ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 143 ต่อสู้กับมังกร (2)

ตอนที่ 143 ต่อสู้กับมังกร (2)

และขณะนั้นเอง ลูกเปลวไฟทั้งสามที่อยู่ตรงหลังหลิ่วหมิงก็ส่งเสียงดัง “ตู้ม!” มันสูญเสียการควบคุมจนระเบิดออกมา ทะเลเพลิงอันคุโชนลุกลามไปทั่วทิศ

หลิ่วหมิงมีสีหน้าเดือดดาลขึ้นมา เขาไม่สนใจเปลวไฟที่อยู่ตรงหลัง แต่กลับกระโดดไปยังด้านหน้าของสัตว์ประหลาดครึ่งมังกร เขาสะบัดกระบี่สั้นในมือ จากนั้นปราณกระบี่สีเขียวหกเจ็ดสายก็ม้วนตัวออกมา ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังมาจากแขนเสื้อของเขาก่อนที่โซ่ยาวสีดำจะดีดตัวออกไป

ถึงแม้สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรจะรู้สึกเจ็บปวดที่ปากเป็นอย่างมาก แต่พอเห็นฉากนี้ก็สะบัดไหล่เพื่อใช้ความเร็วของตนเองหลบการโจมตีจากหลิ่วหมิง

แต่ในขณะนั้นเองก็มีเสียง “ซู่!” “ซู่!” ดังขึ้นที่ใต้เท้าของมัน ก้ามยักษ์ทั้งสองยื่นออกมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ และหนีบขาทั้งสองของมันไว้แน่นในจังหวะที่มันไม่ทันระวัง ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น และเส้นสีดำสิบกว่าเส้นก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินก่อนที่จะเจาะเข้าไปยังต้นขาข้างหนึ่งของมัน

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรเห็นเช่นนี้ย่อมรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แต่ดีที่มันมั่นใจการป้องกันของร่างกายตนเองเป็นอย่างมาก จึงไม่สนใจเส้นดำสิบกว่าเส้นนั้น แต่กลับยกเท้าขึ้นในฉับพลันแล้วดึงแมงป่องกระดูกขาวออกมาจากดิน จากนั้นก็ยกเท้าอีกข้างไปเหยียบแมงป่องกระดูกขาว

ขณะนั้นเองก็มีเสียง “เพล้ง!” “เพล้ง!” ดังขึ้นสิบกว่าครั้ง เส้นสีดำทั้งหมดโจมตีไปที่ต้นขาของสัตว์ประหลาด แต่มันก็ค่อยๆ กระเด็นออกมา เหลือทิ้งไว้เพียงรูเล็กๆ สิบกว่ารูเท่านั้น

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรเพียงแค่รู้สึกเจ็บที่ขาเล็กน้อย จากนั้นมันก็เหยียบแมงป่องกระดูกขาวจนจมเข้าไปในดินโดยไม่สนใจ ทำให้แมงป่องกระดูกขาวร้องแกว๊กๆ ออกมา และไม่สามารถสลัดตัวให้หลุดพ้นได้

ในช่วงเวลานั้นเอง การโจมตีของหลิ่วหมิงก็ตามติดมายังด้านหน้าของมัน

แต่มันเพียงแค่เอาแขนทั้งสองไปป้องอยู่ตรงหน้าเพื่อต้านทานการโจมตีทั้งหมด

ผลลัพธ์คือหลังจากที่ปราณกระบี่กะพริบผ่านไป มันก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเขียวและฟันลงบนแขนทั้งสองของมัน

ร่างของมันสั่นสะเทือนจนต้องถอยออกไปหลายก้าว แขนทั้งสองก็ค่อยๆ อ้าออกโดยไม่ตั้งใจ

ชั่วพริบตานี้เอง หลังจากที่โซ่สีดำเคลื่อนไหวจนดูพร่ามัวแล้ว มันก็พุ่งยิงไปตรงบริเวณหน้าอกของสัตว์ประหลาดราวกับอสรพิษ และทุบตีอย่างรุนแรง

สัตว์ประหลาดไม่กลัวแม้แต่ปราณกระบี่ที่อาวุธจิตวิญญาณปล่อยออกมา แล้วมันจะกลัวการโจมตีของโซ่ตรวนวิญญาณได้อย่างไร ตอนนี้มันขี้เกียจที่จะขยับตัว เพียงแค่ยืดอกเล็กน้อยเพื่อปะทะให้โซ่ดำกระเด็นออกไป

หลิ่วหมิงเห็นฉากนี้กลับแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา เขาขยับตัวพุ่งถอยหลังในทันที ขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งก็ตบลงบนหน้าอก โล่แสงสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาและปกป้องเขาในขณะที่จมหายเข้าไปทะเลเพลิง

สถานการณ์อันน่าแปลกใจนี้ ยังไม่ทันที่สัตว์ประหลาดจะทันได้คิดอะไร ปลายโซ่ดำตรงหน้ามันก็กระตุกเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งยิงมุกสีดำสามเม็ดออกมา และโจมตีไปยังหน้าอกของสัตว์ประหลาด

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรตกใจเป็นอย่างมาก คิดที่ถอยตัวออกไปก็ไม่ทันแล้ว

มุกสีดำทั้งสามเพียงแค่หมุนติ้วๆ แล้วก็พากันระเบิดแตกกระจายออกมา

ในช่วงเวลาที่ไร้สุ้มไร้เสียง แสงกลมๆ สีแดงสามกลุ่มก็ได้ปรากฏขึ้นมา และรวมตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นแสงแดดที่แก่กล้า พริบตาเดียวมันก็ม้วนสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรเข้าไปในนั้น

ขณะนี้มีเสียงดังครั่นครืนออกมาจากแสงแดดแก่กล้านั้น!

คลื่นสั่นสะเทือนสีแดงม้วนตัวออกไปทั่วทิศอย่างบ้าคลั่ง พื้นที่ที่มันม้วนตัวผ่านไปล้วนราบเป็นหน้ากลอง ขณะเดียวกันด้วยความร้อนที่เหลือเชื่อ ทำให้ต้นไม้ใบหน้าบริเวณนั้นกลายเป็นขี้เถ้าจนหมดสิ้น

ทะเลเพลิงที่หลิ่วหมิงอยู่ก็ถูกคลื่นสั่นสะเทือนนี้ทำลายจนดับสิ้นในพริบตา

หลิ่วหมิงที่หลบอยู่ในนั้นทำได้เพียงแค่ปล่อยพลังเวทย์เข้าใส่โล่แสงสีดำอย่างบ้าคลั่ง

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เขาก็รับมือได้เพียงไม่กี่อึดใจ โล่แสงก็ส่งเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!” และบังเกิดรอยแตกสีขาวจางๆ ออกมา จนดูเหมือนจะไม่สามารถรับมือได้แล้ว

โชคดีหลังจากแสงแดดอันแก่กล้าที่อยู่ไม่ไกลปล่อยอานุภาพออกมาแล้ว ก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้ ทำได้เพียงแค่กะพริบไม่กี่ทีแล้วก็จางหายไป

เหลือไว้เพียงแค่เงาร่างพร่ามัวที่ไหม้ดำไปทั้งตัว และยังโชยกลิ่นหอมของเนื้อออกมาจางๆ

ราวกับว่าสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรตัวนั้น ถูกแสงแดดแก่กล้าเมื่อครู่ย่างจนสุก

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ถึงได้โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย

มุกสีดำสามเม็ดที่ถูกโซ่ตรวนวิญญาณดีดออกมานั้น มันคือมุกเพลิงอัคคีที่จูชื่อมอบให้เขาเพื่อใช้ป้องกันตัวในวันนั้น

และที่เขาตั้งใจเอามุกเพลิงอัคคีทั้งสามซ่อนให้ในโซ่ตรวนวิญญาณ และใช้ในตอนที่มันไม่ทันระวังนั้น ในที่สุดที่ซุ่มโจมตีได้สำเร็จจริงๆ

พลังของมุกแต่ละเม็ดที่ปล่อยออกมาเทียบเท่ากับการโจมตีของอาจารย์จิตวิญญาณ เมื่อทั้งสามเม็ดรวมตัวกัน อานุภาพมันยากตะคาดเดาได้

ถึงแม้สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรตนนี้จะมีการป้องกันตัวที่น่าตกใจ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม ตอนนี้หลิ่วหมิงก็ไม่สามารถวางใจได้ เขารีบควงกระบี่สั้นสีเขียวในมืออย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็ลอยขึ้นมากลายเป็นจันทราสีเขียวกลมๆ และหล่นลงบนหัวของสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรด้วยเสียงอันแหลมดังในทันที

สำหรับเขาแล้ว สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรตนนี้น่ากลัวมาก นอกจากจะฟันมันให้กลายเป็นสองส่วนเท่านั้น มิเช่นนั้นเขาไม่อาจวางใจได้เลยแม้แต่น้อย

และครู่ต่อมาการดาดเดาของเขาก็เป็นจริง!

เสียง “เพล้ง!”

สัตว์ประหลาดตัวดำเกรียมที่ดูเหมือนจะยืนนิ่งอยู่กับที่ พลันปล่อยสายโซ่สีเงินออกมาจากตัวเส้นหนึ่ง มันหวดเข้าใส่จันทราสีเขียวจนกระเด็นออกไป

“โซ่ปราบปีศาจ”

พอหลิ่วหมิงเห็นโซ่สีเงินอย่างชัดเจนก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา

และในขณะนั้นเอง สัตว์ประหลาดตัวดำเกรียมพลันแหงนหน้าแผดเสียงแหลมออกมา

โซ่สีเงินนั้นสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่งและปกป้องมันไว้อย่างแน่นหนา

จากนั้นมันก็ขยับแขนขา ชิ้นเนื้อสีดำที่เกือบสุกแต่ละชิ้นก็ระเบิดออกมา เผยให้เห็นถึงผิวหนังใหม่ที่ขาวสะอาดและเกลี้ยงเกลา

ไม่นานสัตว์ประหลาดก็ยืนเปลือยโล่งแจ้งอยู่ตรงนั้น นอกจากเขาทั้งสองที่อยู่บนหัวกับหางสีแดงม่วงแล้ว ตรงส่วนอื่นๆ ก็ไม่แตกต่างจากคนทั่วไปเลย หลังจากไม่มีเกล็ดบนใบหน้าแล้ว มันดูเหมือนกับสือชวนไม่มีผิด

“ศิษย์พี่สือ!”

หลังจากที่หลิ่วหมิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง ก็ถามออกไปอย่างใจจดใจจ่อ

แต่ตอนที่ ‘สือชวน’ เงยหน้ามามองเขานั้น ดวงตาที่ดูปกติก็เริ่มเรียวยาวขึ้นมาในทันที จากนั้นก็แสยะปากยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง เปลวไฟสีแดงก็คุโชนออกมาทั่วทั้งตัว และเริ่มรวมตัวกันเป็นเกล็ดสีแดงม่วงขึ้นมา

ในฉับพลันนั้นเขาก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรอีกครั้ง

หลิ่วหมิงสูดหายใจเข้าด้วยความเย็นสะท้าน ในที่สุดก็แน่ใจแล้วว่าสัตว์ประหลาดตรงหน้ากลายร่างมาจากสือชวน ไม่…ควรจะพูดว่ามีเพียงแต่ร่างเท่านั้นที่เป็นสือชวน จิตวิญญาณของเขาคงตายไปแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่รู้สึกเฉยๆ เมื่อตอนที่หลิ่วหมิงเรียกชื่อเขา

มังกรประหลาดได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ คาดไม่ถึงว่าจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ครั้งนี้คงต้องเกิดเรื่องยุ่งยากเข้าแล้ว

การโจมตีของมุกเพลิงอัคคีทั้งสามเม็ดในเมื่อครู่ เหมือนจะเป็นการโจมตีที่มีอานุภาพร้ายแรงมากที่สุด ถ้ามันยังไม่สามารถทำให้มันตายได้ เกรงว่าจะมีวิธีการที่เขาจะสามารถใช้ได้ไม่มากแล้ว

หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญอยู่ในใจ แต่มือของเขาก็ได้หยุดนิ่ง ยังคงควบคุมจันทราสีเขียวให้ฟันสัตว์ประหลาดอย่างบ้าคลั่ง

แต่โซ่ปราบปีศาจเส้นนั้นกลับมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง มันกลายร่างเป็นอสรพิษสีเงินปกป้องร่างของสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรไว้อย่างแน่นหนา จนสามารถต้านทานการโจมตีของจันทราสีเขียวในแต่ละครั้งได้

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็มองดูโซ่คุ้มกันสีเงินสลับกับสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน หลังจากที่เขาคิดวกไปมาอย่างรวดเร็วก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา

“เฮ่อๆ! ที่แท้ถึงแม้เจ้าจะฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้ แต่ยังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอ ตอนนี้จึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้”

หลิ่วหมิงพลันตะโกนด้วยความดีใจ เขาทำท่ามือด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว จันทราสีเขียวส่งเสียงดังกังวานแล้วลอยขึ้นมาในทันที หลังจากที่มีอักขระสามชั้นปรากฏออกมา มันก็หมุนวนอยู่ในอากาศอย่างบ้าคลั่ง

แสงสีเขียวเย็นสะท้านเปล่งออกมาจากจันทราสีเขียว และขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรที่อยู่ด้านล่างเห็นเช่นนี้ ก็ปรากฏแววตาหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก หลังจากโซ่สีเงินส่งเสียงดังหวึ่งๆ หมุนล้อมรอบตัวมันแล้ว ตัวโซ่ก็ยืดยาวขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันแสงสีเงินที่เปล่งออกมาก็ยิ่งสว่างมากขึ้น

เสียงดัง “ซู่!”

ทันใดนั้นแมงป่อง กระดูกขาวก็กระโดดขึ้นมาจากพื้นดิน และกระโจนเข้าใส่สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรในทันที ตอนที่มันยังอยู่กลางอากาศก็ได้พ่นไอหมอกสีม่วงออกมาด้วย หางตะขอตรงหลังเคลื่อนไหวกลายเป็นเส้นสีดำสิบกว่าเส้นและพุ่งยิงออกไปอย่างบ้าคลั่ง

แต่ครู่ต่อมา โซ่สีเงินก็พลันกลายเป็นแสงสีเงินบังอยู่ด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็นไอหมอกสีม่วงหรือการโจมตีจากหางตะขอก็ถูกมันต้านทานเอาไว้ได้ จากนั้นเงาโซ่เส้นหนึ่งก็พุ่งโจมตีออกมาจากแสงสีเงินอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ มันหวดแมงป่องกระดูกขาวจนกระเด็นออกไป

แมงป่องกระดูกขาวหกคะเมนตีลังกาอยู่กลางอากาศไม่กี่ทีก็ร่วงลงพื้น หลังจากที่สะบัดหัวแล้วร่างของมันก็สั่นไหว และไม่อาจลุกขึ้นได้ในทันที

ไม่แปลกที่มันจะเป็นเช่นนี้!

ก่อนหน้านี้มันถูกสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรใช้เท้าเหยียบอย่างรุนแรง จากนั้นก็ลูกเปลวไฟโจมตีอีกรอบ การถูกโจมตีในครั้งย่อมทำให้มันบาดเจ็บได้ไม่น้อย

ในชั่วเวลานั้นเอง จันทราสีเขียวกลางอากาศก็มีขนาดเท่าล้อรถ มันเปล่งแสงเย็นสะท้านจนทำให้สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรที่อยู่ด้านล่างแสดงสีหน้าวิตกออกมา

ขณะนี้ ดวงตาของหลิ่วหมิงเปล่งประกายเล็กน้อย เขารีบเปลี่ยนท่ามือในทันที แสงสีฟ้าเป็นจุดๆ รวมตัวขึ้นตรงหน้าเขา จากนั้นไอเย็นสะท้านก็แผ่ออกมา แท่งวารีอันแวววาวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ตอนแรกมันมีขนาดยาวไม่ถึงฉื่อกว่าๆ แต่เพียงไม่กี่อึดใจก็มีขนาดยาวเจ็ดถึงแปดฉื่อ และยังขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ

ใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวของสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรได้เปลี่ยนไป มันคำรามเสียงในฉับพลัน จากนั้นมันขยับนิ้วทั้งสิบและค่อยๆ กำหมัดขึ้นมา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ค่อยๆ หรี่ตาลง และตะโกนเสียงต่ำออกไปอย่างไม่ลังเล พอเขาชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า จันทราสีเขียวก็หล่นลงมาด้วยเสียงอันดัง ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็กระแทกไปยังแท่งวารียักษ์ตรงหน้าในทันที

แสงเย็นสะท้านเปล่งประกายออกมาในทันที แท่งวารีขนาดยาวจั้งกว่าๆ พร่ามัวกลายเป็นแสงสีฟ้าแล้วพุ่งยิงออกไป

ในขณะเดียวกัน แมงป่องกระดูกขาวที่เดิมทีนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น ก็พลันใช้หางตะขอตีลงพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็กลายเป็นเงากระโจนเข้าใส่สัตว์ประหลาดครึ่งมังกร

สัตว์ประหลาดครึ่งมังกรเห็นฉากนี้กลับเผยสีหน้าดุร้ายออกมา หลังจากที่มันแผดเสียงแหลมยาวออกมาจนเส้นผมตั้งชัน หัวมังกรสีแดงขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของมัน

……………………………………….

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset