองฝั่ง เงาสองร่างโผล่ขึ้นมา ร่างหนึ่งในนั้นแตกสลายในพริบตา ส่วนร่างที่เหลือส่องสว่างวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นร่างจริง

หลิ่วหมิงถอนหายใจยาว เขาหันศีรษะกลับไปเหลือบมองบุรุษจมูกอินทรีที่โกรธจนเต้นผางแล้วพลิกมือเรียกยันต์แผ่นหนึ่งออกมาขยี้จนแหลกอย่างไม่ลังเลสักนิด

“ปุ้ง!”

หลิ่วหมิงถูกแสงสีขาวดวงหนึ่งล้อมก่อนจะเลือนหายไป เขาปรากฏตัวท่ามกลางเหล่ามนุษย์จากนั้นประสานมือเอ่ยอย่างไร้ท่าทีลนลาน

“พลังของท่านแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าขอยอมแพ้”

บุรุษจมูกอินทรีได้ยินพลันแค่นเสียงหยัน แววตาเหี้ยมพาดผ่านดวงตา แต่ก็ยังหยุดกายไว้

หลังจากนั้นเขาจึงเก็บกรงเล็บสีน้ำเงินที่มือไป สองมือตั้งท่าเคล็ดวิชาอีกครั้ง แสงสีน้ำเงินส่องสว่างรอบร่าง อักขระนับไม่ถ้วนไหลบนร่างไม่หยุด พวกมันร้อยกันเป็นวงแล้วเปล่งแสงวูบวาบ ทันใดนั้นรูปลักษณ์ภายนอกก็กลับคืนมาเป็นสภาพเดิมอีกครั้ง

ร่างกายขยับอีกวูบหนึ่ง ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจผู้แข็งแกร่งตนนี้ก็พาเงาเลือนรางสายหนึ่งเหาะกลับไปยังฝั่งของเผ่าปีศาจ

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้จึงยิ้มน้อยๆ สะบัดธงคำสั่งสีฟ้าในมือเล็กน้อย เขาสะบัดมือยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งออกไปจากนั้นใช้ปลายธงชี้ไปยังที่ว่างด้านล่าง

เสียงครืนดังสนั่นไม่กี่ครั้ง น้ำทะเลที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้าพลันร่วงหล่นจมเข้าไปในพื้นดินอย่างรวดเร็ว

เกราะแสงที่อยู่รอบร่างทุกคนจึงทยอยดับแสงพร้อมกับที่น้ำทะเลหายไป

หลิ่วหมิงเก็บธงคำสั่งแล้วยืนนิ่งสงบอยู่กลางกลุ่มคน

แม้ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจจากเผ่าอินทรีทะลวงผู้นี้จะแข็งแกร่งพอจนผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ธรรมดาเทียบไม่ติด แต่เทียบกับมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์ที่หลิ่วหมิงเคยประมือก่อนหน้านี้รวมถึงจี๋อิ่งที่เขาได้พบหลังจากนั้น ผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจตนนี้สู้ไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด

“สหายหลิ่ว ครั้งนี้ลำบากแล้ว” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเดินเข้ามาประสานมือเอ่ยขึ้น

“ข้าพ่ายแพ้กลับมาทำให้สหายผิดหวังแล้ว” หลิ่วหมิงได้ฟังก็ส่ายศีรษะ

“สหายหลิ่วพูดอะไรเล่า สหายยื้อมาได้นานเช่นนี้ก็เหนือความคาดหมายมากแล้ว เรื่องที่เหลือมอบให้พวกเรา” ผู้ฝึกฝนแซ่ซุนเอ่ยปลอบ

หลิ่วหมิงพยักหน้าพลางล้วงโอสถจินหยวนเม็ดหนึ่งมากินลงไป จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีก

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ
Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset